ซากปราสาททาเคดะ (Takeda Castle Ruins) เจ้าของฉายา “Castle in the Sky” ที่ได้ชื่อเรียกนี้เพราะว่า วันที่อากาศเหมาะสมในช่วงเช้าหมอกรวมตัวหนาเราสามารถมองเห็น ฐานของปราสาทราวกับลอยอยู่เหนือท้องฟ้า และยังถูกขนานนามว่าเป็น Machu Pichu ของญี่ปุ่น ปัจจุบันปราสาทแห่งนี้เหลือแค่ตัวฐานของปราสาทเท่านั้น ตัวฐานตั้งอยู่บนเขาที่เมืองอะซะโงะ (Asago) จังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo)

Photo & Story by Reiko chan

D42_165_50Credit: Asago City

ทะเลหมอก (Sea of Clouds ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “Unkai”) มีจุดกำเนิดมาจากแม่น้ำมะรุยะมะ (Maruyama-gawa) ที่อยู่เบื้องล่าง หมอกจะลอยสูงขึ้นไปในอากาศจนถึงระดับกลางๆ ของภูเขา ทำให้เราสามารถมองเห็นฐานปราสาทล้อมไปด้วยทะเลหมอกคล้ายกับปราสาทลอยอยู่บนท้องฟ้า วิวนี้จะยิ่งสวยขึ้นไปอีกถ้ามีแสงแรกจากพระอาทิตย์ขึ้นในตอนรุ่งเช้าสะท้อนแสงสีทองไปบนเมฆ

(ปัจจัยที่ทำให้เกิดทะเลหมอกที่สวยสมบูรณ์แบบ คือ ความแตกต่างอย่างมากของอุณหภูมิในช่วงกลางคืนและกลางวัน, ความชื้นที่เหมาะสม, ท้องฟ้าต้องสดใสไม่มีเมฆ และความเร็วลมต่ำ)

ช่วงฤดูที่เหมาะสมสำหรับการขึ้นเขาชมวิวทะเลหมอกรอบฐานปราสาท เริ่มในช่วงฤดูใบไม้ร่วงไปจนถึงช่วงต้นของฤดูใบไม้ผลิ จะเห็นทะเลหมอกได้ ในช่วงเช้ามืดไปจนถึงหลังพระอาทิตย์ขึ้น (ไม่เกิน 8 โมงเช้า หรือแล้วแต่สภาพอากาศ) ช่วงที่ดีที่สุดเป็นตอนฤดูใบไม้ร่วงสามารถชมวิวนี้ได้สวยที่สุด โอกาสที่จะเห็นทะเลหมอก อยู่ที่เฉลี่ย 7-10 ครั้งต่อเดือน ในช่วงเช้าตรู่ของฤดูใบไม้ร่วง

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่ต้องการชมวิวแบบนี้ จะวางแผนนอนพักที่เมืองวะดะยะมะ (Wadayama) นั่งรถไฟเที่ยวเช้า มาลงที่สถานี Takeda และต่อแท็กซี่ไปที่จุดชมวิวของอีกยอดเขาหนึ่ง (ตัวเมืองทาเคดะ จะเป็นเมืองเล็ก ค่อนข้างเงียบ ไม่ค่อยมีร้านค้า ร้านอาหาร และโรงแรมซักเท่าไหร่)

สำหรับการเที่ยวชม สามารถทำได้ตลอดทั้งปี ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกซากุระก็จะบานเต็มสวน ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ภูเขารอบๆ ก็เต็มไปด้วยสีสัน และช่วงฤดูหนาว ทั้งภูเขาจะปกคลุมได้ด้วยหิมะ สำหรับครั้งนี้ที่ไปมาเป็นช่วงหน้าร้อน กลางเดือนพฤษภาคม แดดจะค่อนข้างแรง ฟ้าโปร่ง เมฆน้อย แต่ทางเดินขึ้นเขาจะมีร่มเงาต้นไม้ตลอดทาง พอขึ้นถึงด้านบนก็จะมีลมโชยเย็นๆให้พอหายเหนื่อย

แผนเที่ยวในครั้งนี้ เริ่มจากพักค้างคืนที่ คิโนซากิอนเซ็น (Kinosaki Onsen) เป็นเวลา 2 คืน หลังจากเดินเที่ยวเล่นในเมืองน้ำพุร้อนแล้ว อยากหากิจกรรมทำระหว่างวัน เลยตัดสินใจนั่งรถไฟแบบไปกลับครึ่งวัน เที่ยวซากปราสาททาเคดะ ไต่ขึ้นเขาชมวิวเมืองทาเคะดะ แถมได้ออกกำลังขาขึ้นลงเขาด้วย ความเห็นส่วนตัวคิดว่า เมืองนี้ค่อนข้างเงียบสงบ สวยงามแบบที่มันเป็น เหมาะกับคนที่ชอบธรรมชาติและประวัติศาสตร์

ตื่นแต่เช้าทานอาหารเช้าที่ทางเรียวกังมาเซทให้ในห้องเรียบร้อย ก็เตรียมพร้อมออกเดินทาง จากสถานี Kinosaki Onsen ขึ้นรถไฟขบวน Ltd. Exp. Kounotori 12 เวลา 9.33 น. ไปลงที่สถานี Wadayama ใช้เวลา 36 นาที พอลงรถไฟปุ๊ป เดินไปฝั่งชานชาลาตรงข้าม ขึ้นรถไฟลาย Takeda Castle Ruins ที่จอดรอรับเราไปส่งที่สถานี Takeda นั่งต่ออีกแค่ 7 นาทีก็ถึงแล้ว

takeda castle 01

ภายในสถานี Takeda จะมีศูนย์ให้ข้อมูลท่องเที่ยว แต่เจ้าหน้าที่พูดภาษาอังกฤษได้เล็กน้อย ถ้าเดินตรงออกมาจากสถานี เจอแยกเลี้ยวไปทางขวา ตรงไปเรื่อยๆ จะมีศูนย์ให้ข้อมูลท่องเที่ยวอีกแห่งชื่อว่า Tenku no Shiro ที่สามารถขอข้อมูลได้อีกที่ มีร้านอาหาร ร้านขายของฝากเล็กน้อย ห้องน้ำสะอาด แวะเข้ากันได้ก่อนขึ้นเขา

ถ้าใครไม่อยากเดินขึ้นเขาไปก็จะมีรถบัสที่ด้านหน้าสถานีไปส่งที่เชิงเขา แล้วเดินต่ออีกนิดหน่อยก็จะถึงทางเข้าปราสาท (รอบรถบัสจะสัมพันธ์กับรอบรถไฟ ขอตารางรถไฟได้จากจนท.ในศูนย์ให้ข้อมูลท่องเที่ยวจุดแรก)

takeda castle 02

ส่วนเราเลือกเดินขึ้นเขา ปากทางเดินขึ้นจะอยู่ตรงข้ามรางรถไฟสถานี Takeda กางแผนที่ แล้วเดินทะลุไปด้านหลังของศูนย์ให้ข้อมูลท่องเที่ยวจุดที่ 2  ข้ามทางรถไฟ เลี้ยวขวาเดินเลียบทางรถไฟไป ประมาณ 5 นาทีก็จะเจอทางขึ้นปราสาทแบบในรูป

ตอนที่ถามทางเจ้าหน้าที่ เค้าบอกว่าเดินขึ้นเขาไปมันเหนื่อยนะ นั่งบัสไปดีกว่า แต่เราบอกว่าเราเดินได้ไม่เป็นไร เค้าก็เอาแผนที่มาให้ค่ะ เพราะนักท่องเที่ยวที่มาวันนั้นส่วนใหญ่จะเป็นคนแก่ เค้าก็เลยนั่งบัสไปกัน ส่วนเรายังวัยรุ่นเดินไหว แถมเดินขึ้นเขาได้ออกกำลังกายด้วย สนุกดีไปอีกแบบ

ทางเดินเป็นขั้นบันไดดิน เดินง่าย และไม่หลงแน่นอน มีป้ายบอกระยะตลอด เป็นทางชันขึ้นเขา เหนื่อยก็หยุดพักบ้าง ใช้เวลาเดินขึ้นประมาณ 40 นาที ซึ่งเส้นทางนี้เป็นทางปกติ (Normal Mountain Trail) ที่ง่ายที่สุดแล้ว

แล้วก็มาถึงจุดจ่ายค่าเข้าชม คนละ 500 เยน จากจุดนี้ก็ต้องเดินต่อขึ้นไปอีกเล็กน้อยก็จะถึงตัวฐานปราสาท ตอนจ่ายค่าเข้า เจ้าหน้าที่ถามว่ามาจะประเทศอะไร เราก็บอกมาจากประเทศไทย เค้าจะมีแผ่น chart ว่านักท่องเที่ยวจากที่ไหนมาเยี่ยมที่นี่กันบ้าง ส่วนเราเป็นคนไทยรายที่ 2 ของปี 2016 ค่า

takeda castle 06

พอขึ้นมาถึงด้านบน อากาศดีมาก มีลมเย็นพัดมาปะทะหน้าตลอด และมองเห็นวิวเมืองได้ทั้งหมดเลย สวยสุดๆ ช่วงหน้าร้อนต้นไม้ก็จะเขียวๆ ถึงจะไม่มีอะไรให้ดูมากนักบนนี้ แต่ก็ได้ชมวิวเมือง สูดอากาศบริสุทธิ์ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว

takeda castle 08

ปราสาททาเคดะ (Takeda-jo) ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 ราวปีค.ศ.1431 ขนาดของฐานปราสาทวัดจากด้านเหนือ-ใต้ 400 เมตร และ ตะวันออก-ตะวันตก 100 เมตร ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงเหนือระดับน้ำทะเล 353 เมตร สามารถมองเห็นตัวเมืองได้ 360 องศา และในปีค.ศ. 1943 ได้รับการอนุรักษ์ และขึ้นทะเบียนเป็นอนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์

ในอดีต ช่วงสงคราม Sekigahara ในปีค.ศ. 1600 Hirohide Akamatsu (เจ้าเมืองคนสุดท้ายของปราสาททะเคดะ) ได้เข้าร่วมกับฝ่าย Toyotomi (กองทัพตะวันตก) รบกับฝ่าย Tokugawa (กองทัพตะวันออก) แต่ผลของการรบ ฝ่ายตะวันออกเป็นฝ่ายชนะ Akamatsu จึงแปรพรรคไปอยู่กับฝ่ายของ Tokugawa และเข้าร่วมรบเพื่อตีปราสาทโตโตริ ต่อมา Akamatsu ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนวางเพลิงปราสาททะเคดะ และโดนบังคับให้ทำการฆ่าตัวตายโดยวิธีการ Seppuku คือ การคว้านท้อง (หรืออีกชื่อคือ ฮาราคีรี) แล้วปราสาทก็ถูกทิ้งล้างหลังจากนั้นเป็นต้นมา อ่านประวัติเพิ่มเติมได้ที่นี่ >> TAKEDA CASTLE HISTORY

takeda castle 09

takeda castle 10

takeda castle 11

ด้านบนตามแต่ละมุมจะมีคุณลุงวัยเกษียณเป็นอาสาสมัครคอยอธิบายความเป็นมาของแต่ละจุดว่าเคยเป็นอย่างไร เป็นส่วนไหนของตัวปราสาท ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง คุณลุงก็จะพยายามอธิบายเป็นภาษาอังกฤษให้พอเข้าใจได้นิดหน่อย หรือจะให้คุณลุงช่วยถ่ายรูปคู่ รูปหมู่ให้ คุณลุงก็เต็มใจสุดๆ

takeda castle 12

ใช้เวลาเดินเล่นกินลม ชมวิวอยู่บนนี้ได้ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็เริ่มเดินลงเขากัน ทางลงจะเป็นอีกเส้นทาง และเดินง่ายกว่า ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ระหว่างทางมีป้ายบอกทาง จะกลับด้วยรถบัส หรือเดินลงผ่านทางไปทางศาลเจ้าเฮียวไม (Hyomai Jinjya)

หากเดินลงมาทางศาลเจ้า ให้เลี้ยวซ้ายเดินเลียบทางรถไฟกลับไปข้ามทางรถไฟที่จุดเดิมที่ข้ามมาตอนแรก แวะเข้าห้องน้ำก่อนเดินกลับไปสถานีรถไฟ ขึ้นรถไฟกลับคิโนซากิอนเซ็น แล้วก็ไปเดินสายแช่ออนเซนให้สบายตัวกันต่อ

สรุป ตั้งแต่เดินขึ้นจนถึงลงมาที่ศาลเจ้า รวมชมวิวด้านบน ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง (แบบไม่รีบ) ถือว่าเป็นวันที่ได้ออกกำลังขา ไต่ขึ้นเขาไปชมวิวสวยๆ สนุกดีค่ะ เพราะทางเดินขึ้นเขาที่นี่ ไม่ได้ลำบากมาก แต่สำหรับคนแก่ที่ต้องใช้ไม้เท้าช่วยเดินไม่แนะนำนะคะ เพราะทางเดินขึ้นค่อนข้างชันเล็กน้อย และทางเดินลงมีความชันมาก

จุดชมวิว มี 2 จุดที่น่าสนใจ คือ [จุดที่ 1] ขึ้นไปชมวิวที่ฐานปราสาท และ [จุดที่ 2] ชมวิวฐานปราสาททั้งหมดจากภูเขาอีกลูกหนึ่ง (เหมาะที่จะไปดูทะเลหมอกในช่วงฤดูใบไม้ร่วง)

  • จุดชมวิวที่ 1: ไปได้ 3 วิธี
  1. เดินเท้าจากสถานี นับเวลาจากปากทางขึ้นเขาถึงจุดขายตั๋ว ประมาณ 40  นาที
  2. ขึ้นรถบัส Tenku-bus จากหน้าสถานี ลงป้าย Takeda Joseki 10 นาที / 260 เยน >> เดินต่ออีก 20 นาที
  3. ขึ้นแท๊กซี่ ประมาณ 15 นาที ลงจุดเดียวกับที่ลงรถบัส >> เดินต่ออีก 20 นาที
  • จุดชมวิวที่ 2: เดินทางโดยแท๊กซี่ จากหน้าสถานีประมาณ 10 นาทีลงที่ Ritsuunkyo Valley >> เดินขึ้นเขาต่อไปอีก ใช้เวลาประมาณ 30-40 นาที

การเดินทาง

  • จาก Kinosaki Onsen เหมาะสำหรับคนที่วางแผนจะมาพักค้างคืนที่นี่ ขึ้นรถไฟขบวน Ltd. Exp. Kounotori ลงที่สถานี Wadayama (36 นาที) ต่อรถไฟสาย JR Bantan (7 นาที) ลงที่สถานี Takeda
  • จาก Himejiขึ้นรถไฟสาย JR Bantan ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

ค่าเข้าชม:  ผู้ใหญ่และเด็กมัธยมปลายขึ้นไป 500 เยน ฟรีค่าเข้าสำหรับเด็กมัธยมต้น และเด็กเล็ก

เวลาทำการ: มีนาคม – พฤษภาคม 8.00 – 18.00 น. / มิถุนายน – สิงหาคม 6.00 – 18.00 น. / กันยายน -พฤศจิกายน 4.00 – 17.00 น. / ธันวาคม – วันที่ 3 มกราคม 10.00 – 14.00 น. (อาจเปลี่ยนแปลง)

**ปิดทำการช่วง 4 มกราคม – สิ้นเดือนกุมภาพันธ์**