Shizuoka: รีวิวเที่ยวเจาะลึกคาบสมุทรอิซุ จากโตเกียว ตอน 1: ฝั่งตะวันออก

รีวิวครั้งนี้จะพาทุกคนไปเจาะลึก คาบสมุทรอิซุ (Izu-Peninsula) อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวอันซีนในญี่ปุ่น ที่หลายคนยังไม่รู้จัก และมองข้ามไป ทั้งที่จริงๆแล้ว คาบสมุทรแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับโตเกียวมาก จึงเดินทางมาได้สะดวกด้วยรถไฟใช้เวลาเพียง 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น (ขึ้นอยู่กับว่าจะไปเที่ยวเมืองอะไร) ใครที่กำลังวางแผนเที่ยวโตเกียวอยู่ และเริ่มมองหาเส้นทางใหม่ๆ อยากลองออกนอกเมืองดูบ้าง สามารถนำข้อมูลจากรีวิวนี้ไปปรับเพิ่มเติมได้เลยครับ

คาบสมุทรอิซุ คือผืนแผ่นดินขนาดใหญ่ ที่ยื่นออกไปในมหาสมุทรแปซิฟิก อยู่ทางฝั่งตะวันตกของกรุงโตเกียว และเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka) จังหวัดที่ตั้งของภูเขาไฟฟูจิ ที่ทุกคนต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี ดังนั้นที่นี่จึงเป็นพื้นที่ที่เราสามารถชมทิวทัศน์ของภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจนและแตกต่างไปจากมุมมองเดิมที่คุ้นเคย นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงในเรื่องบ่อน้ำพุร้อนเพื่อสุขภาพของผิวพรรณ บรรดาแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติมากมาย ตลอดจนอาหารทะเลสดจากวัตถุดิบท้องถิ่นชั้นเลิศอีกด้วย

เครดิตภาพจาก JNTO Magazine

เนื่องจากคาบสมุทรอิซุ มีขนาดค่อนข้างใหญ่ และที่เที่ยวก็มีเยอะมาก จึงขอแบ่งรีวิวออกเป็น 3 ตอนไล่ไปทีละโซน เพื่อให้เข้าใจง่ายที่สุด และสำหรับตอนที่ 1 นี้ เริ่มต้นกันที่ ฝั่งตะวันออก ซึ่งอยู่ใกล้กับโตเกียวมากที่สุด จะประกอบไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในเขต ตำบลคันนามิ (Kannami), เมืองอาตามิ (Atami), เมืองอิโต (Ito) และตำบลฮิงาชิอิซุ (Higashiizu)


จุดชมวิวจุคโคคุ (Jukkoku Pass) ตั้งอยู่ระหว่าง เมืองอาตามิ (Atami) และ ตำบลคันนามิ (Kannami) เป็นจุดชมวิวบนยอดเขาแบบ 360 องศา ที่สามารถมองเห็น ภูเขาไฟฟูจิ ได้อย่างสวยงาม และแตกต่างไปจากทุกที่ที่เราเคยไปมา ด้วยความสูงถึง 770 เมตร ทำให้ทิวทัศน์ที่ได้เห็นระหว่างภูเขาไฟฟูจิกับบริเวณที่เรายืนนั้น จะไม่มีอะไรมาบดบังให้เสียบรรยากาศได้เลยนั่นเอง

สำหรับการเดินทางไปยังจุดชมวิวด้านบน ก็จะต้องใช้บริการเคเบิลคาร์ที่มีดีไซน์แบบดั้งเดิม เพื่อยังคงกลิ่นอายของความคลาสสิคเอาไว้ ซึ่งเข้ากันได้ดีกับบรรยากาศโดยรวมของสิ่งก่อสร้างต่างๆในจุดชมวิวแห่งนี้ที่ไม่ได้เน้นความทันสมัยมากจนเกินไป

  • การเดินทาง: จากสถานี JR Atami ให้ขึ้นรถบัส Izu-Hakone ที่ป้ายหมายเลข 2 (ปลายทาง Moto-Hakone แล้วลงที่ป้าย Jukkoku-Toge ประมาณ 40 นาที ค่ารถ 640 เยน (พิกัด)
  • เวลาทำการ: 8.50 – 16.50
  • ค่าเข้าชม: 600 เยน (ค่าขึ้นรถรางไปกลับ)
  • เว็บไซต์


สวนดอกไม้และสมุนไพรอะคะโอะ (Akao Herb and Rose Garden) ตั้งอยู่บนเนินเขาริมทะเล ที่สามารถมองเห็นวิวของอ่าวซางามิ (Sagami Bay) ได้อย่างสวยงาม ภายในจัดแสดงดอกไม้หลากหลายชนิด หมุนเวียนกันไปตามแต่ละฤดูกาล เช่น ซากุระ ในช่วงปลายกุมภาพันธ์ – ต้นมีนาคม, ทิวลิป ในเดือนเมษายน และ กุหลาบ ในเดือนพฤษภาคม เป็นต้น การเที่ยวชมนั้น จะเริ่มจากด้านบนสุด ซึ่งมีคาเฟ่บรรยากาศดีเปิดอยู่ท่ามกลางสวนญี่ปุ่นคอยให้บริการด้วยนั่นเอง แล้วจึงจะค่อยๆเดินชมสวนดอกไม้สายพันธุ์ต่างๆไล่ลงมาตามเส้นทาง

หากใครที่มาเที่ยวตรงกับช่วงเทศกาลต่างๆก็จะได้พบกับการแสดงดนตรีสดในสวน ได้บรรยากาศที่ชิลล์ไปอีกแบบ นอกจากนี้ ตรงบริเวณทางออก ยังมีร้านขายของที่ระลึก ซึ่งจะเน้นไปที่ ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากดอกไม้ หรือ ของใช้ลวดลายดอกไม้ ให้ได้เลือกซื้อกันก่อนกลับอีกด้วย

  • การเดินทาง: จากสถานี JR Atami ขึ้นรถบัส Tokai Bus (ปลายทาง Ajiro -asahicho) ลงที่ป้าย Akao Herb & Rose Garden ประมาณ 14 นาที (พิกัด) >> เช็ครอบรถบัส
  • เวลาทำการ: 9:00-16:00
  • ค่าเข้าชม: 1,000 เยน
  • เว็บไซต์


ออนเซ็นมันจู (Onsen Manju) ที่เมืองอาตามิ (Atami) ขนมญี่ปุ่นก้อนกลมๆคล้ายกับซาลาเปา ด้านนอกเป็นแป้งนุ่มๆส่วนด้านในจะเป็นไส้หวานรสชาติต่างๆ แต่สำหรับเมืองอาตามินั้น มันจูของเขามีความพิเศษมากไปกว่านั้น ซึ่งมีกรรมวิธีในการนึ่งที่ใช้ความร้อนของไอน้ำจากออนเซ็นอันเลื่องชื่อมาทำให้แป้งสุก เป็นวิธีการที่สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่ในอดีตและมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครทุกวันนี้ออนเซ็นมันจูจึงกลายเป็นของฝากยอดนิยมประจำเมืองไปแล้ว


กระเช้าชมวิวอาตามิ (Atami Ropeway) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ห้ามพลาด สำหรับทุกคนที่มาเที่ยวเมืองอาตามิเลยก็ว่าได้ เพราะ นี่คือมุมที่จะได้เห็นทัศนียภาพของเมืองอาตามิและอ่าวซางามิ (Sagami Bay) ในระยะที่สวยงามและโรแมนติกมากที่สุดนั่นเอง แนะนำให้มาช่วงคาบเกี่ยวระหว่าง ก่อนและหลังพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งเราจะได้สีของภาพที่เพอร์เฟกต์ และมีความหลากหลายไปในตัว

  • การเดินทาง: จากสถานี Atami ขึ้นรถบัส Tokai (ปลายทาง Atami Port) แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที (พิกัด)
  • เวลาทำการ: 9.30 – 17.30
  • ค่าเข้าชม: 600 เยน
  • เว็บไซต์


สวีทเฮาส์ วะคะบะ (Sweet House Wakaba) ร้านขนมหวานชื่อดัง และเก่าแก่ประจำเมืองอิโต (Ito) ที่เป็นที่นิยมของคนท้องถิ่น ตัวร้านตกแต่งสไตล์วินเทจแบบฝั่งตะวันตก เมนูของทางร้านเน้นไปที่ เซ็ตของซอฟต์ครีมรสชาติต่างๆ กินคู่กับเครื่องเคียงหลากหลายชนิด เช่น ผลไม้ เครป แพนเค้ก หรือ พุดดิ้ง เป็นต้น

  • การเดินทาง: จากสถานี JR Atami นั่งรถไฟสาย Ito ลงสถานี Ito แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที (พิกัด)
  • เวลา: 9.00 – 22.00 ปิดวันจันทร์
  • เว็บไซต์

บริเวณถนนคนเดินด้านหน้าร้านจะมี 3D อาร์ทบนพื้นถนนด้วย ลองไปถ่ายรูปกันดูนะครับ


โคะมุโระยามะลิฟต์ (Komuroyama Lift) เป็นกระเช้าลอยฟ้าระยะสั้น (เพียง 3 นาที) พาขึ้นไปชมวิวด้านบนของยอดเขาโคะมุโระยามะ ที่ความสูง 321 เมตรจากระดับน้ำทะเล จากจุดนี้ เราสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้แบบ 360 องศา ทั้งฝั่งอ่าวซางามิ (Sagami Bay) และฝั่งทิวเขาอะมะงิ (Amagi) ที่ทอดตัวอยู่ในบริเวณตอนกลางของคาบสมุทรอิซุ (Izu) นอกจากนี้ ตรงบริเวณสถานีกระเข้าขาขึ้น ยังมีร้านอาหารพื้นเมืองเปิดให้บริการอีกด้วยขอแนะนำ เมนู “ข้าวหน้ากุ้งซากุระ” รสชาติจะออกเค็มนิดๆ กินคู่กับซอสของทางร้านจะช่วยเพิ่มความกลมกล่อมได้ดีเลยครับ

  • การเดินทาง: จากสถานี JR Atami นั่งรถไฟสาย Ito ลงสถานี Ito แล้วนั่งรถบัส Tokai ลงป้าย Komuroyama Lift (พิกัด)
  • เวลาทำการ: 9.30 – 16.30
  • ค่าเข้าชม: 400 เยน
  • เว็บไซต์

 

เมนู “ข้าวหน้ากุ้งซากุระ” อาหารพื้นเมืองของอิโต มีให้ชิมที่ โคะมุโระยามะ ลิฟต์

แนวชายฝั่งโจงะซะกิ (Jogasaki Coast) เป็นภูมิประเทศที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟโอะมุโระ (Omuro) ในอดีตกว่า 4,000 ปีมาแล้ว ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติที่มีความยาวสูงสุดถึง 9 กิโลเมตร เหมาะสำหรับ คนที่ชอบแอดเวนเจอร์ และเดินป่าแบบจริงจัง ส่วนไฮไลท์สำคัญที่ทำให้บริเวณนี้มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ สะพานแขวนคาโดวากิซากิ (Kadowakizaki) ที่มีความสูงถึง 48 เมตร ใช้เชื่อมระหว่าง แนวชายฝั่งที่ยื่นออกไปในทะเล

  • การเดินทาง: นั่งรถไฟมาลงสถานี Izu Kogen แล้วต่อรถบัสไป Kaiyo Koen ลงที่ป้าย Izu Kaiyo Koen (10 นาที รถบัสออกชั่วโมงละ 1 รอบ) (พิกัด)
  • เว็บไซต์


พิพิธภัณฑ์เท็ดดี้แบร์อิซุ (IZU Teddy Bear Museum) ตุ๊กตาหมีเท็ดดี้ ที่เป็นที่ชื่นชอบและถูกเลือกเป็นของขวัญยอดนิยมของผู้คนทั่วโลก สำหรับการแสดงออกซึ่งความรัก หรือความยินดี ที่ยังแฝงนัยยะเรื่อง ความอดทน และความเข้มแข็ง ส่งต่อไปยังผู้รับของขวัญอีกด้วย หลายคนคงเคยมีช่วงเวลาที่ผูกพันกับเจ้าหมีเท็ดดี้กันอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ดังนั้นที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงเป้นอีกสถานที่ที่จะช่วยเติมเต็มความทรงจำดีๆให้ได้อย่างแน่นอน

  • การเดินทาง: จากสถานี JR Atami นั่งสาย Ito มาลงสถานี Ito แล้วเปลี่ยนสายเป็น Izu Kyuko มาลงสถานี Izu Koen และเดินต่อมาประมาณ 10 นาที (พิกัด)
  • เวลาทำการ: 9.30 – 16.30
  • ค่าเข้าชม: 1,080 เยน
  • เว็บไซต์

นอกจากเรื่องราวของเท็ดดี้แบร์แล้ว ในบริเวณชั้น 2 ของพิพิธภัณฑ์ยังมีนิทรรศการพิเศษที่แวะเวียนผลัดกันมาจัดแสดงในแต่ละช่วงเวลาอีกด้วยครับ โดยล่าสุดเป็นการกลับมาของอนิเมะยอดนิยมอย่าง “My Neighbor Totoro”

ครั้งนี้เป็นการจัดแสดงนิทรรศการตุ๊กตายัดนุ่น (Stuffed Doll Exhibit) โดยมีการนำเอาฉากต่างๆในภาพยนตร์ ตลอดจนตัวละครชื่อดังมาจัดแสดงให้เราได้ชม และถ่ายรูปกันแบบจุใจซึ่งทำออกมาได้น่ารักมากๆ ใครที่เป็นแฟนของโทโทโระและสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) อยู่แล้ว ต้องห้ามพลาดจริงๆสามารถไปชมได้ยาวจนถึงปี 2020 เลย


เดินต่อมาได้ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์ จะพบกับหมู่บ้านเล็กๆที่เต็มไปด้านร้านคาเฟ่และร้านค้ามากมาย ตกแต่งไว้อย่างน่ารัก เชื่อว่าคนที่ชอบหามุมถ่ายรูปสวยๆต้องถูกใจแน่นอน และครั้งนี้เราเลือกแวะที่ Izukogen Rose Terrace ที่เป็นทั้งคาเฟ่ และร้านขายของทำมือจุกจิกไปในตัว

และที่ห้ามพลาดก็คือซอฟท์ครีมของที่นี่ มีชื่อเสียงมาก และยังมีหลายรสชาตให้ได้เลือกกันอีกด้วย


สวนอิซุแกรนพาล (Izu Granpal Park) พบกับงานประดับไฟสุดยิ่งใหญ่ GRAN ILLUMI ที่คว้ารางวัลงานประดับไฟยามค่ำคืนที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นมาแล้ว (ปี 2016-2017) จุดเด่นของที่นี่คือ ขนาดพื้นที่อันกว้างขวาง และโซนต่างๆที่แบ่งการนำเสนอออกเป็นหลากหลายธีม ไม่ว่าจะเป็น อุโมงค์ไฟ, สวนดอกไม้, สวนเค้ก และส่วนการจัดแสดงแสง สี เสียง

นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมแอดเวนเจอร์สำหรับคนที่ชอบความหวาดเสียวอย่างการโหนสลิง (Zip line) ข้ามผ่านงานจัดแสดงไฟด้านล่าง มุมมองจากบนสลิงเราจะเห็นเหมือนเป็นผืนทะเลประดับไฟ ที่ทำให้ดูยิ่งใหญ่อลังการมากขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว

  • การเดินทาง: จากสถานี JR Atami นั่งสาย Ito มาลงสถานี Ito แล้วเปลี่ยนสายเป็น Izu Kyuko มาลงสถานี Izu Kogen แล้วต่อรถบัส Tokai มาลงป้าย Izu Granpal Amusement Park ประมาณ 20 นาที (พิกัด) >> เว็บไซต์ตารางรอบรถ
  • ระยะเวลาจัดงาน: วันนี้ – 31 สิงหาคม 2019
  • เวลาชมงานประดับไฟ: 16.30 – 21.30
  • ค่าเข้าชม: 1,500 เยน
  • เว็บไซต์


เทวรูปเจ้าแม่เบ็นไซเท็น (Oyukake Benzaiten) ที่ตำบลฮิงาชิอิซุ (Higashiizu) เจ้าแม่เบ็นไซเท็น ปรากฏอยู่ในความเชื่อทางพระพุทธศาสนาแบบญี่ปุ่น ถือเป็นหนึ่งในเทพเจ้าแห่งโชคลาภทั้ง 7 (Shichi Fukujin) ซึ่งนับถือกันเป็นอย่างมาก และยังเป็นเทพีแห่ง ความงาม ศิลปะ และ ดนตรี อีกด้วย (จะเห็นได้ว่าเทวรูปของพระองค์นั้น กำลังเล่นเครื่องสายของญี่ปุ่นอยู่เสมอ) เชื่อกันว่า พระองค์จะดลบันดาลให้เกิดแสงสว่างแห่งปัญญา และโชคลาภ แก่ผู้คนที่บูชา และศรัทธาในพระองค์ นั่นเองครับ

สำหรับเทวรูปเจ้าแม่เบ็นไซเท็นของที่นี่นั้นมีความสำคัญในฐานะเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวบ้าน และเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก โดยวิธีการสักการะก็คือ ให้นำเหรียญ 5 เยน ไปผ่านน้ำร้อนจากบ่อน้ำร้อนข้างๆเทวรูป ก่อนที่จะโยนเข้ากล่อง และข้อพรได้ตามปกติ

  • การเดินทาง: นั่งรถไฟสาย Izukyoko (ปลายทาง Shimoda) ลงที่สถานี Izu-Atagawa แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที (พิกัด)
  • เว็บไซต์

การล้างเหรียญ 5 เยน ก่อนที่จะโยน เพื่อขอพรกับเจ้าแม่เบ็นไซเต็งครับ


ภัตตาคารโทะคุโซมารุ (Tokuzomaru) ร้านอาหารชื่อดัง ประจำตำบลฮิงาชิอิซุ (Higashiizu) ที่ต้องยอมรับเลยว่าอร่อยเด็ดถูกปากคนไทยแน่นอน โดยความโดดเด่นของที่นี่ก็คือ เมนูที่ทำจากวัตถุดิบหายาก จากทะเลในแถบนี้ อย่าง ปลาคินเมะได (Kinmedai) หรือ กระพงแดงตาโต ที่มีให้เลือกทานทั้งแบบชาบู แบบย่าง แบบต้มกับซอสหวาน และ กุ้งลอบสเตอร์ ที่ย่างได้หอมกำลังดี มีแบบราสชีสก็เข้ากันได้อย่างดีเช่นกัน

  • การเดินทาง: นั่งรถไฟสาย Izukyoko ปลายทาง Izukyo-Shimoda ลงที่สถานี Izu-Inatori เดินต่อประมาณ 700 เมตร (พิกัด)
  • เวลาทำการ: 10.00 – 17.45 น. (ปิดวันพฤหัสบดี)
  • เว็บไซต์


เรียวกังโยคิคัง (Yokikan Ryokan) ขอแนะนำสำหรับที่พักในอิซุโซนตะวันออก โรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นที่เปิดให้บริการมายาวนาน กว่า 100 ปีแล้ว ล่าสุดยังได้รับการจัดอันดับว่าเป็น เรียวกังที่ดีที่สุดจากเว็บไซต์ Booking.com และ Agoda.com อีกด้วย

จุดเด่นของที่นี่ คือ ออนเซ็นกลางแจ้ง ที่สามารถแช่น้ำร้อนไปพลาง พร้อมกับชมวิวเมืองอิโตไปด้วยได้อย่างผ่อนคลาย อีกทั้งน้ำพุร้อนของที่นี่ยังเต็มไปด้วยแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อการบำรุงผิวพรรณ ถูกใจคนรัก ความสวยความงาม และสุขภาพแน่นอนครับ

หากใครไม่ถนัดลงแช่บ่อรวม ภายในห้องพัก จะมีออนเซ็นบ่อขนาดเล็กไว้ให้บริการด้วยนั่นเอง สำหรับพนักงานของที่นี่ ก็สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ และคอยให้ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวกับแขกที่มาพักด้วยความเอาใจใส่ โดยเราสามารถใช้บริการของโรงแรมให้ช่วยติดต่อสถานที่ท่องเที่ยว หรือ ขอใช้รถเพื่อกลับไปส่งที่สถานีรถไฟอิโต ก็ได้เช่นกันครับ

  • การเดินทาง: จากสถานี JR Atami นั่งสาย Ito มาลงสถานี Ito นั่งรถแท็กซี่ต่อไปยังโรงแรม โดยเราสามารถเอาใบเสร็จไปแจ้งเบิกเงินค่ารถคืนตอนที่เช็คอินได้ เพราะถือเป็นหนึ่งการบริการของโรงแรม (พิกัด)
  • เว็บไซต์


เลอเนสซ่า อะคะซะวะ (Le Nessa Akazawa) เป็นสไตล์กึ่งบ้านพัก เหมาะสำหรับการมาเที่ยวกันทั้งครอบครัว หรือ กลุ่มเพื่อน ทางโรงแรมเขามีบริเวณให้เราทำ BBQ กินกันเองได้ด้วย ส่วนใครที่ชอบแช่ออนเซ็น ที่นี่ก็มีให้บริการเช่นกัน

  • การเดินทาง: จากสถานี JR Atami นั่งสาย Ito มาลงสถานี Ito แล้วเปลี่ยนสายเป็น Izu Kyuko มาลงสถานี Izu Kogen แล้วใช้ Shuttle Bus ของโรงแรม โดยสามารถแจ้งให้ทางโรงแรมทราบถึงเวลาที่เรามาถึง (พิกัด)
  • เว็บไซต์

ItoIzuIzu PeninzulaKantoShizuokaคันโตคาบสมุทรอิซุ​ชนบทญี่ปุ่น​ชิซุโอกะอาตามิอิซุอิโตเที่ยวคันโตเที่ยวจากโตเกียวเที่ยวญี่ปุ่น