รีวิวเที่ยวโอกินาว่าภาคสอง : ถนนคนเดินโคคุไซโดริ – ตรอกเฮวะโดริ – ตลาดสดมากิชิ – ร้านดองกี้โฮเต้ – ร้านโดนัทเพื่อสุขภาพ Hara Donut – Ashibina Outlet Mall – DFS Galleria (Duty Free Shop) – SAN-A Naha Main Place Department Store
Photo & Story by Aiim
สำหรับวันนี้เป็นรีวิวภาคสองแล้วของเรื่อง :หนีไปเป็นชาวเกาะสวรรค์ที่ “ โอกินาว่า ” วันนี้เราจะมาแนะนำสถานที่ที่เป็นไฮไลท์อีกแห่งหนึ่งสำหรับผู้ที่เดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดโอกินาว่านั่นก็คือ “ถนนคนเดินโคคุไซโดริ” ถนนโคคุไซโดริ (Kokusai Dori) ตั้งอยู่ ใจกลางเมืองนาฮา เมืองหลวงของโอกินาว่า ถือเป็นสุดยอดถนนช้อปปิ้งจนได้รับฉายาว่า “The Miracle Mile” เพราะแม้จะเป็นถนนสายสั้น ๆ เพียง 1.6 กม. แต่กลับ คึกคักไปด้วยผู้คน
สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านรวงนับพันร้าน ทั้งร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า โรงแรม ร้านขายของที่ระลึก และร้านงานฝีมือละลานตา ถนนสายนี้ได้รับการบูรณะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันกลายเป็นสวรรค์ของนักช้อป เริ่มช้อปกันได้เช้า 09.00 น. แต่ช่วงเย็นถึงดึก (18.00-24.00 น.) จะคึกคักสุดที่นี่ถือเป็นถนนสายหลักของเมืองนาฮาเลยก็ว่าได้
สำหรับการเดินทางมาที่ถนนคนเดินแห่งนี้ไม่ยากเลยเพียงแค่ใช้โมโนเรียลมาลงที่สถานีมากิชิ เดินลงมาจากสถานีเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงต้นทางของถนนสายช้อปปิ้งแห่งนี้อย่างง่ายดาย แต่ว่าพวกเราทดลองหลายวิธีมากเนื่องจากโรงแรมของพวกเราอยู่ไม่ไกลมากบางวันที่มีแรงฮึดมากหน่อยก็เดินชมเมืองไปเรื่อยๆ หรือวันไหนที่เดินจนขาแทบหักแล้วก็จะใช้บริการแท็กซี่มิเตอร์ ( สำหรับแท็กซี่มิเตอร์ของที่นี่จะเริ่มสตาร์ทที่ 500 เยน ซึ่งระยะทางจากถนนโคคุไซโดริไปถึงโรงแรงแรมที่พักของเรา คือ 500 เยนเท่านั้นมิเตอร์แทบจะไม่กระดิกเลย5555 แต่ขอสวงนไว้ใช้ในวันที่รู้สึกว่ากำลังลมปราณขาอ่อนแรงแล้วจริงๆเท่านั้น )
เมื่อมาถึงทั้งสองฟากฝั่งถนนจะเมไปด้วยร้านขายของฝากของโอกินาว่าเสียเป็นส่วนใหญ่คั่นระหว่างร้านด้วยร้านอาหารพื้นเมืองของโอกินาว่า และร้านขายเสื้อผ้า ร้านขายของหวานทานเล่นและร้านกาแฟบ้างประปราย
แต่ไฮไลท์ที่เราไม่อยากให้ทุกๆท่านพลาดคือตลาดสดมากิชิซึ่งที่นี่เองเป็นแหล่งรวมร้านอาหารพื้นบ้าน ของสด ที่ราคาย่อมเยาว์และได้บรรยากาศแบบโอกินาว่าแท้ๆ
วิธิไป—- จากสถานีมากิชิเดินไปตามทางเรื่อยๆ ทางด้านซ้ายมือจะพบกับตรอกที่เขียนว่าเฮวะโดริ ให้เลี้ยวเข้าไปในตรอกนั้นเดินตรงไปเรื่อยๆเลี้ยวทางขวาจะพบกับตลาดสดมากิชิ (ถ้าไปไม่ถูกสามารถถามแม่ค้าแถวนั้นได้)
ภายในตลาดจะแบ่งเป็นสองชั้น ชั้นล่างจะเป็นพื้นที่ตลาดสดคล้ายกับตลาดสดบ้านเรา ขายของสดทั่วไปอาทิเช่น อาหารทะเลซึ่งสดมากๆ และอาหารประจำถิ่นของโอกินาว่าคือ สาหร่ายพวงองุ่น ซึ่งโปรดมากกกกกกแต่ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือเราสามารถซื้ออาหารสดจากร้านอาหารด้านล่างแล้วเอาขึ้นไปให้ร้านด้านบนปรุงอาหารให้เราได้ตามชอบใจไม่ว่าจะ ย่างเนย ย่างเกลือ ทอด ปิ้ง ย่าง…. เมื่อเราเดินไปชั้นที่สองก็จะพบกับร้านอาหารหลากหลายร้านที่ขายอาหารพื้นเมือง
ที่มีชื่อเสียงที่สุดเห็นจะเป็น “โกยะจัมปุรุ” หรือมะระหวานผัดไข่กับหมูสามชั้นและเต้าหู้
Umi budo หรือสาหร่ายพวงองุ่นจิ้มกับซอสคล้ายๆกับโชยุ รสชาดกรุบกรอบคล้ายกับทานไข่ปลา
และปิดท้ายด้วยกุ้งย่างเกลือบีบเลมอนลงไปอร่อยอย่าบอกใคร
หลังจากอิ่มท้องแล้วพวกเราก็ไปเดินเล่นซื้อของฝากกันต่อ ที่มีชื่อเสียงที่สุดของที่นี่คือ ขนมทาร์ตมันม่วง และ คิทแคทมันม่วงซึ่งมีที่โอกินาว่าเพียงที่เดียวเท่านั้น
เมื่อช้อปปิ้งของฝากกันพอใจแล้วก็อยากจะแวะนั่งพักจิบกาแฟให้หายเมื่อยขาสักนิด ตาเหลือบไปพบกับร้านโดนัทชื่อดัง Hara Donut จุดเด่นของฮาร่าโดนัทอยู่ตรงที่เป็นโดนัทที่ทำจากกากและน้ำนมถั่วเหลืองต่อยอดจากร้านแม่ 原とうふ店 hara tofu ten ที่ทำเต้าหู้ขายมานาน จึงได้ทั้งความอร่อยและได้สุขภาพไปพร้อมๆกัน รสชาดก็จะมีหลากหลายรสแตกต่างกันไปแต่รสที่เราเลือกทานคือ รสชาดออริจินัลหรือรสชาดเบสิค กัดเข้าไปคำแรกรู้สึกถึงความกรอบนอกนุ่มในพร้อมกลิ่นถั่วเหลืองอ่อนๆ ทานกับกาแฟเอสเปรสโซ่ร้อนๆช่างเข้ากันดีจริงๆ
หลังจากหายเมื่อยในตึกเดียวกับที่ตั้งของร้านโดนัทนี้เองเป็นที่ตั้งของร้านรวมสากกะเบือยันเรือรบ (พวกเราขอเรียกอย่างนั้น) oนั่นคือร้าน Don Quijote นับเป็นสวรรค์ของพวกเรามากๆ (มากยิ่งกว่าเอ้าท์เลตเสียอีก) เสียดายที่พวกเราเพิ่งมาเจอร้านนี้วันสุดท้ายก่อนจะกลับ ทั้งๆที่เดินผ่านเป็นสิบๆรอบ L หลังจากเดินกันจนร้านจะปิด มีเสียงประกาศเป็นภาษาไทยด้วย ก็เดินกันออกมาตัวเบาหวิวพร้อมถุงพะรุงพะรังกันคนละ 4-5 ถุง
รีวิว : Ashibina Outlet Mall
อาชิบิน่า เอาท์เลตมอลล์ (Ashibina Outlet Mall) เป็นเอ้าทเลตมอลล์ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองนาฮา จังหวัดโอกินาว่า สำหรับหนุ่สาวนักช้อปทั้งหลาย ต้องบอกว่า ถ้ามาที่นี่คงไม่ได้เดินมือเปล่ากลับไปแน่นอน เพราะที่เอ้าท์เลทมอลล์แห่งนี้มีร้านค้าแบรนด์ดัง ทั้งแบรนด์อินเตอร์ระดับโลก และแบรนด์ชั้นของประเทศญี่ปุ่น เป็นที่สำหรับให้นักท่องเที่ยวที่มาเยือนได้ช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมมากมายกว่า 100 แบรนด์ดัง อาทิเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ น้ำหอม นาฬิกา ฯลฯ บนพื้นที่กว่า 63,200 ตร.ม.
วิธีเดินทางไป — สามารถนั่งแท็กซี่ไปจากสนามบินนาฮาได้เลย นั่งรถบัสสาย 95 เที่ยวละ 250 เยน ส่วนสายรถบัสที่ผ่านเอ้าท์เลตแห่งนี้มีหลายสายอาทิเช่น สาย 55,56,88,98 แต่พวกเราเดินทางจากโรงแรมที่พักจึงใช้วิธีนั่งโมโนเรียลไปลงที่สถานี Akamine เมื่อลงจากสถานีจะมีรถแท็กซี่จอดอยู่สามารถไปบอกคนขับได้เลย ส่วนใครที่ขับรถไปค่าจอดรถฟรีครับ ซึ่งตามความคิดเห็นของพวกเราคิดว่าไม่ค่อยเป็นไฮไลท์มากเท่าไหร่ที่นี่เหมาะกับนักช้อปตัวจริง มีทั้งแบรนด์เนม Hi-end ไม่ว่าจะเป็น Gucci Ferramago Fossil Polo และอีกหลายๆแบรนด์ชั้นนำ
รีวิว DFS Galleria (Duty Free Shop) – SAN-A Naha Main Place Department Store
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่รักการช้อปปิ้งเป็นชีวิตจิตใจรวมถึงกระเป๋าหนักชอบของแบรนด์เนมทางเราขอเสนอ DFS Galleria (Duty Free Shop) ซึ่งเป็นห้างใหญ่มากแทบจะรวมครบทุกแบรนด์เนมมาให้เลือกซื้อหากันในราคาที่ถูกสุดๆลดแล้วลดอีกสำหรับบางสินค้าที่หมดซีซั่นไปแล้ว ที่สำคัญคือแค่แสดงพาสปอร์ตและไฟล์ทกลับคุณก็จะได้สิทธิ์เดินตัวปลิวไม่ต้องหอบของพะรุงพะรังให้เมื่อยแขนเพราะว่าสินค้าทั้งหมดที่คุณซื้อไปรับอีกทีตอนขาออกที่เค้าเตอร์ดิวตี้ฟรีที่สนามบินได้เลย
วิธีเดินทาง – ลงรถไฟโมโนเรียลที่สถานี Omoromachi จะมีทางเชื่อมเพื่อเดินเข้าสู่ตัวห้างได้เลย
เดินเลยจาก DFS Galleria (Duty Free Shop) ไปไม่ไกลนักอันที่จริงจะเรียกว่าติดกันเลยก็ว่าได้จะเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้า SAN-A Naha Main Place Department Store ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ของที่นาฮา มีสินค้าหลากหลายพร้อมทั้งซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านอาหารอีกมากมาย