Map Picker

เมืองน้ำพุร้อนโนโบริเบทสึ (Noboribetsu Onsen) เป็นเมืองน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงบนเกาะฮอกไกโด ทั้งออนเซนธรรมชาติ และหุบเขา Jigokudani 地獄谷 ที่เราสามารถเห็นน้ำพุร้อนพุ่งขึ้นมาจากใต้ดินตามธรรมชาติได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังเป็นแหล่งที่รวมรีสอร์ทสำหรับการพักผ่อนแช่ออนเซนที่ติดระดับต้นๆอีกด้วย นักท่องเที่ยวสามารถไปขึ้นไปบนเขาที่ Oyunuma แหล่งออนเซนจากธรรมชาติ ใครที่ยังไม่คุ้นชินกับการลงแช่น้ำพุร้อนทั้งตัว ลองมาสัมผัสความรู้สึกได้ที่นี่ เนื่องจากมี Ashiyu หรือ น้ำพุร้อนสำหรับแช่เท้า แบบธรรมชาติ อยู่ในกลางป่ากลางเขาให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองแช่กันด้วย

noboribetsu 1

noboribetsu 3

อ่านรีวิวเพิ่มเติมได้จาก : https://tiewyeepoon.com/review/footbath-noboribetsu/

ข้อมูลเพิ่มเติม

เวลาทำการ : 
เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
วันหยุด : 
เปิดทุกวัน
ค่าเข้าชม :
 ไม่มีค่าใช้จ่าย
การเดินทาง :
 จากสถานี JR Sapporo นั่งรถไฟสาย Limited Express Hokuto ใช้เวลา 75 นาที ค่าโดยสาร 3,850 เยน (ที่นั่งธรรมดา) สามารถใช้ JR Hokkaido Pass หรือ JR Pass เดินทางได้ด้วย เมื่อเดินทางถึงที่สถานี Noboribetsu แล้ว ให้เดินออกด้านหน้า เพื่อขึ้นรถบัสสาย Muroran ต่อไปที่ Noboribetsu Onsen (โซนเมืองน้ำพุร้อน Hot Spring Town ) ซึ่งตั้งห่างอยู่ออกไปบนเขา ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ค่าโดยสาร 330 เยน รถบัสจะมี 1-2 รอบต่อชั่วโมง ถ้ามากันหลายคน สามารถนั่ง Taxi ไปได้โดยค่ารถจะตกประมาณ 2500 เยน
เว็บไซต์ : –

 

 

KYUSHUSHIKOKUCHUGOKUKANSAICHUBUKANTOTOHOKUHOKKAIDO

เมืองน้ำพุร้อนโนโบริเบทสึ (Noboribetsu Onsen)

เมืองน้ำพุร้อนโนโบริเบทสึ (Noboribetsu Onsen) City

โรงเรียนชิซุทะนิ (Former Shizutani School)

โรงเรียนชิซุทะนิ (Former Shizutani School) ตั้งอยู่ที่เมืองบิเซ็น (Bizen) ในจังหวัดโอคะยะมะ (Okayama) สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1670 เป็นโรงเรียนแห่งแรกของสามัญชน และเป็นเขตมรดกทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นเมื่อปีค.ศ.2015 ถูกล้อมด้วยกำแพงหิน และวัสดุที่นำมาใช้ทำหลังคาอาคารเรียนโบราณเป็นเครื่องดินเผาของเมืองบิเซ็น ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ต้นพิซทาชิโอสัญชาติจีน ทั้ง 2 ต้นจะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองและส้ม เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงของเมือง และจะมีการประดับไฟในยามค่ำคืนด้วย ข้อมูลเพิ่มเติม เวลาทำการ: 9.00-17.00 น. ค่าเข้าชม: 400 เยน การเดินทาง: จากสถานี Yoshinaga โดยสารรถบัสท้องถิ่น ด้านหน้าสถานี ใช้เวลา 10 นาที.

หมู่บ้านฟุคิยะ (Fukiya Furusato)

หมู่บ้านฟุคิยะ (Fukiya Furusato) ตั้งอยู่ที่เมืองทะคะฮะชิ (Takahashi) ทางตอนเหนือของจังหวัดโอคะยะมะ (Okayama) เป็นหมู่บ้านโบราณที่ถูกอนุรักษ์มาตั้งแต่ยุคเอโดะ โดดเด่นด้วยอาคารบ้านเรือนที่สร้างด้วยไม้และมีหลังคาเป็นสีน้ำตาลแดง เกิดขึ้นจากการใช้วัตถุที่เรียกว่า เบ็งกะระ (Bengara) ซึ่งนิยมใช้เป็นสีทาบ้านในสมัยก่อน โดยทำมาจากจากสนิมเหล็ก ภายในหมู่บ้านมีถนนแห่งประวัติศาสตร์ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวให้ชมมากมาย เช่น บ้านของตระกูล Katayama ที่ทำการผลิตเบ็งกะระ มากว่า 200 ปี และพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจอย่าง Fukiya Folk Museum และ Bengara Museum เป็นต้น ถ้าหากเดินทางมาช่วงสุดสัปดาห์ ก็จะมีโอกาสได้ขึ้นรถบัสโบราณ Bonnet Bus ด้วย.

ถนนยีนส์โคจิมะ (Kojima Jeans Street)

ถนนยีนส์โคจิมะ (Kojima Jeans Street) ตั้งอยู่ที่เมืองคุระชิกิ (Kurashiki) ใครที่เป็นแฟนสายยีนส์เดนิม ไม่ควรพลาด เพราะที่นี่มีร้านยีนส์รวมแบรนด์ดัง โดยเฉพาะจากดีไซเนอร์ของญี่ปุ่น กว่า 30 ร้าน ที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพ ในวงการแฟชั่นยีนส์ระดับโลก ถึงแม้ว่าโคจิมะจะเป็นเพียงเมืองขนาดเล็กในจังหวัดโอคะยะมะ แต่ก็มีบทบาทสำคัญในอุตสาหรรมสิ่งทอและเสื้อผ้ามาตั้งแต่อดีตกาล หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศญี่ปุ่นได้กลายเป็นผู้ผลิตเครื่องแบบทำงาน รวมไปถึงชุดนักเรียน และกางเกงยีนส์ตัวแรกของญี่ปุ่น ก็ถูกผลิตขึ้นที่เมืองโคจิมะในช่วงปลายทศวรรษ 1960 เทคนิคพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ของกางเกงยีนส์ที่โคจิมะคือการใช้ ผ้าฝ้ายย้อมคราม (indigo dye cotton) ในยีนส์เกรดพรีเมียม โดยผสมผสานกรรมวิธีที่มีรากฐานมาจากผลิตกิโมโน ที่ถูกสืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น หลายร้อยปี ข้อมูลเพิ่มเติม การเดินทาง: จากสถานี Okayama.

ย่านเมืองเก่าทาเคฮาระ (Takehara)

ย่านเมืองเก่าทาเคฮาระ (Takehara) ตั้งอยู่ในจังหวัดฮิโรชิมะ (Hiroshima) เป็นเขตชุมชนที่ปัจุบันยังคงมีชาวบ้านอาศัยอยู่ต่อเนื่องกันมาตั้งแต่ดั้งเดิม โดยได้รับการขนานนามว่าเป็น “ลิตเติ้ลเกียวโต”  บ้านเรือนสไตล์ญี่ปุ่นโบราณของที่นี่นั้นยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี ภายในเป็นที่ตั้งของ วัดไซโฮจิ (Saihoji) ที่เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้านในทาเคฮาระมาตั้งแต่อดีต และเราสามารถขึ้นไปชมวิวเมืองในมุมสูงได้จากที่ตั้งของวัด ของฝากขึ้นชื่อของย่านทาเคฮาระ ได้แก่ เหล่าสินค้าที่ทำจากไม้ไผ่ ซึ่งสามารถพบได้ตามร้านค้า ตลอดสองข้างทาง และเพื่อเติมเต็มความรู้สึกของการเดินชมย่านการค้าย้อนยุคให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ขอแนะนำให้ลองเช่าชุดกิโมโนแบบดั้งเดิมแท้ๆ มาใส่เดินถ่ายรูป ก็จะได้บรรรยากาศมากๆเลยครับ ข้อมูลเพิ่มเติม การเดินทาง: จากสถานี JR Hiroshima นั่งรถไฟชินคันเซ็น ลงสถานี Mihara ประมาณ 20 นาที จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟ JR สาย Kure.

อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิมะ (Hiroshima Peace Memorial)

อนุสรณ์สันติภาพฮิโรชิมะ (Hiroshima Peace Memorial) หรือที่รู้จักกันในชื่อ Atomic Bomb Dome หรือ A-Bomb Dome เป็นอาคารที่อยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางของระเบิด (Hypocenter) มากที่สุด แต่โครงสร้างยังสามารถต้านทานแรงระเบิดและรังสีความร้อนได้ จนเหลือเป็นซาก ประชาชนชาวฮิโรชิมะเห็นพ้องต้องกัน จึงได้ทำการอนุรักษ์ให้เป็นอนุสรณ์เตือนใจให้เห็นถึงความรุนแรงและความโหดร้ายจากระเบิดปรมาณู ปัจจุบันได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ.1996 นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวบน ตึกฮิโรชิมะโอริซุรุ (Hiroshima Orizuru Tower) บนยอดตึกแห่งนี้เราจะได้มองเห็นทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ที่ยังมีแสงแห่งความหวังและสันติภาพของโลกใบนี้ ที่มาของชื่อตึกมาจากคำว่า “Orizuru” มีความหมายว่า นกกระเรียนกระดาษที่มีตำนานจากหญิงสาว Sadako Sasaki เด็กน้อยที่ได้รับผลกระทบจากกัมมันตภาพรังสี ที่พับนกกะเรียนกระดาษจนกลายเป็น สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ.

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Nifrel และสวน Bampaku Kinen Koen

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำรูปแบบใหม่ Nifrel ที่เพิ่งจะเปิดทำการได้ไม่นาน ตั้งอยู่ภายในบริเวณ Osaka EXPOCITY ที่นี่เป็นผลงานสร้างสรรค์โดยทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังการดูแล พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชื่อดังในโอซาก้าอย่าง Kaiyukan Aquarium พิพิธภัณท์แห่งนี้สร้างสรรค์ขึ้นมาภายใต้คอนเซ็ปต์ พิพิธภัณท์ที่มีชีวิต “Touching the sensitivity” (สัมผัสกับความสัมผัส) ดีไซน์เพื่อความสนุกสนานและเข้าถึงกับสัตว์ต่างๆเเละธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เสมือนกับสัมผัสศิลปะ เสริมสร้างจิตใจและความรับรู้ของเด็กเเละผู้ใหญ่ในเเต่ละส่วน ไม่ว่าจะเป็นเเสงหรือเสียงเพลงและรูปภาพ โดยแบ่งการแสดงออกเป็น 7 โซน “สี” “เทคนิค” “รูปร่าง” “ช่วงเวลาระทึกใจ” “ริมน้ำ” “การเคลื่อนไหว” และ “การเชื่อมต่อ” บริเวณใกล้ๆกันยังเป็นที่ตั้งของสวน Banpaku-kinen-koen ตั้งอยู่ภายใน Expo Park หรือ.

ประภาคารไดโอะซะกิ (Daiosaki Lighthouse)

ประภาคารไดโอะซะกิ (Daiosaki Lighthouse) ตั้งอยู่ที่เมืองชิมะ เป็นประภาคารสีขาวตั้งอยู่บนเนินเขาริมทะเล สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1927 มีความสูงถึง 22.5 เมตร ที่นี่นับเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวมุมสูง ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปบนยอดของประภาคาร เพื่อชมทัศนียภาพของเมืองและมหาสมุทรแปซิฟิกได้เต็มตาแบบ 360 องศา ข้อมูลเพิ่มเติม เวลาทำการ : 09.00 – 16.00 น. เปิดทุกวัน ค่าเข้าชม : 200 เยน การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Kintetsu – Utaga โดยสารรถบัสประจำทาง มาลงที่จุดจอด Daiouzaki.

กระท่อมอามะจัง ซาโตะมิอัน (Ama Hut Satomian)

กระท่อมอามะจัง ซาโตะมิอัน (Ama Hut Satomian) เรียนรู้วิถีชีวิตของเหล่า อามะจัง (Amachan) หรือหญิงสาวแห่งท้องทะเล ผู้ประกอบอาชีพประมงแบบโบราณของญี่ปุ่นมีมากว่าเป็นพันปี ผ่านพิพิธภัณฑ์กระท่อม Ama Hut Satoumian พร้อมทานอาหารทะเลสดๆ ที่จับโดยเหล่าอามะจัง แห่งเมืองชิมะ ในจังหวัดมิเอะ Ama Hut Satoumian ดัดแปลงมาจากกระท่อมที่เหล่าอามะจัง ใช้เป็นที่พักผ่อน ผิงไฟเพื่อใฟ้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย หลังจากงมของทะเลเสร็จแล้ว จึงใช้กระท่อมแห่งนี้เพื่อรับรองนักท่องเที่ยว ด้วยการเสริฟมื้ออาหารทะเลสดๆ ไม่ว่าจะเป็น กุ้งมังกรอิเสะสดๆ หอยเชลล์ตัวใหญ่ หอยซาซาเอะ ปลาหมึก ปลาหวาน ข้อมูลเพิ่มเติม เวลาทำการ.

หินแต่งงานเมะโอโตะ-อิวะ (Meoto – Iwa)

Meoto Iwa คือหินศักดิ์สิทธิ์ 2 ลูกที่ตั้งอยู่ในทะเล ในเขต Futami เมืองเล็กๆในจังหวัด Mie หินก้อนใหญ่เปรียบเสมือนสามี และหินก้อนเล็กนั้นเปรียบเป็นภรรยา ที่ครองคู่กันโดยมีเชือก Shimenawa คล้องอยู่ ตั้งอยู่ภายในเขตของศาลเจ้า Futami Okitama Jinja โดยจะมีประเพณีในการเปลี่ยนเชือกเส้นนี้ปีๆละ 3 ครั้ง ว่ากันว่า ช่วงเวลาที่ควรเดินทางมาชมที่สุดคือช่วงหน้าร้อน ซึ่งถ้าเป็นวันอากาศดีจะสามารถมองเห็นภูเขาฟูจิได้ด้วย หินแต่งงาน Meoto Iwa ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่นักเดินทางต่างมาขอพรให้สมหวังเรื่องความรัก และเป็นจุดชมวิวยามเช้าที่พระอาทิตย์จะขึ้นตรงกลางระหว่างหินทั้งสอง และในยามค่ำคืน ก็จะเป็นสถานที่ชมพระจันทร์ที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ข้อมูลเพิ่มเติม เวลาทำการ : เปิดตลอดทั้งวัน ทุกวัน.

อาคาร Yokkaichi Port Building Umiterasu 14

อาคาร Yokkaichi Port Building Umiterasu 14 ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลตอนเหนือของจังหวัดมิเอะ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1999 เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 100 ปีของการเปิดใช้ท่าเรือยอกไกจิ มีความสูง 100 เมตร นับว่าเป็นตึกที่สูงที่สุดของจังหวัดมิเอะ บริเวณชั้น 14 ของอาคารแห่งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นมาชมทัศนียภาพมุมสูง โดยในวันที่อากาศดีสามารถมองเห็นไปได้ไกลถึงภูเขาไฟฟูจิ นอกจากชมวิวแล้ว ยังจัดแสดงนิรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของท่าเรือแห่งนี้, เรือที่ใช้ในการขนส่งสินค้า อีกทั้งในยามค่ำคืนยังเป็นที่ชมแสงไฟของโรงงานในแถบท่าเรือก็สวยไปอีกแบบ ข้อมูลเพิ่มเติม เวลาทำการ : วันธรรมดา เปิดเวลา 10.00 – 17.00 น..