Wakayama: บินลงคันไซกับการบินไทย ตะลุยทั่วจังหวัดวะกะยะมะ กับ 15 ที่เที่ยวต้องไป

ครั้งนี้เรามีโอกาสได้กลับมาเยือนที่จังหวัดวะกะยะมะอีกครั้ง จังหวัดนี้อยู่ใกล้เหมือนเส้นผมบังภูเขา จังหวัดที่ใครๆก็มักจะมองข้ามไป แต่กลับมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายมากมาย ซึ่งครั้งนี้เราจะพาไปเจาะลึกเฉพาะจังหวัดนี้ เที่ยวให้ครบทุกสถานที่ไฮไลท์

เราเดินทางมาลงที่ สนามบินนานาชาติคันไซ KIX ด้วยเที่ยวบินของ การบินไทย ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ได้ขึ้น รู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการบริการแบบไทย อาหารอร่อย ที่นั่งกว้างขวาง พร้อมความสะดวกสบายด้วยโมบายเช็คอินจากแอพพลิเคชั่นจากการบินไทย แถมยังได้รับไมล์สะสมไว้เอาไว้แลกตั๋วเครื่องบินในทริปต่อๆไป

ที่สำคัญ เที่ยวบินที่เราเดินทางมาลงที่สนามบินคันไซนั้น มีให้เลือกทั้งเช้าและดึก โดยเราเลือกที่จะเดินทางในช่วงดึกด้วยเที่ยวบิน TG622 เพื่อให้มาถึงในตอนเช้า จากนั้นก็ออกตะลุยท่องเที่ยวกันได้เลย

เพิ่มความสะดวกสบายด้วยแอพพลิเคชั่นของการบินไทย ที่เราสามารถเข้าไปเช็คอินผ่านมือถือได้แบบง่ายดาย ไม่ต้องเสียเวลาไปต่อคิวยาวๆที่หน้าเค้าท์เตอร์เช็คอิน เพียงแค่โหลดแอพพลิเคชั่นของการบินไทยไว้ในสมาร์ทโฟนของเรา เช็คอินเสร็จ ก็แค่ไปดรอปกระเป๋าแล้วเดินตัวเบาเข้าเกทได้ทันที

เริ่มต้นตั้งแต่สนามบินสุรรณภูมิ รอบนี้เรามีโอกาสได้เข้าไปประเดิมทดลองใช้ห้องพักรับรองใหม่ล่าสุดของการบินไทย Royal Orchid Prestige Lounge นับเป็นแห่งที่ 8 ของสนามบินสุวรรณภูมิ โดยเริ่มเปิดทำการเมื่อกลางเดือนตุลาที่ผ่านมา ตั้งอยู่บริเวณชั้นที่ 3 Concourse มีพื้นที่กว้างขวางถึง 2,000 ตร.ม. โดยจะเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 05.00-02.00 ของวันถัดไป

ห้องรับรองบริเวณชั้นที่ 3 นี้จะแบ่งเป็น 2 โซน คือ โซนฝั่งตะวันตก สำหรับให้บริการผู้โดยสารชั้นหนึ่ง และสมาชิกบัตรแพลทินัม รอยัล ออร์คิด พลัส และโซนฝั่งตะวันออก สำหรับให้บริการผู้โดยสารชั้นธุรกิจ สมาชิกบัตรทอง รอยัล ออร์คิด พลัส และสมาชิกบัตรทอง กลุ่มพันธมิตรสตาร์อัลไลแอนซ์

ภายในห้องรับรอง Royal Orchid Prestige Lounge ออกแบบและตกแต่งภายใต้แนวคิด Ecology Green Mood Concept ทำให้ผู้โดยสารที่มาใช้บริการ รู้สึกเสมือนได้พักผ่อนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ รวมทั้งให้ความสำคัญกับการคัดเลือกอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ โดยมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ โคมและหลอดไฟชนิด LED เครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน

ความพิเศษของห้องรับรอง Royal Orchid Prestige Lounge จะมี Live Cooking Station โดยจะมีเชฟปรุงอาหารแบบสดๆ บริการเมนูพิเศษที่สามารถสั่งเพิ่มได้ โดยจะมีพนักงานคอยจดออเดอร์ และแจ้งเลขคิวให้ผู้โดยสาร

รอบนี้เราลองทานผัดไทยกุ้งฝอย อร่อยมากๆ ครับ


เดินทางด้วยสายการบินไทย ในชั้นประหยัด ที่นั่งกว้างขวางสะดวกสบาย

อาหารอร่อย ถูกปาก มีเมนูให้เลือกทานได้ตามชอบใจ พร้อมเอนเตอร์เทนเม้นท์ครบครัน

พี่ๆพนักงานต้อนรับเสริฟน้ำและของว่างตลอดเที่ยวบิน ไม่ต้องกลัวว่าจะหิวกันเลยทีเดียว


แนะนำ 15 สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด เมื่อมาเยือนจังหวัดวะกะยะมะ

1. รถไฟสุดคิวท์ สายบ๊วยแดง อุเมโบชิ เดนชะ (Umeboshi Dencha)

จากสถานีรถไฟ Wakayama โดยสารรถไฟขบวนอุเมโบชิ เดนชะ (Umeboshi Dencha) รถไฟที่เต็มไปด้วยของเล่นสีแดง โดยมุ่งหน้าไปลงรถไฟสถานี Kishi เพื่อพบกับเจ้า “นิทามะ” แมวนายสถานีที่เพิ่งจะมารับตำแหน่งแทนเจ้าทามะจัง แมวนายสถานีชื่อดังที่จากไปเมื่อ 2 ปีก่อน

ในอดีตสถานีรถไฟแห่งนี้ เป็นเพียงสถานีรถไฟท้องถิ่นของสายคิชิกาวา มีระยะการเดินรถสั้นๆเพียงแค่ 14 กิโลเมตรเท่านั้น ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังอะไร ต่อมาชาวบ้านจึงช่วยกันพัฒนาให้เป็นที่รู้จักและทำสำเร็จโด่งดังไปทั่วโลก จนทำให้นักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาชมความน่ารักของเจ้าทามะจังกันอย่างมากมาย ช่วยสร้างรายได้และพัฒนาการท่องเที่ยวให้กับเมืองนี้เป็นอย่างมาก

สถานีรถไฟคิชิ (Kishi Station) เป็นที่ประจำของเจ้านิทามะ แมวนายสถานีแห่งเดียวในประเทศญี่ปุ่น

นิทามะ (Niitama) ปัจจุบันอายุ 5 ปี เกิดในเมืองโอะคะยะมะ (Okayama) ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากเมืองวะคะยะมะ ประมาณ 250 กิโลเมตร และถูกรับมาเลี้ยงโดยเจ้าหน้าที่จาก Okayama Electric Tramway ซึ่งไปพบเจ้านิทามะขณะหลบอยู่ใต้ท้องรถในวันฝนตก ภายในขบวนรถไฟฟ้าสายโอโมะเดนฉะ ขบวนที่เราขึ้นมานั่นเอง

ใครที่สนใจอยากจะไปพบความน่ารักของเจ้านิทามะ สามารถตั้งต้นการเดินทางจากสถานี Wakayama ชานชาลาที่ 9 ไปยังสถานีสุดท้ายลงที่สถานี Kishi ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 นาที บอกกันนิดนึง เจ้านิทามะจะอยู่ประจำสถานีตั้งแต่ 10โมงเช้า ถึง 4 โมงเย็นและมีวันหยุดทุกวันจันทร์และวันพฤหัสบดี สามารถเช็คตารางการอยู่เวรของเจ้านิทามะได้ที่ >> Wakayama Dentetsu

ภายในร้านคาเฟ่และร้านขายของที่ระลึก

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • เวลาทำการ : 9.00-17.30 น. / ร้านคาเฟ่ Kishi station Tama cafe เปิดเวลา 9.15-17.15 น. (ปิดทุกๆวันพุธที่ 3 ของเดือน / ร้าน Tama shop เปิดเวลา 10.00-16.15 น.
  • วันหยุด : เปิดทุกวัน
  • ค่าใช้จ่าย : ตั๋วเที่ยวเดียว ผู้ใหญ่ 410 เยน / เด็ก 210 เยน หรือตั๋ว One day ticket ผู้ใหญ่ 800 เยน / เด็ก 400 เยน
  • การเดินทาง : จากสถานี Wakayama บริเวณชานชาลาหมายเลข 9
  • เว็บไซต์

2. เส้นทางแสวงบุญบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์โคยะซัง (Mt. Koyasan)

โคยะซัง (Koyasan) เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกของญี่ปุ่น ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในบริเวณเทือกเขาสูงในจังหวัดวะกะยะมะ เต็มไปด้วยวัดเก่ามากกว่า 100 วัด ภูเขาโคยะซังนับเป็นสถานที่ที่เป็นจุดกำเนิดศาสนาพุทธนิกายชินงอน (Shingon)

ภูเขาศักดิ์สิทธิ์โคยะซัง มีอายุมากกว่า 1200 ปี โดยมีจุดเริ่มต้นเมื่อราวปีค.ศ. 816 พระภิกษุชื่อว่า คูไค ภายหลังที่ท่านได้มรณภาพได้รับการขนานนามว่า “โคโบไดชิ” ได้เป็นผู้ก่อตั้งพุทธศาสนานิกายชินงอนและวัด อารามที่รู้จักกันในนามโคยะซัง

การเดินทาง : โดยสารรถไฟจากสถานี Namba สาย Nankai Koya line มาลงที่สถานี Hashimoto ใช้เวลาประมาณ 50 นาที จากนั้นต่อรถบัสมาลงสถานี Koyasan อีกประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที โดยรถบัสประจำทางในตัวเมืองโคยะซังมีให้บริการทั้งหมด 3 สาย คือสาย Daimon, สาย Okunoin-mae และสาย Daimon Okunoin-mae โดยมีค่าบริการตั้งแต่ 220 – 410 เยน


เริ่มที่ ประตูไดมง (Daimon Gate) ประตูใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเคยใช้เป็นทางเข้าเขตดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งโคยะซัง ซุ้มประตูที่เห็นอยู่นี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่เมื่อ ปีค.ศ. 1705 มีความสูงถึง 25 เมตร ภายในซุ้มประตูทั้งสองด้านมีรูปปั้นของเทพเจ้าผู้ปกป้องคุ้มครอง มีชื่อเรียกว่า Kongo-Rikishi

การเดินทาง : ลงที่ป้ายจุดจอดหมายเลข 21 – Daimon


วัดคอนโกะบุจิ (Kongobuji Temple) เป็นวัดประธานของพุทธศาสนานิกายชินงอน วัดแห่งนี้เป็นหนึ่งในหลายสถานที่ในโคยะซังที่มีโดดเด่น ประกอบด้วยประตูเลื่อนเขียนสีอันวิจิตรงดงาม หรือจะเป็นสวนหินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ออกแบบพื้นที่เป็นเรื่องราวของมังกรในตำนานสองตัวที่ขดล้อมตัวอาคารไม้ เพื่อคอยปกป้องคุ้มครองให้กับองค์จักรพรรดิ

ข้อมูลเพิ่มเติม
เวลาทำการ : 8.30 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 500 เยน, เด็ก 200 เยน
การเดินทาง : ลงที่ป้ายจุดจอดหมายเลข 16 – Kongobuji-mae


พื้นที่สุสาน Okuno-in เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในพื้นที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งโคยะซัง เนื่องจากเป็นสุสานของพระโคโบไดชิ ผู้ก่อตั้งพื้นที่โคยะซัง ตลอดเส้นทางที่มีความยาวกว่าสองกิโลเมตร โอบล้อมด้วยต้นไม้เก่าแก่อายุหลายร้อยปี มีป้ายหลุมฝังศพมากกว่า 200,000 แห่ง

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • เวลาทำการ : 6.30 – 17.30 น.
  • ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 500 เยน, เด็ก 200 เยน
  • การเดินทาง : ลงที่ป้ายจุดจอดหมายเลข 14 – Okunain-mae

มาถึงโคยะซังทั้งที ลองแวะทานอาหารกลางวันที่ ร้านอาหารมังสวิรัต Chuo Shokudo Sanbo (中央食堂・さんぼう) ชิมอาหารเพื่อสุขภาพ ที่ใช้วัตถุดิบขึ้นชื่อของแถบพื้นที่โคยะซัง ไม่ว่าจะเป็นเต้าหู้งาดำ, ฟองเต้าหู้ Yuba และพืชผักภูเขา อาทิเห็ดหลากชนิด

ข้อมูลเพิ่มเติม
เวลาทำการ : 11.00 – 16.00 น.
การเดินทาง : ลงที่ป้าย Senjuin Bashi


3. สวนส้มฮายะชิ ฟาร์ม (Hayashi Farm)

จังหวัดวะกะยะมะ ถือได้ว่าเป็นผู้ผลิตส้มแมนดาริน ส่งออกมากที่สุดของประเทศ เก็บส้มผลสดๆจากต้นพร้อมชิมได้เต็มที่ ที่สวนฮายะชิ ฟาร์ม (Hayashi Farm) ตั้งอยู่ในเขตอะริดะ (Arida) โดยส้มของสวนแห่งนี้ส่วนใหญ่จะเป็นส้มสายพันธุ์ Miyagawa Wase ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • ที่อยู่ : 353 Oshima, Aridagawa, Arida-gun, Wakayama 643-0034
  • ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว : ตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนธันวาคม
  • ค่าใช้จ่าย : ท่านละ 600 เยน
  • การเดินทาง : โดยสารถไฟมาลงที่สถานี JR Fujinami จากนั้นขึ้นรถแท้กซี่ต่อ มาที่สวนประมาณ 5 นาที

4. ร้านอาหารอิตาเลียนบนภูเขาที่วิวสวยสุดๆ “Testi Mone”

แวะทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารอิตาเลียนที่วิวสวยที่สุด “Testi Mone” ตั้งอยู่ในเขตอะริดะ (Arida) ภายในร้านตกแต่งอย่างเงียบง่าย ในสไตล์เรียบหรู ทางร้านคัดสรรวัตถุดิบที่ดีและมีคุณภาพตามฤดูกาล พร้อมความพิเศษด้วยวิวมุมสูงแบบ 360 องศา ที่จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับประทานอาหาร พร้อมไวน์ชั้นเลิศเสริฟคู่กับมื้ออาหาร

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • ที่อยู่ : 1052-13 Miyazakicho, Arida-shi, Wakayama
  • เวลาทำการ : ช่วงอาหารกลางวัน : 11.00 – 15.00 น. (L.O. 14.00 น.) / ช่วง Sunset : 16.30 – 17.30 น. / ช่วงอาหารค่ำ : 17.30 – 22.00 น. (L.O. 20.00 น.)
  • การเดินทาง : โดยสารถไฟลงที่สถานี JR Fujinami จากนั้นขึ้นรถแท้กซี่ต่อ มาที่ร้านประมาณ 10 นาที
  • เว็บไซต์

5. จุดชมวิว พื้นที่เขตชิระฮะมะ (Shirahama) หน้าผาหิน Sandanbeki Rock Cliff

จุดชมวิวที่สวยงามมากจุดหนึ่งของญี่ปุ่น ชมวิวพระอาทิตย์ตกอันสวยงามที่บริเวณหน้าผาหินซันดันเบกิ (Sandanbeki Cliff) มีความสูงกว่า 50 เมตร ยาว 2 กิโลเมตร ในอดีตหน้าผาแห่งนี้เป็นที่ชาวประมง ใช้เป็นที่มองหาฝูงปลา

ด้านล่างของหน้าผายังเป็นที่ตั้งของถ้ำซันดันเบกิ (Sandanbeki Cave) ที่ในอดีตใช้เป็นฐานลับของโจรสลัดในตำนานอันเลื่องชื่อ

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • เวลาทำการ : 8.00 – 17.00 น. เปิดทำการทุกวัน
  • ค่าเข้าชม : ถ้ำซันดันเบกิ ผู้ใหญ่ 1300 เยน / เด็ก 650 เยน
  • การเดินทาง : จากสนามบินคันไซ (Kansai Airport) โดยสารรถไฟมาลงที่สถานี Shirahama จากนั้นโดยสารรถประจำทาง Meiko Bus ลงที่ป้าย Sandanbeki
  • เว็บไซต์

5. เกาะเอ็นเก็ทสึโต (Engetsu-to Island)

เกาะเอ็นเก็ทสึโต สัญลักษณ์ของพื้นที่เขตชิระฮะมะ (Shirahama) เป็นเกาะขนาดเล็กนอกชายฝั่ง รูปทรงแนวโค้งตามธรรมชาติ ที่บริเวณใจกลางเป็นรูคล้ายกับรูปทรงของพระจันทร์เต็มดวง ที่เกิดจากการกัดเซาะของคลื่นน้ำทะเลที่ไหลผ่านและกระแสลม นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางมาชมความงามของเกาะแห่งนี้ในช่วงพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งจะเห็นพระอาทิตย์ตกที่บริเวณช่องกลางตัวเกาะ

ข้อมูลเพิ่มเติม
การเดินทาง : จากสนามบินคันไซ (Kansai Airport) โดยสารรถไฟมาลงที่สถานี Shirahama จากนั้นโดยสารรถประจำทางสาย Meiko Bus มาลงที่ป้าย Rinkai แล้วเดินอีกประมาณ 3 นาที


6. ชายหาดชิราฮะมะ (Shirahama Beach)

ชายหาดขาวสะอาดยาวสุดลูกหูลูกตา ที่ในฤดูร้อน พื้นที่แห่งนี้จะเนืองแน่นไปด้วยผู้คนมากมายที่เดินทางมาพักผ่อนหย่อนใจ โดยชายหาดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นชายหาดที่ดีที่สุดของภูมิภาคคันไซ

ข้อมูลเพิ่มเติม
การเดินทาง : จากสนามบินคันไซ (Kansai Airport) โดยสารรถไฟมาลงที่สถานี Shirahama จากนั้นโดยสารรถประจำทาง Meiko Bus ลงที่ป้าย Shirahama แล้วเดินอีกประมาณ 2 นาที


7. สวนสนุกและธีมพาร์คแอดเวนเจอร์ เวิล์ด (Adventure World)

สวนสนุกและธีมพาร์คแอดเวนเจอร์ เวิล์ด (Adventure World) เป็นสวนสนุกที่ครบครันเพียบพร้อมไปด้วย สวนสัตว์ สวนสนุก สวนน้ำและซาฟารี พร้อมการแสดงโชว์ ที่ทุกคนในครอบครัวสามารถมาใช้เวลาด้วยกัน

สวนสัตว์แห่งนี้เป็นที่จัดแสดงและศูนย์เพาะพันธุ์แพนด้าที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีแพนด้า 6 ตัว จากจำนวนแพนด้าทั้งประเทศญี่ปุ่น 10 ตัว

ภายในบริเวณสวนสนุก

โซนของสวนสัตว์ซาฟารี

ขบวนพาเหรดเพนกวิ้น

นอกจากนี้ยังมีการแสดงโชว์จากเหล่าปลาโลมาแสนรู้อีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • เวลาทำการ : 9.00-17.00 น. เปิดทุกวัน
  • ค่าใช้จ่าย : ผู้ใหญ่ 4100 เยน / ผู้สูงอายุ 3700 เยน / เด็กประถม 3300 เยน / เด็กเล็ก 2500 เยน
  • การเดินทาง : จากสนามบินคันไซ (Kansai Airport) โดยสารรถไฟมาลงที่สถานี Shirahama จากนั้นโดยสารรถประจำทาง Meiko Bus ลงที่ป้าย Adventure World แล้วเดินอีกประมาณ 1 นาที
  • เว็บไซต์

8. ที่ราบสูงเซ็นโจจิกิ (Senjojiki Rock Plateau)

ที่ราบสูงเซ็นโจจิกิ จุดชมวิวริมทะเลที่มีความสวยงามอีกแห่งหนึ่ง มีลักษณะเป็นลานหินสีขาว-เหลืองขนาดใหญ่ ที่ได้ถูกกระทำจากลมและน้ำเกิดการกัดกร่อนเป็นเวลานาน ทำให้หินทรายเกิดการก่อตัวขึ้นเป็นชั้นหินสีขาว ทับซ้อนกันจนเป็นชั้นๆเรียงตัวกัน จนมีชื่อเรียกว่า “เสื่อทาทามิหนึ่งพันผืน”

ข้อมูลเพิ่มเติม
การเดินทาง : จากสนามบินคันไซ (Kansai Airport) โดยสารรถไฟมาลงที่สถานี Shirahama จากนั้นโดยสารรถประจำทางสาย Meiko Bus มาลงที่ป้าย Senjo-guchi แล้วเดินอีกประมาณ 3 นาที


9. โรงแรม Shirahama Key Terrace Hotel Seamore

โรงแรม Shirahama Key Terrace Hotel Seamore ตั้งอยู่ในบริเวณน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงของชิราฮามะ ให้บริการห้องพักสะดวกสบายพร้อมวิวทะเล ผู้เข้าพักสามารถผ่อนคลายในห้องซาวน่าหรือห้องอาบน้ำพุร้อน

บริเวณส่วนล้อบบี้ของตัวโรงแรม

ห้องที่เราได้เข้าพักในครั้งนี้ เป็นส่วนของตึก KEY 1 ห้องพักในตึกนี้จะตกแต่งในสไตล์ Loft แบบผสมผสาน เหมาะสำหรับกลุ่มเพื่อน ครอบครัวที่เดินทางกันมาหลายท่าน ห้องพักมีขนาดใหญ่ กว้างขวาง พร้อมด้วยเตียงเดี่ยวถึงสามเตียง

ด้านล่างของตึกเป็นครัวส่วนกลาง ที่แขกผู้เข้าพักสามารถทำอาหารรับประทานเองได้

ติดกันเป็นส่วนของล้อบบี้ที่ใช้สำหรับพักผ่อน ดูทีวี หรือสังสรรค์

บริเวณชั้นใต้ดินของตึกโรงแรมหลัก จะเป็นพื้นที่ของส่วนสปา อนเซน ห้องสันทนาการ

ที่ชอบสุดๆคือแขกผู้เข้าพักสามารถเลือก แชมพู ครีมอาบน้ำ กลิ่นที่ชอบจากบาร์ เพื่อนำเข้าไปใช้ในห้องอาบน้ำรวมได้ด้วย

หรือจะนั่งปล่อยใจแช่เท้าบริเวณบ่อน้ำร้อนแบบ Infinity Pool ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของมหาสมุทรแปซิฟิกได้แบบ 180 องศา

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • ค่าใช้จ่าย : ราคาเริ่มต้นที่ 14,700 เยน
  • การเดินทาง : จากสถานี Shirahama โดยสารรถประจำทาง Meiko Bus ลงที่ป้าย Shin-Yuzaki เดิน 3 นาที
  • เว็บไซต์

10. อุทยานแห่งชาติทางทะเล คุชิโมโตะ มารีน พาร์ค (Kushimoto Marine Park)

คุชิโมโตะ มารีน พาร์ค (Kushimoto Marine Park) เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเล รวบรวมความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ จุดชมวิวใต้ทะเล เรือท้องกระจก ร้านอาหาร ภายในยังจัดแสดงสัตว์น้ำที่มาจากบริเวณพื้นที่คุชิโมโตะ พร้อมทั้งศูนย์วิจัยและรักษาพันธุ์สัตว์น้ำให้เด็กๆได้รับความรู้กลับบ้านไปพร้อมกับความสนุกสนานอีกด้วย

ด้านหลังของอุทยานเป็นส่วนของหอคอยที่ยื่นตัวลงไปในทะเล ที่เราสามารถลงไปด้านล่างเพื่อชมโลกใต้ทะเลได้แบบจริงๆ

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • เวลาทำการ : 9.00- 16.00 น. เปิดทุกวัน
  • ค่าใช้จ่าย : ผู้ใหญ่ 1500 เยน / เด็ก 700 เยน
  • การเดินทาง : จากสนามบินคันไซ (Kansai Airport) โดยสารรถไฟมาลงที่สถานี Kushimoto จากนั้นโดยสารรถประจำทาง มาลงที่ป้าย Kushimoto Marine Park แล้วเดินอีกประมาณ 1 นาที
  • เว็บไซต์

11. เส้นทางแสวงบุญเนินหินไดมง ซากะ (Daimon-Zaka Slope)

เส้นทางเนินหินไดมง ซากะ (Daimon-Zaka Slope) เป็นเส้นทางเก่าแก่ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งบนเส้นทางสายแสวงบุญคุมะโนะ โคโด (Kumano Kodo Pilgrimage Route) สูดพลังธรรมชาติที่แวดล้อมไปด้วยต้นสนสูงมากมาย จนได้รับการคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโก พร้อมแต่งชุดทสึโบะ ซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายของชนชั้นสูงและนักแสวงบุญโบราณ ที่จะพาย้อนยุคกลับไปในสมัยเฮอัน

ข้อมูลเพิ่มเติม ทดลองสวมชุดผู้แสวงบุญสมัยเฮอัน ได้ที่ร้านน้ำชาไดมง ซากะ (Daimon-Zaka Chaya Teahouse)

  • เวลาทำการ : 9.00- 16.00 น. เปิดทุกวัน
  • ค่าใช้จ่าย : ค่าเช่าชุด คอร์สถ่ายภาพ 1 ชม. ราคา 2000 เยน / คอร์ส Experience 2 ชม. ราคา 3000 บาท
  • การเดินทาง : โดยสารรถบัส Kumano Kotsu Bus จากสถานี JR Shingu มาลงที่ป้ายจุดจอดรถบัส Daimonzaka แล้วเดินอีกประมาณ 10 นาที

12. ศาลเจ้าคุมะโนะ นะจิ ไทฉะ (Kumano Nachi Taisha Grand Shrine)

ศาลเจ้าคุมะโนะ นะจิ ไทฉะ เป็นศาลเจ้าในนิกายชินโต ที่มีต้นกำเนิดมาจากการบูชาธรรมชาติ บริเวณน้ำตกขนาดใหญ่ ที่มีชื่อว่า “นะจิโนะ โอทากิ” (Nachi no Otaki) ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นหนึ่งในศาลเจ้าใหญ่ของคุมาโนะ ซันซัง จากทั้งหมด 3 แห่งในเขตตำบลคุมะโนะ สังเกตได้จากตัวอาคารศาลเจ้าชินโตที่ลงรักสีแดงเรียงรายอยู่บนที่สูง

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • เวลาทำการ : 5.30- 16.30 น. เปิดทุกวัน
  • ค่าใช้จ่าย : ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าชม
  • การเดินทาง : จากสถานี JR Shingu โดยสารรถบัส Kumano Kotsu Bus ลงที่ป้าย Jinja Otera-mae เดินประมาณ 10 นาที
  • เว็บไซต์

13. วัดนะจิซัง เซกันโต จิ (Nachisan Seiganto-ji Temple) และน้ำตกนะจิ (Nachi Waterfalls)

วัดนะจิซัง เซกันโตจิ (Nachisan Seiganto-ji) วัดแห่งนี้เชื่อกันว่าถูกค้นพบเมื่อราวต้นศตวรรษที่ 5 โดยนักบวชชาวอินเดีย และถือว่าวัดแห่งนี้เป็นวัดแห่งแรกในเส้นทางแสวงบุญทั้ง 33 วัดในภูมิภาคคันไซ ภายในเขตวัดเป็นที่ตั้งของเจดีย์สามชั้นสีแดงสด เพิ่มความสวยงามด้วยทัศนียภาพของน้ำตกนะจิเบื้องหลัง ทำให้ที่นี่เป็นจุดถ่ายภาพที่นักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาชมกันตลอดทั้งปี

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • เวลาทำการ : 5.30- 16.30 น. เปิดทุกวัน
  • ค่าใช้จ่าย : ไม่มี
  • การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Wakayama โดยสารรถไฟ LTD. EXP KUROSHIO ลงที่สถานี Kii-Katsuura ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 40 นาที จากนั้นโดยสารรถบัส Kumano Kotsu Bus ลงที่ป้าย Nachisan ใช้เวลา 20 นาที แล้วเดินอีกประมาณ 10 นาที
  • เว็บไซต์

14. โชว์แล่ปลามากุโระ ที่ตลาดปลาคุโระชิโอะ (Kuroshio Fish Market)

ตลาดคุโรชิโอะ-อิจิบะ (Kuroshio Fish Market) ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ของมาริน่า ซิตี้ (Marina City) นักท่องเที่ยวสามารถมาชมการแสดงโชว์แล่ปลาทูน่ายักษ์อย่างชำนาญ อีกทั้งที่นี่ยังมีร้านอาหารทะเลสดๆ มากมายหลายร้าน รวมไปถึงร้านของที่ระลึกซึ่งมีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นให้เลือกซื้อหาเป็นของฝากอีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • เวลาทำการ : 10.00- 17.00 น. เปิดทุกวัน
  • ค่าใช้จ่าย : ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Wakayama โดยสารรถบัส Wakayama Bus ลงที่ป้าย Hotel-mae ใช้เวลา 30 นาที
  • เว็บไซต์

15. เทศกาลงานประดับไฟฤดูหนาวเฟสต้าลูเช่ (FESTA LUCE) สวนสนุก Porto Europa

งานเทศกาลประดับไฟ “เฟสต้า ลูเช่ (Festa Luce)” จัดขึ้นในพื้นที่ธีมพาร์ค พอร์โต ยูโรปา (Porto Europa) ภายในจะมีการจัดตลาดคริสต์มาสมาร์เก็ต เต็มไปด้วยร้านค้าจำหน่ายสินค้าและอาหารที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลคริสต์มาส

นักท่องเที่ยวสามารถมาถ่ายภาพกับต้นคริสต์มาสขนาดยักษ์ ที่ประดับประดาตกแต่งแบบระยิบระยับสว่างไสวสูงกว่า 7 เมตร ท่ามกลางบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก นอกจากนี้ยังมีการประดับไฟอย่างสวยงามตระการตาตามจุดต่างๆ รวมถึงตามเครื่องเล่นน่าสนุก อีกด้วย

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • เวลาทำการ : 10.00 – 16.00 น. (ช่วงเวลาแสดงไฟประดับ 17.00 – 21.00 น.) 15 – 24 ธ.ค. จัดแสดงถึง 22:00 น. / 31 ธ.ค. จัดแสดงถึง 2:00 น.
  • ค่าใช้จ่าย : ผู้ใหญ่และเด็กนักเรียนชั้นมัธยมต้นขึ้นไป ราคา 1500 เยน / เด็ก อายุ 3 ปีขึ้นไป ราคา 800 เยน
    Festa Luce Night Pass (จำหน่ายเฉพาะเสาร์อาทิตย์และวันหยุดราชการ): เด็กและผู้ใหญ่ราคาเดียว 1600 เยน
    *เป็นตั๋วสำหรับเล่นเครื่องเล่น 11 ชนิดภายในธีมพาร์คได้โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง
    *ต้องซื้อบัตรผ่านประตูแยกต่างหาก
  • การเดินทาง : จากสถานี JR Wakayama โดยสารรถ Wakayama Bus (for Kainan Ekimae) ลงที่ Wakayama Marina City ใช้เวลา 40 นาที
  • เว็บไซต์
I FLY THAIKansaiKansai AirportKIXWakayama. Thai Aiwaysการบินไทยการบินไทยสบายต่างกันจังหวัดวะคะยะมะวะคะยะมะสนามบินคันไซสายการบินไทยเที่ยวคันไซเที่ยวญี่ปุ่นเที่ยวญี่ปุ่นดอทคอม