แนะนำ 5 สถานที่เที่ยวแบบไม่ซ้ำใคร จุดเช็คอินใหม่ ในโตเกียว สนุกได้ทั้งครอบครัว

เชื่อว่าโตเกียวยังคงเป็นจุดหมายแรกๆในใจของใครหลายคน ที่ถึงแม้จะไปเยือนกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนก็ตาม ทำให้เราต้องแสวงหาที่เที่ยวใหม่ๆอยู่เสมอ ในบทความนี้จะขอแนะนำ 5 สถานที่เที่ยวแบบไม่ซ้ำใคร จุดเช็คอินใหม่ในโตเกียว ที่ไปสนุกได้ทั้งครอบครัว 

1. แม็กเซลล์ อะควาพาร์ก ชินางาวะ (Maxell Aqua Park Shinagawa) 

ในบรรดาพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขึ้นชื่อมากมายของประเทศญี่ปุ่น “แม็กเซลล์ อะควาพาร์ก ชินางาวะ” นั้น ถือเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีความโดดเด่นมากที่สุดแห่งหนึ่ง ในเรื่องคอนเซ็ปต์ การนำเทคโนโลยี แสง สี เสียง สุดล้ำสมัย มาใช้ในการแสดงโชว์ และทำให้บรรยากาศภายใน มีความน่าตื่นตาตื่นใจ แตกต่างไปจากแห่งอื่น ๆ เป็นอย่างมาก

แม็กเซลล์ อะควาพาร์ก ชินางาวะ เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ และสวนสนุกในร่ม ตั้งอยู่ ใกล้สถานีรถไฟ Shinagawa ในย่านชินางาวะ ใจกลางกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 น. ไปจนถึง 22.00 น. กันเลยทีเดียว (เข้าได้ถึง 21.00 น.) ทำให้เราวางแผนมาเที่ยวที่นี่ได้อย่างยืดหยุ่น เพราะไม่ต้องกังวลกับเวลาปิดทำการในช่วงเย็นเหมือนกับสถานที่ทั่วไปนั่นเอง

ตามที่ได้บอกไปว่า จุดเด่นของที่นี่ คือ ความตระการตาของระบบ แสง สี เสียง ที่ปรากฏอยู่ในทุกกิจกรรมของ แม็กเซลล์ อะควาพาร์ก ชินางาวะ นอกจากนี้ ธีมการนำเสนอยังเปลี่ยนไปตามฤดูกาล และเทศกาลต่างๆ อีกด้วย ภายในแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ได้แก่ 

ชั้น 1 F ประกอบไปด้วย โซนเครื่องเล่น (ไวกิ้ง กับ ม้าหมุน), โซนตู้ปลาที่มีหน้าจอเป็นระบบสัมผัส, คาเฟ่เล็ก ๆ ที่มีทั้งเครื่องดื่มและอาหารว่าง คอยให้บริการ  และ ห้องชมแมงกะพรุน ที่สวยงามมากๆ เป็นจุดที่พวกเราชอบมากที่สุดของชั้นนี้เลยครับ

ชั้น 2 F ประกอบไปด้วย อุโมงค์แก้วใต้น้ำ, โซนจัดแสดงสัตว์น้ำตามหมวดหมู่, โซนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทางทะเล, โชว์สิงโตทะเล และเพนกวิน บริเวณระเบียงด้านนอกอาคาร และ เดอะ สเตเดี้ยม (The Stadium) หรือสระน้ำหลักที่ใช้จัดแสดงโลมา

ไฮไลท์สุดยอดของ แม็กเซลล์ อะควาพาร์ก ชินางาวะ เลยครับ ความพิเศษ คือการผสมผสานอันลงตัว ระหว่าง โชว์โลมา กับ แสง สี เสียง สุดอลังการ ที่ได้รับการออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน รับรองได้ว่า ดีงามสุดๆ และหาชมจากที่อื่นไม่ได้อย่างแน่นอน

โชว์รอบกลางวัน กับ กลางคืน ไม่เหมือนกันด้วยนะ

ด้วยการเดินทางที่แสนจะสะดวกสบาย และช่วงเวลาเปิดทำการ ที่ยาวนานครอบคลุมทั้งกลางวัน – กลางคืน จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ไปเที่ยวชมให้ได้สักครั้งหนึ่ง ใครที่มีแผนจะไปโตเกียว ก็อย่าลืมแวะไป แม็กเซลล์ อะควาพาร์ก ชินางาวะ กันนะครับ☺ 

ข้อมูลสถานที่ พิกัด
ที่อยู่: 4-10-30 Takanawa, Minato-ku, Tokyo 108-8611 (อยู่ด้านในโรงแรม Shinagawa Prince)
เวลาทำการ: 10.00 – 22.00 น. (อาจเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล)
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 2,200 เยน / เด็กประถม 1,200 เยน / อายุต่ำกว่า 4 ปี 700 เยน
การเดินทาง: ลงสถานี Shinagawa ทางออก Takanawa แล้วเดินต่อประมาณ 2 นาที
เว็บไซต์: http://www.aqua-park.jp/aqua/en/ 


2. คิดส์ซาเนีย โตเกียว (KidZania Tokyo) 

ความก้าวหน้าของญี่ปุ่น ส่วนหนึ่ง เกิดจาก การให้ความสำคัญกับการพัฒนา ”คน “ อย่างจริงจัง ตั้งแต่เด็กๆ เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพในการประกอบอาชีพ และเป็นพลเมืองที่มีคุณค่า ทำให้คนญี่ปุ่น มีความพร้อมใน ด้านต่าง ๆ อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็น ความชำนาญ, ความคิดสร้างสรรค์, ความมุ่งมั่น, การเข้าสังคม ตลอดจน จิตสำนึกรักงานที่ตนเองทำ ควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคม จึงเป็นโอกาสที่ดีหากเด็กๆ จะได้ลองใช้ชีวิตในแบบที่อยากจะเป็น ไปพร้อมกับ ซึมซับ หลักคิดในการทำงานตามแบบฉบับของคนญี่ปุ่นไปด้วย  ที่ คิดส์ซาเนีย โตเกียว สามารถตอบโจทย์เหล่านั้นได้เป็นอย่างดีเลยครับ

คิดส์ซาเนีย โตเกียว คือ ศูนย์การเรียนรู้และความบันเทิงสำหรับเด็ก ตั้งอยู่ใน ห้างลาลาพอร์ต (Lala Port) สร้างขึ้นเป็น เมืองจำลองขนาดย่อส่วน เปิดให้เด็กๆ (อายุ 3 – 15 ปี) ได้เข้ามาทดลองสวมบทบาทเป็นอาชีพที่ตนเองใฝ่ฝัน ด้วยความสนุกสนานจากการเล่นบทบาทสมมติ โดย ที่นี่เด็กๆ จะได้ค่าตอบแทนจากการทำงาน เป็นเงินสกุล “คิดโซ (Kidzo)” ที่ใช้ได้เฉพาะใน คิดส์ซาเนีย อีกด้วย ทำให้ได้เรียนรู้ถึงระบบเศรษฐกิจและสังคมไปในตัว 

โดยภายในเมืองจำลองแห่งนี้ จะประกอบไปด้วย ร้านค้า, ธนาคาร, โรงละคร, โรงพยาบาล, ปั๊มน้ำมัน, โรงงานหลายประเภท, บริษัทรถไฟใต้ดิน, เครื่องบิน, บริษัท แมวดำ (ขนส่งสินค้า), ห้างสรรพสินค้า และ อีกมากมาย ที่เรานึกถึงเวลาไปเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งทำออกมาได้สวยงาม  และเหมือนจริงมากๆ อีกด้วย

คิดส์ซาเนีย เริ่มต้นใน ประเทศแม็กซิโก และเป็นที่นิยมในกลุ่มเด็กๆ อย่างมาก จนขยายไปเปิดในหลายประเทศ แม้ว่าในกรุงเทพ ฯ ของเรา จะมีเช่นกัน แต่ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเหมือนกันทั้งหมดนะครับ เพราะ ประเภท และรายละเอียดของอาชีพ จะแตกต่างกันไปตามประเทศนั้นๆ ใครที่มีแผนจะไปเที่ยวโตเกียว และกำลังหากิจกรรม สำหรับครอบครัว โดยเฉพาะที่มี เด็กเล็กไปด้วย รับรองได้ว่า คิดส์ซาเนีย จะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอนครับผม

ป.ล. ทุกวันพุธ จะมีเจ้าหน้าที่พิเศษประจำแต่ละสถานี คอยดำเนินกิจกรรมเป็นภาษาอังกฤษให้ด้วย

ข้อมูลสถานที่ พิกัด
ที่อยู่: 2-4-9 Urban Dock LaLaport Toyosu, North Port 3F, Toyosu, Koto-ku, Tokyo  33200
เวลาทำการ: รอบที่ 1  9.00 – 15.00 น. / รอบที่ 2 16.00 – 21.00 น.
ค่าเข้าชม: ดูตารางค่าเข้าซึ่วงแบ่งตามชั้นเรียนและรอบต่างๆได้ ที่นี่
การเดินทาง: นั่งรถไฟสาย Yurakucho หรือสาย Yurikamome ลงสถานี Toyosu แล้วเดินอีกประมาณ 5 นาทีไปยังห้าง Lalaport ชั้น 3
เว็บไซต์: http://www.kidzania.jp/tokyo/en/


3. พิพิธภัณฑ์อวกาศเท็นคิว (Space Museum TeNQ)

พอได้ยินคำว่า พิพิธภัณฑ์ หลายคน อาจจะขอบาย ไม่ก็ส่ายหน้าหนีทันที เพราะคงกำลังนึกถึง ความน่าเบื่อ ของการจัดแสดงสิ่งของโบราณในตู้กระจก มีไฟสลัวๆ พร้อมคำบรรยายบนแผ่นป้ายเล็กๆ ที่ไม่เชิญชวนให้อ่านเอาเสียเลย ซึ่งก็จริงครับ พิพิธภัณฑ์ที่เราคุ้นเคยหลายแห่ง ยังคงมีลักษณะแบบนั้นอยู่ แต่ความเข้าใจนี้ ใช้ไม่ได้กับ พิพิธภัณฑ์ที่ญี่ปุ่น อย่างแน่นอนฮะ เพราะที่นี่ พิพิธภัณฑ์ได้รับความนิยมมากๆ (มีให้เข้าชมทุกศาสตร์ ทุกแขนง) จากความสำเร็จในการเปลี่ยนองค์ความรู้ที่ยากๆ ให้กลายเป็นเรื่องราวที่เข้าใจได้ง่าย และเต็มไปด้วยความน่าสนใจ โดยอาศัยเทคนิคที่หลากหลาย และทันสมัย เข้ามาสนับสนุน แถมพิพิธภัณฑ์แต่ละแห่ง ยังสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว กระตุ้นให้ผู้คนอยากไปเที่ยวชมมากยิ่งขึ้นอีกด้วย 

พิพิธภัณฑ์อวกาศเท็นคิว คือ  หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ดีงาม ตามแบบฉบับของญี่ปุ่น ที่เราอยากแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันให้มากขึ้น ตัวพิพิธภัณฑ์นั้น อยู่บนชั้น 6 ของอาคารเยลโล่ บิลดิ้ง (Yellow Building) ในโตเกียวโดมซิตี้ (Tokyo Dome City) แม้จะมีขนาดเล็ก แต่คุณภาพ และความบันเทิง ที่ทุกคนจะได้รับไม่ได้เล็กตามเลยฮะ พิพิธภัณฑ์อวกาศเท็นคิว มีจุดประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับจักรวาลในหลายแง่มุม (มีคำแปลภาษาอังกฤษกำกับ) โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ ความอลังการจนน่าทึ่ง ของห้องจัดแสดงต่างๆ ซึ่งเกิดจาก ส่วนผสมที่ลงตัวระหว่าง ความไฮเทค กับ ความอาร์ตขั้นสุด ในการออกแบบแต่ละโซนนั่นเอง

ภายในแบ่งออกเป็น 9 โซน โดยไฮไลท์เด่น ๆ จะอยู่ที่ Starting Room ห้องวีดีโอ ฉายภาพจักรวาลด้วยเทคนิคการนำเสนอแบบ Projection Mapping และ Theatre Sora ซึ่งเป็นจุดที่พวกเราชอบมากที่สุด เพราะจะได้ยืนดูจอภาพขนาดยักษ์ ในมุมมองที่เสมือนกับ กำลังจ้องมองโลก จากสถานีอวกาศเลยทีเดียว เป็นอะไรที่สวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจมากๆ 

นอกจากนั้น ก็ยังมี ห้องที่น่าสนใจอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น โซน Science ซึ่งมี ศูนย์วิจัยและห้องเรียน ของมหาวิทยาลัยโตเกียว ที่ทำงานกันจริงๆ ให้ได้เห็นอีกด้วย, โซน Imagination ที่จัดแสดงแบบ Interactive เหมาะสำหรับเด็กๆ เพราะมีเกมสนุกๆ ให้เล่นมากมายเลย และปิดท้ายที่ โซน TeNQ Space Store หรือ ร้านขายของที่ระลึก ในธีมอวกาศ ก็ห้ามพลาดเช่นกัน

ใครที่มาโตเกียวหลายครั้ง แล้วกำลังไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี แต่มีเวลาว่างซัก 1-2 ชั่วโมง (ยิ่งถ้ามีเด็กมาด้วย) แนะนำให้ลองมาเที่ยวชมกันดู รับรองว่าได้ทั้ง ความรู้ ความสนุก และประสบการณ์ใหม่ๆ กลับไปแบบเต็มๆ แน่นอนครับ

ข้อมูลสถานที่ พิกัด
ที่อยู่: Yellow Bldg. ชั้น 6, Tokyo Dome City 1–3–61 Koraku, Bunkyo-ku, Tokyo
เวลาทำการ: วันธรรมดา 11.00 – 21.00 น. / วันเสาร์-อาทิตย์ 10.00 – 20.00 น. (รอบสุดท้ายเปิดให้เข้าชม 20:00 น.)
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 1,800 เยน / เด็กนักเรียนม.ปลายขึ้นไป 1, 500 เยน / เด็กอายุ 4 – 15 ปี 1,200 เยน
การเดินทาง: นั่งรถไฟ JR ลงสถานี Suidobashi เดินต่อประมาณ 5 นาทีไปที่ตึก Yellow Building ชั้น 6
เว็บไซต์: https://www.tokyo-dome.co.jp/en/tourists/tenq/


4. พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเอโดะโตเกียว (Edo-Tokyo Open Air Museum)

พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง เป็นคอนเซ็ปต์ของพิพิธภัณฑ์รูปแบบหนึ่ง ที่มีจุดประสงค์เพื่อถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมของมนุษย์สมัยก่อน ให้กับผู้ชมในยุคปัจจุบันได้เรียนรู้ ผ่านการจัดแสดงในบริเวณกว้าง (นอกอาคาร) และ จำลองบรรยากาศ (จะสร้างขึ้นใหม่ หรือ ใช้ของเก่าจริง ๆ ก็ได้) ตามยุคสมัยนั้น ๆ ผู้เข้าชมจึงรู้สึกเหมือนได้ย้อนอดีต เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ และอินไปกับข้อมูล ได้มากกว่าแค่เพียง เดินชมวัตถุโบราณในตู้กระจก หรือ ตามอ่านแผ่นป้ายคำบรรยาย  ที่ไม่น่าดึงดูดเอาเสียเลย แนวคิดเช่นนี้ ส่งผลให้พิพิธภัณฑ์มีความน่าสนใจ และสามารถบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างเข้าถึงมากยิ่งขึ้น บางครั้งเราจึงนิยมเรียกพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเหล่านี้ว่า “พิพิธภัณฑ์มีชีวิต”

ครั้งนี้เราตั้งใจจะพาทุกคนไปรู้จักกับ หนึ่งใน พิพิธภัณฑ์มีชีวิต ที่น่าสนใจ และที่สำคัญ เดินทางสะดวกมาก ๆ เพราะอยู่ในกรุงโตเกียวเลยครับ นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเอโดะ สถานที่แห่งนี้ ตั้งอยู่ในสวนโคะงะเนะอิ (Koganei Park) เมืองโคะงะเนะอิ (Koganei-shi) ชานเมืองทางทิศตะวันตกของโตเกียว 

จริง ๆ แล้วเป็นสาขาของพิพิธภัณฑ์เอโดะ-โตเกียว (Edo-Tokyo Museum) สร้างขึ้นเพื่อรวบรวมอาคารเก่าของจริงในสมัยต่าง ๆ ซึ่งเริ่มตั้งแต่ยุคเอโดะเป็นต้นมา โดยการขนย้ายมารวบรวมไว้ในที่เดียว (อาคารบางหลังเสียหายหนักจนต้องซ่อมแซม หรือ ทำขึ้นมาใหม่ตามโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมเดิม) นอกจากนี้ ตัวอาคารแต่ละหลังยังมีประวัติความเป็นมาเขียนกำกับไว้ด้วย (มีภาษาอังกฤษครับ) ภายในมีสิ่งปลูกสร้างหลากหลายประเภท ให้เดิมชมและถ่ายรูปกันเพลิน ๆ เช่น บ้านเรือน, ที่พักอาศัยของขุนนาง, โรงอาบน้ำสาธารณะ, ซุ้มตำรวจ, อิซากายะ หรือ ร้านนั่งดื่มแบบญี่ปุ่น ตลอดจน ร้านค้าต่าง ๆ เป็นต้น

เนื่องจากอยู่ในสวนสาธารณะ จึงมีบรรยากาศที่ร่มรื่น  และมีอาณาบริเวณกว้างขวาง แบ่งออกเป็น 3 โซนหลัก ประกอบไปด้วย 1.โซนศูนย์กลาง (Center Zone) เป็นที่ตั้งของศูนย์บริการนักท่องเที่ยว และ จัดแสดงบ้านเรือน หลังยุคเอโดะ (เมจิ, ไทโช, โชวะ) เป็นหลัก, 2.โซนตะวันตก (West Zone) จัดแสดงบ้านเรือนตั้งแต่สมัยเอโดะเป็นต้นมา, 3.โซนตะวันออก (East Zone) จัดแสดงสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ในยุคเอโดะ ไปจนถึงยุคโชวะ (เช่น โรงอาบน้ำสาธารณะ, ร้านกุญแจ, ร้านดอกไม้ และ ร้านค้าอื่น ๆ)

แอบกระซิบข้อมูลเพิ่มเติมซักเล็กน้อย ว่า สมัยเอโดะ (Edo) นั้น ถือได้ว่ามีความสำคัญอย่างมากในทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น เพราะเป็นยุคแห่งการปิดประเทศ ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลบะคุฟุ (Bakufu) หรือ โชกุนแห่งตระกูลโทะกุงะวะ (Tokugawa) ทำให้ญี่ปุ่นเกิดการสั่งสมวัฒนธรรมเฉพาะตัวก่อนเข้าสู่สมัยใหม่ อย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็น ละครคาบุกิ (Kabuki), วิถีซามูไร, ศาสนาพุทธนิกายเซน ตลอดจน ศิลปะ และนวนิยายอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ คำว่า เอโดะ เอง ยังเป็นชื่อเก่าของ กรุงโตเกียว ซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางทางการปกครองในสมัยนั้น เป็นครั้งแรกอีกด้วยครับ

ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ ญี่ปุ่น และโตเกียว ตัวจริงล่ะก็ ไม่ควรพลาดที่จะไปทำความรู้จักกับยุคเอโดะ ให้มากยิ่งขึ้น กันที่ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเอโดะ ทั้งในฐานะที่เป็นรากฐานทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นที่พวกเราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และในฐานะที่เป็นจุดกำเนิดของกรุงโตเกียวในทุกวันนี้ ด้วยนั่นเอง

ข้อมูลสถานที่ พิกัด
ที่อยู่: 3-7-1 Sakuracho, Koganei-shi, Tokyo (ด้านในสวน Koganei)
เวลาทำการ: 9.30 – 17.30 น.
วันหยุด: หยุดทุกวันจันทร์  >> ตาราง
ค่าเข้าชม: 400 เยน
การเดินทาง: นั่งรถไฟ JR สาย Chuo ลงสถานี Higashi-koganei ทางออก North เดินออกไปขึ้น Coco Bus ลงป้าย Tatemono Park และเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
เว็บไซต์: http://www.tatemonoen.jp/english


5. สวนสนุกโยมิอุริแลนด์ (Yomiuriland)

การเที่ยวสวนสนุกในวันสบายๆ ที่โตเกียว เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ และแน่นอนที่สุดครับ ทุกคนจะต้องนึกถึง โตเกียวดิสนีย์แลนด์ เป็นอันดับแรกก่อน แต่ขอบอกว่า นั่นไม่ใช่คำตอบสุดท้ายเสมอไป โดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่ชอบความจอแจ และไม่พร้อมกับการต่อคิวรอเครื่องเล่นที่แสนจะยาวนาน แถมยังมีเวลาเที่ยวไม่มากพอที่จะหมดไปทั้งวัน กับสวนสนุกด้วยแล้ว  เรามีสวนสนุกอีกแห่ง ซึ่งอยู่ในโตเกียว และเดินทางสะดวกมากๆ มาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันครับผม

นั่นก็คือ โยมิอุริแลนด์ สวนสนุกที่ทั้งโรแมนติก และทั้งอบอุ่น ไปในตัว เหมาะแก่ การควงใครซักคนมาด้วยกัน หรือ จะเที่ยวทั้งครอบครัวก็ยิ่งดี เพราะเครื่องเล่นของที่นี่ มีให้เลือกหลากหลายประเภท (มากถึง 44 ชนิด) สามารถสนุกกันได้ ทุกเพศ ทุกวัย เลยครับ 

โดยเครื่องเล่นจะแบ่งหลัก ๆ ออกเป็น  2 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มหวาดเสียวและความเร็ว ใครมาสายนี้ ก็ต้องห้ามพลาด นี่เลยครับ “Bandit” รถไฟเหาะ ที่ทำความเร็วได้สูงสุดถึง 110 กม./ชม. หรือจะลอง “Bungee Jump” ที่ให้คุณได้ทิ้งตัวลงมากลางอากาศ ในระดับความสูง 22 เมตร, 2.กลุ่มเด็กและครอบครัว ที่นี่เค้าเน้นจุดนี้มาก จึงมีเครื่องเล่นรองรับเยอะ ไม่ว่าจะเป็น “Custom garage”, “Splash U.F.O.” หรือ “Campus Challenge” มั่นใจได้เลยว่าเด็กๆ จะต้องชื่นชอบอย่างแน่นอนครับ

ไฮไลท์ที่จัดว่าพีคมาก ๆ ของ โยมิอุริแลนด์ ก็คือ การจัดกิจกรรมพิเศษ ตามเทศกาลต่าง ๆ หมุนเวียนกันไป ตลอดทั้งปี ตั้งแต่ “Pool WAI” สวนน้ำแบบจัดเต็มในฤดูร้อน (ปลายมิถุนายน – ต้นเดือนกันยายน), “Illumination” เทศกาลประดับไฟ สุดยิ่งใหญ่ในฤดูหนาว (ต้นเดือนตุลาคม – กลางเดือนกุมภาพันธ์) ที่สวยงามและบรรยากาศโรแมนติกสุดๆ ไปเลย หรือ ใครจะไปชมซากุระ ที่โยมิอุริแลนด์ปลูกไว้กว่า 1,000 ต้น ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ (ต้นเดือนเมษายน) ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเช่นกันครับผม

ด้วยราคาตั๋วที่ไม่แพงมากนัก แลกกับ ความทรงจำดีๆที่ได้เปลี่ยนบรรยากาศดูบ้าง แถมการเดินทางก็สะดวกสบายสุดๆ อีกด้วย เชื่อว่า จะเป็นอะไรที่คุ้มค่าอย่างแน่นอน ยังไงก็อยากให้ลองมาสัมผัสกับสวนสนุกสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆกันที่โยมิอุริแลนด์ ดูซักครั้ง แล้วทุกคนจะติดใจครับ

ข้อมูลสถานที่ พิกัด
ที่อยู่: 4015-1 Yanokuchi, Inagi-shi, Tokyo, 206-8725
เวลาทำการ: วันจันทร์ – พฤหัสบดี 10.00 – 17.00 น. / วันศุกร์ – อาทิตย์ 9.00 – 20.00 น. (วันเวลาการเปิดปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลง ตรวจสอบได้ >> ที่นี่)
ค่าเข้า: เฉพาะค่าเข้าไม่รวมเครื่องเล่น: 1,800 เยน (ผู้ใหญ่ 18 ปีขึ้นไป) / 1,500 เยน (เด็กมัธยม) / 1,000 เยน (เด็ก 3 ปี – เด็กประถม)
พาส 1 วัน (ค่าเข้า + เครื่องเล่น): 5,400 เยน (ผู้ใหญ่ 18 ปีขึ้นไป) / 4,300 เยน (เด็กมัธยม) / 3,800 เยน (เด็ก 3 ปี – เด็กประถม)
การเดินทาง: นั่งรถไฟสาย Keio Sagamihara ลงสถานี Keio Yomiuri-Land แล้วนั่งกระเช้า Gondola ไปยังสวนสนุกรอบละ 300 เยน
เว็บไซต์: http://www.yomiuriland.com/english/

Edo-Tokyo Open Air MuseumFeaturedJapan for kidsKidZania TokyoMaxell Aqua Park ShinagawaSpace Museum TeNQTokyoYomiurilandญี่ปุ่นเที่ยวญี่ปุ่นเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองเที่ยวญี่ปุ่นดอทคอมโตเกียว