Ibaraki: เที่ยว “อิบารากิ” สัมผัสเสน่ห์ญี่ปุ่นในแบบที่คุณก็ยังไม่รู้จัก เดินทางง่ายจากโตเกียว

รีวิวนี้จะพาไปเที่ยวและนอนค้างคืนที่อิบารากิ ที่จังหวัดมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยวหลายแห่ง อาทิ สวนบ๊วยที่มิโตะ, ทุ่งดอกเนโมฟิลลาที่สวนฮิตาชิซีไซด์, น้ำตกฟุคุโรดะ จึงมักเป็นจุดหมายแบบไปเช้าเย็นกลับของคนที่มาเที่ยวโตเกียว ครั้งนี้เราจะพาออกนอกเส้นทาง ไปเก็บสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆที่ยังไม่เป็นที่รู้จักกันบ้าง และไฮไลต์คือต้องพักค้างคืนเพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้น รับพลังงานดีๆในเช้าวันใหม่

เช้านี้เดินทางจากสถานี Ueno ขึ้นรถไฟ Limited Express Hitachi and Tokiwa วิ่งตรงมาลงที่สถานี Hitachi ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที โดยมีจุดหมายเป็นคาเฟ่ลอยฟ้าที่สวยสะดุดตา และมุมถ่ายรูปกับฝั่งทะเลแปซิฟิกจากบนสถานี แนะนำว่าเป็น Photo spot ที่ห้ามพลาดเลย


SEA BiRDS CAFE

คาเฟ่ลอยฟ้าที่มีผนังเป็นกระจกทั้งหมด มีวิวตรงเบื้องหน้าเป็นมหาสมุทรแปซิฟิก ถ้าได้เข้าไปนั่งด้านในจะให้ความรู้สึกราวกับลอยอยู่บนทะเล ท่ามกลางฟ้าสีคราม เป็นหนึ่งในคาเฟ่ที่จะได้อิ่มเอมไปกับอาหารและเครื่องดื่มที่มีวิวสวยเกินต้าน วันไหนอากาศดีฟ้าสวยแบบนี้ อยากให้ลองมากัน

  • เวลาทำการ: 7.00-22.00 น. (เปิดทั้งปี ไม่มีวันหยุด) มื้อเที่ยง 11.30-14.00 
  • การเดินทาง: สถานี Hitachi ทางออก East เดิน 1 นาที
  • เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)
  • พิกัด

SEA BiRDS CAFE ได้รับการดูแลงานออกแบบโดย Kazuyo Sejima สถาปนิกชื่อดังระดับโลกจากเมืองฮิตาชิ ซึ่งได้รับรางวัล Good Design Award ในปีค.ศ. 2012

สำหรับเมนูดังของทางร้านจะเป็นแพนเค้ก ที่มีให้เลือกทั้งเสิร์ฟแบบของคาวคือ Original Pancake ที่มาพร้อมกับ ไข่ดาว ไส้กรอก เบคอน หรือเสิร์ฟแบบของหวาน Honey Caramel Pancake ส่วนเครื่องดื่มก็มีให้เลือกหลากหลายทั้งชากาแฟ และ น้ำผลไม้ วันนี้เราเลือกสั่งเป็น Mighty Leaf Tea และ Iced Coffee

ช่วงมื้อเที่ยงจะมีเมนูอาหารไทยเสิร์ฟ ซึ่งมีเมนูไฮไลต์คือ Ibaraki Kapao Rice หรือผัดกะเพราสไตล์อิบารากินั่นเอง นอกจากนี้ยังมีเมนูแกงเขียวหวาน ผัดไท และข้าวมันไก่ด้วยนะ

นอกจากนี้ยังเชื่อมติดกับอาคารของสถานี Hitachi ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในอาคารสถานีล้ำสมัยที่สวยที่สุดในโลก การันตีด้วยรางวัลใหญ่ประเภทอาคารสถานีในการแข่งขันการออกแบบรถไฟนานาชาติประจำปีค.ศ. 2014

มุมนี้เป็นมุมถ่ายภาพที่สวยมากๆ ทั้งตอนเช้าและตอนพระอาทิตย์ตกดิน


Hitachinaka Seaside Railways

รถไฟสายโบราณที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1913 ปัจจุบันยังคงวิ่งให้บริการอยู่ เชื่อมระหว่างสถานี Katsuta ถึงสถานี Ajigaura ในเมืองฮิตาชินากะ (Hitachinaka) รวม 11 สถานี เป็นระยะทาง 14.3 กม. ในอนาคตมีแผนที่จะขยายเส้นทางรถไฟต่อไปจนถึงสวนฮิตาชิซีไซด์ด้วย 

ครั้งนี้เรามาตั้งต้นที่สถานี Ajigaura ซึ่งด้านในสถานีจะเป็นที่ตั้งของศาลเจ้ารถไฟ ที่นำรางรถไฟมาสร้างเป็นเสาโทริอิ ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก ภายในมีรถไฟ Kiha 222 ที่ปลดระวางแล้วจอดอยู่ สามารถไปถ่ายรูปด้านนอกได้

เสน่ห์ของรถไฟสายนี้ นอกจากรถไฟโบราณเก่าแก่หลายขบวน ทั้งแบบโบกี้เดี่ยวและโบกี้คู่ ที่ยังหลงเหลือให้สัมผัสความเป็นญี่ปุ่นในแบบดั้งเดิมได้แล้ว ป้ายบอกชื่อสถานีด้านในชานชาลายังมีดีไซน์ที่น่ารักและมีสัญลักษณ์บ่งบอกถึงความหมายของแต่ละสถานี ที่ได้รับรางวัล Good Design Award ในปีค.ศ. 2015

ข้อมูลสถานที่เที่ยวของแต่ละสถานี

สถานี Katsuta
– เชื่อมกับสถานี JR Katsuta

สถานี Nakaminato
– [เดิน 10 นาที] ตลาดปลานาคามินาโตะ (Nakaminato Fish Market)
– [เดิน 25 นาที / บัส 7 นาที] พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Aqua World Ibaraki Oarai Aquarium

สถานี Hiraiso
– [เดิน 10 นาที] ชายหาดฮิไรโซ (Hiraiso Beach)

สถานี Isosaki
– [เดิน 10 นาที] อิโซซากิออนเซ็น (Isozaki Onsen Hotel New Hakuaki)

สถานี Ajigaura
– [เดิน 25 นาที / ชัตเทิลบัสช่วงพีค] สวนฮิตาชิซีไซด์ (Hitachi Seaside Park)
– [เดิน 5 นาที] ชายหาดอาจิกะอุระ (Ajigaura Beach)
– [เดิน 5 นาที] อาจิกะอุระออนเซ็น (Ajigaura Onsen Nozomi)

สำหรับใครมีแพลนที่จะเดินทางไป สวนฮิตาชิซีไซด์ (Hitachi Seaside Park) และ ตลาดปลานาคามินาโตะ (Nakaminato Fish Market) สามารถใช้บริการได้ นอกจากนี้ที่สถานี Nakaminato ที่มีอายุเก่าแก่เกินร้อยปี ด้านในสถานียังคงกลิ่นอายในวันวาน ถูกใช้เป็นโลเคชั่นถ่ายโฆษณาและละครหลายครั้ง

ถ้าใครโชคดีก็จะได้เจอกับแมวสถานีที่ชื่อ น้องมินิซามุ ซึ่งเป็นรุ่นที่สอง หลังจากที่พี่ชาโอซามุเดินทางไปดาวแมวเมื่อปี 2019 มินิซามุปรากฏตัวครั้งแรกที่สถานี Nakaminato ราวสิบปีที่แล้ว ถึงแม้ว่านายสถานีแมวจะเป็นที่นิยมในขณะนั้น แต่ทางบริษัทรถไฟก็ไม่ได้ให้ตำแหน่งพิเศษกับมินิซามุและปล่อยให้น้องได้ใช้เวลาอย่างอิสระ เป็นผลให้พฤติกรรมตามธรรมชาติของมินิซามุ กลายเป็นที่น่าดึงดูดและจำนวนนักท่องเที่ยวก็เพิ่มขึ้นช่วยให้รถไฟสายนี้ที่เคยขาดทุนและใกล้จะปิดตัว ได้รับผลกำไรกลับคืนมา ปัจจุบันมินิซามุก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างอิสระในฐานะ “แมวสถานี” โดยไม่มีตำแหน่งใดๆ ในสถานีมีจำหน่ายโปสการ์ดภาพของสถานีแมวทั้งโอซามุ และมินิโอซามุ ด้วยนะ

  • บัตรรถไฟ: ตั๋ว 1 วัน 1,000 เยน
    *จำหน่ายที่เคาเตอร์ในสถานี Katsuta, สถานี Nakaminato และตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติทุกสถานี
    ตั๋วสุดคุ้ม: ชุดตั๋ว 1 วัน + ตั๋วเข้าสวนฮิตาชิซีไซด์ 1,100 เยน
    *จำหน่ายที่จุดเชื่อมสถานี Katsuta, สถานี Nakaminato และตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติทุกสถานี
  • การเดินทาง: สถานี Katsuta ชานชาลา 1 (ขึ้นรถไฟ JR จากสถานี Ueno ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 20 นาที)
  • เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)
  • พิกัด

ร้านอาหารโทซุยอัน (Tosuian)

ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โมเดิร์นไคเซกิ ที่มองเห็นวิวทะเลสาบเซ็นบะ ที่อยู่ติดกับสวนไคราคุเอ็น เมืองมิโตะ เป็นร้านอาหารที่สามารถใช้เวลาดื่มด่ำกับรสชาติดั้งเดิมของอาหารญี่ปุ่น ที่ปรุงโดยวัตถุดิบตามฤดูกาลทั้งสี่

  • ราคา: เริ่มต้น 3,200 เยนต่อเซ็ต ราคาจะเปลี่ยนไปตามชนิดของข้าว
  • เวลาทำการ: มื้อเที่ยง 11.30-15.00 น. มื้อเย็น 17.30-22.00 น. (หยุดทุกวันอังคาร)
  • การเดินทาง: จากสถานี Mito ทางออกฝั่ง South ขึ้นแท๊กซี่ประมาณ 10 นาที
  • เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)
  • พิกัด

สำหรับมื้อเที่ยงในวันนี้สั่งเป็นเซ็ต Shunreki Hanakago สามารถเลือกชนิดของข้าวได้ เราเลือกเป็นข้าวโคชิฮิคาริโกฮัง ในเซ็ตจะมี ปลาย่าง, ซาชิมิ, ไข่ตุ๋น, เต้าหู้, ของทอด, เครื่องเคียง, ซุปมิโซะ และปิดท้ายของหวานที่วันนี้เสิร์ฟเป็น  อาหารอร่อยถูกปากทุกอย่าง โดยเฉพาะของหวาน มิเนโอกะโทฟุ ที่เป็นเมนูหาทานได้ยาก


ศาลเจ้าโออาไรอิโซซากิ (Oarai Isosaki Jinja) 

ตั้งอยู่ที่เมืองโออาไร (Oarai) ผู้คนเชื่อกันว่าถ้าได้มาอธิษฐานขอพรที่นี่จะสมหวังในเรื่องของสุขภาพที่ดี ชีวิตมีความสุข ให้มีความรู้ มีคุณธรรมที่ดี และยังขอในเรื่องของการแต่งงานได้อีกด้วย

ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้าโอนามุจิโนะมิโคโตะ และเทพเจ้าซุคุนะฮิโคะนะโนะมิโคโตะ เทพผู้สร้างความมั่งคั่งให้กับประเทศ ไม่ว่าจะด้านการเกษตร อุตสาหกรรม และการแพทย์ จึงทำให้ผู้คนนับถือเทพ 2 องค์นี้ว่าเป็น เทพแห่งการแพทย์ เพทแห่งการประทานพรให้มีความสุขและคุณธรรม รวมถึงเทพแห่งความรัก 

  • การเดินทาง: จากสถานี Mito โดยสารรถไฟ Kashima Rinkai Tetsudo สาย Oarai Kashima ลงที่สถานี Oarai ใช้เวลา 15 นาที หลังจากนั้นขึ้นรถบัสอีก 10 นาที
  • เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)
  • พิกัด

มีมุมถ่ายรูปยอดนิยมก็คือ “คามิอิโซะโนะโทริอิ 神磯の鳥居” เสาโทริอิที่ตั้งอยู่กลางมหาสมุทร ที่เชื่อกันว่าเป็นจุดที่เทพเจ้าลงมาจุติบนโลกมนุษย์ ก่อนที่จะสร้างศาลเจ้า ซึ่งช่วงพระอาทิตย์ขึ้นจากเส้นขอบฟ้าเป็นภาพที่งดงามจับใจ ควรหาโอกาสมาพักค้างคืนและตื่นมาชมสักครั้ง


Satoumitei Kinparo Hontei

เรียวกังที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับใช้เวลาผ่อนคลายในบ้านพักตากอากาศส่วนตัว จำนวน 8 ห้องพัก ที่หันหน้าเข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิก บนโลเคชั่นที่เทพมากๆ เพราะสามารถเดินไปชม “คามิอิโซะโนะโทริอิ” เสาโทริอิที่ตั้งอยู่กลางมหาสมุทรของ ศาลเจ้าโออาไรอิโซซากิ ได้เลย เหมาะอย่างยิ่งกับการพักค้างที่นี่สักคืนและตื่นเช้าไปชมพระอาทิตย์ขึ้น

  • ราคาห้องพัก: ห้องพัก 2 คน รวมอาหาร 2 มื้อ เริ่มต้น 30,900 เยนต่อคน
  • การเดินทาง: จากศาลเจ้าโออาไรอิโซซากิ เดิน 1 นาที
  • เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)
  • พิกัด

เมื่อเดินเข้ามาภายในบ้าน จะได้รับการต้อนรับด้วยความสุภาพอย่างเป็นกันเอง พาไปนั่งโซนเลาจน์ที่มีระเบียงหันสู่ชายฝั่ง สร้างด้วยไม้ฮิโนคิให้ความรู้สึกอบอุ่นและหรูหราแบบเรียบง่าย มีห้องพักทั้งหมด 8 ห้อง รวมห้องที่มีออนเซ็นส่วนตัว 6 ห้อง และห้องที่มีสไตล์วิลล่าพร้อมระเบียงออกไปชมวิวริมทะเล 2 ห้อง

ในครั้งนี้เราได้เข้าพักห้อง Iwafune ที่มีระเบียงใหญ่มากๆ ที่มาพร้อมกับวิวที่งดงามเหมือนรูปภาพขนาดใหญ่ ภายในห้องพักแบ่งสัดส่วนห้องนอนและห้องนั่งเล่นออกจากกัน มีเตียงฟูตอง และโซฟาสำหรับนั่งพักผ่อน มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ขนม ชา กาแฟ และ เครื่องดื่มในตู้เย็น ก็สามารถดื่มได้ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

สำหรับบ่อแช่น้ำแร่ริมชายฝั่งมี 2 ห้องแบ่งชายหญิง โดยห้องหนึ่งตกแต่งด้วยไม้ และอีกห้องตกแต่งด้วยหิน (จะมีการสลับห้องตามเวลาที่กำหนดไว้) น้ำแร่ของที่นี่จะมาจากภูเขาโออาไร ซึ่งเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ของศาลเจ้าโออาไรอิโซซากิ ที่มีตำนานนับพันปี สามารถแช่น้ำร้อนไปพลางรับลมเย็นริมฝั่งไปได้อย่างสงบสุข หลังจากแช่เสร็จแล้ว ออกมานั่งพักให้ร่างกายเย็นลง บนเก้าอี้ไม้บนระเบียงชั้นดาดฟ้า อาบสายลมทะเลแห่งโออาไร ลืมเรื่องราวในชีวิตประจำวันที่วุ่นวาย แล้วให้ความรู้สึกสบายใจเข้ามาแทนที่ เพื่อให้การพักผ่อนในครั้งนี้ได้เยียวยาจิตใจของเราไปด้วย

Photo Credit: Satoumitei

ถ้าได้มาพักที่นี่ แนะนำว่าให้จองแบบมีอาหารเช้าและอาหารเย็นด้วย อยากให้ได้มาลองทานอาหารที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นที่มาจากตลาดประมงและฟาร์มที่อยู่ไม่ไกลกัน จัดเตรียมอย่างพิถีพิถันและใส่ใจในทุกรายละเอียด ที่สำคัญได้นั่งทานพร้อมกับรับแสงอ่อนๆและลมทะเลจากริมฝั่งโออาไรแสนสงบ เป็นมื้อที่สุนทรีย์ที่สุดเท่าที่เคยทานมามื้อนึงเลย


ศูนย์น้ำพุร้อนโมริโนะอิเดะ (Morinoideyu Hot Spring)

บ่อน้ำพุร้อนที่ดำเนินกิจการโดยศูนย์สันทนาการไดโกะออนเซ็น เป็นดินแดนเพื่อสุขภาพที่มีบ่ออาบน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ โอบล้อมไปด้วยความงามของธรรมชาติในป่าใหญ่ทั้งสี่ฤดูกาล อ่างฟองสบู่ อ่างน้ำเย็น และห้องซาวน่า ซึ่งจะมีบ่อตามฤดูกาลที่น่าสนใจอย่าง บ่อแอปเปิ้ล (ต.ค.-ม.ค.), บ่อชาเขียว (มิ.ย.) เป็นต้น

  • เวลาทำการ: 10.00-20.00 น. (หยุดวันพุธที่ 1 และ 3 ของทุกเดือน และวันสิ้นปี) 
  • ค่าบริการ: วันธรรมดา ผู้ใหญ่ 710 เยน เด็ก 350 เยน / วันหยุด-สุดสัปดาห์ ผู้ใหญ่ 1010 เยน เด็ก 500 เยน / หลัง 17.00 น. ผู้ใหญ่ 500 เยน เด็ก 250 เยน
  • การเดินทาง: จากสถานี Hitachi Daigo ขึ้นรถบัสที่มุ่งหน้าไป Morinoideyu-Forespa Daigo ใช้เวลา 15 นาที
  • เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)
  • พิกัด
Photo Credit: Morinoideyu
FeaturedHitachiIbarakiKantoMitoOaraitiewyeepoonWinterคันโตญี่ปุ่นมิโตะอิบารากิฮิตาชิเที่ยวญี่ปุ่นเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองเที่ยวญี่ปุ่นดอทคอมโออาไร