Shizuoka: รีวิวเที่ยวเจาะลึกคาบสมุทรอิซุ จากโตเกียว ตอน 2: ฝั่งใต้-ตอนกลาง

รีวิวที่จะพาทุกคนไปเจาะลึก คาบสมุทรอิซุ (Izu-Peninsula) อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวอันซีนในญี่ปุ่น ที่หลายคนยังไม่รู้จัก และมองข้ามไป ทั้งที่จริงๆแล้ว คาบสมุทรแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับโตเกียวมาก จึงเดินทางมาได้สะดวกด้วยรถไฟใช้เวลาเพียง 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น (ขึ้นอยู่กับว่าจะไปเที่ยวเมืองอะไร) ใครที่กำลังวางแผนเที่ยวโตเกียวอยู่ และเริ่มมองหาเส้นทางใหม่ๆ อยากลองออกนอกเมืองดูบ้าง สามารถนำข้อมูลจากรีวิวนี้ไปปรับเพิ่มเติมได้เลยครับ

อ่านรีวิวตอนแรกที่นี่ >> Shizuoka: รีวิวเที่ยวเจาะลึกคาบสมุทรอิซุ จากโตเกียว ตอน 1: ฝั่งตะวันออก

ในตอนที่ 2 นี้เราจะพาลัดเลาะลงใต้ไปเรื่อยๆ โดยเริ่มตั้งแต่ ชมเทศกาลดอกไฮเดรนเยียที่ เมืองชิโมะดะ (Shimoda) ไล่ไปจนถึง จุดใต้สุดของคาบสมุทร อย่างแหลมอิโรซากิที่ ตำบลมินามิอิซุ (Minami-Izu) ก่อนที่จะตวัดกลับขึ้นมาตอนกลาง เพื่อสัมผัสเส้นทางเดินป่าและชมน้ำตกชื่อดังที่ ตำบลคะวะซุ (Kawazu), เที่ยวหมู่บ้านออนเซ็นบนภูเขาสุดชิลล์ที่ เมืองอิซุ (Izu), ชมวิวภูเขาไฟฟูจิที่ เมืองอิซุโนะคุนิ (Izunokuni) และจบด้วยการเข้าพักที่เรียวกังสุดหรูเป็นการปิดท้าย


สวนชิโมะดะ (Shimoda Park) ในเดือนมิถุนายนของทุกปี สวนแห่งนี้จะกลายเป็นสถานที่จัดเทศกาลไฮเดรนเยีย (หรือ อะจิไซ ในภาษาญี่ปุ่น) ซึ่งถือได้ว่า เป็นสวนไฮเดรนเยียที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเลยทีเดียว ไฮไลท์คือ การได้พบกับความอลังการของไฮเดรนเยียจำนวนมาก ที่เบ่งบานแบบไล่ระดับกันไปจนเต็มพื้นที่ของเนินเขานั่นเองครับ นอกจากนี้ บริเวณด้านบน ยังเป็นจุดชมวิว ที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของท่าเรือ และตัวเมืองชิโมะดะ ได้อย่างชัดเจนอีกด้วย

จริงๆแล้วเมืองชิโมะดะ (Shimoda) มีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์ เพราะเป็นหนึ่งในเมืองท่า ที่ต้องเปิดทำการค้ากับสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรก ตามสนธิสัญญาคะนะงะวะ ดังนั้น ในสวนชิโมะดะ จึงมีอนุสาวรีย์เพื่อระลึกถึงบุคคลสำคัญในช่วงเวลานั้น ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นด้วยนั่นเอง

  • เวลาทำการ: เปิดตลอดเวลา
  • การเดินทาง: นั่งรถไฟ JR สาย Odoriko ลงสถานี Izukyu-Shimoda หลังจากนั้นนั่งรถบัส (ปลายทาง Shimoda Aquarium) ในช่วงงานเทศกาลดอกไฮเดรนเยีย รถบัสจะจอดหน้าสวนเลย (พิกัด)
  • เว็บไซต์


ถํ้าริวงู (Ryugu Sea Cave) เดิมเป็นเพียง ถํ้าริมชายฝั่งทะเลธรรมดาๆ ซึ่งเกิดจากการกัดเซาะของคลื่น ที่พบเห็นได้โดยทั่วไป แต่ต่อมา เพดานถํ้าได้เกิดการพังถล่มลงเป็นวงกว้าง จนกลายมาเป็นโพรงขนาดใหญ่ และจุดนี้เอง คือความพิเศษของที่นี่ในปัจจุบันเลยครับ เพราะหากเรามองลงไปจากด้านบน จะเห็นคล้ายเป็นรูปหัวใจ ในบรรยากาศที่ดูโรแมนติกอยู่ไม่น้อย ถูกใจคู่รักอย่างแน่นอน

หลังจากชมถํ้าริวงู เรียบร้อยแล้ว ใกล้กันยังมีเนินทรายธรรมชาติ ให้ทุกคนได้ทดลองเล่นเลื่อนทรายอีกด้วย (คล้ายกับเลื่อนหิมะในลานสกี) ใครที่สนใจสามารถหาเช่ากระบะเลื่อน ได้จากโรงแรมที่เปิดให้บริการแถวบริเวณนั้นครับ

  • การเดินทาง: นั่งรถไฟสาย Izukyoko ลงที่สถานี Izukyu-Shimoda แล้วต่อรถบัสไปลงที่ป้าย Maenohama แล้วเดินต่อประมาณ 200 เมตร (พิกัด)
  • เว็บไซต์


กระเช้าชมวิวชิโมะดะ (Shimoda Ropeway) ชมทัศนียภาพแบบเต็มตาของเมือง ณ กระเช้าจุดชมวิวอาตามิ บนยอดเขา เนะสุงาตะ (Nesugata) จุดชุมวิวที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของจังหวัดชิซุโอกะ และคาบสมุทรอิซุแห่งนี้ (ได้รับการจัดอันดับว่าเป็น 1 ใน 3 จุดชมวิวที่ดีที่สุดในอิซุ) นอกจากตัวเมืองชิโมะดะแล้ว ที่นี่ยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของ อ่าวซางามิ (Sagami Bay) ในมุมมองที่แตกต่างและสวยงามมากๆได้อีกด้วย

ศาลเจ้าไอเซนโดะ (Aizendo) ตั้งอยู่บนจุดชมวิว โดยเชื่อกันว่าสถานที่แห่งนี้มีความศักดิ์สิทธิ์ในด้านการให้พรเกี่ยวกับความรัก และการใช้ชีวิตคู่ให้ยืนยาว คนญี่ปุ่นจะนิยมเขียนคำอธิษฐานลงในกระดาษไม้รูปหัวใจ แล้วนำแขวนไว้ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ เพื่อหวังให้สิ่งที่ขอกลายเป็นความจริง

  • การเดินทาง: นั่งรถไฟสาย Izukyoko ลงที่สถานี Izukyu-Shimoda แล้วเดินต่อประมาณ 3 นาที (พิกัด)
  • เวลาทำการ: 9.00 -16.30
  • ค่าเข้า: 1,030 เยน
  • เว็บไซต์


แหลมอิโรซากิ (Irozaki Cape) ตั้งอยู่บริเวณตอนใต้สุดของคาบสมุทรอิซุ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่สวยงาม ด้วยบรรยากาศของ ชายหาด และ หน้าผาโขดหิน ที่มีเอกลักษณ์หาชมได้ยากจากที่อื่น อีกทั้งยังถือเป็นจุดชมวิวมหาสมุทรแปซิฟิกที่สวยงามไม่แพ้ที่ใดอีกด้วย

อีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด คือ การล่องเรือชมแหลมอิโรซากิ ที่จะทำให้เรา ได้เห็นทิวทัศน์ของหน้าผาโขดหินในมุมมองที่แตกต่างไปจากการเดินชมบนฝั่งอย่างแน่นอน สำหรับบริการนี้ ใช้เวลาเพียง 25 นาที

  • การเดินทาง: นั่งรถไฟสาย Izukyoko ลงที่สถานี Izukyu-Shimoda แล้วนั่งรถบัส Tokai มาลงที่ป้าย Irozaki-Guchi ประมาณ 40 นาที แล้วเดินต่ออีกประมาณ 7 นาที เพื่อมายังจุดขึ้นเรือ (พิกัด)
  • เวลาทำการ: 9.00 – 16.00 น.
  • ค่าใช้จ่าย: 1,400 เยน
  • เว็บไซต์


โรงแรมโคยะโซ (Kouyasou) ขอแนะนำที่พักในมินามิอิซุ (Minami-Izu) ตั้งอยู่ระหว่างสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆในโซนใต้ ทำให้เดินทางไปต่อค่อนข้างสะดวกทีเดียวครับ สำหรับสไตล์ของที่พักก็จะเป็นบ้านเก่าที่นำมาปรับปรุงให้เป็นโรงแรม ดังนั้น จะยังคงกลิ่นอายของความอบอุ่นเหมือนได้พักอยู่ในบ้านของเพื่อนชาวญี่ปุ่นเลย โดยที่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ตามมาตรฐานของโรงแรมที่ทันสมัย ก็ยังคงมีพร้อมอย่างครบครัน รวมไปถึง ห้องอาหารที่เสิร์ฟเซ็ตอาหารท้องถิ่นรสชาติดี และบ่อออนเซ็น อีกด้วยครับ

  • การเดินทาง: นั่งรถไฟสาย Izukyoko ลงที่สถานี Izukyu-Shimoda แล้วนั่งรถบัส Tokai มาลงที่ป้าย Yumigahamaohashi แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที (พิกัด)
  • ค่าใช้จ่าย: เริ่มต้น 4,500 เยน สำหรับห้องพักอย่างเดียว และ 7,500 เยน รวมอาหาร 2 มื้อ
  • เว็บไซต์


น้ำตกทั้ง 7 แห่งคะวะซุ (Kawazu Nanadaru) สามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ ด้วยเส้นทางชมธรรมชาติที่เดินได้อย่างสะดวกสบาย รวมระยะทั้งสิ้น ประมาณ 2 กิโลเมตร โดยระหว่างทางจะมีรูปปั้นของตัวละคร (นักแสดงนำ) ในเรื่อง “The Dancing Girl of Izu” ที่ดัดแปลงมาจากเรื่องสั้นของ นักเขียนรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมอย่าง คาวาบาตะ ยาซูนาริ (Kawabata Yasunari) อีกด้วย

  • การเดินทาง: นั่งรถไฟสาย Izukyoko ลงที่สถานี Kawazu แล้วต่อรถบัส Tokai จากสถานี Kawazu มาลงที่ป้าย Mizutare แล้วเดินจากจุดน้ำตกแรกไปจนถึงจุดสุดท้ายใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง (พิกัด)
  • เว็บไซต์


เดินทางด้วยรถบัส Tokai สามารถซื้อพาสในการเดินทางมายังน้ำตกแห่งนี้ดูรายละเอียด >> ที่นี่

ระหว่างทางจะผ่านสะพานวน Nanadaru Spiral Bridge ด้วย


น้ำตกโจเรน (Joren Falls) น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในภูเขาอะมะงิ (Amagi) ซึ่งมีความสูงถึง 25 เมตร และถูกจัดอันเป็นน้ำตกที่สวยที่สุด 1 ใน 100 ของญี่ปุ่นอีกด้วย โดยเส้นทางน้ำของน้ำตกแห่งนี้ แต่เดิมเกิดจากการไหลของลาวาจากภูเขาไฟ ทำให้มีรูปลักษณ์ที่สวยงาม และแปลกตาไม่น้อยเลยครับ

  • การเดินทาง: นั่งรถไฟสาย Izukyoko ลงที่สถานี Kawazu แล้วต่อรถบัส Tokai จากสถานี Kawazu มาลงที่ป้าย Jorennotaki (พิกัด)
  • เวลาทำการ: 8.30 – 16.30 น.
  • เว็บไซต์

อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ขาดไม่ได้เลยคือ การเยี่ยมชม ระบบฟาร์มวาซาบิ ที่ปลูกโดยอาศัยน้ำจากน้ำตกโจเรนนั่นเอง ด้วยแร่ธาตุจากตะกอนภูเขาไฟในสายน้ำ ทำให้วาซาบิแห่งเมืองอิซุนั้น มีคุณภาพและรสชาติที่ดี จนมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเลยทีเดียว ใครที่ชื่นชอบวาซาบิ สามารถเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ และของกินที่ทำจากวาซาบิ หลากหลายรูปแบบจากที่นี่ได้เลย (มีไอศกรีมวาซาบิ และน้ำวาซาบิผสมโซดาด้วย)


ชูเซนจิ ออนเซ็น (Shuzenji Onsen) หมู่บ้านออนเซ็นเล็กๆบนภูเขา ที่ชื่อเสียงและความนิยมนั้น ไม่ได้เล็กตามขนาดเลยครับ เพราะถูกจัดอันดับเป็นแหล่งออนเซ็นที่ดีที่สุด 1 ใน 100 ของญี่ปุ่น ส่วนชื่อ ชูเซนจิ นั้นมาจากชื่อของ วัดชูเซนจิ (Shuzenji) ซึ่งเป็นวัดพุทธฯนิกายเซน ที่มีความเก่าแก่มาก โดยตัวอาคารต่างๆในปัจจุบันมีอายุกว่า 100 ปีแล้ว

  • การเดินทาง: นั่งรถไฟสาย Izukyoko ลงที่สถานี Kawazu แล้วต่อรถบัส Tokai จากสถานี Kawazu มาลงที่ป้าย Shuzenji Onsen (พิกัด)
  • เว็บไซต์

ในตัวหมูบ้านจะมี เรียวกังแบบออนเซ็น จำนวนมากเปิดให้บริการ แถมยังมี หลายระดับ ตั้งแต่ธรรมดาทั่วไปจนถึง หรูหราอย่างดี ให้เลือกเข้าพักกันตามสะดวก บรรยากาศโดยรวมให้อารมณ์ความเป็นชนบทที่ผสมกับความย้อนยุคได้อย่างลงตัว แถมมี ทางเดินป่าไผ่เล็กๆคล้ายกับที่เกียวโตด้วย


อิซุโนะคุนิ พาโนรามา พาร์ค (Izunokuni Panorama Park) นั่งกระเช้าขึ้นมาบนยอดเขา เป็นอีกจุดที่สามารถมองเห็น ภูเขาไฟฟูจิ และอ่าวซุรุงะ (Suruga) ได้อย่างสวยงามมาก แถมยังมีบริการแช่เท้าในออนเซ็นไปพร้อมกับการชมวิว นอกจากนี้ด้านบนยังมีศาลเจ้าและพระพุทธรูปหินจิโซขนาดเล็ก 100 องค์ ที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะขึ้นมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล และขอพรเรื่องโชคลาภ รวมถึงเนื้อคู่ กันอีกด้วย

  • การเดินทาง: จากสถานี Mishima นั่งรถไฟสาย Izuhakone Tetsudo-Sunzu ลงสถานี Izu-Nagaoka จากนั้นต่อรถบัสลงป้าย Izunokuni Shiyakusho หรือ จากสถานี Shinjuku นั่งรถบัส Izu-Shinkuku Liner ประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที (พิกัด)
  • เวลาทำการ: 9.00 – 16.40 น.
  • ค่าเข้า: 1,800 เยน (ค่าขึ้น Ropewayไปกลับ)
  • เว็บไซต์


เตาหลอมนิรายามะ (Nirayama Reverberatory Furnace) ที่เมืองอิซุโนะคุนิ (Izunokuni) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก โดยยูเนสโก เนื่องจากเป็นเตาหลอมอาวุธสงครามในสมัยก่อนที่ยังคงเหลืออยู่และใช้ได้จริงในปัจจุบัน อีกทั้ง ยังเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของญี่ปุ่นในการแสดงถึง ความเป็นผู้นำด้านความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมในช่วงเวลานั้นอีกด้วย

  • การเดินทาง: นั่งรถไฟสาย Izuhakone ลงสถานี Izu Nagaoka จากนั้นเดินต่อประมาณ 30 นาที หรือขึ้นรถบัส Tokai (มีชั่วโมงละ 1 คัน) พิกัด
  • เวลาทำการ: 9.00 – 17.00 น.
  • ค่าเข้าชม: 500 เยน
  • เว็บไซต์


ซันโยโซ (Sanyoso) แนะนำที่พักสำหรับอิซุตอนกลาง เรียวกังสุดหรู อดีตบ้านพักของผู้ก่อตั้งบริษัทมิตซูบิชิ ได้ซึมซับกับความเป็นญี่ปุ่นแบบต้นตำรับ โดยเฉพาะใครที่อยากรู้ว่าในอดีตเศรษฐีญี่ปุ่นเขามีความเป็นอยู่กันอย่างไร ต้องมาลองพักที่นี่ และด้วยการบริการที่ดีเยี่ยม บรรยากาศที่แสนสงบ บ่อออนเซ็นที่อยู่ระดับพรีเมียม รวมไปถึงการตกแต่งภายในแสนประณีต ทำให้เราไม่อยากออกไปไหนเลย สำหรับราคาที่พัก มีตั้งแต่ระดับเริ่มต้นเพียง 7,000 บาท ขึ้นไป จนถึงหลายหมื่นบาท

  • การเดินทาง: จากสถานี Tokyo ขึ้นรถไฟชินคังเซ็น ลงสถานี Mishima ใช้เวลา 45 นาที จากนั้นต่อรถไฟ Izuhakone Railway สาย Sunzu (ปลายทาง Shuzenji) ลงที่สถานี Izu-Nagaoka ใช้เวลา 20 นาที และต่อรถแท๊กซี่ 5 นาทีมายังเรียวกัง (พิกัด)
  • เว็บไซต์

IzuIzu PeninzulaIzunokuniKantoKawazuMinami IzuShimodaShizuokaคันโตคาบสมุทรอิซุ​ชนบทญี่ปุ่น​ชิซุโอกะอิซุเที่ยวคันโตเที่ยวจากโตเกียวเที่ยวญี่ปุ่น