Chugoku: เที่ยว Hiroshima 3 วัน ในมุมที่กว้างขึ้น มาจากโอซาก้า และ ฟุกุโอกะ ได้ง่าย

ฮิโรชิมะ ถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดของญี่ปุ่น ที่ไม่ว่าจะมาเที่ยวสักกี่ครั้ง ทางทีมงานเที่ยวญี่ปุ่นดอทคอมก็ยังคงรู้สึกประทับใจ ด้วยชื่อเสียงของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ และมนต์เสน่ห์ด้านอารยธรรมมากมาย และในครั้งนี้เราได้รู้จักฮิโรชิมะในมุมที่กว้างขึ้น ได้ท่องเที่ยวไปในมุมที่ต่างออกไป ที่จะเปลี่ยนภาพจำของฮิโรชิมะของใครหลายคนได้เลยละครับ

ฮิโรชิมะ (Hiroshima) เป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดใน ภูมิภาคจูโกขุ (Chugoku) การเดินทางไปนั้น นอกจากจะใช้สายการบินภายในประเทศแล้ว ยังสามารถใช้รถไฟชินคังเซ็น โดยตั้งต้นจากสถานีรถไฟในตัวเมืองหลักอย่าง โอซาก้า หรือ ฟุกุโอกะ ได้อีกด้วย

การเดินทางสู่ตัวเมืองฮิโรชิมะ ที่สถานี Hiroshima:

  • จากสถานี Tokyo ขึ้นชินคันเซ็นใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง
  • จากสถานี Shin-Osaka ขึ้นชินคันเซ็นใช้เวลาประมาณ ประมาณ 1 ชั่วโมง 25 นาที
  • จากสถานี Hakata ขึ้นชินคันเซ็นใช้เวลาประมาณ ประมาณ 1 ชั่วโมง

เนื่องจากเป็นจังหวัดใหญ่ การมาเที่ยวแบบวันเดียว ไปเช้าเย็นกลับ คงทำได้แค่เฉพาะจุดที่เป็นไฮไลท์เท่านั้น ในครั้งนี้เราจึงจัดทริปแบบ 3 วัน 2 คืน ให้ครอบคลุมสถานที่ต่างๆที่คัดเลือกมาแล้วว่า ถ้าใครได้ไปตามรอยเส้นทางนี้ จะต้องประทับใจไม่ต่างกันแน่นอน

  • วันที่ 1: ช่วงเช้า เมืองโอโนมิจิ / ช่วงบ่าย เกาะโอคุโนะชิมะ
  • วันที่ 2: ช่วงเช้า เมืองทาเคฮาระ / ช่วงบ่าย ตัวเมืองฮิโรชิมะ
  • วันที่ 3: ช่วงเช้า สะพานคินไตเคียว / ช่วงบ่าย เกาะมิยาจิมะ

อ่านรีวิวตอนแรกได้ที่นี่ >> Chugoku: เที่ยว Okayama เมืองโบราณ ปราสาทงาม มาจากโอซาก้าไม่ถึงชั่วโมง

เลือกอ่านรีวิวของแต่ละโซนได้ที่ชื่อเมืองด้านล่างนี้

  • เมืองโอโนมิจิ (Onomichi) มีเขตชุมชนบางส่วนตั้งอยู่ตามไหล่เขา ทำให้เกิดเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม และมีเอกลักษณ์ โดยจุดหมายของเราคือ วัดเซนโคจิ (Senkoji Temple) วัดบนเนินเขาขนาดเล็กที่สามารถเดินเท้าขึ้นมาสักการะได้ ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางแสวงบุญที่สำคัญของภูมิภาคจูโกขุ

    วิหารวัดนั้นตั้งอยู่เบนเนินเขาเซนโคจิเลย ซึ่งนอกจากวิธีเดินเท้าแล้ว เรายังสามารถใช้บริการกระเช้าโรปเวย์ขึ้นมาได้ด้วยซึ่งขอแนะนำให้ใช้โรปเวย์ตอนขาขึ้น จะได้ประหยัดเวลาและไม่เหนื่อยมาก แล้วค่อยใช้วิธีเดินเท้าตอนขาลง เพื่อเก็บบรรยากาศให้ครบ จะดีที่สุดครับ (ระหว่างทางมีน้องแมว อาศัยอยู่เยอะแยะด้วยนะครับ ใครชอบแมวห้ามพลาดเลย)

    • การเดินทาง: จากสถานี JR Onomichi แล้วเดินต่อประมาณ 15 นาที พิกัด
    • เวลา: 9.00 – 17.15 น.
    • ค่า้จ่าย: ค่าขึ้นกระเช้าไปกลับ 500 เยน
    • เว็บไซต์


  • โอคุโนะชิมะ (Okunoshima) หรือที่รู้จักกันในชื่อ เกาะกระต่าย ที่ตอนนี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ การเดินทางจะต้องขึ้นเรือเฟอร์รี่ ใช้เวลาข้ามฟากเพียง 15 นาทีเท่านั้น

    เมื่อมาถึงแล้ว เราก็จะได้พบเจอกับฝูงกระต่ายที่เยอะมากๆ ตั้งแต่บริเวณท่าเรือเลยครับ และนับจากจุดลงเรือ ไม่ว่าจะเดินไปตรงไหนของเกาะ เราก็จะได้พบกับน้องกระต่ายในทุกจุดจริงๆ ส่วนใครที่อยากสัมผัสกับน้องกระต่ายแบบใกล้ชิดมากขึ้น แนะนำให้ซื้ออาหารเม็ด จากท่าเรือฝั่งขาขึ้นติดมือมาด้วย กองทัพน้องกระต่ายทั้งมวล จะพร้อมใจกันเข้ามารุมล้อมขออาหารจากเรา ด้วยท่าทางที่น่ารักมากๆ

    • การเดินทาง: จากสถานี JR Shin Osaka นั่งรถไฟชินคันเซน ลงสถานี Mihara ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง แล้วเปลี่ยนเป็น JR สาย Kure ลงสถานี  Tadano – Umi เดินต่อไปที่ท่าเรือซื้อตั๋วประมาณ 5 นาที พิกัด
    • จากสถานี JR Hirsoshima นั่งรถไฟชินคันเซ็น ลงสถานี Mihara ประมาณ 20 นาทีแล้วเปลี่ยนเป็น JR สาย Kure ลงสถานี  Tadano – Umi เดินต่อไปที่ท่าเรือซื้อตั๋วประมาณ 5 นาที
    • ค่าใช้จ่าย: ค่าเรือข้ามเกาะ 310 เยน
    • เว็บไซต์

    สำหรับสิ่งปลูกสร้างต่างๆบนเกาะ ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารเก่าของหน่วยวิจัยเกี่ยวกับอาวุธชีวภาพ สำหรับกองทัพญี่ปุ่นที่ถูกยกเลิกไปทั้งหมดแล้วตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้ถูกทิ้งร้างมาจนถึงปัจจุบันนั่นเอง ใครที่สนใจข้อมูลทางประวัติศาสตร์ ก็สามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมที่พิพิธภัณฑ์บนเกาะ โดยแต่ละสถานที่นั้นสามารถเดินเท้าเชื่อมถึงกันได้ (หรือจะเช่าจักรยานก็มีให้บริการครับ)



    โรงแรม ฮอลิเดย์ วิลเลจ โอคุโนะชิมะ (Holiday Village Okunoshima)

    เพื่อให้สามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศ และอยู่เล่นกับน้องกระต่ายได้อย่างเต็มที่ ขอแนะนำให้ค้างคืนที่ โรงแรม ฮอลิเดย์ วิลเลจ โอคุโนะชิมะ โดยโรงแรมนี้ แม้จะเป็นที่พักเพียงแห่งเดียวบนเกาะ แต่ก็มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบถ้วนตามมาตรฐานโรงแรมญี่ปุ่นทั่วไป ส่วนห้องพักที่มีห้องน้ำในตัวนั้นมีจำนวนไม่มากจะต้องจองล่วงหน้า แต่ทั้งนี้ห้องพักแบบอื่นสามารถใช้ที่อาบน้ำรวมจากบ่ออนเซ็นของทางโรงแรมได้ครับ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม >> เว็บไซต์

    ภายในโรงแรม มีห้องอาหาร, คาเฟ่ และร้านขายของที่ระลึกเปิดให้บริการด้วย แถมข้อดีอีกอย่าง ก็คือ แถวบริเวณหน้าโรงแรมนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่มีน้องกระต่ายเยอะมากด้วย

  • ย่านเมืองเก่าทาเคฮาระ (Takehara) เป็นเขตชุมชนที่ปัจุบันยังคงมีชาวบ้านอาศัยอยู่ต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ดั้งเดิม โดยได้รับการขนานนามว่าเป็น “ลิตเติ้ลเกียวโต”  บ้านเรือนสไตล์ญี่ปุ่นโบราณของที่นี่นั้นยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ภายในเป็นที่ตั้งของ วัดไซโฮจิ (Saihoji) ที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านในทาเคฮาระมาตั้งแต่อดีต และเราสามารถขึ้นไปชมวิวเมืองในมุมสูงได้จากที่ตั้งของวัด

    ของฝากขึ้นชื่อของย่านทาเคฮาระ ได้แก่ เหล่าสินค้าที่ทำจากไม้ไผ่ ซึ่งสามารถพบได้ตามร้านค้า ตลอดสองข้างทาง และเพื่อเติมเต็มความรู้สึกของการเดินชมย่านการค้าย้อนยุคให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ขอแนะนำให้ลองเช่าชุดกิโมโนแบบดั้งเดิมแท้ๆ มาใส่เดินถ่ายรูป ก็จะได้บรรรยากาศมากๆเลยครับ

  • อาคารโอะริซึรุ (Orizuru Tower) อาคารแห่งนี้เป็นที่ตั้งของ จุดชมวิวโดมปรมาณูแห่งใหม่ ภายในมีมุมกิจกรรมพับนกกระเรียนกระดาษ สัญลักษณ์แห่งการอยู่ร่วมกันโดยสันติของเมืองฮิโรชิมะ โดยเมื่อเราพับเสร็จแล้ว ให้นำไปหย่อนใส่ฝาผนังนกกระเรียนกระดาษที่อาคารโอะริซึรุจัดไว้ เพื่อร่วมกันส่งต่อแรงปรารถนาในการสร้างสันติภาพร่วมกันในโลกใบนี้ และยังเป็นความทรงจำครั้งหนึ่ง ที่เราได้มารำลึกถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากสงครามกัน ณ เมืองฮิโรชิมะแห่งนี้ อีกด้วย

    • การเดินทาง: จากสถานี Hiroshima โดยสารรถราง ลงสถานี Kamiyacho-nishi และเดินต่อประมาณ 3 นาที พิกัด
    • เวลา: 10.00 – 19.00 น.
    • ค่าเข้า: 1,700 เยน
    • เว็บไซต์


    โดมปรมาณู (Atomic Bomb Dome) อาคารทรงตะวันตกหลังนี้ ถูกใช้เป็นที่ทำการของหน่วยงานรัฐบาลในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับความเสียหายอย่างหนักจากระเบิดปรมาณู ซึ่งต่อมา ซากอาคารที่เหลืออยู่ ได้รับการเก็บรักษาให้คงสภาพไว้ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโกในเวลาต่อมา โดยที่เรียกกันว่า “โดมปรมาณู” ก็เพราะด้านบนมีโครงเหล็กที่รูปร่างนั้น คล้ายกับโดม ประดับอยู่นั่นเองครับ

    อย่างที่ทุกคนทราบกันดี ถึงเรื่องราวของโศกนาฏกรรม จากภัยพิบัติของระเบิดปรมาณู ที่เมืองฮิโรชิมะ ต้องเผชิญ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 “โดมปรมาณู” หลังนี้ จึงเป็นเสมือนอนุสรณ์เตือนใจมนุษย์ถึงความน่ากลัวของอาวุธนิวเคลียร์ และยังเป็นตัวแทนแห่งการเรียกร้องให้เกิดสันติภาพที่ยั่งยืนต่อไปนั่นเองครับ

    • การเดินทาง: จาก JR Hiroshima เปลี่ยนมาใช้รถรางจากสถานี Hiroshimaeki ไปลงสถานี Kamiyacho-nishi และเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที พิกัด
    • เว็บไซต์


    สวนสันติภาพ (Peace Memorial Park)

    ไม่ไกลจาก โดมปรมาณู เราจะพบกับ สวนสันติภาพ ที่สร้างขึ้น ณ จุดศูนย์กลางของระเบิดปรมาณู เพื่อรำลึกถึง เหตุการณ์ที่เมืองฮิโรชิมะ ถูกทำลายลงอย่างราบคาบ ด้วยแสนยานุภาพของอาวุธนิวเคลียร์ ในช่วงปลายของสงครามโลกครั้งที่ 2 ตลอดจน บรรดาเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากโศกนาฏกรรมในครั้งนั้นด้วยครับ

    ในพื้นที่อันกว้างขวางของ สวนสันติภาพ ยังประกอบไปด้วย อนุสรณ์และสถานที่สำคัญอีกเป็นจำนวนมาก ที่ต่างก็ มีเป้าหมายเพื่อรำลึกถึงความรุนแรงของเหตุการณ์ในครั้งนั้น จากหลากหลายแง่มุม เช่น Cenotaph for the A-Bomb Victims อนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิต, Children’s Peace Monument อนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่เด็ก ๆ ที่เสียชีวิต และ Peace Bell ระฆังสันติภาพ ที่ให้ผู้มาเยือน ตีระฆัง เพื่อแสดงจุดยืนว่าต้องการสันติภาพอย่างแท้จริง เป็นต้น

    • การเดินทาง: จากสถานี Hiroshima โดยสารรถราง ลงสถานี Kamiyacho-nishi และเดินต่อประมาณ 15 นาที พิกัด
    • เว็บไซต์


    ปราสาทฮิโรชิมะ (Hiroshima Castle) ในปัจจุบันนั้น เป็นปราสาทที่ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ หลังจากถูกทำลายลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยการใช้คอนกรีตเสริมเหล็กเป็นโครงสร้างหลัก มีจุดเด่นอยู่ที่ การบุแผ่นไม้เอาไว้ตรงกำแพงด้านนอก แทนการทาสี ซึ่งแตกต่างจากปราสาทส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น และทำให้มีลวดลายสวยงามมากเป็นพิเศษ ภายในมี 5 ชั้น เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อจัดแสดงข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของปราสาทฮิโรชิมะ และตระกูลโมริ ผู้สร้างปราสาท ส่วนชั้นบนสุดนั้นยังเป็นจุดชมวิวเมืองฮิโรชิมะอีกด้วย

    • การเดินทาง: จากสถานี Hiroshima โดยสารรถราง ลงสถานี Kamiyacho-nishi และเดินต่อประมาณ 10 นาที พิกัด
    • เวลา: 9.00 -18.00
    • เว็บไซต์


    โอโคโนมิมุระ (Okonomimura) สถานที่ที่เหมาะกับการมาทานโอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki)  หรือ ที่คนไทยนิยมเรียกกันว่า “พิซซ่าญี่ปุ่น” อาหารยอดนิยมประจำเมืองฮิโรชิมะ โดยสูตรต้นตำหรับของที่นี่ จะใส่เส้นโซบะ หรืออุด้ง เข้าไปด้วย ภายในอาคารรวบรวมร้านโอโคโนมิยากิเจ้าอร่อยไว้กว่า 20 ร้าน ที่ถือว่าต้องห้ามพลาดเด็ดขาดเลยครับ

    • การเดินทาง: จากสถานี Hiroshima โดยสารรถราง ลงสถานี Hatchobori และเดินต่อ 5 นาที พิกัด
    • เว็บไซต์

  • สะพานคินไตเคียว (Kintaikyo) แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะไม่ได้อยู่ในเขตจังหวัดฮิโรชิมะ แต่ก็สามารถเดินทางไป-กลับได้อย่างสะดวกโดยสะพานแห่งนี้เป็นสะพานไม้โบราณที่สวยติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่ เมืองอิวะคุนิ (Iwakuni) ในจังหวัดยะมะงุจิ (Yamaguchi)

    ความโค้งของสะพานที่เห็น แบ่งออกเป็น 5 ช่วง ส่วนการก่อสร้างนั้นใช้เทคนิคพิเศษ อย่างการประกอบไม้ ขัดประสานกัน เพื่อให้เกิดความแข็งแรงได้อย่างน่าทึ่ง โดยใครที่อยากเห็นความสวยงามของเทคนิคนี้ ก็สามารถเดินชมได้จากมุมใต้สะพานเลยครับ ซึ่งขอแนะนำว่าในฤดูใบไม้ผลิ ช่วงที่ซากุระบาน ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการมาเที่ยวชมที่นี่

    • การเดินทาง: จากสถานี Hiroshima โดยสารรถไฟลงสถานี Iwakuni จากนั้นต่อรถบัสลงที่ป้าย Kintaikyo ใช้เวลาประมาณ 20 นาที พิกัด
    • ค่าใช้จ่าย: ค่าข้ามสะพาน 300 เยน
    • เว็บไซต์



    เกาะมิยะจิมะ (Miyajima) เป็นเกาะศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาชินโต ที่มีความสำคัญเชิงพิธีกรรมเป็นอย่างมากในอดีต ปัจจุบันมีพื้นที่ส่วนหนึ่ง ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก และยังเป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวฮิโรชิมะ ไม่ว่าจะเป็น ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine), โทริอิยักษ์ (Otorii) หรือพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมิยะจิมะ (Miyajima Public Aquarium) อีกด้วย

    ภายในเกาะมิยะจิมะ จะได้พบเจอกับฝูงกวางจำนวนมากเดินเล่นกันอย่างอิสระปะปนไปกับนักท่องเที่ยวด้วย โดยเราสามารถหาซื้อขนมเซ็มเบมาเลี้ยงน้องกวางได้

    • การเดินทาง: จากสถานี Hiroshima โดยสารรถไฟลงสถานี Miyajimaguchi และเดินไปที่ท่าเรือประมาณ 3 นาที พิกัด
    • ค่าใช้จ่าย: ค่าเรือข้ามเกาะ 180 เยนต่อเที่ยว
    • เว็บไซต์

    ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ (Itsukushima Shrine) ถือเป็นอีกหนึ่งปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ที่สามารถดึงดูดผู้คนให้มาเยือนฮิโรชิมะได้จากทั่วทุกมุมโลก ตัวศาลเจ้านั้นมีเอกลักษณ์คือถูกสร้างขึ้นด้วยการปักเสายกพื้นสูงในบริเวณอ่าวเล็กๆบนชายหาดที่น้ำท่วมถึง ดังนั้นช่วงเวลาที่น้ำขึ้นสูงสุดจึงทำให้มองดูราวกับว่าศาลเจ้าอิตสึคุชิมะกำลังลอยอยู่บนทะเล ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามตรึงใจคนทั้งโลก

    ในด้านความสำคัญ ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ของศาสนาชินโต ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลก และรัฐบาลญี่ปุ่นยังได้ยกฐานะอาคารต่าง ๆ ในศาลเจ้าให้เป็นสมบัติประจำชาติญี่ปุ่น (National Treasure) อีกด้วยครับ

    • การเดินทาง: จากท่าเรือเกาะ Miyajima เดินไปประมาณ 15 นาที พิกัด
    • เวลา: 6.30 – 17.30 น.
    • ค่าเข้า: 300 เยน
    • เว็บไซต์

    โทริอิยักษ์ (Otorii)

    ภาพโทริอิยักษ์ลอยน้ำแห่งเกาะมิยะจิมะ กลายเป็นโลโก้สำหรับโปรโมทการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น ที่โด่งดังในระดับโลกไปแล้ว ด้วยส่วนผสมระหว่าง ความงดงามของ ความเชื่อ, ธรรมชาติ, สถาปัตยกรรม และวิถีชีวิตของผู้คน  ซึ่งสะท้อนออกมาเป็นความยิ่งใหญ่ของแลนมาร์กแห่งนี้ได้อย่างลงตัว

    โอโทริอิ คือ ประตูทางเข้า (หรือ โทริอิ) ของศาลเจ้าในศาสนาชินโต ที่มีขนาดใหญ่กว่าโทริอิทั่วไป โดย โอโทริอิ ต้นนี้ ตั้งอยู่ไม่ไกลจาก ศาลเจ้าอิตสึคุชิมะ (Itsukushima) มีความพิเศษคือ ในช่วงที่น้ำขึ้น เราจะเห็นเหมือน โอโทริอิ กำลังลอยน้ำอยู่ และในช่วงน้ำลง นักท่องเที่ยวก็ยังสามารถเดินไปสัมผัสกับตัวเสาเพื่อขอพร และถ่ายภาพโอโทริอิ ได้อย่างใกล้ชิด

    ช่วงเวลาที่เหมาะสม: สำหรับการถ่ายภาพ ควรเป็นช่วงเย็น ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งเวลาที่แน่นอนจะไม่ตรงกันในแต่ละฤดูกาล


    พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำมิยะจิมะ (Miyajima Public Aquarium) เป็นอควาเรียมขนาดกลาง ที่เน้นจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ซึ่งมีถิ่นอาศัยอยู่รอบเกาะมิยะจิมะ และทะเลเซโตะเป็นหลัก โดยมีไฮไลท์ ได้แก่ หอยนางรม สัตว์เศรษฐกิจ และวัตถุดิบขึ้นชื่อของมิยะจิมะ ที่จัดแสดงในลักษณะการทำฟาร์มเลี้ยง และ โลมาหัวบาตรหลังเรียบ (Finless Porpoise) ซึ่งเป็นโลมาขนาดเล็ก ที่หาชมได้ยากจากที่อื่น

    • การเดินทาง: จากท่าเรือเกาะ Miyajima เดินไปประมาณ 20 นาที พิกัด
    • เวลา: 9.00 – 17.00
    • ค่าเข้า: 1,400 เยน
    • เว็บไซต์

    ส่วนอาหารการกินขอแนะนำเมนูขึ้นชื่ออย่างหอยนางรม ที่ไม่ว่าจะนำมาทำเป็นเมนูอะไรก็อร่อยทั้งนั้น โดยร้านอาหารที่ขายหอยนางรมนั้น สามารถพบเห็นได้ทั่วไป ตลอดเส้นถนนคนเดินเลยครับ

  • ย้อนกลับขึ้นไปเลือกชื่อเมืองเพื่ออ่านรีวิวเพิ่มเติม

    สำหรับทริปนี้ขอขอบคุณ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) ที่ให้โอกาส เที่ยวญี่ปุ่นดอทคอม พาเราไปเปิดประสบการ์ณสุดพิเศษในครั้งนี้ เพื่อนำข้อมูลมาเผยแพร่ให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยได้ไปท่องเที่ยวภูมิภาคจูโกขุกันครับ

    ChugokuFeaturedHiroshimaItsukushimaJNTOMiyajimaOkunoshimaOnomichiTakeharaVisit Japanจูโกขุทาเคฮาระมิยาจิมะฮิโรชิมะเที่ยวญี่ปุ่น