กลิ่นอายของฤดูใบไม้ผลิเริ่มใกล้เข้ามาแล้ว ดอกไม้นานาชนิดเตรียมพร้อมเบ่งบานอวดโฉมความสวยงามอีกครั้ง แม้ในช่วงที่เราเดินทางไปนั้นยังคงอยู่ในช่วงของปลายฤดูหนาวแล้วก็ตาม แต่ที่คันไซปีนี้ ปลายเดือนกุมภาพันธ์ยังคงหนาวอยู่
การเดินทางในครั้งนี้ตั้งใจจะเดินทางขึ้นสู่ทางตอนเหนือของเกียวโต เพื่อไปชมความสวยงามของ จุดชมวิวอะมะโนะฮะชิดะเตะ (Amanohashidate) และอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนอย่าง หมู่บ้านชาวประมงเมืองอิเนะ (Ine)
เพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง สามารถใช้ Amanohashidate Marugoto Free Pass ในการเดินทางเที่ยวได้ (ใช้ได้ 1 วัน ราคา 3,090 เยน)
นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2017 เป็นต้นไป Kansai WIDE Area Pass ของ JR West จะทำการอัพเกรดใหม่ และเพิ่ม Kyoto Tango Railway เข้าไปอีกด้วย (ใช้ได้ 5 วัน ราคา 9,000 เยน)
เดินทางสู่ เมืองมิยาสึ (Miyazu) เมืองเล็กๆทางตอนเหนือของจังหวัดเกียวโต ซึ่งเป็นที่ตั้งของ อะมะโนะฮะชิดะเตะ (Amanohashidate) จุดชมวิวชายฝั่งทะเลที่สวยติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่น (Nihon-Sankei ) หรือที่รู้จักกันดีอีกชื่อหนึ่งว่า “สะพานสู่สรวงสวรรค์”
มีตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่าสถานที่แห่งนี้มีตำนานเล่าขานกันว่าเป็นเส้นทางที่เทพเจ้าใช้ลงจากสรวงสวรรค์เพื่อมายังโลกมนุษย์ สันทรายที่โผล่พ้นน้ำทะเลขึ้นมามีลักษณะคดเคี้ยว ความกว้างราว 20 เมตรเชื่อมต่อกัน ทอดยาวจากเกาะหนึ่งไปสู่อีกเกาะหนึ่ง เมื่อลองก้มมองกลับหัวจะเห็นเป็นภาพคล้ายมังกรที่ขดตัวอยู่บนท้องฟ้า โดยบริเวณรอบๆเกาะนั้นจะเต็มไปด้วยต้นสนที่มีรูปร่างลักษณะเฉพาะตัวประมาณ 8,000 ต้น
ระหว่างทางเดินขึ้นสู่จุดขึ้นกระเช้าจะพบกับ ศาลเจ้าโมโตะอิเซะ โคโนะ (Motoise-Kono Shrine) ในอดีตศาลเจ้าชินโตแห่งนี้เป็นศาลเจ้าที่มีความสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคทันโงะ (Tango) ภายในเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าย่อยชื่อว่า อิเซะ–จิงกุ (Ise-Jingu) เชื่อกันว่าเป็นที่ประทับของเทพเจ้าหลายองค์อาทิเช่น Amaterasu, Sarutahiko, Ebisu, Inari และ Kasuga
หิมะเพิ่งจะตกใหม่ๆ ยังขาวโพลนอยู่เลย
ป้ายแสดงประวัติของศาลเจ้าโมโตะอิเซะ โคโนะ (Motoise-Kono Shrine)
ศาลเจ้าย่อยๆภายในระหว่างทางเดินขึ้นไปยังจุดขึ้นกระเช้า
นักท่องเที่ยวต้องนั่งกระเช้าเคเบิ้ลคาร์ขึ้นไปบนจุดชมวิวที่ สวนคาซะมัตสุ (Kasamatsu Park) เพื่อสัมผัสกับทัศนียภาพอันสวยงามของอ่าวมิยาซุ (Miyazu Bay) ที่มีความยาวกว่า 3 กิโลเมตร ด้านบนมีจุดให้ถ่ายภาพมากมาย หรือจะหยอดเหรียญชมความสวยงามระยะไกลได้ด้วยกล้องส่องทางไกลที่จัดไว้ให้
โดยสารกระเช้าเคเบิ้ลคาร์เพื่อขึ้นไปบนจุดชมวิว
ทัศนียภาพจากบนกระเช้าเคเบิ้ลคาร์
จุดถ่ายภาพด้านบนจุดชมวิว Kasamatsu Park
ทัศนียภาพของ อะมะโนะฮะชิดะเตะ (Amanohashidate) จุดชมวิวที่สวยเป็น 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น
ถัดจากศาลเจ้าไปอีกไม่ไกลจะมีร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึกมากมาย
ทดลองชิมเมนูพิเศษเซทปลาบุริหม้อไฟ เป็นอีกหนึ่งเมนูที่มีชื่อเสียงของเมืองเกียวโต ที่ร้าน Tsuruya Shokudo สามารถหาทานได้เฉพาะในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น
พร้อมปิดท้ายด้วยของหวานซอฟท์ครีมรสชาเขียวมัทฉะทานคู่กับถั่วแดงกวนแบบโบราณ
ถัดไปด้านบนภูเขาของจุดชมวิวทางทิศเหนือเป็นที่ตั้งของ วัดนะริไอจิ (Nariaiji Temple) วัดพุทธศาสนานิกายชินกอน มีสัญลักษณ์เป็นหอระฆังไม้มีชื่อว่า Bell of Neutrality และเจดีย์รูปห้าชั้นสีแดง
ขอบขอบคุณภาพจาก www.nariaiji.jp
ข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว
กระเช้าและเคเบิลคาร์ขึ้นสู่จุดชมวิว Kasamatsu Park
เวลาทำการ: 8:00- 17.30 น. (เดือนเมษายน – เดือนตุลาคม) ปิดเร็วขึ้นในเดือนอื่น
วันหยุด: เปิดทำการตลอดทั้งปี
ค่าโดยสารกระเช้า: [ผู้ใหญ่] ไป–กลับ 660 เยน เที่ยวเดียว 330 เยน / [เด็ก] ไป–กลับ 330 เยน เที่ยวเดียว 170 เยน
จุดชมวิว Kasamatsu Park
ค่าเข้าชม: 640 เยน (เข้าชมรอบสุดท้ายก่อนเวลาปิด 30 นาที 500 เยน) หากซื้อตั๋วรถบัสไปกลับด้วย ลดเหลือ 400 เยน)
เวลาเปิด–ปิด: 9:00 – 16:00 น. (กระเช้า) / 8:00 – 17:30 น. (เคเบิ้ลคาร์)
วันปิดทำการ: เคเบิ้ลคาร์: เปิดทุกวัน ส่วนกระเช้า: ปิดทำการเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ): http://www.amanohashidate.jp/lang/en/
วัดนะริไอจิ (Nariaiji Temple) บนจุดชมวิว Amanohashidate
เวลาทำการ: 08.00-16.30 น.
วันหยุด: เปิดทำการตลอดทั้งปี
ค่าเข้าชม : 500 เยน (หากซื้อตั๋วรถบัสไปกลับด้วย ลดเหลือ 400 เยน)
วิธีการเดินทาง
:
โดยสารรถบัสที่จุดชมวิว
Kasamatsu Park
รถบัสจะออกทุกๆ
20-30
นาที ใช้เวลาเดินทางประมาณ
7
นาที ค่าใช้จ่ายเที่ยวเดียว
350
เยน จากนั้นขึ้นเคเบิ้ลคาร์ ใช้เวลา
5
นาที ค่ารถไปกลับ
660
เยน เที่ยวเดียว
330
เยน
อีกหนึ่งสถานที่สุดอันซีนแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของจังหวัดเกียวโต หมู่บ้านชาวประมงแห่งเมืองอิเนะ (Ine) ตั้งอยู่บนชายฝั่งของอ่าวอิเนะ ที่นี่ได้รับการอนุรักษ์เป็นอย่างดีจึงคงสภาพของเดิมไว้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง
จุดเด่นเฉพาะตัวของที่นี่จะเป็นการสร้างบ้านแบบสองชั้นติดริมชายฝั่งทะเลโดยเปิดให้ชั้นล่างเป็นที่จอดเรือและใช้ด้านบนเป็นที่พักอาศัย บ้านลักษณะแบบนี้มีชื่อเรียกว่า Ine no Funaya โดยที่นี่จะมีฟุนะยะ ตั้งเรียงรายอยู่บริเวณอ่าวอิเนะประมาณ 230 หลัง ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับเมืองท่าอื่นๆในแถบยุโรป เช่นเมืองเวนิส ของประเทศอิตาลี ทำให้ที่นี่ถูกขนานนามว่าเป็น Venice of Japan
แผ่นป้ายบอกเล่าถึงประวัติศาสตร์และเรื่องราวของหมู่บ้านชาวประมง
สภาพบ้านเรือนเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนดังเช่นในอดีตของหมู่บ้านชาวประมง
สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากสัมผัสประสบการณ์นอนในบ้านแบบฟุนะยะ ที่นี่ยังมีที่พักให้บริการพร้อมอาหารสองมื้อ สนนราคาประมาณท่านละ 20,000 เยน ส่วนกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะทำกันคือนั่งเรือเฟอรี่ล่องทะเลสาบ โดยมีบริการทุกครึ่งชั่วโมงและใช้เวลาล่องเรือชมอ่าวพร้อมให้อาหารนกนางนวลประมาณรอบละครึ่งชั่วโมงเช่นกันหรือใครที่อยากจะเดินชมบ้านเรือนรอบๆอ่าวอิเนะ
แนะนำให้ลองแวะที่โกดังสาเกเพื่อลองชิมสาเกของที่นี่รับรองว่าไม่แพ้ที่ใดในญี่ปุ่นเช่นกัน
สำหรับการเดินทางนั้นอย่างที่ทราบกันว่าพื้นที่ของอะมะโนะฮะชิดะเตะ และหมู่บ้านชาวประมงอิเนะ นั้นอยู่ไกลจากตัวเมืองเกียวโตค่อนข้างมาก ทำให้ต้องแพลนการเดินทางกันอย่างค่อนข้างรัดกุมสักหน่อย เนื่องจากใช้เวลาเดินทางมาก แต่การเดินทางนั้นไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด
วิธีการเดินทาง
โดยรถบัส
– จากสถานี Osaka หรือ Umeda โดยสารรถบัส Tango Kairiku Kotsu นั่งไปลงที่สถานี Amanohashidate ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 40 นาที
– จากสถานี Kyoto โดยสารรถบัส Tango Kairiku Kotsu นั่งไปลงที่สถานี Amanohashidate ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 20 นาที
โดยรถไฟ
– จากสถานี Kyoto โดยสารรถไฟ JR LTD.EXP Kinosaki ไปลงที่สถานี Fukuchiyama ใช้เวลาประมาณ 75 นาที จากนั้นเปลี่ยนเป็นสายรถไฟเอกชน LTD.EXP.Tango Railways ใช้เวลาประมาณ 35 นาที ตรงไปยังสถานี Amanohashidate ราคา 2,300 เยน
– สำหรับผู้ที่ถือ JR Rail Pass จากสถานี Kyoto โดยสารรถไฟ รถไฟแบบ Limited Express สาย Hashidate นั่งไปลงที่สถานี Amanohashidate ใช้เวลา 121 นาทีโดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวน
– สามารถเดินทางสู่หมู่บ้านชาวประมงอิเนะได้อีกหนึ่งวิธี โดยสารรถบัส Tankai Bus ขึ้นรถที่สถานี Amanohashidateแล้วมาลงที่อ่าวอิเนะ ใช้เวลาประมาณ 55 นาที ราคาประมาณ 400 เยน
ลากันไปด้วยภาพฝาท่อน่ารักๆเป็นเอกลักษณ์ของเมืองอิเนะ
ทริปในครั้งนี้เราตั้งใจเดินทางไปเที่ยวยังภูมิภาคคันไซ เนื่องจากเห็นว่ามีโปรโมชั่นคุ้มๆของการบินไทย แพ็คเกจ Osaka Free & Easy จาก Royal Orchid Holiday ประกอบด้วย บัตรโดยสารไป–กลับชั้นประหยัดโดยสายการบินไทย เส้นทางกรุงเทพฯ – โอซาก้า และ ที่พัก 5 วัน 4 คืน
โดยที่พักจะเป็นโรงแรม Karaksa Hotel ทั้งสาขาโอซาก้าชินไซบาชิและเกียวโต สามารถเลือกจำนวนคืนที่จะเข้าพักได้ด้วยตัวเอง และเพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นด้วยบริการรถ Shuttle Bus รับ–ส่งระหว่างโรงแรมและสนามบินคันไซ ในราคาเริ่มต้นเพียง 25,600 บาทเท่านั้น ดูรายละเอียดที่นี่ >> Osaka Free & Easy
อ่านรีวิวที่พักที่นี่ >> Karaksa Hotel สาขา Kyoto และ สาขา Osaka Shinsaibashi