เมื่อพูดถึงประเทศญี่ปุ่นในด้านของการท่องเที่ยวนั้น สิ่งที่ถูกกล่าวถึงก็คือระบบการคมนาคมขนส่งที่สะดวกสบาย แพร่หลายครอบคลุมไปทั่วทุกหัวเมืองใหญ่ ด้วยความแม่นยำของตารางการเดินรถ ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถที่จะจัดการตารางการเดินทางได้อย่างง่ายดาย
แต่บางสถานที่โดยเฉพาะในส่วนของต่างจังหวัดและชนบท การคมนาคมขนส่งสาธารณะอาจจะยังเข้าไปไม่ถึงในบางจุด นักท่องเที่ยวจึงจำเป็นที่จะต้องใช้บริการเช่ารถขับ ซึ่งถ้าคำนวณค่าใช้จ่ายในการเดินทางแล้ว อาจจะพอกับการใช้พาสรถไฟเที่ยว แต่เพิ่มความคล่องตัวได้มากกว่า
การเช่ารถขับท่องเที่ยวนั้นจะคุ้มค่ามากยิ่งขึ้นเมื่อเดินทางกันหลายคน ช่วยเพิ่มความอิสระในการเดินทาง ดื่มด่ำกับบรรยากาศระหว่างเส้นทางซึ่งเราอาจจะไม่ได้สัมผัสถ้าใช้บริการรถสาธารณะ สำหรับมือใหม่ที่อยากจะเช่ารถขับท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น ในบทความนี้เราจะแนะนำข้อควรรู้และข้อปฎิบัติก่อนเช่ารถขับกันครับ
ขั้นตอนที่ 1: เตรียมเอกสาร
ก่อนเดินทาง เราสามารถเตรียมเอกสารดังต่อไปนี้ ได้จากไทย
1.1 ใบขับขี่สากล สามารถทำได้ที่กรมการขนส่งทางบกทั่วประเทศ ขั้นตอนนั้นไม่ยุ่งยากและไม่ซับซ้อนเหมือนการทำใบขับขี่ทั่วไป เพียงมีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์แล้วแสดงพร้อมเอกสารต่างๆเช่นบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมรูปถ่ายขนาด 2 นิ้วจำนวน 2 รูป และค่าใช้จ่ายในการทำ 505 บาท มีอายุอยู่ได้ 1 ปี โดยวันเดินทางนั้นผู้ขับจะต้องนำใบอนุญาตขับขี่รถยนต์สากลตัวจริงไปแสดงด้วย
1.2 พาสปอร์ต แน่นอนว่าการเดินทางไปต่างประเทศ จะต้องใช้พาสปอร์ตในการเข้าออกประเทศ และใช้แสดงตัวตน เมื่อทำการเช่ารถขับในญี่ปุ่นอีกด้วย
1.3 ใบจองรถ ทำการจองรถ และปรินท์ใบจองที่ได้รับการยืนยัน และมีหมายเลขการจองให้พร้อม
จองรถขับเที่ยวในญี่ปุ่นกับ Japan Intouch Travel ตัวแทนอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของ Nippon Rent–A–Car มีเจ้าหน้าที่คนไทยอำนวยความสะดวกตั้งแต่การเลือกรถ ขั้นตอนการจอง ไปจนถึงการบริการช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาและที่สำคัญ ถ้าจองผ่านช่องทางนี้ รวมประกันภัยที่ครอบคลุมทุกอย่างแล้ว หมดกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ยังได้ราคาถูกกว่าจองตรงกับญี่ปุ่นอย่างแน่นอน
- [A] โปรโมชั่นรับฤดูใบไม้ร่วง เพียงแจ้งโค้ด “Tiewyeepoon” รับส่วนลดค่าเช่ารถทันที 5% สำหรับเช่าไม่เกิน 5 วัน และ 10% สำหรับเช่าตั้งแต่ 5 วันขึ้นไป*
- [B] ยังไม่พอ พิเศษเมื่อจองรถล่วงหน้า ก่อนรับรถ 20 วัน ฟรี Pocket Wi-Fi ใช้อินเตอร์เน็ตได้ไม่จำกัด ตามจำนวนวันที่เช่ารถ
- [C] พิเศษ สำหรับลูกค้าที่รับรถที่สนามบินนานาชาติโตเกียว ทั้งนาริตะและฮาเนดะ รับฟรี คูปองช๊อปปิ้งที่ Mitsui Outlet park มูลค่า 1000 เยน >> รายละเอียด
*ส่วนลดเฉพาะค่าเช่ารถ สงวนสิทธิ์เฉพาะรถรุ่น S-S, W-H, W-A และ W-C Class เท่านั้น
รับสิทธิ์ได้ ตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 2560
TAT Licence No. 11/08229
เบอร์โทร: 02–251–9648 HOTLINE : 088-678-4999
Line: @japanintouch
Facebook: Japanintouch
ขั้นตอนที่ 2: การจองรถ
แนะนำการจองรถ Japan Intouch Travel ตัวแทนอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของ Nippon Rent-A-Car ผู้ให้บริการเช่ารถขนาดใหญ่ โดยมีจุดเด่นคือ มีสาขามากกว่า 500 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น, รถใหม่อายุไม่เกิน 3 ปี, มีให้เลือกหลายรุ่นหลายยี่ห้อ, สาขาเปิดให้บริการ 24 ชม. (**บางสาขา), รับและคืนรถต่างสาขาได้ รถทุกคันมี GPS ภาษาอังกฤษ และสายต่อฟังเพลงในรถยนต์
โดย Japan Intouch Travel จะมีเจ้าหน้าที่คนไทยที่พร้อมจะอำนวยความสะดวกตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกรถให้เหมาะสมกับการใช้งาน รวมไปถึงบริการช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่น
ข้อมูลสำคัญที่เราจะต้องแจ้งกับทางบริษัทเช่ารถยนต์ มีดังต่อไปนี้
- ชื่อและนามสกุลของผู้ขับขี่
- วันและเวลารับรถ
- สถานที่รับรถ
- รุ่นของรถยนต์ที่ต้องการ
- จำนวนผู้โดยสาร
- จำนวนเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ขวบ (เพื่อเสริมเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก)
- หมายเลขโทรศัพท์ของผู้ขับขี่
- วันและเวลาคืนรถ
- สถานที่คืนรถ
จองได้ที่นี่ >> เบอร์โทร: 02–251–9648 HOTLINE : 080–441–6760
Line: @japanintouch Facebook: Japan Intouch
ขั้นตอนที่ 3: ยื่นเอกสารที่สาขา
เมื่อเดินทางถึงประเทศญี่ปุ่น ขั้นตอนการรับรถเมื่อเดินทางมาถึงก็ไม่ยาก เพียงเดินทางไปยังสาขาที่ทำการเลือกไว้สำหรับรับรถ และเตรียมเอกสารที่เราเตรียมมาจากไทย คือ พาสปอร์ต ใบขับขี่สากลและใบจองรถ ให้พร้อม
ยื่นให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจเอกสาร เซ็นต์รับเอกสาร จากนั้นเจ้าหน้าที่จะทำการอธิบายกฏระเบียบเบื้องต้นเกี่ยวกับการขับขี่ ดังนี้
ประเภทของประกันภัย และความคุ้มครอง โดยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ
– Collision Damage Waiver (CDW) ประกันคุ้มครองอุบัติเหตุทั้งตัวเราและคู่กรณี
(แนะนำให้เลือกแผน Recommended Course + CDW ที่จะรวม Roadside Service, การช่วยเหลือทางโทรศัพท์, ส่วนลด 50% กรณีคืนรถช้า และ ยกเว้นค่าปรับการคืนรถก่อนกำหนด) * Regular Course จะมีแต่รถอย่างเดียว ไม่มีการคุ้มครองใดๆ
– Non Operation Charge (NOC) ค่าเสียโอกาสในการปล่อยรถเช่าต่อ เมื่อรถเสียหรือเกิดอุบัติเหตุ ปกติจะมีค่าใช้จ่าย 20,000 เยนในกรณีขับกลับ และ 50,000 เยนในกรณีต้องลากกลับ (แนะนำให้ทำแผน NOC ECO เพียง 432 เยน ต่อวัน)
- กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน รถเสียหรืออุบัติเหตุ โดยเจ้าหน้าที่จะอธิบายอย่างละเอียด อาทิเช่น กรณีที่เกิดอุบัติเหตุ ในกรณีไม่รุนแรงต้องปฎิบัติตัวอย่างไร เช่นเกิดรอยขีดข่วนหรือรอยบุบต้องแจ้งตำรวจและทางบริษัทให้เช่ารถ หรือว่าในกรณีเกิดอุบัติเหตุแล้วมีผู้บาดเจ็บจะต้องทำอย่างไร โดยเบอร์ติดต่อในกรณีฉุกเฉินมี 3 วิธีคือ 119, 110 และ Toll Free 0120-220-865
**หากมีเหตุแต่ผู้ขับขี่ไม่ได้แจ้งถึงความเสียหายของตัวรถต่อตำรวจและบริษัทให้เช่ารถ บริษัทรถและบริษัทประกันภัยอาจสงวนสิทธิ์ในการคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้น**
- Safety Check & Safety Advice เอกสารให้ผู้เช่ารถทำอ่านเองสำหรับมาตรฐานและข้อแนะนำด้านความปลอดภัย
จองรถขับเที่ยวในญี่ปุ่นกับ Japan Intouch Travel ตัวแทนอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของ Nippon Rent–A–Car มีเจ้าหน้าที่คนไทยอำนวยความสะดวกตั้งแต่การเลือกรถ ขั้นตอนการจอง ไปจนถึงการบริการช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาและที่สำคัญ ถ้าจองผ่านช่องทางนี้ รวมประกันภัยที่ครอบคลุมทุกอย่างแล้ว หมดกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ยังได้ราคาถูกกว่าจองตรงกับญี่ปุ่นอย่างแน่นอน
- [A] โปรโมชั่นรับฤดูใบไม้ร่วง เพียงแจ้งโค้ด “Tiewyeepoon” รับส่วนลดค่าเช่ารถทันที 5% สำหรับเช่าไม่เกิน 5 วัน และ 10% สำหรับเช่าตั้งแต่ 5 วันขึ้นไป*
- [B] ยังไม่พอ พิเศษเมื่อจองรถล่วงหน้า ก่อนรับรถ 20 วัน ฟรี Pocket Wi-Fi ใช้อินเตอร์เน็ตได้ไม่จำกัด ตามจำนวนวันที่เช่ารถ
- [C] พิเศษ สำหรับลูกค้าที่รับรถที่สนามบินนานาชาติโตเกียว ทั้งนาริตะและฮาเนดะ รับฟรี คูปองช๊อปปิ้งที่ Mitsui Outlet park มูลค่า 1000 เยน >> รายละเอียด
*ส่วนลดเฉพาะค่าเช่ารถ สงวนสิทธิ์เฉพาะรถรุ่น S-S, W-H, W-A และ W-C Class เท่านั้น
รับสิทธิ์ได้ ตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 2560
TAT Licence No. 11/08229
เบอร์โทร: 02–251–9648 HOTLINE: 080–441–6760
Line: @japanintouch
Facebook: Japanintouch
ขั้นตอนที่ 4: การส่งมอบรถ
หลังจากรับทราบข้อกำหนดต่างๆแล้ว จะเป็นขั้นตอนของการตรวจเช็คสภาพรถ เจ้าหน้าที่จะพาเดินเช็ครอบคัน ให้เราเซ็นรับทราบว่ามีรอยบุบหรือขีดข่วนตรงไหนบ้าง
ต่อมาเป็นการสอนวิธีใช้เครื่องนำทาง Navigation System (GPS) ซึ่งระบบที่ประเทศญี่ปุ่นจะใช้เป็น Map Code หรือกรอกเบอร์โทรศัพท์ลงไป ช่วยให้การขับรถของคุณแม่นยำและถึงจุดหมายโดยไม่ผิดพลาด เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะส่งมอบกุญแจรถ เราก็สามารถขับรถออกเดินทางกันได้เลย
บัตรทางด่วน ETC
อีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในการเช่ารถขับท่องเที่ยว โดยเฉพาะการขับรถข้ามจังหวัด คือ ETC Card บัตรที่ใช้เป็นค่าผ่านทางด่วน มีลักษณะคล้ายกับ Easy Pass ของไทย บัตรที่จะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องเสียเวลาจ่ายเงินสดให้ยุ่งยาก โดย Nippon Rent-A-Car มีให้บริการเช่า ETC Card ด้วยเช่นกัน
การทำงานของบัตร ETC Card ระบบจะบันทึกการใช้ทางด่วนของรถเราเอาไว้ ตลอดการเดินทาง และเมื่อทำการคืนรถ จะมีข้อมูลสรุปการใช้ทางด่วนออกมาให้ จากนั้นผู้ขับขี่จะต้องค่าทางด่วนตามจริงที่เราใช้ไป สำหรับค่าทางด่วนนั้นตีไปคร่าวๆ ประมาณ 25 เยนต่อ 1 กิโลเมตร สำหรับค่าเช่าจะมีอัตรา 324 เยน สำหรับการเช่าไม่เกิน 7 วัน และ 1,080 เยน สำหรับการเช่า 7 วันขึ้นไป
ตัวอย่างใบสรุปการใช้ทางด่วน จากบัตร ETC โดยผู้เช่าจะเป็นชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดเมื่อทำการคืนรถ
บริการเสริมอื่นๆ
การเช่ารถในประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าเจ้าไหน จะมีค่าใช้จ่ายหลักของค่าเช่ารถดังที่ได้กล่าวมาแล้วคือ
- ค่าเช่ารถ
- ประกันอุบัติเหตุ (CDW)
- ประกันค่าเสียโอกาส (ECO)
นอกจากนี้ยังมีบริการเสริมอื่นๆ ดังนี้
- ค่าเบาะที่นั่งเสริมสำหรับเด็ก
- ค่าคืนรถต่างพื้นที่ กรณีที่รับรถและคืนรถคนละจังหวัด จะมีค่าคืนรถ (Drop-Off) เพิ่มเติม
- ค่าเช่าบัตรทางด่วน (ETC card)
- บัตรทางด่วนแบบเหมา (Expressway Pass) **มีให้บริการพื้น Hokkaido, Tohoku, Chubu, Shikoku และ Kyushu เท่านั้น**
- อัพเกรดเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) **มีสำหรับรถบางรุ่น**
- ยางหิมะ (Snow Tire) **สำหรับใช้ในพื้นที่ที่มีหิมะปกคลุม และมีให้บริการในบางช่วงเวลาและตามสาขาที่กำหนด**
การเติมน้ำมันรถ
ที่ญี่ปุ่นนั้นมีปั้มน้ำมันอยู่ทั่วไป มีทั้งปั้มที่มีพนักงานคอยให้บริการ และแบบ Self-Service ที่เราจะต้องไปจ่ายเงินที่พนักงานแล้วเติมน้ำมันด้วยตัวเอง โดยน้ำมันที่ใช้กันจะมีอยู่ 3 ประเภท ซึ่งจะแยกสีเป็นสัญลักษณ์ชัดเจน และใช้รหัสสีแบบนี้เหมือนกันหมดทุกปั้มทั่วทั้งประเทศ คือ
- น้ำมันเบนซินธรรมดา (92) ใช้สัญลักษณ์สีแดง
- น้ำมันเบนซิน Octane สูง (98) ใช้สัญลักษณ์สีเหลือง
- น้ำมันดีเซล ใช้สัญลักษณ์สีเขียว
หมายเหตุ: เมื่อรับรถ น้ำมันจะเติมไว้ให้แล้วเต็มถัง และเราจะต้องเติมคืนให้เต็มถังเช่นกันเมื่อทำการคืนรถ อย่าลืมเก็บใบเสร็จเอาไว้ด้วย
การจอดรถและที่จอดรถ
อย่างที่ทราบกันดีว่าที่ดินที่ญี่ปุ่นนั้นมีมูลค่าสูงมาก ที่จอดรถเกือบทั้งหมดล้วนเป็นแบบเสียเงินทั้งสิ้น โดยคิดค่าจอดรถเป็นรายครึ่งชั่วโมง เป็นต้นไป ส่วนราคาค่าจอดรถนั้นจะแตกต่างกันไปตามแต่ละสถานที่ ในเมืองจะมีราคาแพงกว่าตามชนบท ตามโรงแรมต่างๆมักจะมีบริการที่จอดรถให้กับผู้เข้าพัก บางที่อาจจะมีที่จอดรถให้ฟรี นักท่องเที่ยวควรจะตรวจสอบกับโรงแรมที่เข้าพักก่อนทำการเช็คอิน
ประเภทของรถโดยสารที่มีให้เช่าในญี่ปุ่น
ประเภทของรถที่มีให้เช่านั้นมีหลากหลาย ทั้งประเภทรถจิ๋ว (Kei Car) ที่มีขนาด 660cc รถที่ใช้พลังงานไฟฟ้า (Hybrid) ไปจนถึงรถยนต์ระดับหรู เพื่อให้เข้าใจง่าย เราจึงแบ่งรถที่มีให้เช่าตามขนาด ดังนี้
รถขนาดเล็ก สำหรับ 2-3 ท่าน พร้อมกระเป๋าเดินทางไม่เกิน 3 ใบ เหมาะสำหรับกลุ่มคู่รักหรือเพื่อนสนิทที่ไปกันไม่เยอะ
รถขนาดกลาง สำหรับ 3-5 ท่าน พร้อมกระเป๋าเดินทางไม่เกิน 4 ใบ เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก
รถประเภทมินิแวน สำหรับครอบครัว 5-7 ท่าน พร้อมกระเป๋าเดินทางไม่เกิน 6 ใบ เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ และกลุ่มเพื่อนที่ไปกันแบบยกแก๊งค์
จองรถขับเที่ยวในญี่ปุ่นกับ Japan Intouch Travel ตัวแทนอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของ Nippon Rent–A–Car มีเจ้าหน้าที่คนไทยอำนวยความสะดวกตั้งแต่การเลือกรถ ขั้นตอนการจอง ไปจนถึงการบริการช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาและที่สำคัญ ถ้าจองผ่านช่องทางนี้ รวมประกันภัยที่ครอบคลุมทุกอย่างแล้ว หมดกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ยังได้ราคาถูกกว่าจองตรงกับญี่ปุ่นอย่างแน่นอน
TAT Licence No. 11/08229
เบอร์โทร: 02–251–9648 HOTLINE : 088-678-4999
Line: @japanintouch
Facebook: Japanintouch
กฏกติกาการขับรถพื้นฐาน
กฎและข้อปฎิบัติหลักๆของการขับรถในประเทศญี่ปุ่น จะคล้ายกับประเทศไทย เช่น
- ประเทศญี่ปุ่นจะขับรถด้วยพวงมาลัยด้านขวาและขับชิดทางซ้าย
- ผู้ขับขี่จะต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไปและต้องมีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ที่ออกให้โดยหน่วยงานราชการ
- ป้ายและสัญลักษณ์บนท้องถนนส่วนใหญ่จะเป็นไปตามมาตราฐานสากล
- การเลี้ยวขวาที่สี่แยก ให้รอไฟจราจรเลี้ยวขวาหรือสามารถเลี้ยวได้ตามสัญญาณไฟเขียวปกติแต่ให้รอรถทางตรงไปก่อน และให้ทางรถที่เลี้ยวซ้ายก่อนในขณะที่กำลังเลี้ยวขวาเข้าสู่ทางร่วม
- เลี้ยวซ้ายผ่านตลอด แต่ให้ระมัดระวังคนข้ามถนนทุกครั้งก่อนเลี้ยวซ้าย
- ความเร็วในการขับรถ ในบริเวณตัวเมืองทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 30-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- บริเวณนอกเมืองความเร็วจะอยู่ที่ 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- บนทางด่วนจะจำกัดความเร็วอยู่ระหว่าง 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- คาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง
- สำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปี จะต้องมีที่นั่งสำหรับเด็กโดยเฉพาะ
- ที่สำคัญอย่างยิ่ง การดื่มแอลกอฮอล์และขับรถนั้น เป็นข้อห้ามที่มีบทลงโทษร้ายแรงอย่างมาก ซึ่งผู้ขับขี่จะต้องตระหนักไว้เสมอ
เรียนรู้เพิ่มเติมได้ >> ที่นี่