แนะนำเส้นทางขับรถเที่ยว 7 วัน 15 เมือง ตะลุย Chubu-Kanto ตอนกลางของญี่ปุ่น

การเดินทางไปญี่ปุ่นเมื่อต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา ทีมงาน เที่ยวญี่ปุ่นดอทคอม ร่วมกับ Japan Intouch Travel เช่ารถขับท่องเที่ยวตะลุยตอนกลางของญี่ปุ่น โดยตั้งต้นที่ภูมิภาคจูบุ และขับรถเที่ยวตามเส้นทางไปสิ้นสุดที่ภูมิภาคคันโต ทั้งหมด 7 วัน

เรียกได้ว่าเป็นทริปที่คุ้มค่า และทำเวลาได้ดีมาก ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นการขับรถเที่ยวเอง ทริปแบบนี้คงไม่สามารถเป็นไปได้แน่ๆ วันนี้เลยมาเขียนรีวิวแนะนำเส้นทางขับรถที่ไปมา ให้เพื่อนๆที่สนใจวางแผนไปเที่ยวกันครับ

สำหรับการเช่ารถขับที่ญี่ปุ่นนั้นไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไป สามารถเตรียมตัวได้จากเมืองไทย ผ่าน Japan Intouch Travel ตัวแทนอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของ Nippon Rent–A–Car ที่มีสาขามากกว่า 500 แห่งทั่วญี่ปุ่น

โดยมีเจ้าหน้าที่คนไทย ที่พร้อมจะอำนวยความสะดวกตั้งแต่การเลือกรถ ขั้นตอนการจอง ไปจนถึงการบริการช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาและที่สำคัญ ถ้าจองผ่านช่องทางนี้ รวมประกันภัยแล้ว ยังได้ราคาถูกกว่าจองออนไลน์อย่างแน่นอน

เบอร์โทร: 02–251–9648 HOTLINE : 088-678-4999
Line
: @japanintouch
Facebook: Japan Intouch
TAT Licence No. 11/08229


เส้นทางขับรถที่จะมาแนะนำในครั้งนี้ ใช้เวลาประมาณ 7 วัน 6 คืน เป็นระยะทางกว่า 1,300 กิโลเมตร ตั้งต้นจากสนามบิน Chubu Centrair ในเมืองนาโงยะ (Nagoya) ลัดเลาะไปทางจังหวัดกิฟุ (Gifu) นะงะโนะ (Nagano) แล้วขับลงมาทางจังหวัดยะมะนะชิ (Yamanashi)

จากนั้นเริ่มต้นจากเจดีย์ Chureito Pagoda ในจังหวัดยะมะนะชิ (Yamanashi) เข้าสู่โตเกียว จากนั้นขับต่อไปทางจังหวัดไซตะมะ (Saitama) ต่อด้วยจังหวัดกุนมะ (Gunma) ตามด้วยจังหวัดโทชิงิ (Tochigi) เข้าสู่จังหวัดอิบะระกิ (Ibaraki) แล้วไปสิ้นสุดคืนรถกันที่สนามบินนาริตะได้เลยครับ 

โดยมีเส้นทางท่องเที่ยว เก็บครบทุกสถานที่เที่ยวไฮไลท์ ไม่ว่าจะเป็น หมู่บ้านชิราคะวะโกะ, เมืองทะคะยะมะ, ปราสาทมัตสุโมโตะ, กำแพงหิมะเจแปนแอลป์, คะมิโคจิ, ทุ่งดอกพิงค์มอส, ทะเลสาบคาวากุจิโกะ, เมืองทาคาซะกิ, สวนดอกไม้อะชิคะงะ, ทุ่งดอกเนโมฟิลลา

  • วันที่ 1 Chubu Centrair (Nagoya) – Shirakawago – Takayama – Okuhida Onsen
  • วันที่ 2 Shin-Hotaka – Kamikochi – Matsumoto – Ogizawa Station
  • วันที่ 3 Japan Alps – Motosuko – Daiou Wasabi Farm
  • วันที่ 4 Shiba-zakura – Kawaguchiko – Chureito Pagoda
  • วันที่ 5-6 Tokyo – Takasaki – Daimonya Daruma – Ashikaga
  • วันที่ 7 Sano Outlet – Nemophila Hitachi Seaside Park – Narita Airport (Chiba) or Hotel

สำหรับเรื่องค่าใช้จ่าย แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ

  • ค่าเช่ารถ W-A Class Honda Stepwagon 7 วัน รวม 140,000 เยน (ตกวันละ 20,000 เยน) *ถ้าเช่ารถเล็กหรือ รุ่นอื่น ราคาก็จะถูกกว่านี้ครับ
  • ค่าน้ำมัน ตลอดระยะทาง 1,300-1,400 กม. ประมาณ 15,000 เยน (ตกกม.ละ 11 เยน)
  • ค่าทางด่วน 23,400 เยน

ราคานี้ ไป 6 คน ค่าเดินทางรวม ตีเป็นเงินไทยประมาณ 55,000 บาท ตกคนละ 9,000 บาท ราคาพอกับ JR Pass แต่ไม่ต้องลากกระเป๋า เที่ยวอิสระกว่า และครอบคลุมทุกเส้นทาง ที่ JR Pass ไปไม่ถึง โดยเฉพาะรถบัสระหว่างทาง Takayama-Shirakawa, Takayama-Shin Hotaka ที่ราคาค่อนข้างสูงครับ


ขั้นตอนการรับรถเมื่อเดินทางมาถึงก็ไม่ยาก เพียงแค่เตรียมเอกสาร (1) พาสปอร์ต (2) ใบขับขี่สากล และ (3) ใบจองรถให้พร้อม

ตรวจรับสภาพรถเรียบร้อยแล้ว พร้อมออกเดินทางกันได้เลย

การขับรถในครั้งนี้อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ การใช้บัตรทางด่วน ETC เป็นบัตรสำหรับใช้เป็นค่าผ่านทางด้วย แนะนำให้เช่าเครื่อง ETC (คล้าย easy pass ของบ้านเรา) จากบริษัทรถเช่า โดยบริษัทจะให้บัตรมาเราก็ขับผ่านช่อง ETC
แล้วระบบจะบันทึกการใช้ทางด่วนของรถเราไว้ ตอนไปคืนรถก็จ่ายตามที่เราใช้ไป จะมีรายการใช้ทางด่วนสรุปมาให้ว่าใช้จากไหนไปไหน วันเวลาที่ใช้ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเท่าไร สำหรับค่าทางด่วนนั้นตีไปคร่าวๆ ประมาณ 25 เยนต่อ 1 กิโลเมตร

เครดิตภาพจาก go-etc.jp


เริ่มต้นการเดินทางในวันแรก หลังจากเดินทางถึงสนามบิน Chubu Centrair ในจังหวัดนาโงยะ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายด้วยการรับรถได้ที่สนามบิน หลังจากติดต่อรับรถ เช็คเอกสาร ตรวจสอบความเรียบร้อยของรถ จากนั้นเริ่มต้นขับตะลุยท่องเที่ยวได้ทันที

เดินทางมุ่งหน้าสู่จุดหมายแรก หมู่บ้านมรดกโลกชิราคาวาโก (Shirakawago) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดกิฟุ (Gifu) หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์กรยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ.1995

ด้วยความสวยงามและไม่เหมือนที่ไหนของบ้านชาวนาโบราณที่มีชื่อเรียกว่ากัสโชสึคุริ (Gassho-zukuri) ด้วยภูมิปัญญาของชาวญี่ปุ่นโบราณที่สร้างหลังคาถูกออกแบบให้ทนต่อแรงกดของหิมะในรูปแบบคล้ายการพนมมือ โดยบ้านแต่ละหลังจะมีอายุมากกว่า 250 ปี นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสกับความสวยงามของหมู่บ้านแห่งนี้ได้หลากหลายมุมมองและทุกฤดูกาลที่สวยนั้นไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย

จากนั้นเดินทางสู่ เมืองทะคะยะมะ (Takayama) เที่ยวชมเมืองเก่าย่านซันมะจิ (Sanmachi Old Town) เขตหมู่บ้านโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ตั้งแต่สมัยเอโดะ ตั้งอยู่ในอาณาเขตของปราสาทเก่าซึ่งเป็นถนนสายหลักที่สำคัญของเมืองทะคะยะมะ ที่ยังคงมีกลิ่นอายของเมืองเก่า นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมประวัติศาสตร์พร้อมเลือกซื้อของจากร้านค้าต่างๆ

ชิมเนื้อย่างคลุกเคล้ากับซอสพริกไทยดำแสนอร่อย

หลังจากขับรถท่องเที่ยวกันมาทั้งวัน คืนนี้เราเข้าพักในเรียวกังที่ เมืองน้ำพุร้อนโอคุฮิดะ (Okuhida Onsen Town) ตั้งอยู่ในจังหวัดกิฟุ โดยเมืองน้ำพุร้อนแห่งนี้ เป็นจุดที่มีออนเซ็นจากน้ำพุร้อนที่ส่งตรงมาจากเทือกเขาแอลป์ทางตอนเหนือที่ Shin-Hotaka ถูกห้อมล้อมด้วยธรรมชาติ ซึ่งจัดเป็นจุดที่มีบรรยากาศที่ดีและทิวทัศน์ที่สวยงามเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผ่อนคลายกับการแช่น้ำพุร้อนกลางแจ้งพร้อมดื่มด่ำกับธรรมชาติอันบริสุทธิ์

มื้ออาหารค่ำแบบไคเซกิ

เริ่มต้นวันที่ 2 ขับรถขึ้นทางเหนือของ Okuhida Onsen ชมความอลังการของเทือกเขาเจแปนแอลป์ทางตอนเหนือ ทิวทัศน์ของภูเขาหิมะตัดกับสีของท้องฟ้าที่ ชินโฮะทะกะ (Shin-Hotaka)

โดยสาร กระเช้าไฟฟ้าชินโฮทะกะ (Shin-Hotaka Ropeway) ที่จะพาไต่ระดับความสูง 2,156 เมตรไปยังจุดชมวิวบนยอดเขาโฮทากะ ซึ่งจะมองเห็นทัศนียภาพที่งดงามของภูมิภาคโอคุฮิดะ และยอดเขาโอคุโฮตาเกะดาเกะ

จากนั้นเดินทางต่อโดยขับรถลัดเลาะไปตามเส้นทางท่องเที่ยวทางธรรมชาติ คามิโคจิ (Kamikochi) บริเวณทางทิศเหนือของเทือกเขาเจแปนแอลป์ ในจังหวัดนะงะโนะ (Nagano) ที่นี่ได้รับการขนานนามให้เป็นจุดที่มีทิวทัศน์ภูเขาที่สวยงามที่สุดของประเทศญี่ปุ่น

ขับรถเลียบไปตามเส้นทางเดินป่าริมแม่น้ำอะซุสะ (Azusa River) ชมสะพานแขวนชื่อดัง คัปปะบะชิ (Kappabashi) ที่ลอยตัวอยู่เหนือแม่น้ำอะซุสะใจกลางของคามิโกจิ

เดินทางกันต่อเพื่อไปชม ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) เป็นปราสาทไม้ที่คงความดั้งเดิมและเก่าแก่และสมบูรณ์แบบที่สุดในญี่ปุ่น อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติล้ำค่าประจำชาติโดยปราสาทแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อของปราสาทอีกาดำ เนื่องด้วยจากมีโครงสร้างบริเวณผนังไม้ของปราสาทนั้นเป็นสีดำตัดกับโครงสร้างของผนังปูนสีขาวช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับปราสาทหลังนี้ ล้อมรอบด้วยคูน้ำขนาดใหญ่ใช้ป้องกันข้าศึก

สำหรับคืนนี้เข้าพักในโรงแรมบริเวณใกล้กับสถานี Ogizawa เพื่อจะได้สะดวกกับการเดินทางไปชมกำแพงหิมะ ในวันรุ่งขึ้น เช้าวันที่สามของการตะลุยขับรถไปสัมผัสสุดยอดการเดินทางเส้นทาง ที่เปรียบเสมือนหลังคาแห่งญี่ปุ่นบนเส้นทาง Japan Alps Tateyama-Kurobe ที่จะพาข้ามเขาด้วยกระเช้าไฟฟ้า

ดื่มด่ำไปกับทัศนียภาพของเทือกเขาทะเทยะมะที่มีความสูงถึงสูง 3,000 เมตร

สัมผัสไฮไลท์ของทริปนี้กับ กำแพงหิมะยูคิโนะโอทะนิ (Yuki no Otani Snow Wall) สีขาวโพลนที่มีความสูงกว่า 20 เมตร

จากนั้นเดินทางไปชม ฟาร์มวาซาบิไดโอ (Daiou Wasabi Farm) ตั้งอยู่ในเมืองอะซุมิโนะ (Azumino) ไม่ไกลจากเมืองมะสึโมะโตะ ไร่วาซาบิแห่งนี้นับว่าเป็นไร่วาซาบิที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ด้วยความพิถีพิถันของการปลูก ด้วยการใช้น้ำบริสุทธุ์ที่ไหลมาจากลำธารทางด้านทิศเหนือทำให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ นอกจากไร่วาซาบิแล้วที่นี่ยังเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว พร้อมจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากวาซาบิ

ไอศกรีมซอฟท์เสริฟรสวาซาบิ, วาซาบิสด, เบียร์วาซาบิ

วันที่ 4 ของการเดินทางเราขับรถไปที่บริเวณ Fuji Motosuko Resort ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาบ Motosuko เพื่อไปชม เทศกาลชมทุ่งดอกชิบะซากุระ (Shiba-Sakura Festival)

ภาพเบื้องหน้าสุดฟินของดอกชิบะซากุระสีชมพูสดโดยมีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ

นอกจากดอกชิบะซากุระแล้วด้านในยังมีพันธุ์ไม้ชนิดต่างๆอีกมากมาย พร้อมซุ้มอาหารชื่อดังของจังหวัดยะมะนะชิ และคาเฟ่ไว้สำหรับนั่งชิลๆมองทัศนียภาพของฟูจิซังเพลินๆ

จากนั้นขับรถชิลๆชมความงามของทะเลสาบคาวาคุจิโกะรอบๆภูเขาไฟฟูจิ เพื่อไปชมอีกหนึ่งจุดหมายที่นักท่องเที่ยวมักไม่พลาดเมื่อมาเยือน เจดีย์ชูเรอิโตะ (Chureito Pagoda) เจดีย์สีแดงหลังนี้ตั้งอยู่ด้านบนของศาลเจ้าอะระคุระเซนเกน (Arakura Sengen Shrine) ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงสันติภาพ ในช่วงปีค.. 1963 เมื่อขึ้นบันไดมาด้านบน ก็จะได้ชมทัศนียภาพอันสวยงามของเจดีย์ห้าชั้น ไปกับพร้อมๆกับวิวของภูเขาไฟฟูจิเบื้องหน้า

ระหว่างทาง แวะร้าน Hard-Off Megastore ติดกับสถานี Hachioji ช้อปของดีราคาถูกได้ไม่อั้น แบบไม่ต้องห่วงแบก เพราะมีรถอยู่ซะอย่าง งานนี้จะเหมา ของเล่น ของแต่งบ้าน หนังสือ ซีดี ฯลฯ จัดไปได้เต็มที่เลย

วันที่ 5 และ 6 ของการเดินทางเราขับรถจากโตเกียวเพื่อไปเที่ยว เมืองทะคะซะกิ (Takasaki) ในจังหวัดกุนมะ (Gunma) เดินทางไปสักการะรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศญี่ปุ่นที่ วัด Takasaki Kannon-yama

รูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์สีขาวตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขา Kannon สร้างด้วยคอนกรีต มีความสูงถึง 41.8 เมตรและมีน้ำหนักถึง 5,985 ตัน สร้างขึ้นเมื่อปี ค.. 1936 ด้วยแรงศรัทธาของ Mr. Yasusaburo Inoue นักธุรกิจชาวเมืองทะกะซะกิ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์ด้านบนขององค์เจ้าแม่กวนอิมได้ มีความสูงทั้งหมด 9 ชั้น

จากนั้นเดินทางไปชมโรงงานผลิตตุ้กตาดารุมะชื่อดังที่เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดกุนมะที่ โรงงานตุ๊กตาดารุมะ Daruma no Sato Daimon ya นอกจากจะได้ชมกระบวนการผลิตจากโรงงานผลิตดารุมะชั้นยอดของเมืองทะกะซะกิแล้ว เรายังได้มีโอกาสทำกิจกรรมแต่งหน้าให้กับตุ้กตาดารุมะอีกด้วย

และกิจกรรมสุดท้ายของวันนี้คือการขับรถไปชม เทศกาลงาน The Great Wisteria Festival 2017 ที่สวนดอกไม้อะชิคะงะ (Ashikaga Flower Park) ตั้งอยู่ในจังหวัดโทชิงิ (Tochigi)

ต้นวิสทีเรียที่สวนแห่งนี้ออกดอกห้อยตกลงมาเป็นระย้าราวกับน้ำตกสีม่วง กระจายอาณาเขตวงกว้างครอบคลุมพื้นที่กว่า 1,000 ตร.. โดยต้นที่ใหญ่ที่สุดมีอายุเก่าแก่กว่า 150 ปี มีอุโมงค์ดอกวิสทีเรีย สีขาวและเหลือเป็นระยะทางยาวกว่า 80 เมตร

นอกจากนี้ช่วงเวลากลางคืนที่มีการแสดง Light Up เราจะได้เห็นดอกวิสทีเรียสะท้อนกับน้ำในบ่อเป็นอีกภาพที่สวยงามน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง

เดินทางมาถึงวันสุดท้ายของการเดินทาง เช้านี้มุ่งสู่แหล่งช้อปปิ้งเปิดใหม่ที่ Sano Premium Outlet สวรรค์แห่งใหม่ของนักช้อปที่จังหวัดโทชิงิ มีร้านค้าให้เลือกจับจ่ายใช้สอยกันถึง 180 ร้าน ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าแบรนด์เนมที่มีชื่อเสียงทั้งในญี่ปุ่นและจากต่างประเทศในราคาลดพิเศษสุดๆ

หลังจากช้อปปิ้งกันจนจุใจ เราขับรถกันไปต่อที่ จังหวัดอิบะระกิ (Ibaraki) เพื่อชมความงามของทุ่งดอกเนโมฟิล่า ซึ่งตั้งอยู่ที่ สวนฮิตาจิ ซีไซต์ พาร์ค (Hitachi Seaside Park) สวนดอกไม้ขนาดใหญ่ มีพื้นที่กว่า 1.9 ล้านตารางเมตร ที่นี่มีดอกไม้สายพันธุ์ต่างๆบานให้ชมกันตลอดทั้งปี โดยในช่วงฤดูใบไม้ผลิประมาณปลายเดือนเมษายนที่เราเดินทางไปนั้น จะเป็นช่วงของดอกไม้สีฟ้าที่มีชื่อเรียกว่าเนโมฟิล่า (Nemophila) บานทั่วทุ่งอย่างสวยงามกว่า 4,500,000 ต้น

ปิดท้ายด้วยการชิมไอศกรีมซอฟท์เสริฟสีหวานๆเข้ากับดอกไม้

หลังจากขับรถตะลุยท่องเที่ยวกันอย่างจุใจมากว่า 7 วัน ก็ได้เวลาเดินทางกลับไปยังสนามบินนาริตะเพื่อเดินทางกลับประเทศไทย โดยเราสามารถนำรถไปคืนได้ที่สาขาใกล้กับสนามบินได้เลย และถ้าใครที่ต้องการจะอยู่ท่องเที่ยวต่อ เจ้าหน้าที่ของ Nippon Rent–A–Car ก็จะอำนวยความสะดวกให้เราด้วยการขับไปส่งโรงแรมที่พักเฉพาะในย่านนาริตะอีกด้วย

จองรถขับเที่ยวในญี่ปุ่นกับ Japan Intouch Travel ตัวแทนอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของ Nippon Rent–A–Car มีเจ้าหน้าที่คนไทยอำนวยความสะดวกตั้งแต่การเลือกรถ ขั้นตอนการจอง ไปจนถึงการบริการช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาและที่สำคัญ ถ้าจองผ่านช่องทางนี้ รวมประกันภัยแล้ว ยังได้ราคาถูกกว่าจองออนไลน์อย่างแน่นอน

เบอร์โทร: 02–251–9648 HOTLINE : 088-678-4999
Line
: @japanintouch
Facebook: Japan Intouch

AshikagaChubu CentrairChureito PagodaDrive in JapanDriving CourseFujiHitachi Seaside ParkJapan AlpsKamikochiKawaguchikomatsumotoMotosukoNagoyaNemophilaNippon Rent-A-CarShiba-zakurashirakawagoTakasakitakayamayamanashiขับรถในญี่ปุ่น