และแล้วก็เดินทางมาถึงรีวิวท้ายสุดของทริปนี้ เราเดินทางต่อขึ้นมาทางเหนือของจังหวัดอิบารากิที่เมือง ฮิตาจิโอตะ (Hitachiota) เมืองที่มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามอย่าง สะพานแขวนริวจิน และ ครั้งนี้จะพาไปลองประสบการ์ณพายเรือแคนู และ เก็บบลูเบอร์รี่สดๆทานกันที่เมือง ฮิตาจิ (Hitachi) ด้วย
อ่าน >> รีวิว ครั้งก่อนที่พาไปเที่ยวสะพานแขวนริวจิน ที่เมืองฮิตาจิโอตะ และ น้ำตกฟุคุโรดะ ที่ต.ไดโกะ
เราเริ่มต้นวันที่โรงแรม The Satoyama Hotel ที่มีบริการที่พัก แคมปิ้ง และห้องอาหารอิตาเลียน ที่รสชาตดีเยี่ยม ไม่น่าเขื่อว่าจะตั้งหลบอยู่บนขุนเขาท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้ได้ และยังมีกิจกรรมให้ร่วมสนุกอีกมากมาย ดูรายละเอียดได้ทาง >> เว็บไซต์
หมายเหตุ: เป็นที่น่าเสียดาย ทางโรงแรมได้ประกาศปิดตัวลงในวันที่ 31 สิงหาคม 2018 ทางเราก็ได้แต่หวังเพียงว่า ในอนาคตขอให้โรงแรมและห้องอาหารแห่งนี้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง
ห้องพักแบบครอบครัว
มื้ออาหารเที่ยงที่ใช้วัตถุดิบในครัวเรือน พิถีพิถันในการปรุงรส
ต้องบอกว่าอาหารทุกจานรสชาตยอดเยี่ยมมากจริงๆครับ
ขนมหวานก็อร่อยมาก แถมยังมีหน้าตาสวยงาม
และไฮไลท์สำหรับวันนี้ ร่วมกิจกรรมกลางแจ้งกับ Ryujinkai Outdoor Field 竜神峡アウトドアフィールド ซึ่งกิจกรรมที่เราเลือกคือ พายเรือแคนู ล่องไปตามเขื่อนริวจิน ขนาบด้วยหุบเขาริวจิน ที่ต้องบอกว่า รู้สึกสนุกมากกว่าที่คิดไว้ ท่ามกลางอากาศร้อน แต่ได้มาพายแคนูที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติแสนบริสุทธิ์ อากาศกลับเย็นสบาย นี่มันรู้สึกดีมากจริงๆ ต้องลองเล่นดูครับ
ค่าใช้จ่าย ผู้ใหญ่ 6,400 เยน เด็กมัธยมต้นลงไป 5,400 เยน
มี 2 รอบคือ 9.30 น. และ 13.00 น. (ระยะเวลา 90 นาที)
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมทาง >> เว็บไซต์
วิวของ สะพานแขวนริวจิน (Ryujin Big Suspension Bridge) มองจากด้านล่าง
หลังจากใช้แรงกันไปเต็มที่แล้ว แวะพักเหนื่อยกันที่ Ryujin Cafe ได้
บริเวณชั้นลอยสามารถขึ้นไปนั่งเล่นชิงช้า สูดอากาศบริสุทธิ์ และชมวิวสะพานแขวนริวจินได้
และใกล้กันยังมีสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง น้ำตกฟุคุโรดะ อีกด้วย อ่านรีวิวได้ >> ที่นี่
บรรยากาศเขียวๆสดชื่นระหว่างทาง เนื่องจากทริปนี้เป็นทริปเช่ารถขับเที่ยว พวกเราจึงอิสระมาก แวะจอดตรงไหนก็ได้
มาช่วงต้นฤดูร้อนแบบนี้ ต้องมาเก็บบลูเบอร์รี่ทานกันสดๆที่ Yume-Hitachi Farm Nakasato 夢ひたちファームなか里
นอกจากนี้คุณป้าเจ้าของฟาร์ม ยังเปิดโฮมสเตย์ชื่อเดียวกันว่า Nakasato なか里 ใกล้ๆกับฟาร์มอีกด้วย
โปรแกรมปิดท้ายของวันนี้คือมาเดินที่ย่านการค้าโบราณ Kujiragaoka Shotenkai 鯨ヶ丘商店会 ย้อนยุคกลับไปสู่สมัยเอโดะ ในอดีตเมืองแห่งนี้มีปราสาทตั้งอยู่บนเนินเขาคุจิระ (คุจิระ แปลว่า ปลาวาฬ) ปัจจุบันตัวปราสาทไม่มีแล้วเหลือเพียงซากคงอยู่ แต่อาคารบ้านเรือนยังคงถูกอนุรักษ์เอาไว้ได้อย่างงดงาม และชาวบ้านก็ยังคงอาศัยอยู่สืยถอดต่อกันมาหลายยุคหลายสมัย
การเดินทาง จากสถานี Mito โดยสารรถไฟ JR สาย Suigun ลงสถานี Hitachi-Ota ใช้เวลา 35 นาที
อาคารโบราณหลังนี้จำหน่ายโชยุมาตั้งแต่สมัยโบราณ ด้านหน้าเป็นร้านค้า ด้านหลังเป็นบ้านอยู่อาศัยที่มีโครงสร้างน่าสนใจ และมีร่องรอยของดาบที่ฟาดฟันในอดีต และความน่ารักของคุณป้าเจ้าบ้านหลังนี้คือ คุณป้าจะร้อยสายห้อยลายพวงมาลัย จำหน่ายในร้านและนำเงินไปช่วยเหลือมูลนิธิในประเทศไทย เป็นความผูกพันทางใจที่คุณป้ามีต่อเมืองไทย น่ารักมากๆครับ
เดินเที่ยวตาม Walking map
ขนมปลาวาฬ Kujirayaki ที่ร้าน Kujiraya くじら屋
เวลาทำการ 10.00-16.00 น. / เว็บไซต์
มีร้านขายนาฬิกาตั้งป้ายด้านหน้าร้านว่า มีนาฬิกาโบราณที่ยังคงเดินได้มา 118 ปีแล้ว สามารถเข้าไปชมด้านในร้านได้ฟรี
สามารถเช่าชุดยูกาตะเดินเล่นเพิ่มอรรถรสได้อีกด้วย
สถานที่แห่งนี้ได้ถูกใช้เป้นโลเคชั่นถ่ายทำหนังและละครอยู่หลายครั้ง และร้านอาหารแห่งนี้ก็เช่นกัน
บรรยากาศในช่วงเย็น เงียบสงบ หลายร้านเริ่มทยอยปิด แต่ก็มีบาร์และร้านอาหารที่เตรียมเปิดรอบดึกด้วย
ถ้าใครได้มีโอกาสเดินทางไปตลอดเดือนมีนาคม ตามหน้าบ้านและร้านค้าจะมีจัดงานเทศกาลตุ๊กตาฮินะ (Hina Doll Festival) ให้ได้ชมกันอีกด้วย (เครดิตภาพจาก Ibaraki Guide)
สำหรับทริปอิบารากิในครั้งนี้จบลงแต่เพียงเท่านี้ แต่จริงๆแล้วอิบารากิยังมีที่เที่ยวอยู่อีกมาก มั่นใจว่าจะต้องได้กลับมาอีกแน่นอน แล้วมาติดตามกันต่อในรีวิวครั้งต่อๆไปนะครับ