ข้ามจากจังหวัดเฮียวโกะ ลัดเลาะชายฝั่งริมทะเลมาเรื่อยๆจนเข้าสู่ทางตอนเหนือของจังหวัดเกียวโต ซึ่งในมุมนี้ ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งท้องทะเล ต่างจากในตัวเมืองที่เต็มไปด้วยวัดและศาลเจ้า
อ่านรีวิวก่อนหน้าได้ที่นี่ >> Kansai: เที่ยว 5 เมืองในจังหวัด Hyogo แช่อนเซ็น เล่นหิมะ เที่ยวได้มากกว่าแค่โกเบ
เส้นทางนี้มีทิวทัศน์ที่สวยงามตลอดทางไม่ว่าจะเป็น เมืองเคียวทังโกะ (Kyotango), หมู่บ้านชาวประมงอิเนะ (Ine), สันทรายอะมะโนะฮะชิดะเตะ (Amanohashidate) และ หมู่บ้านชาวนาโบราณมิยะมะ (Miyama) และปิดท้ายด้วยเข้าชมมรดกโลกทั้ง 2 แห่งคือ วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji) และ วัดเบียวโดอิน (Byodoin) ที่เมืองอุจิ (Uji)
ทริปนี้เราเดินทางต่อมาจากเมืองโทโยโอกะ แนะนำให้เช่ารถขับลัดเลาะไปตามสถานที่ต่างๆ หรือถ้าใครมาจากสนามบินคันไซ ก็สามารถขึ้นรถไฟต่อรถบัสมาเที่ยวได้เช่นกัน โดยใช้เวลาเก็บสถานที่ทั้งหมดที่รีวิวในครั้งนี้ใน 3 วันครับ ตามไปเที่ยวกันได้เลย~
เมืองเคียวทังโกะ (Kyotango) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของจังหวัดเกียวโต ติดกับทะเลญี่ปุ่น (Sea of Japan) ขึ้นชื่อเรื่องทิวทัศน์ที่งดงามตลอดคาบสมุทรทังโกะ และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติซังอินไคกัง (San’in-Kaigan Geopark)
ในครั้งนี้เราได้แวะไปที่ Tango Kingdom “Shoku-no-Miyako” หรือมีชื่อเรียกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า ทังโกะโอโคคุ (Tango Okoku 丹後王国) เป็นจุดแวะพักระหว่างทางบนถนนที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นตะวันตก ที่เปิดเป็นสวนขนาดใหญ่ มีทั้งสวนสัตว์ ร้านอาหาร และ กิจกรรมมากมายให้ทำมากมาย
- เวลาทำการ: 10.00-21.00 น. หยุดทุกวันอังคาร
- ค่าเข้าชม: ฟรี
- การเดินทาง: จากสถานี Amanohashidate โดยสารรถไฟ Kyotango Railways ลงที่ป้าย Mineyama ใช้เวลา 35 นาที จากนั้นโดยสารรถแท๊กซี่ 10 นาที (หรือลงที่ป้าย Amino และโดยสารรถบัส (ปลายทาง Yasaka Hospital) ลงด้านหน้าทางเข้าเลย ใช้เวลา 30 นาที)
- เว็บไซต์
และมีโรงแรม Hotel Tango Kingdom ให้บริการอีกด้วย ดูรายละเอียด >> ที่นี่
เบียร์และไส้กรอกของที่นี่ขึ้นชื่อมากๆ แนะนำว่าให้มาลองชิมกันครับ
มีสัตว์น่ารักๆให้ชมได้อย่างใกล้ชิด
ต่อจากนั้นเรามาชมวิวกันที่ ประภาคารเคียวกะมิซะกิ (Kyoga Misaki 経ヶ岬) ตั้งอยู่ในเมืองทังโกะ (Tango) สร้างเสร็จเมื่อ 25 ธันวาคม ค.ศ.1898 เป็นจุดชมวิวที่ได้รับความนิยม เพราะสามารถเห็นทิวทัศน์ของทะเลญี่ปุ่นได้รอบทิศทาง
- เวลาทำการ: เข้าชมได้ตลอดเวลา
- ค่าเข้าชม: ฟรี
- การเดินทาง: จากสถานี Mineyama โดยสารรถบัส ลงที่ป้าย Kyoga Misaki ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที
- เว็บไซต์
ค่ำคืนแรกเราพักกันที่โรงแรม Kashoen 佳松苑 ตั้งอยู่ในเมืองน้ำพุร้อนยูฮิกะอุระ (Yuhigaura Onsen) ทุกห้องสามารถชมวิวทะเลได้ โดยห้องพักเป็นห้องสวีททั้งหมด และมีให้บริการบ่อน้ำพุร้อนจากธรรมชาติ ที่ช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้าได้ดี
- ราคาห้องพัก: ราคาเริ่มต้น 15,500 เยนต่อคน (รวมอาหาร 2 มื้อ)
- การเดินทาง: จากสถานี Amanohashidate โดยสารรถไฟ Kyoto Tango Railway ลงที่สถานี Yuhigaura Kitsu Onsen ใช้เวลา 40 นาที จากนั้นโดยสารรถชัทเทิลบัสของโรงแรม
- เว็บไซต์
และเมื่อมาที่นี่ แนะนำว่าต้องลิ้มลองเมนูปูมัตสึบะ ที่มีให้ทานในปริมาณที่เรียกว่ากินยังไงก็กินไม่หมด
หมู่บ้านชาวประมงแห่งเมืองอิเนะ (Ine) ตั้งอยู่บนชายฝั่งของอ่าวอิ
- การเดินทาง: จากสถานี Amanohashidate โดยสารรถประจำทาง Tankai Bus ลงที่ป้าย Ine ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
- เว็บไซต์
จุดเด่นเฉพาะตัวของที่นี่จะเป็นการสร้างบ้านแบบสองชั้นติดริมชายฝั่งทะเลโดยเปิดให้ชั้นล่างเป็นที่จอดเรือและใช้ด้านบนเป็นที่พักอาศัย บ้านลักษณะแบบนี้มีชื่อเรียกว่า ฟุนะยะ (Funaya) ซึ่งมีตั้งเรียงรายอยู่บริเวณอ่าวอิเนะประมาณ 230 หลัง ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับเมืองท่าอย่างเมืองเวนิสของประเทศอิตาลี ทำให้ที่นี่ถูกขนานนามว่าเป็น Venice of Japan
ส่วนกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะทำกันคือนั่งเรือเฟอรี่ล่องทะเลสาบโดยมีบริการทุกครึ่งชั่วโมง หรืออยากจะนั่งเรือล่องทะเลสาบแบบส่วน
- เวลาทำการ: 9.00-16.00 น.
- ค่าบริการ: เรือเฟอร์รี่ ผู้ใหญ่ 680 เยน เด็ก 340 เยน / เรือแท๊กซี่ ผู้ใหญ่ 1,000 เยน เด็ก 500 เยน
สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสประสบการณ์นอนในบ้านแบบฟุนะยะ ที่นี่ยังมีที่พักให้บริการพร้อมอาหารสองมื้อ สนนราคาประมาณคนละ 20,000 เยน หรือเลือกดูที่พักทั้งหมดได้ >> ที่นี่
พักทานมื้อเที่ยงกันที่ร้าน Wadatsumi 海宮 ชิมเมนูพิเศษเซทปลาบุริหม้อไฟ ที่รับประกันความสด และรสชาติแบบดั้งเดิม พร้อมกับชมวิวของอ่าวอิเนะไปด้วย
- ราคา: ชุดอาหารกลางวัน 3,240 เยน
- เวลาทำการ: 11.00-14.30 น.
- เว็บไซต์ 1 หรือ เว็บไซต์ 2
หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว ต้องไม่พลาดแวะคาเฟ่สุดชิลล์ INE CAFE ที่อยู่ติดกับร้านอาหาร เพิ่งเปิดให้บริการมาไม่นาน
- เวลาทำการ: 11.00-17.00 น.
- เว็บไซต์
สั่งชาสักแก้ว เค้กสักชิ้น และนั่งมองวิวแบบนี้ ก็มีความสุขแล้ว
เดินทางสู่ เมืองมิยะซุ (Miyazu) เพื่อไปชมวิวที่สวยที่สุดขอ
การเดินทาง
โดยรถบัส
- จากสถานี Osaka หรือ Umeda โดยสารรถบัส Tango Kairiku Kotsu นั่งไปลงที่สถานี Amanohashidate ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 40 นาที
- จากสถานี Kyoto โดยสารรถบัส Tango Kairiku Kotsu นั่งไปลงที่สถานี Amanohashidate ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 20 นาที
โดยรถไฟ
- จากสถานี Kyoto โดยสารรถไฟ รถไฟแบบ Limited Express สาย Hashidate นั่งไปลงที่สถานี Amanohashidate ใช้เวลา 2 ชั่วโมง
กระเช้าและเคเบิลคาร์ขึ้นสู่จุดชมวิวที่ สวนคะสะมัตสุ (Kasamatsu Park)
- เวลาทำการ: 8:00- 17.30 น.
- ค่าโดยสาร: [ผู้ใหญ่] ไป–กลับ 660 เยน เที่ยวเดียว 330 เยน / [เด็ก] ไป–กลับ 330 เยน เที่ยวเดียว 170 เยน
อะมะโนะฮะชิดะเตะ (Amanohashidate) หรือที่รู้จักกันดีอีกชื่อห
มีตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่าส
ระฆังแห่งความรัก เป็น Love spot อีกหนึ่งแห่งที่คู่รักนิยมเดินทางกันมาถ่ายรูปคู่กันที่นี่
สำหรับค่ำคืนนี้เราเข้าพักกันที่โรงแรม Hotel & Resorts Kyoto Miyazu โรงแรมที่สามารถมองเห็นวิวอะมะโนะฮะชิดะเตะได้ มีห้องบริการหลายรูปแบบ เหมาะกับครอบครัว โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กเล็ก นอกจากจะมีวิวที่สวยงามแล้ว ยังมีบาร์ และ บ่อน้ำพุร้อนให้บริการอีกด้วย
- ราคาห้องพัก: ห้องทวิน ราคาเริ่มต้น 13,000 เยน ต่อห้อง
- การเดินทาง: จากสถานี Kyoto โดยสารรถไฟขบวน LTD. EXP. Hashidate ลงที่สถานี Miyazu ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นขึ้นรถชัทเทิลบัสของโรงแรมมาอีกประมาณ 15 นาที (โทรจองล่วงหน้า 0772-25-1800)
- เว็บไซต์
เดินทางต่อมาที่ เมืองมิยะมะ (Miyama) มีจุดหมายคือ หมู่บ้านวัฒนธรรม คายาบุกิโนะซาโตะ (Kayabuki no Sato) สถานที่เที่ยวอันซีนอีกแห่ง
การเดินทาง: จากสถานี Kyoto โดยสารรถไฟ JR Sagano สาย Sanin ไปลงที่สถานี Hiyoshi ใช้เวลา 45 นาที จากนั้นโดยสารรถ Nantan bus ไปที่หมู่บ้านมิยะมะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
แวะซื้อโปสการ์ดส่งให้คนที่
ด้านหน้าหมู่บ้านมีตู้ไปรษณีย์ที่ยังคงใช้งานอยู่ สำหรับคนในหมู่บ้านโดยเฉพาะ
ทริปนี้มาเที่ยวญี่ปุ่น สิ่งที่ไม่พลาดพกมาด้
**โปรโมชั่นเดือนมีนาคม 2019 มีโปรวั
มีการผสมผสานเทคนิคการสร้าง
ออกเดินทางไปยังเมืองอุจิ แวะชม วัดคินคะคุจิ (Kinkakuji) หรือวัดทอง หนึ่งในมรดกโลกที่ทุกคนรู้จักกั
วัดคินคะคุจิ สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1387 ตั้งอยู่บนเขาคิตะยะมะทางตอนเหนือ ในอดีตมีชื่อเรียกว่า โรคุอนจิ (Rokuonji) มีลักษณะโดดเด่นคืออาคารทั้งหลังเป็นสีทองทั้งภายนอกและภายใน สะท้อนให้เห็นถึงความโอ่อ่าของศิลปะในยุคคิตะยะมะ ได้เป็นอย่างดี อาคารหลังปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ในปีค.ศ. 1955 หลังจากโดนเผาทำลายไปในช่วงยุคสงครามโอนิน
อาคารของวัดจะมีทั้งหมด 3 ชั้น โดยในชั้นแรก เป็นสไตล์ชินเด็น (Shinden) ใช้เป็นพระราชวังในช่วงยุคเฮอัน ทำจากไม้ และผนังปูนสีขาว โดยประดิษฐานพระพุทธรูปชะกะ (Shaka) ไว้ที่ห้องชั้นแรกนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถเดินเข้าไปชมได้ แต่ถ้ามองข้ามบ่อน้ำไป ก็จะสามารถมองเห็นได้ เพราะหน้าต่างที่ชั้นล่างจะเปิดไว้อยู่เสมอ ชั้นที่สอง เป็นสไตล์บุคเคะ (Bukke) ใช้เป็นที่พำนักของซามูไรในอดีต ปัจจุบันมีเทวรูปของเจ้าแม่กวนอิมประดิษฐานอยู่ และที่ชั้นบนสุดจะมองเห็นนกฟีนิกซ์สีทองประดับบนหลังคา
- เวลาทำการ: 9.00-17.00 น.
- วิธีการเดินทาง: จากสถานี Kyoto โดยสารรถบัส ลงที่ป้าย Kinkakuji-mae
- ค่าเข้าชม : 400 เยน
- เว็บไซต์
แวพักจิบชาเขียวที่ Sekkatei Teahouse
จุดหมายปิดท้ายทริปเกียวโตของเราในครั้งนี้ก็คือที่ เมืองอุจิ (Uji) เพื่อมาชม วัดเบียวโดอิน (Byodoin) วัดมรดกโลกที่มีภาพปรากฎอยู่บนเหรียญ 10 เยน และธนบัตรฉบับ 10,000 เยน
วัดเบียวโดอิน สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 1541 ในสมัยเฮอัน อาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดในวัดคือศาลาฟินิกซ์หรือศาลาอมิตาภะ ถูกสร้างขึ้นในสมัยเฮอัน พ.ศ. 1596 วัดเแห่งนี้เป็นแบบอย่างที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรมดินแดนอันบริสุทธิ์ของพุทธศาสนา (โจโด) ซึ่งประกอบด้วยอุทยาน วัดหมายถึงสวรรค์ ดินแดนบริสุทธิ์ ภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ที่เก็บสิ่งของล้ำค่ามากมาย โดยวัดแห่งนี้ยังได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย และสามารถเข้าไปชมด้านในศาลานกฟินิกซ์ได้
- เวลาทำการ: 8.30-17.30 น. (เข้าได้จนถึง 17.15 น.)
- วิธีการเดินทาง: จากสถานีรถไฟ Keihan Uji เดินประมาณ 10 นาที
- ค่าเข้าชม : 600 เยน (เพิ่มอีก 300 เยน สำหรับเข้าชมอาคารฟินิกซ์)
- เว็บไซต์
มาเมืองอุจิ เมืองชื่อดังแห่งชาเขียวทั้งที ก็ต้องไม่พลาดชิมเมนูชาเขีย
และต้องไม่พลาดแวะร้าน Tsuen 通圓 ร้านขนมหวานเก่าแก่ที่ตั้งอ
- เวลาทำการ: 9.30-17.30 น.
- การเดินทาง: จากสถานี Keihan Uji เดินประมาณ 3 นาที
- เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)
และค่ำคืนนี้เรานอนกันในตัวเมืองอุจิที่ Seizanso 静山荘 ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดเบียวโดอิน ให้บริการห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม ด้วยห้องเสื่อทาทามิ และเตียงแบบฟูกฟูตอง สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำอุจิได้จากในห้อง และที่นี่เชี่ยวชาญในการปรุงอาหารท้องถิ่นตามฤดูกาล ที่แนะนำว่าถ้ามาพักแล้วต้องลองชิมให้ได้
- ราคาห้องพัก: เริ่มต้นคืนละ 16,000 เยน ต่อคน (รวมอาหาร 2 มื้อ)
- การเดินทาง: จากสถานี Keihan Uji เดินประมาณ 15 นาที
- เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)