หลายคนอาจจะคุ้นกับชื่อ เมืองคิตะคิวชู (Kitakyushu) ที่อยู่ตอนบนสุดของจังหวัดฟุกุโอกะ(Fukuoka) ถ้าได้เดินทางมาจากเกาะฮอนชูโดยทางบกและทางทะเลจะต้องผ่านเมืองนี้แน่นอน
เพราะหลังจากข้ามช่องแคบคัมมง (Kammon Straits) เมืองคิตะคิวชูตั้งอยู่ทางด้านเหนือสุดของเกาะคิวชูเป็นเสมือนด่านแรกของเกาะนี้ เมื่อมาถึงจะรู้สึกถึงความคุ้นตากับบรรยากาศของที่นี่ เพราะภาพวิวทิวทัศน์ที่งดงามของเมืองนี้ โดยเฉพาะบริเวณท่าเรือและสถานีโมจิโกะ ที่มักจะถูกนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ อยู่บ่อยๆ นั่นเอง
ในครั้งนี้เราใช้เวลา 2 วัน สำหรับการเก็บเกี่ยวรอบเมือง และรวบรวม 10 สถานที่ที่น่าสนใจที่ต้องไปเช็คอินมาแนะนำกัน
- ร้านปิ้งย่างเทนซุย (Tensui)
- พิพิธภัณฑ์โตโต้ (TOTO Museum)
- พิพิธภัณฑ์มังงะคิตะคิวชู (Kitakyushu Manga Museum)
- พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติและมนุษย์แห่งคิตะคิวชู (Kitakyushu Museum of Natural History & Human History)
- ภูเขาซาระกุระ (Mount Sarakura)
- ร้านปลาปักเป้าเทงกะ (Tenka)
- ท่าเรือโมจิโกะ (Mojiko port)
- ร้านแกงกะหรี่อบโมจิโกะ (PRINCESS PHI PHI)
- ศาลเจ้าเมการิ (Mekari Shrine)
- คาเฟ่ซุยเก็ทสึ (Suigetsu Cafe)
1.ร้านปิ้งย่างเทนซุย (Tensui)
หากมาเยือนคิตะคิวชู ต้องแวะมาที่ร้านเทนซุย ปิ้งย่างร้านเด็ดที่ดำเนินกิจการมามากว่า 80 ปี อยู่ใกล้กับตลาดทังกะ (Tanga Market) ซึ่งเป็นตลาดเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 100 ปี และเป็นที่ตั้งของร้านค้ามากกว่า 100 ร้านค้า โดยร้านเทนซุยนี้ขอแนะนำเมนูเนื้อวัวย่างที่ใช้เนื้อของวัววากิวขนดำ พันธุ์โคกุระ (Kokura gyu) อายุ 18 เดือน เอกลักษณ์คือชิ้นเนื้อมีไขมันแทรกขึ้นลายหินอ่อน เมื่อทานเข้าไปแล้วชั้นไขมันนี่เองที่ทำให้นุ่มลิ้นไม่เหนียว แถมยังละลายในปาก นอกจากนี้ยังมีเนื้อวัวสไลซ์บางๆ ที่รับประทานคู่กับไข่แดงดิบยิ่งอร่อยมากๆ ห้ามพลาดเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีเนื้อหมูและเนื้อไก่อีกด้วย
เวลาทำการ: วันจันทร์-วันเสาร์ 11:30-14:30 น., 17:30-23:00 น. / วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 17:30-23:00 น. (ไม่มีอาหารกลางวันเปิด)
การเดินทาง: จากสถานี JR Kokura เดินประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์
2.พิพิธภัณฑ์โตโต้ (TOTO Museum)
พิพิธภัณฑ์โตโต้สร้างเมื่อปีค.ศ. 2015 เนื่องในโอกาสฉลองครบรอบ 100 ปีของการก่อตั้งบริษัท “โตโต้” มาจากชื่อเต็มว่า “โตโยโตกิ” ซึ่งแปลว่าเซรามิกแบบตะวันออก ภายในพิพิธภัณฑ์จะแบ่งออกเป็นโซนต่างๆ หนึ่งในนั้นคือโซนเครื่องครัว ซึ่งเป็นธุรกิจแรกเริ่มของบริษัทนี้ จากนั้นในปี ค.ศ.1912 เริ่มขยายธุรกิจด้านสุขภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ยอดนิยมที่สุดของบริษัทนี้ที่ทุกคนต้องนึกถึงคือ ฝารองนั่งอัตโนมัติ Washlet* ที่ปรับได้ทั้งอุณหภูมิของฝารองนั่งและระดับความแรงของน้ำ สามารถเดินชมวิวัฒนาการของโถสุขภัณฑ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีการจัดแสดง Toilet bike เป็นมอเตอร์ไซค์รักษ์โลกที่ใช้ไบโอแก๊ส เคยวิ่งจากโคคุระไปโตเกียวเป็นระยะ ทาง 1,400 กิโลเมตร เพื่อเป็นการโปรโมทเรื่องรักษ์โลก นอกจากนี้ยังมีโซนขายของที่ระลึก เช่น ช็อกโกแล็ตรูปทรงโถส้วม (เฉพาะต.ค. ถึง มี.ค.), สบู่ เป็นต้น
*Washlet เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ TOTO LTD.
เวลาทำการ: ทุกวัน 10:00-17:00 น. หยุดทุกวันจันทร์, เทศกาลโอบ้ง และปีใหม่
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าใช้จ่าย
การเดินทาง: จากสถานีโมโนเรล Kawaraguchi Mihagino ทางออก South เดินประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์
3. พิพิธภัณฑ์มังงะคิตะคิวชู (Kitakyushu Manga Museum)
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่บนชั้น 5 และ 6 ของอาคาร Aruaru City เป็นสถานที่จัดแสดงการ์ตูนมังงะ โดยเน้นการ์ตูนมังงะที่เขียนโดยนักเขียนการ์ตูนที่มีความเกี่ยวพันกับเมืองคิตะคิวชู เช่น มัตสึโมโตะ เรจิ (Leiji Matsumoto), วาตาเสะ เซโซ (Seizo Watase) พิพิธภัณฑ์จะมีการจัดแสดงแบบหมุนเวียนในบริเวณชั้น 5 และแบบถาวรในบริเวณชั้น 6 นอกจากการจัดแสดงงานแล้ว ยังมีหนังสือการ์ตูนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันให้อ่านตามใจชอบ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมต่างๆ เช่น ห้องเรียนเขียนมังงะ, ทอล์คโชว์จากศิลปินมังงะและผู้ทำอนิเมะ เป็นต้น
เวลาทำการ: 11:00-19:00 น. หยุดทุกวันอังคาร (เปิดหากวันอังคารเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ และหยุดวันพุธแทน)
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 480 เยน นักเรียนมัธยม 240 เยน นักเรียนประถม 120 เยน
การเดินทาง: จากสถานี JR Kokura เดินประมาณ 2 นาที
เว็บไซต์
4. พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติและมนุษย์แห่งคิตะคิวชู (Kitakyushu Museum of Natural History & Human History)
พิพิธภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นฝั่งตะวันตก มีการจัดแสดงการสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์โดยใช้สื่อผสม และโครงกระดูกไดโนเสาร์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก ทำให้มีความเหมือนจริงและน่าสนใจ อีกทั้งยังมีคอลเล็กชั่นสัตว์ในยุคโบราณที่หาชมได้ยาก แต่ละโซนจัดแสดงได้ดีทำให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เพลิดเพลินร่วมกัน นอกจากนี้บริเวณชั้น 2 ยังมีโซนจำลองที่อยู่อาศัย และการดำเนินชีวิตของชาวญี่ปุ่นในสมัยก่อน เช่น ยุคยาโยอิ ยุคเมจิ และยุคโชวะ
เวลาทำการ: 9:00-17:00 น. หยุดวันปีใหม่ และปลายเดือนมิถุนายนของทุกปี
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 600 เยน นักเรียน- นักศึกษา 360 เยน นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา และประถมศึกษา 240 เยน
การเดินทาง: จากสถานี Space-World เดินประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์
5. ภูเขาซาระกุระ (Mount Sarakura)
การขึ้นไปยังจุดชมวิวเราต้องนั่งเคเบิลคาร์ที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่นตะวันตกต่อด้วยสโลปคาร์ เพราะที่นี่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 622 เมตร ระหว่างขึ้นไปเราสามารถดื่มด่ำกับธรรมชาติที่แตกต่างตามฤดูกาล เมื่อขึ้นไปแล้วจะมองเห็นเมืองคิตะคิวชู เกาะโอกิโนะชิมะ สะพานคัมมง และ สะพานใหญ่วาคาโตะ หากขึ้นไปตอนเย็นสามารถชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม ท่ามกลางแสงไฟของเมืองและนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งวิวในยามราตรีที่นี่สวยติดสามอันดับแรกแห่งปีจากการโหวตครั้งล่าสุดของญี่ปุ่น
เวลาทำการ: เมษายน-ตุลาคม 10:00 – 22:00 น. / พฤศจิกายน-มีนาคม 10:00 – 20:00 น.
ค่าใช้จ่าย: Cable Car และ Slope Car ผู้ใหญ่ 1,230 เยน เด็ก 620 เยน (ราคาไป-กลับ)
การเดินทาง: จากสถานี JR Yahata มีรถ Shuttle Bus ฟรี สำหรับไป Sarakurayama Cable Car
เว็บไซต์
6.ร้านปลาปักเป้าเทงกะ (Tenka)
ในสมัยโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ มีคนที่เสียชีวิตจากพิษของปลาปักเป้าจึงมีคำสั่งห้ามคนญี่ปุ่นรับประทาน จนกระทั่งในปี ค.ศ.1888 อิโต ฮิโรฟุมิ นายกคนแรกของญี่ปุ่น ยกเลิกคำสั่งห้ามปลาปักเป้าเฉพาะใน จ.ยามากุจิ แต่ต้องมีการสอบใบอนุญาตอยู่เรื่อยๆ จึงทำให้ผู้คนจากที่อื่นหลั่งไหลมากินปลาปักเป้าที่นี่ จึงกลายเป็นจุดกำเนิดของวัฒนธรรมการกลับมาบริโภคปลาปักเป้าตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ทั้งนี้เขตโมจิโกะ เมืองคิตะคิวชู จ.ฟุกุโอกะ ที่อยู่ใกล้กันจึงรับวัฒนธรรมนั้นมาด้วย อาหารของร้านนี้มีทั้งแบบคอร์สและอะลาคาร์ท เป็นการเปิดประสบการณ์เปิบพิสดารที่ไม่ควรพลาด
เวลาทำการ: 11:30-14:00 น. และ 17:30-22:00 น.
การเดินทาง: จากสถานี JR Mojiko เดินประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์
7. ท่าเรือโมจิโกะ (Mojiko port)
ท่าเรือแห่งนี้เป็นจุดเชื่อมระหว่างเกาะฮอนชูมายังเกาะคิวชู เคยเป็นท่าเรือที่ติดต่อค้าขายกับนานาประเทศ ในปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจแห่งหนึ่งในโซนนี้ เพราะมีการอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างทางประวัติศาสตร์รอบๆท่าเรือ เช่น อดีตอาคารเรือพาณิชย์โอซาก้า (Former Osaka Shosen Building) อดีตศุลกากรโมจิ (Former Moji Zeikan) และสถานีรถไฟโมจิโกะ (Mojiko Station) เป็นต้น
สถานีรถไฟโมจิโกะ (Mojiko Station)
อาคารสไตล์นีโอเรเนซองส์ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1914 เป็นทรัพย์สมบัติสำคัญทางวัฒนธรรมแห่งชาติ มีการปิดปรับปรุงครั้งใหญ่นานถึง 6 ปี และได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งเมื่อปีค.ศ. 2018 เป็นประตูสู่สถานที่ท่องเที่ยวและอาคารทางประวัติศาสตร์ต่างๆ ของเมืองนี้
เวลาทำการ: ด้านนอก เปิดตลอด 24 ชม., ช่องขายตั๋ว: 7:30-19:00 น.
เว็บไซต์
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์รถไฟคิวชู (Kyushu Railway History Museum)
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้บริการตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 ภายในจัดแสดงประวัติของรถไฟคิวชู จุดเด่นที่น่าสนใจคือมีโซนจัดแสดง ขบวนรถไฟรุ่นเก่าที่เคยใช้งานจริงและรถไฟที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม อีกทั้งยังมีจุดที่ให้จำลองการขับเสมือนเป็นพนักงานขับรถไฟ และการขับรถไฟจิ๋วที่ผู้ใหญ่ก็สามารถเพลิดเพลินได้
เวลาทำการ: ทุกวัน 9:00-17:00 น. หยุดทุกวันพุธในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 150 เยน
การเดินทาง: จากสถานี JR Mojiko เดินประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์
อนุสาวรีย์โมจิโกะ (MOJIKO Monument)
อนุสาวรีย์ตัวอักษรแห่งนี้ตั้งอยู่ในสวนสาธารณะชินเซบาชิ (Chinzeibashi) เป็นจุดถ่ายรูปที่รำลึกถึงสำหรับการมาเยือนท่าเรือโมจิโกะ หากสังเกตดีๆ บริเวณพื้นใกล้เคียงจะมีหัวใจ KANMON HEARTสลักอยู่ด้วย
เวลาทำการ: เปิดตลอด 24 ชม.
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าใช้จ่าย
การเดินทาง: จากสถานี JR Mojiko เดินประมาณ 5 นาที
Google Map
จุดชมวิวโมจิโกะ (Mojiko Retro Observation Room)
จุดชมวิวแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ชั้น 31 ของคอนโดมิเนียมที่ออกแบบโดย Kurokawa Kisho สถาปนิกชั้นนำของญี่ปุ่น อาคารล้อมรอบไปด้วยกระจกจึงทำให้เห็นทัศนียภาพที่งดงามของเมืองท่าโมจิโกะ สะพานคัมมง และเมืองชิโมโนะเซกิที่อยู่ฝั่งตรงข้าม อีกทั้งยังมีกล้องโทรทัศน์และคาเฟ่ให้เพลิดเพลินอีกด้วย
เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงศุกร์ 10:00 – 22:00 น.
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 150 เยน
การเดินทาง: จากสถานี JR Mojiko เดินประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์
บานาน่าแมน (Banana man)
เนื่องจากบริเวณหน้าสถานีรถไฟโมจิโกะเคยเป็นลานประมูลกล้วยที่นำเข้าจากไต้หวันมาก่อน และในปีค.ศ. 2017 การประมูลกล้วยของท่าเรือโมจิโกะได้รับการรับรองว่าเป็นมรดกของญี่ปุ่นในฐานะหนึ่งในทรัพย์สินทางวัฒนธรรม จึงทำให้มีมาสคอต Banana man ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือ อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์จากกล้วยวางจำหน่ายไว้ด้วย
เวลาทำการ: เปิดตลอด 24 ชม.
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าใช้จ่าย
การเดินทาง: จากสถานี JR Mojiko เดินประมาณ 5 นาที
Google Map
8. ร้านแกงกะหรี่อบโมจิโกะ (PRINCESS PHI PHI)
แกงกะหรี่อบ หรือ Yakikare เริ่มขึ้นที่เมืองนี้ เนื่องจากเป็นท่าเรือที่มีการติดต่อค้าขายระหว่างประเทศ ร้านอาหารแถวนี้จึงได้รับอิทธิพลจากชาวตะวันตก โดยนำแกงกะหรี่ใส่หม้อดินแล้วเข้าเตาอบเหมือนวิธีการทำกราแตง ร้าน Princess Phi Phi มีจุดเริ่มต้นไอเดียจากความประทับใจที่เชฟมาเที่ยวเกาะพีพีเมื่อ 22 ปีก่อน หากใครได้ผ่านมาสัมผัสหาดสวยของพีพี ก็จะดูเหมือนเป็นเจ้าชายเจ้าหญิง เชฟจึงนำไอเดียนี้มาตั้งเป็นชื่อร้าน และนำเครื่องแกงแดงของไทยกลับมาประยุกต์ใช้ที่ร้าน ทำให้มีสีสันและรสชาติต่างจากร้านอื่นๆ อีกกว่า 20 ร้านในเมืองนี้ ถึงแม้จะต้องรอคิวสักหน่อย แต่ก็คุ้มค่าที่จะมาลองเมื่อมาเยือน
เวลาทำการ: 11:00-15:00 น. และ 18:00-22:00 น. หยุดทุกวันอังคาร
การเดินทาง: จากสถานี JR Mojiko เดินประมาณ 2 นาที
เว็บไซต์
9. ศาลเจ้าเมการิ (Mekari Shrine)
ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่เหนือสุดของเกาะคิวชู บริเวณช่องแคบคัมมง เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าแห่งการเดินทาง สมัยโบราณชาวประมงจะขอพรก่อนออกเดินเรือ ขณะสัญจรไปมาในช่องแคบคัมมง ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าเบนิอิชินาริ (Beniishinari) ในจังหวัดยามากุจิ ที่ส่งพลังให้แก่กัน นอกจากนี้ยังมีพิธีเก็บสาหร่ายเพื่อบูชาเทพเจ้า ที่มีมายาวนานกว่า 1,800 ปี จุดเด่นของศาลเจ้านี้คือการใช้เบ็ดตกเซียมซีซึ่งเป็นรูปปลาปักเป้า
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าใช้จ่าย
การเดินทาง: จากสถานี Kanmonkaikyo Mekari (รถไฟสาย Retro Line “Shiokaze-go”) เดินประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์
10. คาเฟ่ซุยเก็ทสึ (Suigetsu Cafe)
คาเฟ่ลับแห่งนี้ไม่เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวมากนัก เนื่องจากตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งถนนค่อนข้างแคบและชัน จึงสามารถเดินทางได้เพียงรถยนต์ส่วนตัวหรือรถแท็กซี่เท่านั้น ที่นี่เป็นคาเฟ่เล็กๆแต่มีจุดเด่นที่วิวพาโนราม่าเห็นเมืองและทะเลอย่างสวยงาม นอกจากกาแฟและของว่างที่มีให้เลือกหลากหลายแล้ว ยังมีเมนูอาหารเช่น สปาเก็ตตี้ แฮมเบิร์ก ให้บริการอีกด้วย ภายในคาเฟ่ตกแต่งไปด้วยอาร์ตเวิร์คเส้นด้าย งานฝีมือที่เจ้าของร้านทำเป็นงานอดิเรก
เวลาทำการ: วันอาทิตย์-พุธ-พฤหัสบดี 11:30-20:00 น. วันศุกร์-เสาร์ 11:30-21:00 น. หยุดทุกวันจันทร์-อังคาร
การเดินทาง: จากสถานี JR Mojiko นั่งรถแท็กซี่ประมาณ 5 นาที
อ่านรีวิวเที่ยวฟุกุโอกะในแบบที่คุณก็ไม่รู้จัก >> UNSEEN FUKUOKA
เราประทับใจมากกับที่สถานที่ต่างๆที่ในไปเยือนในครั้งนี้ ทุกแห่งคำนึงถึงสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานและนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี เพราะเตรียมมาตรการป้องกันการติดเชื้อหลากหลายรูปแบบจุดตรวจสุขภาพ ทั้งจุดตรวจวัดอุณหภูมิ ขอความร่วมมือให้ สวมหน้ากาก และทำตามมารยาทในการไอ เป็นต้น