ทริปนี้จะเป็นการใช้ Ise-Kumano Area Tourist Pass เป็นพาสพิเศษจาก JR ที่สามารถใช้เดินทางเที่ยวจากสนามบินคันไซ ไปยัง Wakayama และ Kumano รวมถึง Ise และ Nagoya ไปสิ้นสุดที่สนามบินเซ็นแทร์ได้ ถือว่าเป็นอีกพาสที่น่าสนใจ สำหรับคนที่ต้องการเที่ยวในเส้นทางนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ยังไม่มีพาสใดที่ครอบคลุมโซนนี้โดยเฉพาะ
เส้นทางการเดินทางที่ครอบคลุมโดยพาสนี้ ดูรายละเอียดพาสที่นี่ >> Ise-Kumano Area Tourist Pass
ราคา ผู้ใหญ่ 11,000 เยน / เด็ก 5,500 เยน
จากตอนแรกที่เราเที่ยวในตัวเมืองชิระฮะมะกันไปแล้ว (อ่านรีวิว >> ที่นี่) เราใช้พาส Ise-Kumano Area Tourist Pass ขึ้นรถไฟจาก สถานี Shirahama ขึ้นรถไฟ JR สาย Kinokuni มาลงที่สถานี Nachi ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นโดยสาร Kumano Kotsu Bus (ดูตารางรถบัส >> ที่นี่) ไปยังจุดหมายสำคัญของวันนี้ นั่นก็คือศาลเจ้า Kumano Nachi Taisha
คุมะโนะซันซัง (Kumano Sanzan) คือชื่อเรียกของศาลเจ้าและวัดที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 3 แห่งในเขตศักดิ์สิทธิ์แนวภูเขาคิอิ (Kii Mountain) นั่นก็คือ Kumano Hongu Taisha, Kumano Hayatama Taisha และ Kumano Nachi Taisha ที่ตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางแสวงบุญ Kumano Kodo ดูรายละเอียด >> ที่นี่
ซึ่งสถานที่แรกที่เราจะมาในวันนี้ เป็นจุดที่มีชื่อเสียงที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยว นั่นก็คือ ศาลเจ้าคุมะโนะนาจิไทชะ (Kumano Nachi Taisha) ศาลเจ้านิกายชินโตที่ตั้งอยู่บนภูเขานาจิ สูง 350 เมตรเหนือน้ำทะเล โดยมีต้นกำเนิดตามความเชื่อโบราณโดยการสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้นเพื่อบูชาน้ำตกนาจิ
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาทำการของสำนักงานดูแลศาลเจ้า: 6.00-16.30 น.
จุดชมน้ำตก: ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 200 เยน / เวลาเข้าชม: 7.00-17.00 น.
หอสมบัติ Homotsuden: ผู้ใหญ่ 300 เยน เด็ก 200 เยน / เวลาเข้าชม: 8.30-16.30 น.
หอหลัก Honden สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1590 ภายในจะเก็บภาพของ Nyoirin Kannon เชื่อกันว่าท่านจะให้พรในเรื่องความมั่งคั่ง ความรุ่งเรือง และ พลัง ที่จะเปิดให้เข้าชมเพียงปีละ 1 ครั้งในเดือนกุมภาพันธ์
ปกติทางศาลเจ้าจะไม่อนุญาตให้เข้ามาในบริเวณนี้ แต่เฉพาะช่วงการซ่อม ตั้งแต่เมษา 2018 จะให้เข้ามาเป็นกรณีพิเศษ ปกติจะไม่ให้เข้ามาเลย แต่เนื่องจากภายนอกปิดซ่อมทั้
วัดในจังหวัดวะกะยะมะที่เป็นส่วนหนึ่งของ “สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และเส้นทางแสวงบุญในบริเวณภูเขาคิอิ” ได้ถูกบันทึกให้เป็นเขตมรดกโลกโดยยูเนสโก ที่มีประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปราวศตวรรษที่ 4 โดยมีสถานที่สำคัญที่เป็นหลักคือ เจดีย์ 3 ชั้นที่มีการสร้างขึ้นใหม่เมื่อปีค.ศ.1972
ภาพของเจดีย์สีแดงตั้งตระหง่านในหุบเขาและมีฉากหลังเป็นน้ำตกยักษ์ เป็นภาพที่งดงามต่อสายตาทุกคู่และช่างภาพทั่วโลก
ต่อจากนั้นเราจะเดินต่อไปชมน้ำตกกันแบบใกล้ๆกัน
น้ำตกยักษ์นาจิ (Nachi-no-Otaki) มีความสูง 133 เมตร และกว้าง 13 เมตร เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น และสามารถมองเห็นได้ในระยะไกลจากมหาสมุทรแปซิฟิก บริเวณโดยรอบรายล้อมไปด้วยป่าดิบชื้นให้ความรู้สึกขลัง ได้รับการปกปักษ์รักษามาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยโบราณ และใช้ในการฝึกฝน Shugendo สำหรับพระ และผู้ที่เลื่อมใสในศาสนา
หลังจากที่พิชิตเป้าหมายแรกกันไปแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางเข้าสู่ที่พักในคืนนี้ ถ้าได้มาเที่ยวแถบนี้แล้ว แนะนำให้พักในเมืองน้ำพุร้อนชื่อดัง คะวะยูอนเซ็น (Kawayu Onsen) ซึ่งที่พักที่เราเลือกพักในครั้งนี้ชื่อว่า Kawayu Midoriya
ที่พักแห่งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในที่พักที่ใหญ่ที่สุดในบริเวณคะวะยูอนเซ็น ให้บริการทั้งห้องสไตล์ญี่ปุ่นและสไตล์ตะวันตกโดยห้องแบบญี่ปุ่นจะมีหน้าต่างที่เปิดไปจะได้พบกับวิวของแม่น้ำโอโตะ ด้านหลังโรงแรมจะมีบ่อน้ำพุ้อนกลางแจ้งที่ทำจากหินแบบธรรมชาติ ให้ได้ดื่มด่ำกับอากาศอันบริสุทธิ์ไปพร้อมกับเสียงลำธาร ราคาห้องพักเริ่มต้นที่ 10,000 เยน ต่อห้อง >> จองที่นี่
คะวะยูอนเซ็น (Kawayu Onsen) ชื่อนี้มีที่มาจากคำว่า Kawa ที่แปลว่า แม่น้ำ และ Yu แปลว่า น้ำร้อน ซึ่งรวมกันแล้วหมายถึงว่า ในแม่น้ำสายนี้มีน้ำพุร้อนผสมอยู่จึงมีลักษณะพิเศษกว่าเมืองน้ำพุร้อนที่อื่นคือ สามารถแข่ออนเซ็นในแม่น้ำได้เลยนั่นเอง ว่ากันว่า ไม่ว่าจะขุดตรงไหนก็จะพบกับน้ำพุร้อน หากนักท่องเที่ยวจะลองขุดและแช่ในบ่อส่วนตัวของตัวเองก็ทำได้
ระหว่างเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการไปแช่บ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้ง เซ็นนินบุโระ (Sennin-buro) ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติมาตั้งแต่สมัยโบราณ คำว่า Sennin 仙人 มีความหมายว่า ฤาษี ส่วน Buro แปลว่า อาบน้ำ โดยบ่อนี้มีขนาด 40×15 เมตร ลึกประมาณ 60 เซนติเมตร น้ำพุร้อนมีอุณหภูมิสูงถึง 73 องศา แต่ได้ผสมกัยน้ำในแม่น้ำจนมีระดับอุณหภูมิที่พอดีสำหรับการแช่คือ ประมาณ 40 องศา แต่อย่างไรก็ตามอุณหภูมิเปลี่ยนบ่อยขึ้นอยู่กับกระแสน้ำและปริมาณน้ำฝน
สามารถไปแช่ได้อย่างอิสระ ตั้งแต่เวลา 6.30-22.00 น. ไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถนำผ้าเช็ดตัวและใส่รองเท้าแตะจากที่พักไปได้ เนื่องจากพื้นเป็นก้อนหิน อาจบาดเท้าได้ ควรจะใส่รองเท้าแต่ออกมา
จากคะวะยูอนเซ็น โดยสารรถ Kumano Kotsu Bus มายังอีกหนึ่งจุดหมายสำคัญของวันนี้ นั่นคือ Kumano Hongu Taisha
ศาลเจ้าคุมะโนะฮงงูไทชะ (Kumano Hongu Taisha) มีที่ตั้งเดิมอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำคุมะโนะและแม่น้ำโอโตะนะชิ เรียกว่า โอยุโนะฮะระ (Oyunohara) ในตำนานได้กล่าวไว้ว่าเทพเจ้าคุมะโนะ ได้ลงมาสถิตบนโลกมนุษย์ในร่างของพระจันทร์ 3 ดวง และกลายเป็นต้นโอ๊คขนาดใหญ่บนพื้นที่แห่งนี้ เส้นทางแสวงบุญ Kumano Kodo ทุกสายจึงได้มาบรรจบกัยในสถานที่แห่งนี้นั่นเอง
ชาวบ้านสร้างศาลเจ้าให้กับเทพารั
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาทำการสำนักงานศาลเจ้า: 8.00-17.00 น.
ค่าเข้าชมหอสมบัติ Homotsuden: ผู้ใหญ่ 300 เยน, เด็ก 100 เยน เวลาทำการ: 9.00-16.00 น.
Jinmu Tenou ข้ามจากคิวชูมาฮอนชูเพื่อมาสร้
ทางเข้าของโอยุโนฮะระ ที่ตั้งเดิมของศาลเจ้าคุมะโนะฮงงูไทชะ ซึ่งมีพื้นที่ใหญ่กว่าที่ตั้งปัจจุบัน 8 เท่า จะพบกับเสาโทริอิขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีขนาดสูง 33.9 เมตรกว้าง 42 เมตร และมีน้ำหนักถึง 172 ตัน จึงมีชื่อเรียกว่า โอโทริอิ (Otorii) คำว่า O แปลว่า ใหญ่ สร้างขึ้นด้วยเหล็ก เมื่อปีค.ศ.2000 และใช้เวลาสร้างนานรวม 1 ปี และจะมีการเปิดไฟในช่วงงานเทศกาลสำคัญ อาทิ เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ Kumano Hongu Taisha, เทศกาลไฟ Yata-no-Hi Matsuri และช่วงปีใหม่
การเดินทาง: จากสถานี Shirahama โดยสารรถบัสมาลงที่ป้าย Hongu-Taisha-mae 本宮大社前 ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที ดูตารางรถบัส >> ที่นี่
ศาลเจ้าฮายะทะมะไทชะ (Hayatama Taisha) อีกหนึ่งใน 3 ศาลเจ้าที่มีความสำคัญของคุมะโนะ ตั้งอยู่ในเมืองชิงงู (Shingu) บริเวณปากแม่น้ำคุมะโนะ ในช่วงวันที่ 16 ตุลาคมจะมีการจัดงาน Mifune Matsuri การแข่งขันเรือ 9 ลำที่ขับเคลื่อนโดยเหล่าหนุ่มรูปร่างกำยำ ในแม่น้ำคุมะโนะ ไปยังเกาะมิฟุเนะจิมะ (Mifune-jima) ต้นกำเนิดของพลังอันศักดิ์สิทธิ์
ฮายะทะมะ (Hayatama) ต้นสน Nagi อายุพันกว่าปี ใบของมันฉีกขาดยาก ชาวญี่ปุ่นจึงเชื่อว่า ถ้านำกลับบ้านเป็นเครื่องราง จะช่วยให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้น ไม่ขาดง่าย
ก่อนเดินทางต่อไปยังเมืองต่อไป เราแวะร้านน้ำแข็งใส Nakakoriten เปิดตลอดปี หน้าหนาวก็กินได้ ใช้น้ำของแม่น้ำจากธรรมชาติ จากเมือง kozagawa กินแล้วไม่ปวดหัว สัมผัสนุ่ม แม้แต่ในช่วงหน้าหนาวเราก็สามารถทานน้ำแข็งใสอร่อยๆได้ที่นี่ โดยเมนูที่ต้องลองคือ น้ำเเช็งใสรูปแตงโม ดูรายละเอียดได้ >> ที่นี่