ตะลุยคันไซ ปลายหนาวต้นผลิ ตอน 3: Around Kansai

รีวิวสุดท้ายของทริปตะลุยคันไซ ปลายหนาวต้นผลิ โดยที่ 2 ตอนแรกได้พาไปเที่ยว ทางตอนเหนือของจังหวัดเกียวโตกันที่ Amanohashidate กับ Ine (อ่านรีวิว >> ที่นี่) ส่วนตอนที่ 2 พาไปขึ้นรถไฟเหมียว เกี่ยวสตรอเบอร์รี่กันที่จังหวัดวะคะยะมะ (อ่านรีวิว >> ที่นี่) กันเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้จะเป็นการเก็บตกทริปคันไซ เดินทางไปยัง 3 เมืองคือ นารา, เกียวโต และ โอซาก้า กับสถานที่เที่ยวใหม่ ที่ให้ความรู้อีกด้วย

เริ่มต้นกับความตื่นเต้นของวันนี้ คือจะได้สัมผัสกับความเย็นของหิมะ ขณะเดินชมสถาปัตยกรรมแบบโบราณของ ย่านนาระมะจิ (Naramachi) พร้อมทั้งยังได้ชมความงามของดอกบ๊วยที่เพิ่งจะผลิดอกให้ชมไปพร้อมกัน

นาระมะจิ (Naramachi) ย่านการค้าเก่ากลางเมือง จังหวัดนาระ (Nara) ที่นี่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,300 ปี เอกลักษณ์ของย่านนี้คือบ้านเก่าแบบดั้งเดิมตั้งแต่สมัยโบราณ เนื่องจากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นแถบนี้รอดพ้นจากการถูกทิ้งระเบิดจึงทำให้ย่านนี้ยังคงความสวยงามเช่นวันวานมาจวบจนถึงปัจจุบัน นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเล่น จับจ่ายซื้อสินค้า รับประทานอาหารและของหวาน หรือทดลองทำกิจกรรมต่างๆ เข่น การสวมใส่ชุด Kimono การชงชา การชิมเหล้าสาเกญี่ปุ่นชื่อดังประจำท้องถิ่น เป็นต้น

การเดินทาง :: จากสถานี Kintetsu Nara เดินต่อประมาณ 10-15 นาที

เยี่ยมชมโรงงานผลิตสาเกชื่อดังแห่งแรกของเมืองที่ Harushika Brewery ที่ผลิตสาเกมามากกว่า 130 ปี

บรรยากาศภายในร้าน สัญลักษณ์ของร้านแห่งนี้ HaruShika โดยมีความหมายว่า “ฝูงกวางแห่งฤดูใบไม้ผลิ”

นักท่องเที่ยวสามารถทดลองชิมสาเกชื่อดังของเมือง 5 ชนิด

พร้อมรับแก้วสาเกน่ารักๆกลับบ้านเป็นที่ระลึก ในราคาเพียง 500 เยน


จากนั้นไปชมพิพิธภัณฑ์ของเล่นโบราณ Naramachi Toys Museum สร้างขึ้นตั้งแต่ยุคสมัยเอโดะตั้งแต่ปี ค..1890 โดยของเล่นทุกชิ้นทำขึ้นจากไม้จริงทั้งหมดอีกทั้งยังสามารถทดลองเล่นได้จริงอีกด้วย

บรรยากาศของบ้านเรือนเก่าแก่ของย่านนาระมาจิ


ในการเดินทางนั้น สิ่งจำเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับชีวิตผู้คนในยุคปัจจุบันก็คือ พ็อคเกตไวไฟของWi-Ho” ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยความที่เป็นแบรนด์ญี่ปุ่นที่ไว้วางใจได้ นำเสนอโดย Telecom Square บริษัทญี่ปุ่นผู้บุกเบิกในด้าน “Mobile x Global” มามากกว่า 20 ปี มั่นใจได้การบริการการสื่อสารคุณภาพสูงสุดซึ่งใช้สายเชื่อมต่อท้องถิ่นด้วย ทำการจองได้ >> ที่นี่ <<


จากนั้นเดินทางข้ามไปยังจังหวัดเกียวโต เพื่อไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตเบียร์ Suntory Premium Malts สาขาจังหวัดเกียวโต โรงงาน Suntory ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1899 เป็นบริษัทผลิตเครื่องดื่มนานาชนิดที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น นอกจากเบียร์ที่จะเห็นได้ทั่วประเทศญี่ปุ่นแล้ว Suntory ก็ยังมีเครื่องดื่มอื่นๆอีกมากมาย

เริ่มทัวร์ชมโรงงานการผลิต ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีโดยไกด์จะทำการอธิบายกรรมวิธีการผลิตเบียร์ และส่วนผสมต่างๆ ทำมาจากอะไร อีกทั้งยังพาชมเทคโนโลยีสายการผลิตแบบจริงๆภายในโรงงานอีกด้วย

และท้ายสุดของทัวร์คือ การชิมเบียร์แบบต่างๆ สำหรับผู้ใหญ่ แต่สำหรับใครที่ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ทางทัวร์ก็จะมีเครื่องดื่มซอฟท์ดริงค์ไว้คอยให้บริการ จากนั้นเราก็สามารถซื้อเบียร์ที่จัดเป็นชุดพิเศษที่ร้านขายของที่ระลึก


ในการเดินทางนั้น สิ่งจำเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับชีวิตผู้คนในยุคปัจจุบันก็คือ พ็อคเกตไวไฟของWi-Ho” ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยความที่เป็นแบรนด์ญี่ปุ่นที่ไว้วางใจได้ นำเสนอโดย Telecom Square บริษัทญี่ปุ่นผู้บุกเบิกในด้าน “Mobile x Global” มามากกว่า 20 ปี มั่นใจได้การบริการการสื่อสารคุณภาพสูงสุดซึ่งใช้สายเชื่อมต่อท้องถิ่นด้วย ทำการจองได้ >> ที่นี่ <<


หลังจากนั้นเราเดินทางมุ่งหน้ากลับสู่จังหวัดโอซาก้า ซึ่งระหว่างทางจะสามารถแวะเกียวโตได้ โดยเราแวะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ ศาลเจ้านากะโอกะ (Nagaoka Temmangu) ศาลเจ้าชินโตเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงในด้านการขอพรเกี่ยวกับด้านความรู้ การสอบผ่าน

อีกทั้งทัศนียภาพงดงาม โดยเฉพาะเมื่อดอกอาซาเลียบานสะพรั่งในราวช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกอาซาเลียในญี่ปุ่นมีหลายสายพันธุ์และหลายสีด้วยกัน ภาพของทุ่งดอกกุหลาบพันปีอาซาเลียที่บานพร้อมกันราวกับเป็นก้อนเมฆสีแดงที่บริเวณบ่อน้ำ Hachijōgaike เป็นภาพที่สวยสะดุดตา และที่ด้านในสวนของ Kinsui-tei ภัตตาคารลอยน้ำหน้าศาล

บรรยากาศของดอกอาซาเลียที่บานเต็มพื้นที่ในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี อ่านรายละเอียด >> ที่นี่
เครดิตภาพจาก Osaka Convention & Tourism Bureau

ด้านหน้าของศาลเจ้า Nagaoka Tenmangu

เพื่อให้ครบตามสูตรของการมาขอพรที่ศาลเจ้า Tenmangu ต้องลูบหัวเจ้าวัวข้างศาลเจ้า 1 ครั้ง โดยมีความเชื่อกันว่าจะทำให้ฉลาดขึ้นและพรที่ขอไปนั้นจะสำเร็จ


และจุดหมายของการมาเยือนโอซาก้าคือ สถานที่แห่งนี้ที่ดูจากภายนอก ใครหลายคนอาจจะคิดว่าที่นี่คือสวนสนุกอะไรซักอย่าง เนื่องจากการออกแบบที่แปลกตา สวยงามและมีศิลปะ แต่ที่่จริงแล้วที่นี่คือ Maishima Incineration Plant โรงงานกำจัดขยะที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นและสวยที่สุดในโลกอีกด้วย โรงงานนี้เริ่มก่อสร้างในปี 1997 และสร้างเสร็จในเดือน เมษายนปีค.ศ. 2001 ราคาค่าก่อสร้างทั้งหมดประมาณ 60.9 พันล้านเยน โรงงานนี้เป็นโรงงานของเอกชนขึ้นตรงกับแผนกจัดการสิ่งแวดล้อมของจังหวัดโอซาก้า

จุดเด่นของโรงงานนี้ก็คงหนีไม่พ้นการออกแบบภายนอกที่สวยงาม มีศิลปะ โรงงาน Maishima Incineration Plant ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาว Austria ชื่อ Friedensreich Hundertwasser แต่ท่านสถาปนิกท่านนี้เพิ่งจะเสียชีวิตไปไม่นานนี้ แต่ก็หลังจะที่เขาได้ออกแบบไปหมดแล้ว ขณะนี้ส่วนขยายของโรงงานก็กำลังอยู่ระหว่างการสร้างเพิ่มเติม สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมกระบวนการกำจัดขยะของที่นี่ได้โดยทำเรื่องขอเข้าชมล่วงหน้า จะมีวิทยากรพาชม พร้อมบรรยายตามจุดต่างๆ แถมยังไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย


ทริปในครั้งนี้เราตั้งใจเดินทางไปเที่ยวยังภูมิภาคคันไซ เนื่องจากเห็นว่ามีโปรโมชั่นคุ้มๆของการบินไทย แพ็คเกจ Osaka Free & Easy จาก Royal Orchid Holiday ประกอบด้วย บัตรโดยสารไปกลับชั้นประหยัดโดยสายการบินไทย เส้นทางกรุงเทพฯ – โอซาก้า และ ที่พัก วัน คืน

โดยที่พักจะเป็นโรงแรม Karaksa Hotel ทั้งสาขาโอซาก้าชินไซบาชิและเกียวโต สามารถเลือกจำนวนคืนที่จะเข้าพักได้ด้วยตัวเอง และเพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นด้วยบริการรถ Shuttle Bus รับส่งระหว่างโรงแรมและสนามบินคันไซ ในราคาเริ่มต้นเพียง 25,600 บาทเท่านั้น ดูรายละเอียดที่นี่ >> Osaka Free & Easy 

อ่านรีวิวที่พักที่นี่ >> Karaksa Hotel สาขา Kyoto และ สาขา Osaka Shinsaibashi

harushika breweryjinjaKansaiKaraksa HotelKyotoMaishima Incineration PlantNagaoka TenmangunaranaramachiPocket wifiROH PackageRoyal Orchid HolidaysakeShrineSuntory beer FactoryThai AirwaysWi-Hoการบินไทยคันไซนาราเกียวโตเที่ยวญี่ปุ่นโรงแรมคารัคสะ