Aiim: หนีไปเป็นชาวเกาะสวรรค์ที่ “ โอกินาว่า ”

หนีไปเป็นชาวเกาะสวรรค์ที่ “โอกินาว่า”
Story & Photo by Aiim

ภายหลังจากการได้ปฎิญาณตนไว้ว่าจะกลับไปเหยียบญี่ปุ่นให้ได้อย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง Pop Up Trip “ หนีไปเป็นชาวเกาะสวรรค์ที่โอกินาว่า” จึงอุบัติขึ้น….

เหตุเกิดจากการที่เพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งนางอยากไปญี่ปุ่นมากเพราะยังไม่เคยไปเลยซักครั้งประกอบกับรัฐบาลญี่ปุ่นใจดีกับคนไทยปล่อยฟรีวีซ่าอีกนางจึงโทรมาหาเราให้จัดทริปหน่อยขอเป็น โตเกียว เกียวโต หรือโอซาก้าก็ได้ ทางเราเคยไปโอซาก้ามาแล้วสองครั้งก็คิดว่าคงพาเที่ยว (แบบประหยัด) ได้ไม่ยาก….ไอ้เราตอนนั้นก็อยู่ในช่วงถังแตกจึงคิดว่าจะยกยอดไปปีหน้าละกัน แต่เหมือนฟ้าคงเห็นใจนางจึงมีข้อเสนอดีๆโดยจะออกเงินให้ก่อนแล้วค่อยมาผ่อน Last Choice… กับนาง 0 % 10 เดือน…. (เสร็จโจร)

วันนั้นทั้งวันจึงไม่เป็นอันทำการทำงานนั่งเสริชหาตั๋วราคาถูกไปมาอย่างสนุกสนาน ปรากฏว่ามีแต่ตั๋วราคาแพงมั่กๆๆ ราคาตั๋วอย่างเดียวถูกสุดก็ปาไปเกือบจะ 18,000 บาทละไหนจะค่าโรงแรมค่ากินค่าซื้อของฝากโน่นนี่นั่นอีกจะปาถะเลยถอดใจว่าคงไม่ได้ไปแล้วหละมั้ง….

สองสามวันถัดมาเหมือนโชคชะตาได้เข้าข้างคนดีอย่างเราอีกครั้ง55 หลังจากนั่งเล่นเฟสบุคไปมาเราเป็นแฟนเพจของเพจหนึ่งซึ่งชอบรวบรวมข้อเสนอดีๆ ดีลดีๆจากสายการบินต่างๆมาไว้ พลันสายตาเหลือบไปเจอแพคเกจตั๋วเครื่องบินพร้อมโรงแรมไปโอกินาว่าเริ่มต้น 13,000 กว่าบาท เราจึงรีบเข้าไปเสริชดูปรากฏว่าได้มาครอบครองแพคเกจตั๋วเครื่องบินพร้อมโรงแรมที่พักจากสายการบินฮ่องกงแอร์ไลน์ กรุงเทพ- โอกินาว่า 6 คืน 7 วัน ฟาดมาในราคา 16,123 บาท… กรีสสสสสสส!!!! แต่มีข้อแม้ว่าเราต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ฮ่องกง 1 วัน… เยี่ยมไปเลยจะได้ไปเที่ยวฮ่องกงเพิ่มอีก 1 ประเทศ แพลนคร่าวๆของพวกเรามีดังต่อไปนี้

วันแรก        กรุงเทพ- ฮ่องกง – โอกินาว่า

วันที่ 2         ถนนคนเดินโคคุไซโดริ

วันที่ 3         ปราสาทชูริ – ศาลเจ้านามิโนะอุเอะ – ชายหาดนามิโนะอุเอะ-สวนฟุคุชูเอน – ตลาดสดมากิชิ – ถนนเฮวะโดริ

วันที่ 4         Asibina Outlet Mall – DFS Galleria – ห้าง San-A Plaza ( Naha Main Place)

วันที่ 5         หมู่บ้านอเมริกันมิฮามะ (อเมริกันวิลเลจ) – ห้างอิอออน

วันที่ 6         พิพิธภัณฑ์ทางทะเล Churaumi Aquarium

วันสุดท้าย   เก็บตกซื้อของฝาก ห้างดองกี้โฮเต้ – ฮ่องกง เอ้าเลตท์ – กรุงเทพ


 

ปราสาทชูริ – ศาลเจ้านามิโนะอุเอะ – ชายหาดนามิโนะอุเอะ – สวนฟุคุชูเอน

เริ่มต้นวันใหม่ด้วยอากาศเย็นสบายประมาณ 15 องศา วันนี้เราจะไปกันที่ปราสาทชูริ หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า “ชูริโจ” สำหรับการเดินทางนั้นสะดวกลบายมากสามารถเดินทางโดยใช้โมโนเรียลลงที่สถานีสุดท้ายชื่อ Shuri jo Stations หลังจากลงรถแล้วให้เดินไปตามทางไม่ไกลมากจะเจอทางเข้าปราสาทชูริ เป็นแผ่นป้ายหินใหญ่ๆสีส้ม เดินไปเรื่อยระยะทางกว่าจะถึงตัวปราสาทนั้นค่อนข้างไกลพอสมควรแต่พวกเราก็เดินถ่ายรูปชมวิว นั่งพักเรื่อยๆ เมื่อมาถึงทางเข้าปราสาทชูริจะพบกับประตูหินศาลเจ้า Sonohyan-utaki

ประตูหินนี้ตั้งอยู่ทางด้านซ้ายของประตูชูเรอิ สร้างขึ้นในปี 1519 โดยกษัตริย์โชชิน กษัตริย์พระองค์ที่สามแห่งราชวงศ์โชที่สอง ที่ศาลเจ้าโซะโนะฮยัน นี้ กษัตริย์จะทรงสวดภาวนาเพื่อความปลอดภัยในการออกเดินทางทุกครั้ง ประตูหินนี้สะท้อนให้เห็นถึงความชำนาญในการแกะสลักหินปูนของช่างในสมัยอาณาจักรริวกิว จนได้รับการยกย่องให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมประจำชาติ และได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยแยกรายชื่อจากปราสาทชูริ หลังจากนั้นเราก็จะเดินขึ้นมาอีกนิดจะพบกับทางเข้าปราสาทชูริชั้นนอก

เมื่อเดินผ่านประตูหินนี้ไปจะพบกับประตูใหญ่สีแดงเพื่อเข้าไปถึงตัวปราสาทชั้นในต้องซื้อตั๋วเข้าไปชมด้านในตัวปราสาท ราคา 800 เยน แต่พวกเราถือตั๋ว One day pass ของรถไฟโมโนเรียลจึงได้ลดราคาไป 150 เยนตามระเบียบ

ด้านในปราสาทเป็นพิพิธภัฑ์ซึ่งเก็บรักษาข้าวของเครื่องใช้ของพระมหากษัตริย์

อันที่จริงบริเวณโดยรอบปราสาทชูริทั้งหมด หรือที่เราเรียกว่า Shuri Castle Park นั้นประกอบหมู่อาคารและสิ่งปลูกสร้างที่น่าสนใจหลายสิบจุด ซึ่งได้รับการบูรณะ และดูแลรักษาไว้เป็นอย่างดี โดยพื้นที่ทั้งหมดถูกกำหนดให้หันหน้าไปทางทิศตะวันตก และปราสาทชูริก็เป็นทั้งที่พำนักของราชารวมถึงเป็นที่ว่าการของ Shurijo Royal Government ด้วย และหลังได้รับการประกาศให้เป็นจังหวัดโอกินาวะ ปราสาทชูริจึงถูกใช้เป็นที่บัญชาการทหารของกองทหารญี่ปุ่น และยังเป็นโรงเรียนด้วย น่าเสียดายที่กองทัพสหรัฐฯ ได้เผาทำลายปราสาทชูริเสียเกือบราบคาบในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (1945) ทั้งๆ ที่ปราสาทชูริกำลังอยู่ในช่วงบูรณะ (ตั้งแต่ช่วงปี 1930) หลังสงครามที่นี่ก็ถูกใช้เป็นมหาวิทยาลัย (University of the Ryukyus) กระทั่งมีการมหาวิทยาลัยได้ที่ตั้งใหม่ ปราสาทจึงได้รับการปรับปรุงอย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน


หลังจากเต็มอิ่มกับทัวร์วัฒนธรรมของปราสาทชูริกันแล้ว พวกเราก็จะเดินทางไปกันต่อที่ศาลเจ้านามิโนะอุเอะซึ่งเป็นศาลเจ้าญี่ปุ่นประจำศาสนาชินโต สร้างขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติลงเพื่อเป็นการเตือนให้ระลึกถึงผลเสียแห่งสงคราม ที่นี่มีพิธีการในการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และขอพร เช่น การล้างมือ บ้วนปาก ให้สะอาดก่อนเคารพขอพรเทพเจ้า เป็นต้น ในช่วงงานเทศกาลต่างๆ ชาวโอกินาวามักจะมาเริ่มขบวนแห่จากศาลเจ้าแห่งนี้ เพื่อความเป็นสิริมงคลและให้มีโชคลาภ ปัจจุบันใช้เป็นที่สำหรับจัดพิธีแต่งงานของชาวโอกินาว่า

และบริเวณใกล้กันนั้นเองก็เป็นที่ตั้งของชายหาดนามิโนะอุเอะที่ชาวโอกินาว่านิยมมานั่งพักผ่อนหย่อนใจกันในวันหยุดสุดสัปดาห์…..

และอย่างที่โบราณได้กล่าวไว้ว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้องนั้นเป็นเรื่องจริงอย่างที่สุดพวกเราเดินทางกันมาร่วมครึ่งวันจึงต้องการเสบียงเพื่อใช้ในการเดินต่อเราจึงพุ่งไปที่ร้านเบนโตะชื่อดังของญี่ปุ่น  Hotto Motto มีสาขากระจายอยู่ทั่วญี่ปุ่นและที่สำคัญราคาย่อมเยาว์มากเราจึงตั้งใจว่าจะซื้อข้าวกล่องไปนั่งทานกันที่ใกล้ๆสวนฟุคุชูเอนเพื่อสร้างอรรถรถในการรับประทานอาหารไปด้วยในตัว

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยพวกเราก็มุ่งหน้าเดินไปอีกประมาณ 200 เมตรตามถนนมัตซึยาม่าก็จะพบกับสวนฟุคุชูเอน

สวนฟุคุชูเอนเป็นสวนสาธารณะที่ชาวฮกเกี้ยน สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกครบรอบ 70 ปีของการสร้างเมืองนาฮา และเป็นที่ระลึกในโอกาสครบรอบ 10 ปี ของการสถาปนาเป็นบ้านพี่เมืองน้องกับเมืองฮกเกี้ยนเนื่องจากเกาะริวกิวเป็นพื้นที่ใกล้กับเกาะไต้หวันและมลฑลฮกเกี้ยน ของจีน จึงเป็นเมืองท่าที่เปลี่ยนถ่ายสินค้า และได้รับวัฒนธรรมจากชาวฮกเกี้ยนอยู่มาก สวนนี้จึงเป็นการสร้างในแบบสไตล์จีน บรรยากาศภายในสวนร่มรื่นมากเต็มไปด้วยไม้นานาพรรณ ปลาคาร์ฟ และสวนน้ำตกในแบบสไตล์จีนที่สำคัญสวนแห่งนี้ไม่เก็บค่าเข้าชม

 แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าครับ
OkinawaShurijoญี่ปุ่นปราสาทชูริเที่ยวญี่ปุ่นเพื่อพาเที่ยวโอกินาวา
Comments (0)
Add Comment