Hiroshima: เที่ยวฮิโรชิมะ สวนสวย ปราสาทงาม และเมืองที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์

จังหวัดฮิโรชิมะ ในความคิดของใครหลายคนจะต้องนึกถึงภาพของเสาโทริอิแดงกลางน้ำ และ อนุสรณ์สถานจากปรมาณูที่เคยระเบิดให้เมืองนี้ราบเป็นหน้ากลองครั้งสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วนอกจากนั้นมีสถานที่ไหนอีกบ้าง…

ในความเป็นจริงแล้ว จังหวัดฮิโรชิมะนี้ เป็นจังหวัดที่ใหญ่มากครับ สองสิ่งที่เราพูดถึงไปนั้นเป็นเพียงส่วนเล็กๆในจังหวัดใหญ่ ที่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมอยู่อีกมาก นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่เดินทางมาที่นี่ มักจะเป็นชาวอเมริกัน และชาวยุโรป น้อยมากครับ ที่จะพบเจอคนไทยหรือแม้แต่คนจีน

บางคนบอกไปเช้าเย็นกับจากโอซาก้าก็พอแล้วล่ะ แต่ถ้าได้อ่านรีวิวนี้แล้วอาจจะทำให้คุณคิดใหม่ครับ เพราะทีมงานเราใช้เวลาถึง 4 วันเต็มๆในการเที่ยวฮิโรชิมะครั้งนี้ แล้วยังพบว่ายังมีอีกหลายสถานที่ที่ยังไม่ได้ไป ขนาดไปถึง 4 วันแล้วเวลายังไม่พอ คิดว่าคงต้องกลับมาซ้ำอีกแน่นอน

และความพิเศษของทริปนี้คือ พวกเราเดินทางไปฮิโรชิมะ ด้วยเที่ยวบินตรงจากสายการบิน NewGen Airways เป็นเที่ยวบินปฐมฤกษ์ แบบ Charter flight บินตรงสบาย ใช้เวลาเพียง 5 ชม. ออกเดินทางดึกถึงเช้าสามารถเที่ยวต่อได้ทันที

แว่วๆมาว่าปลายปีจะมีเปิดเที่ยวบินรอบพิเศษแบบนี้อีกเช่นกัน ถ้ามีระบุวันออกมาแล้วจะรีบนำข่าวอัพเดทมาบอกกันนะครับ หรือไปติดตามข้อมูลได้ที่แฟนเพจ >> NewGen Airways

เที่ยวบิน E3 801 ออกเดินทางจากสนามบินดอนเมือง เวลา 2.05 น. ถึงสนามบินฮิโรชิมะ เวลา 9.45

เครื่องกำลังลดระดับเตรียมพร้อมแลนดิ้ง

เดินทางถึงสนามบินฮิโรชิมะเป็นที่เรียบร้อย มีการถ่ายรูปเป็นที่ระลึก สำหรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์ครั้งนี้
(แอดมินยืนอยู่ตรงกลางเป๊ะ ^^)

สถานที่แรกที่เรามาเที่ยวกันเลยก็คือ สวนซังเคเอ็น (Sankeien Garden) 三景園 เป็นสวนญี่ปุ่นขนาดใหญ่ 6 เฮคเตอร์ สร้างขึ้นในปีค.ศ.1993 เนื่องในโอกาสที่เปิดสนามบินฮิโรชิมะ ประกอบไปด้วย 3 โซนคือ ภูเขา, ทะเล และ หมู่บ้าน ตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินฮิโรชิมะ (ชื่อเรียกของสวนนี้ เหมือนกับสวนที่เมืองโยโกฮะมะ แต่เขียนด้วยตัวคันจิต่างกัน)

เวลาทำการ: 9.00-18.00 น. (เดือนต.ค.-มี.ค. ปิด 17.00 น.)
ค่าเข้าชม: 260 เยน
การเดินทาง: จากสถานี Hiroshima เดินทางด้วยรถบัส 50 นาที หรือเดินทางจากสนามบินฮิโรชิมะ ไม่เกิน 10 นาที
เว็บไซต์

ต่อมาเราเดินทางมาที่สถานีรถไฟ JR Saijo เพื่อมาเดินเที่ยวย่านเมืองเก่ากัน

ตรอกซะคะกุระ (Sakagura Yokocho) 酒蔵横丁 โรงกลั่นสาเกสมัยโบราณ เดินเล่นย่านเมืองเก่า Saijo พร้อมชิมแหล่งผลิตสาเกที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ในบริเวณนี้มีโรงกลั่นสาเกทั้งหมด 7 โรง อาคารเก่าแก่ที่สุดมีอายุ 300 กว่าปี สามารถเดินชิมได้ทุกร้านใช้เวลา 1-2 ชั่วโมง มีแค่ที่นี่ที่เดียว เหมาะสำหรับคนชอบดื่มสาเก ซื้อกลับได้ โดย Ginjoshu คือสาเกที่มีชื่อเสียงและมีคุณภาพมากของที่ Saijo

ในอดีตผู้ผลิตสาเกที่ติด 3 อันดับสูงสุดของญี่ปุ่น มีดังนี้ Nada ของจังหวัดโกเบ / Fushimi ของจังหวัดเกียวโต และ Saijo ของจังหวัดฮิโรชิมะ

การเดินทาง: จากสถานี Hiroshima โดยสารรถไฟลงสถานี Saijo ใช้เวลา 35 นาที หรือโดยสาร Limousine Bus วิ่งตรงจากสนามบิน

Hakubotan อาคารที่เก่าแก่ที่สุด ค.ศ.1675 ภายนอกอาจจะดูใหม่ แต่ถ้าเข้าไปด้านในจะคงความโบราณไว้

และแน่นอนเราเลือกมาชิมสาเกกันที่ร้าน ฮะคุโบตัน (Hakubotan) ด้านหน้าเป็นประตูแบบสมัยโบราณ ช่วยให้ขนของเข้าออกได้มากขึ้น บริเวณพื้นก็จะมีทางลาด และวางหินให้เรียบที่สุด มีประตูเลื่อนเล็กๆสำหรับคนเข้าออก ส่วนด้านในจัดแสดงถังหมักสาแกแบบโบราณซึ่งปัจจุบันไม่ได้ใช้แล้ว และป้ายของสาเกรุ่นต่างๆ

ทางเจ้าของร้านอธิบายว่าสาเกที่มีคุณภาพสูงจะใช้เมล็ดข้าวเยอะ เนื่องจากต้องสีออกจนเหลือ 50% จึงทำให้มีราคาสูง ที่เมือง Saijo จะผลิตเหล้าสาเกเฉพาะช่วงอากาศหนาว ระหว่างเดือนต.ค.-เม.ย. ไม่เหมือนอีก 2 แห่งที่ผลิตทั้งปี

Honjin เป็นเรียวกังในอดีต เหลือแค่ประตู ติดกันเป็นเกสท์เฮาส์ เนื่องจากสมัยก่อนถนน Saijo เป็นซุปเปอร์ไฮเวย์ที่เชื่อมต่อจากเกียวโต คนที่เดินทางด้วยเส้นทางนี้ก็จะแวะพักที่นี่ ด้านในมีมุมถ่ายภาพยอดนิยม ที่จะเห็น เสาอิฐแดง กำแพงขาวของ Kura และ Tsuridama ในมุมเดียว

ซุ้มประตูคุกุริมง (Kugurimon) จุดแวะพักขอข้อมูลการท่องเที่ยว และมีคาเฟ่เล็กๆให้บริการ

ต่อมาเราเดินมาที่ Shusenkan Hall อาคารโบราณที่ปัจจุบันปรับเปลี่ยนให้เป็นร้านขายของที่ระลึกด้านในและคาเฟ่ มาช่วงฤดูร้อนแบบนี้ ขนมหวานที่ดีที่สุดคงไม่พลาด น้ำแข็งใสคาคิโกริ ที่ใช้น้ำตาลญี่ปุ่นราดด้วยนมข้นหวาน ให้รสหวานสดชื่นคลายร้อนได้อย่างดี

เดินทางกลับเข้าตัวเมืองมาทานมื้อเที่ยงกัน

หลังจากอิ่มท้องแล้วก็ออกเดินทางกันต่อไปที่ สวนชุคเคเอ็น (Shukkeien Garden) สวนใจกลางเมืองแห่งนี้สร้างขึ้นโดยคำสั่งของ Asano Nagaakira ไดเมียวของฮิโรชิมะ ในปีค.ศ.1619 สำหรับการออกแบบได้มอบหมายให้กับมาสเตอร์แห่งชา Ueda Soko โดยได้แรงบันดาลใจมากจาก ทะเลสาบตะวันตกในกรุงหางโจว ประเทศจีน และได้รับการยกย่องให้เป็นสถานที่ที่มีวิวสวยงามประจำชาติในปีค.ศ. 1940

เวลาทำการ: 9.00-18.00 น.
ค่าเข้าชม 260 เยน
การเดินทาง: สามารถเดินมาได้จากสถานี Hiroshima
เว็บไซต์

ติดกันกับสวนแห่งนี้เป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ศิลปะฮิโรชิมะ (Hiroshima Prefectural Art Museum ) ซึ่งช่วงที่เราเดินทางไปมีนิทรรศการของจิบิลิสตูดิโอพอดี

และเดินต่อมาอีกไม่ไกล ก็สามารถไปที่ปราสาทฮิโรชิมะได้ แต่ก่อนจะเข้าไปถึงปราสาท จะเดินผ่าน ศาลเจ้าฮิโรชิมะโกโคคุ (Hiroshima Gokoku Shrine) ศาลเจ้าชินโต ที่สร้างขึ้นครั้งแรกในปีค.ศ.1869 และได้ถูกทำลายลงถึง 2 ครั้งในช่วงสงคราม จนได้ย้ายมาที่ตั้งปัจจุบันในปีค.ศ.1965

ปราสาทฮิโรชิมะ (Hiroshima Castle) ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นครั้งแรกในปีค.ศ.1589 ผ่านเหตุการ์ณรุนแรงมาหลายครั้งไม่ว่าจะเป็นพายุหรือไฟไหม้ก็ยังคงตั้งตระหง่าน มาได้หลายร้อยปี และได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติประจำชาติ จนกระทั่งมาถูกระเบิดปรมาณู พังทลายล้มลงทั้งหลัง ในปีค.ศ.1945 และได้สร้างขึ้นใหม่อีกครั้งในอีก 13 ปีให้หลัง เป้นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับซามูไร

เวลาทำการ: 9.00-18.00 น. (ฤดูหนาวปิด 17.00 น.)
ค่าเข้าชม 370 เยน
การเดินทาง: จากสถานี Hiroshima ขึ้นรถรางลงที่ป้าย Kamiyacho-nishi และเดินต่อ 15 นาที หรือเดินมาได้จากสวนชุคเคเอ็น

สามารถขึ้นไปชมวิวเมืองด้านบนยอดปราสาทได้

ชมฟุตบอลแมทช์พิเศษ ทีม Sanfrecce ทีมประจำจังหวัดฮิโรชิมะ ที่มีนักเตะคนไทย มุ้ย ธีรศิลป์ แดงดา เป็นสมาชิกในทีม ในครั้งนี้ได้ไปชมที่ Big Arch Stadium หรือรู้จักในอีกชื่อว่า Edion Stadium Hiroshima


เช้าวันถัดมาเราเดินทางมาที่ อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิมะ (Hiroshima Peace Memorial) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Atomic Bomb Dome หรือ A-Bomb Dome

อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิมะ เป็นอาคารที่อยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางของระเบิด (Hypocenter) มากที่สุด แต่โครงสร้างยังสามารถต้านทานแรงระเบิดและรังสีความร้อนได้ จนเหลือเป็นซาก ผระชาชนชาวฮิโรชิมะเห็นพ้องต้องกัน จึงได้ทำการอนุรักษ์ให้เป็นอนุสรณ์เตือนใจให้เห็นถึงความรุนแรงและความโหดร้ายจากระเบิดปรมาณู ปัจจุบันได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ.1996 เว็บไซต์

ต่อจากนั้นขึ้นไปชมวิวบน ตึกฮิโรชิมะโอริซุรุ (Hiroshima Orizuru Tower) บนยอดตึกแห่งนี้เราจะได้มองเห็นทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ที่ยังมีแสงแห่งความหวังและสันติภาพของโลกใบนี้

เวลาทำการ: 9.00-17.00 น.
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 1,700 เยน เด็ก 500-900 เยน
(ราคาสำหรับการฝึกพับและโยนนกกระเรียนกระดาษ 500 เยน)
เว็บไซต์

ที่มาของชื่อตึกมาจากคำว่า “Orizuru” มีความหมายว่า นกกระเรียนกระดาษที่มีตำนานจากหญิงสาว Sadako Sasaki เด็กน้อยที่ได้รับผลกระทบจากกัมมันตภาพรังสี ที่พับนกกะเรียนกระดาษจนกลายเป็น สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ

อยากให้คุณลองจินตนาการภาพผ่านม่านตาลึกลงไปถึงจิตใจในความ “เข้มแข็งอดทนของบรรพบุรุษ” ที่สามารถเอาชนะและต่อสู้กับอุปสรรคให้ผ่านพ้นมาได้และสิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ “ความสันติสุขที่เต็มไปด้วยจิตใจที่อ่อนโยนในอนาคตของโลกใบนี้” และนี่คือความปราถนาของพวกเราชาวฮิโรชิมะที่ได้เติบโตขึ้นมาในฮิโรชิมะ

นั่งรถรางโบราณเที่ยวรอบเมือง รถรางประจำเมืองฮิโรชิมะมีชื่อเรียกกันง่ายๆว่า ฮิโระเด็น (Hiroden) ที่มีเส้นทางวิ่งทั่วเมืองถึง 8 สาย เป็นการเดินทางที่สะดวกและประหยัดที่สุด เที่ยวละ 180 เยน หรือใช้ตั๋ววัน 1 Day Streetcar Pass ราคา ผู้ใหญ่ 600 เยน (เด็ก 300 เยน) ขึ้นลงได้ไม่จำกัดเที่ยว

ไปเที่ยวญี่ปุ่นทุกครั้งต้องพก Pocket WiFi ญี่ปุ่น 4G จาก TRIPIZEE ไปด้วยเสมอ เพราะไม่เคยมีปัญหาเรื่องสัญญาณเลย ไม่ว่าจะไปเมืองไหนก็ตาม รับรองงานนี้แอดมินใช้เองและการันตีว่าดีจริง!! ในราคาสุดพิเศษ เพียงแค่ 150 บาทต่อวัน!!

และช่วงนี้มีโปรโมชั่น แถมฟรี 1 วัน เมื่อจองอย่างน้อย 3 วัน ใส่ Promo Code LOVETPZ1MH4 หรือ แถมฟรี 2 วัน เมื่อจองอย่างน้อย 5 วัน ใส่ Promo Code LOVETPZ2MTD ถึง 31 ธ.ค. 2019 จองได้เลย >> TRIPIZEE

 

ด้านบนจัดแสดงนิทรรศการย่อม เล่าเรื่องราว ประวัติความเป็นมา ของ Orizuru มีกิจกรรมให้ร่วมสนุก

หนึ่งในกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดก็คือการพับนกกระเรียนกระดาษ Orizuru นั่นเอง หลังจากที่เราพับเสร็จแล้ว ก็จะมีปล่องให้เราหย่อนลงไปในตู้กระจกหน้าอาคาร ซึ่งผู้สร้างมีความตั้งใจว่าจะเติมเต็มปล่องนี้ให้เต็มไปด้วยนกกระเรียนกระดาษจากทุกคนที่เดินทางมาฮิโรชิมะ

ขากลับเราจะไม่ลงทางธรรมดา เพราะเค้าสร้างทางลาดให้ลงไปถึงชั้นล่างได้เลย แต่อาจจะฝืดนิดนึงนะ

สถานที่สำคัญที่ต้องมาให้ได้อีกแห่งนั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์สันติภาพฮิโรชิมะ (Hiroshima Peace Museum) ตั้งอยู่ไม่ไกลจากจุดศูนย์กลางที่ระเบิดปรมาณู Little boy ถูกทิ้งลงในวันที่ 6 สิงหาคม 1945 เวลา 8.15 น. วันที่ฝันร้ายได้กลายเป็นจริง จุดมุ่งหมายสูงสุดของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือเพื่อสันติสุขอันเป็นนิรันดร์ เพื่อให้โลกนี้ปราศจากอาวุธนิวเคลียร์ตลอดไป

ภายในพิพิธภัณฑ์จะแบ่งออกเป็นอาคารหลัก (ซึ่งกำลังปิดปรับปรุงอยู่) แต่อาคารฝั่งตะวันออกสามารถเข้าชมได้ มีการจัดนิทรรศการความเสียหายจากระเบิดปรมาณู ที่นำข้าวของเครื่องใช้ของจริงจากผู้ประสบภัยมาจัดแสดงรวมไปถึงภาพถ่ายอันโหดร้ายจากวันที่โดนระเบิด สามารถเข้าชมนิทรรศการนี้ได้ถึงเดือนเมษายน 2019

เวลาทำการ: 8.30-18.00 น. (เดือนส.ค.เปิดถึง 19.00 น.)
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 200 เยน เด็กมัธยมปลาย 100 เยน เด็กเล็กเข้าฟรี
เว็บไซต์

ทานหอยนางรมสดๆ หลากหลายเมนูที่ร้าน Kanifune Kanawa ร้านเก่าแก่กว่า 150 ปี เสน่ห์ของร้านนี้คืออยู่บนเรือ และตั้งอยู่ไม่ไกลจาก Peace Memorial Musuem สามารถเดินมาได้ ทานหอยนางรมที่ถูกรังสรรค์เป็นเมนูต่างๆได้อย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะ ทอด ย่าง ต้ม หรือทานสดๆ ในบรรยากาศแสนสงบ มีหลากหลายคอร์สให้เลือก อย่างคอร์สที่เราเลือกทานในครั้งนี้คือ Oyster course ราคา 6,480 เยน

เว็บไซต์

ขากลับเราผ่าน Hiroshima Orizuru Tower เห็นปล่องกระจกที่เต็มไปด้วยนกกระเรียนกระดาษ


วันถัดมาเราไปเที่ยว เกาะมิยะจิมะ (Miyajima) กัน ตามไปอ่านรีวิวได้ >> ที่นี่

ทานพิซซ่าญี่ปุ่นสูตรต้นตำรับของฮิโรชิมะที่ หมู่บ้านโอโคโนมิมุระ (Okonomi-mura) โอโคโนมิยากิ หรือ พิซซ่าญี่ปุ่นสไตล์ฮิโรชิมะ ได้รับความนิยมอย่างมากมาตั้งแต่ยุคก่อนสงคราม เรียกได้ว่าเป็นของทานเล่น กินกันทุกบ้านทุกครัวเรือน จนพัฒนาการเป็นอาหารมื้อหลักประจำท้องถิ่น และเป็นที่นิยมมากในย่าน Shintenchi เพิ่มความอร่อยโดยการใส่ กะหล่ำปลี ไข่ เส้นโซบะ จนได้มาเป็นสูตรเฉพาะของตัวเอง และไม่ต้องไปหาทานที่ไหนให้ยุ่งยาก เพราะที่หมู่บ้านโอโคโนมิได้เลือกร้านเด็ดมาให้เลือกจนตาลายถึง 25 ร้านเอาให้พุงแตกกันไปเลย

การเดินทาง: จากสถานี Hiroshima โดยสารรถรางหรือรถบัสลงที่ป้าย Hatchobori และเดินต่อประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์

ช้อปปิ้งที่ย่านถนนการค้า Hiroshima Hondori Shotengai ณ ใจกลางเมืองฮิโรชิมะ มีร้านค้าให้เลือกช้อปครบครัน ไม่แพ้เมืองใหญ่อย่างโอซาก้า พร้อมทั้งห้างสรรพสินค้า ที่เรียกได้ว่าใช้เวลาเดินกันทั้งวันเลยทีเดียว

เดินทางสู่สนามฮิโรชิมะ เพื่อกลับบ้านเรา ด้วยสายการบิน Newgen Airways

เที่ยวบิน E3 802 ออกเดินทางจากสนามบินฮิโรชิมะ เวลา 11.45 น. เดินทางถึงสนามบินดอนเมือง เวลา 15.20 น.

ChugokuHiroshimaNewGen AirwaysSetouchiจูโกคุฮิโรชิมะเซโตอุจิเที่ยวญี่ปุ่น