การเดินทางสู่เกาะใต้ของญี่ปุ่นในครั้งนี้ แปลกกว่าทุกครั้ง เพราะเราลัดเลาะไปตามเมืองเล็กๆที่เรียกว่าอยู่ทางใต้สุดของจังหวัดคาโกชิมะจริงๆ และเชื่อว่าชื่อของทั้ง 3 เมืองที่กำลังพูดถึงในครั้งนี้ น่าจะยังใหม่สำหรับใครหลายคน

kagoshima_main2

ในตอนแรกเราพาไปสองเมืองใหญ่กันมาแล้ว อ่านรีวิวตอนแรกได้ที่นี่ >> Kagoshima: ตะลุยใต้สุดเกาะคิวชู เที่ยว 2 เมืองใหญ่ Ibusuki และ Minami-Kyushu และสำหรับตอนนี้จะพาไปทำความรู้จักกับเมือง มินามิซัตสุมะ (Minami-Satsuma) , มะคุระซะกิ (Makurazaki) และ มินะมิโอสุมิ (Minami-Osumi)

01

  • เมืองมินามิซัตสุมะ (Minami-Satsuma) ตั้งอยู่สุดทางฝั่งตะวันตกของจังหวัดคะโกะชิมะ หันหน้าออกสู่ทะเลจีนตะวันออก มีอุณหภูมิเย็นสบาย เฉลี่ย 20 องศาตลอดทั้งปี มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติตลอดชายฝั่งและมีมรดกทางวัฒนธรรมมากมาย การเที่ยวที่เมืองนี้จะดำเนินไปอย่างเรียบง่ายและหากิจกรรมสนุกท้าทายที่หาทำได้ยากในเมืองใหญ่

    โดยการเดินทางมาที่เมืองนี้จากสถานี Kagoshima-chuo (หรือ สนามบินคะโกะชิมะ) สามารถโดยสารรถประจำทางวิ่งตรงมาที่ป้าย Kaseda ได้เลย ดูตารางรถบัสได้ >> ที่นี่

    จากที่พักเมื่อคืน เราออกเดินทางกันแต่เช้า เพื่อไปขี่จักรยานชมวิวเมืองที่แสนสงบกันที่ สวนฟุคิอะเกะฮะมะไคฮิง (Fukiagehama Kaihin) ซึ่งเป็นสถานที่จัด งานประติมากรรมทรายและดอกไม้ (Sand & Flower Festa) สุดยิ่งใหญ่ทุกเดือนพฤษภาคม

    การเดินทาง: โดยสารรถประจำทางลงที่ป้าย Kaseda จากนั้นโดยสารแท๊กซี่มาประมาณ 15 นาที
    เว็บไซต์

    DSC00860

    DSC00862

    แนะนำว่าถ้าใครได้มาที่สวนนี้ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ซากุระจะบานสะพรั่งทั้งสวนเลย

    DSC00876

    เช่าจักรยานไฟฟ้า 2 ชม. 500 เยน ปั่นสบาย ไกลแค่ไหนก็สู้

    DSC00873

    ใช้เวลาเกือบชม.ท้าลมหนาวไปจนถึงสะพานชมวิว Sunset Bridge

    DSC00872

    DSC00883


    จากนั้นไปที่จุดชมวิว คะเมะกะโอกะ (Kamegaoka) เป็นผาหินที่มีลักษณะคล้ายเต่า จุดที่สูงที่สุดมีความสูง 378 เมตร สถานที่แห่งนี้เคยใช้เป็นโลเคชั่นในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง 007 ตอน You Only Live Twice เป็นส่วนหนึ่งของเส้นทาง 8 สุดยอดวิวสวยแห่งเส้นทางเลียบทะเลมินะมิซัทสึมะไคโดฮัคเค (Minamisatsuma Kaido Hakkei) ที่เหมาะกับการเช่ารถขับและชมวิวตามทาง

    DSC00896

    DSC00903

    DSC00906

    DSC00925

    สำหรับใครที่ชอบกิจกรรม พาราไกลเดอร์ (Paraglider) ที่นี่เป็นจุดปล่อยตัวที่ได้รับความนิยม สามารถติดต่อที่ Team GAMELLA (โทร +81-993533751) จะมีครูผู้เชี่ยวชาญ พาเราไปล่องท้องฟ้าอย่างปลอดภัย ราคาจะคิดตามอายุ คูณด้วย 100 เยน (เช่นอายุ 30 ปี จ่าย 3,000 เยน)

    DSC00909


    แวะพักทานมื้อเที่ยงกันที่ Niinanamaru ศูนย์โอท็อปประจำเมือง อาหารเป็นแบบเรียบง่าย เหมือนฝีมือคุณแม่บ้านญี่ปุ่นทำให้ทานที่บ้าน เน้นไปที่เนื้อไก่ ตักทานได้แบบบุฟเฟ่ต์ คนละ 800 เยนเท่านั้น

    เวลาทำการ: 11.00-14.00 น. (ร้านอาหาร) / 8.00-17.30 น. (ร้านค้า)
    เว็บไซต์
    (ภาษาญี่ปุ่น)

    DSC00922


    เมืองนี้ยังเป็นที่ตั้งของ Mars Tsunuki Distillery โรงงานผลิตวิสกี้ที่เคยได้รางวัลวิสกี้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของโลกจากเวที World Whiskies Award ที่ประเทศอังกฤษมาแล้ว โดยเปิดให้เข้าชมโรงงาน เรียนรู้ประวัติ ข้อมูลต่างๆ รวมถึงขั้นตอนสายการผลิต กันแบบฟรีๆ

    เวลาทำการ: 9.00-16.00 น.
    การเดินทาง: โดยสารรถประจำทางลงที่ป้าย Kami-tsunuki 上津貫 และเดินต่อประมาณ 15 นาที
    เว็บไซต์

    DSC00965

    มีส่วนของคาเฟ่ให้ได้นั่งดื่มด่ำกันด้วย

    DSC00963


    ค่ำคืนนี้เรานอนกันที่ Matsuya Ryokan ที่พักขนาดเล็กที่มีห้องพักเพียง 5 ห้อง แต่ว่าการตกแต่งของแต่ละห้องนั้นสวยงามราวกับพักเรียวกังมีระดับ เหมาะสำหรับการเดินทางมาพักแบบครอบครัว สนนราคาเริ่มต้นเพียง 5,000 เยนต่อคน

    การเดินทาง: จากสวนฟุคิอะเกะฮะมะไคฮิง ขับรถมาประมาณ 7 นาที
    เว็บไซต์

    DSC00830

    DSC00834

    DSC00831

    มีห้องอาบน้ำรวมพร้อมบ่อแช่น้ำพุร้อน

    DSC00842

    รวมอาหารมื้อเย็นและมื้อเช้าแสนอร่อย

    DSC00853

  • เมืองมะคุระซะกิ (Makurazaki) ตั้งอยู่ทางตอนล่างติดกับเมืองมินามิซัตสุมะ และที่เมืองนี้เป็นที่ตั้งของ สถานีรถไฟ Makurazaki สถานีสุดท้ายของ Japan Railways (JR) ที่อยู่ใต้ที่สุดของญี่ปุ่น

    DSC00997

    ด้านหน้ามีรูปปั้นจำลองภาพเหตุการ์ณในอดีตที่จะมีหญิงพาลูกมาขายปลาอยู่หน้าสถานี โดยผู้เป็นสามีจะเดินทางออกทะเลไปจับปลา แต่บางครั้งก็หายไปติดต่อไม่ได้และไม่กลับมาอีกเลย ทำให้ภรรยาและลูกต้องรอคอยไปตลอดกาล

    DSC00998

    ป้ายระบุว่าเป็น สถานีเริ่มต้น และสถานีสุดท้าย ณ จุดใต้สุดของ JR

    DSC01002

    เส้นทางวิ่งระหว่าง Makurazaki <-> Kagoshima-chuo

    DSC01005


    เมืองนี้มีชื่อเสียงในเรื่องของปลาคัทสุโอะ ที่เราจะมาลองชิมกันแบบสดๆที่ Sakana Center หรือ Fish Center ศูนย์รวมอาหารทะเลที่จำหน่ายของสดจากท่าเรือมะคุระซะกิ

    การเดินทาง:
    เว็บไซต์

    DSC01108

    ชมวิธีการต้มน้ำซุปจากปลาคัทสุโอะ (Katsuodashi)

    DSC01117

    สาธิตวิธีการแล่ปลาคัทสุโอะพร้อมย่างโดยใช้ฟางให้ได้ชมกันด้วย (ต้องทำการจอง 1 วันล่วงหน้า ราคา 1,500 เยน)

    DSC01120

    DSC01133

    คัทสุโอะทะทะกิ วิธีการย่างให้สุกแค่ส่วนนอก

    DSC01140

    ข้าวหน้าปลาคัตสุโอะ เนื้อหวานนุ่ม ไม่คาวเลย ราคา 880 เยน

    DSC01138

    และในเมืองยังเป็นที่ตั้งของโรงงาน Marumitsu Suisan ผลิตปลาคัทสุโอะแห้ง (Katsuobushi) มานานกว่า 30 ปี

    DSC01146


    อีกหนึ่งจุดชมวิวที่ไม่ควรพลาด และจะสวยมากถ้าหากได้มาตอนช่วงพระอาทิตย์ตก นั่นก็คือ สวนฮิโนะคะมิ (Hinokami Park) ที่ว่ากันว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของคาบสมุทรซัทสุมะ ที่จะได้พบกับความงามที่สรรสร้างจากธรรมชาติอย่างแท้จริง

    การเดินทาง: จากสถานี Makurazaki โดยสารรถแท๊กซี่ 10 นาที
    เว็บไซต์

    DSC00983

    DSC00994


    โรงกลั่นเหล้าเมจิกุระ (Meijigura) ที่เปิดมานานกว่าร้อยปีตั้งแต่สมัยเมจิ ผลิตเหล้าโชจูที่ทำจากมันหวานอิโมะ ซึ่งที่คาโกชิม่าเป็นแหล่งปลูกมันหวานที่ใหญ่ที่สุดของโลกเลยทีเดียว สามารถเข้าชมโรงงานได้ฟรี

    เวลาทำการ: 9.00-16.00 น.
    การเดินทาง: จากสถานี Makurazaki โดยสารรถแท๊กซี่ 5 นาที
    เว็บไซต์

    DSC00966


    ค่ำคืนนี้เราเข้าพักกันที่ Makurazaki Kankou Hotel Iwato ที่สามารถชมวิวริมทะเลได้ สนนราคาเริ่มต้น 5,500 เยนต่อคน

    การเดินทาง: จากสถานี Makurazaki เดิน 15 นาที หรือโดยสารรถแท๊กซี่ 5 นาที
    เว็บไซต์

    DSC01019

    DSC01024

  • เดินทางสู่จุดใต้ที่สุดของคาโงะชิมะที่ เมืองมินามิโอสุมิ (Minami-Osumi) หลายคนเคยไปพิชิตจุดเหนือสุดของญี่ปุ่นกันมาแล้วที่ฮอกไกโด ครั้งนี้เราจะไปพิชิตจุดใต้สุดของญี่ปุ่นแผ่นดินใหญ่ (ไม่นับโอกินะวะ) กันบ้าง โดยประกอบไปด้วย 2 เมืองย่อยคือ เนจิเมะ (Nejime) และ ซะตะ (Sata) ที่มีบรรยากาศชนบทแสนสงบ และมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจดังนี้

    ตั้งต้นที่ท่าเรือเนจิเมะ (Nejime Ferry Port) ซึ่งเราสามารถโดยสารเรือเฟอร์รี่มาจากอิบุซุกิได้ เส้นทาง (Yamagawa-Nejime) ใช้เวลา 50 นาที


    ศาลเจ้าสุวะ (Suwa Shrine) ที่มีเสาโทริอิ ประตูทางเข้าศาลเจ้า 2 ทาง ซึ่งหาเจอได้ยากในญี่ปุ่น ประตูซ้ายเป็นทางเข้า ส่วนประตูขวาเป็นทางออก ศาลเจ้าหันไปทางทิศตะวันตก (ทิศเดียวกับอิซุโมะไทฉะ ที่จังหวัดชิมะเนะ) และยังมีตำนานที่เล่าขานกันมาอย่างมากมาย ที่ยังสรุปสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้ว่าทำไมถึงต้องมีสองประตู บ้างก็ว่าในอดีตมี 2 ศาล ต่อมาเทพเจ้า 2 องค์มาอยู่รวมกัน จึงได้รวมเป็นศาลเดียว

    หมายเหตุ: ศาลเจ้าที่มีโทริอิคู่แบบนี้ ในคิวชูมีทั้งหมด 9 แห่ง และมีที่จังหวัดคะโกะชิมะ 2 แห่งคือ Togocho และที่นี่

    เว็บไซต์

    DSC01178

    ศาลเจ้าแห่งนี้ ชาวบ้านนิยมมาขอพรกันในเรื่องของความรัก ขอคู่ และขอให้มีลูก คลอดลูกได้ปลอดภัย

    DSC01184

    จุดชมพระอาทิตย์ตกดิน ระหว่างทางขับรถเที่ยวที่เมืองมินามิโอสุมิ หันหน้าไปทางเมืองอิบุซุกิ

    DSC01194

    DSC01204

    Sataday-Go ล่องเรือท้องกระจกชมแนวประการังใต้ทะเล ที่แหลมซะตะ วันไหนที่คลื่นไม่แรง ก็จะได้ชมปะการังได้สวยงาม และถ้าโชคดีก็จะได้เจอเต่าด้วย ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

    เวลาทำการ: 9.00-15.20 น.
    ค่าโดยสาร: ผู้ใหญ่ 2,000 เยน เด็ก 1,000 เยน
    เว็บไซต์

    DSC01213

    DSC01216

    DSC01225

    เดินทางต่อมายัง แหลมซะตะ (Cape Sata) จุดใต้สุดของญี่ปุ่นแผ่นดินใหญ่ ต้องเดินลอดอุโมงค์ และเดินตามทางเข้าไปเรื่อยๆจนถึงจุดชมวิว รถไม่สามารถผ่านเข้าไปได้

    DSC01236

    DSC01243

    บริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของ ศาลเจ้ามิซะกิ (Misaki Shrine) ศาลเจ้าที่อยู่ใต้สุดของญี่ปุ่น ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้า 2 องค์คือ Izanagi และ Izanami เทพเจ้าที่คุ้มครองแผ่นดินญี่ปุ่น และชาวญี่ปุ่นนิยมเดินทางมาเพื่อชมพระอาทิตย์แรกของปีที่นี่

    DSC01248

    DSC01257

    ตลอดทางเดิน สร้างไว้อย่างดี เป็นทางลาด ไม่มีบันได โดยมีจุดหมายอยู่ที่ Cape Sata Observatory

    DSC01266

    DSC01268

    เดินต่อมาเรื่อยๆที่จุดชมวิว สามารถมองเห็นไคมงได้อย่างชัดเจน

    DSC01273

    DSC01284

    DSC01287

    DSC01291

    หลังจากที่เราได้มาพิชิตจุดใต้สุดของญี่ปุ่นแผ่นดินใหญ่กันแล้ว ก็จะได้รับประกาศนียบัตรเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย

    DSC01296


    ไปทานมื้อเที่ยงกันที่ร้านโลคอลสุดๆ ที่ร้านโทคิมิ (Tokimi)

    DSC01297

    ซึ่งเมนูดังของร้านนี้คือ ข้าวหน้าปลาดิบรวม (Kaisendon) ที่จะต้องจองล่วงหน้า เพราะแต่ละวันมีจำนวนจำกัด และชาวบ้าน รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ต่างก็มุ่งหน้ามาทานกันที่นี่ จนขายหมดทุกวัน โดยปลาแต่ละวันจะไม่เหมือนกัน ต่างชนิดไปขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นจะจับปลาอะไรได้ โดยคุณลุงเจ้าของร้านจะเป็นผู้ออกเรือแต่เช้ามืดเพื่อไปจับปลาจากทะเลสดๆมาทำอาหารนั่นเอง

    เวลาทำการ: 11.30-14.00 น. / 17.30-22.00 น.
    เว็บไซต์

    จานนี้มีปลาทั้งหมด 9 ชนิด อาทิ Aji, Maguro, Buri, Katsuo, Budai, Saba, Tamatsu, Tai, Hirasoda Katsuo สนนราคาเพียง 1,200 เยน แถมให้ปริมาณเนอะมาก ถ้าทานในตัวเมืองรับรองว่าจานนี้ราคาแพงกว่านี้ 2-3 เท่าเลยละครับ

    DSC01302


    มุ่งหน้าไปยังสถานที่สุดท้าย เพื่อไปชมน้ำตกโอกะวะ ระหว่างทางเดินระยะทาง 1.2 กิโลเมตร ก็จะได้พบเจอนกกำลังหาเหยื่อด้วย แนะนำว่าถ้ามาช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วง อากาศจะเย็นสบายกำลังดี

    DSC01307

    DSC01315

    น้ำตกโอกะวะ (Ogawa no taki) มีความสูง 46 เมตร มีลักษณะเด่นคือหินที่ตัดเป็นแนวขวางซ้อนกันเป็นชั้น และมีน้ำตกไหลลงมาจากร่องชั้นหิน ไม่ใช่ไหลมาจากยอดเขา เหมือนน้ำตกทั่วไป พื้นทรายเป็นสีขาว และน้ำมีสีฟ้ามรกต เพิ่งค้นพบสถานที่แห่งนี้เมื่อไม่นานราว 5-6 ปีก่อน และมีการนำภาพไปใช้บนปฏิทินของธนาคารคะโกะชิมะ จึงทำให้ผู้คนสนใจและเดินทางมาชมมากขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องสร้างทางเดินขึ้นมา และกั้นไม่ให้ลงไปเล่นใกล้กับน้ำตก เพื่อป้องกันอันตราย

    เว็บไซต์

    DSC01329

    DSC01335

    ใกล้ๆกับบริเวณที่จอดรถตรงทางเข้า จะพบกับ aqua base cafe คาเฟ่เล็กๆให้มานั่งผ่อนคลายได้

    เวลาทำการ: 11.00-17.00 น.
    เว็บไซต์

    DSC01341

    แนะนำเมนู Ice Mint Tea ที่มีสีสันสวยงามเลียนแบบสีของน้ำตกโอกะวะ แก้วนี้ราคา 400 เยน

    DSC01350