Saitama: เที่ยวไซตามะ จากโตเกียว ด้วยรถไฟ Seibu Railway

จังหวัดไซตามะ (Saitama) ถือว่าเป็นจังหวัดที่ใกล้โตเกียวมากที่สุด สามารถเดินทางมาได้โดยใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ขึ้นอยู่กับจุดหมายปลายทาง อาทิ เมืองคาวาโกเอะ, เมืองจิจิบุ เป็นต้น มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เมืองโบราณ, สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และ วัฒนธรรม อีกทั้งยังมีอาหารการกินเลิศรส ที่ไม่ว่าจะมาแบบไปเช้าเย็นกลับ หรือแวะค้างคืน ก็เที่ยวได้ไม่มีเบื่อเลย

การเดินทางมาเที่ยวไซตามะ จากโตเกียว สามารถใช้บริการของ บริษัทรถไฟเซบุ (Seibu Railway) ตั้งต้นจากสถานี Ikebukuro มีพาสรถไฟ SEIBU 1Day Pass ให้เลือกใช้สำหรับการเดินทางไปกลับใน 1 วัน สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่บูธของ Seibu Tourist Information Center Ikebukuro ภายในสถานี

จังหวัดไซตามะ มีสถานที่เทียวไหนที่น่าสนใจบ้าง ตามไปชมกันเลยครับ

เมืองคาวาโกเอะ (Kawagoe)

เมืองคาวาโกเอะ (Kawagoe) เมืองโบราณย้อนยุค ตั้งอยู่ในจังหวัดไซตามะ ห่างจากกรุงโตเกียวเพียง 30 นาที ยังคงเสน่ห์แบบโบราณในฐานะอดีตหัวเมืองสำคัญสมัยเอะโดะ โดดเด่นด้วยอาคารบ้านเรือนแบบดั้งเดิม สะท้อนวิถีการใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่นในสมัยที่ข้าวเป็นสมบัติอันล้ำค่าของชาวญี่ปุ่น และเราขอแนะนำ 4 กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเมืองนี้

[1] นั่งรถลากเที่ยวรอบเมือง ชมจุดท่องเที่ยวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น วัดคิตะอิน ศาลเจ้าฮิคาวะ การเดินชมจุดท่องเที่ยวของคาวาโกเอะทั้งหมด สามารถเดินเล่นเพลินๆได้ตลอดทั้งวัน แต่หากใครอยากเปลี่ยนบรรยายกาศ มานั่งรถลาก ก็สามารถเที่ยวชมรอบเมืองได้อย่างสะดวกสบาย

[2] จุดถ่ายรูปที่ไม่ควรพลาดเลย คือที่ หอนาฬิกาโทคิโนะคาเนะ (Toki no Kane) เป็นสัญลักษณ์ประจำเมือง ซึ่งหอนาฬิกานี้ได้ทำหน้าที่บอกเวลาให้กับผู้คนมานานกว่า 400 ปี ถ่ายภาพออกมุมไหนก็ออกมาสวย ดูคลาสสิคสุดๆ เรียกได้ว่า ถ้าไม่มาที่หอนาฬิกาคือมาไม่ถึงคาวาโกเอะ

[3] ใครโสดยกมือขึ้น แฟนไม่มีสักที…ต้องไปขอพรความรักที่ ศาลเจ้าฮิคาวะ (Hikawa Shrine) เป็นศาลเจ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องการขอพรเรื่องความรัก ใครอยากมีคู่ห้ามพลาดเลย หรือใครที่มีแฟนอยู่แล้วก็ขอให้ความรัก ยาวนานได้ด้วย

[4] ไปหาของอร่อยๆ ทานกัน ที่ตรอกขนม Kashiya Yokocho มีร้านขนมหวานถึง 20 ร้านด้วยกัน

คาวาโกเอะ เป็นหนึ่งในเมืองผู้ผลิตชาเขียว จึงขอแนะนำ ร้าน Sa wa wa ซอร์ฟครีมชาเขียวร้านนี้ รสชาติออริจินอลแบบมัทฉะแท้ เข้มข้นมาก ด้วยเนื้อครีมนุ่มๆ หอม มัน อร่อย ทานได้เรื่อยๆ จนอยากจะกลับไปเบิ้ลอีกอัน

แนะนำ ให้ไปวันเสาร์-อาทิตย์ ช่วงเวลา 13.00 น. เป็นช่วงเวลาที่กำลังดี ร้านค้าเยอะ แต่ถ้าไปเย็นเกิน อาจพลาดร้านค้าเด็ดๆ เจ้าดังได้ เพราะร้านค้าจะเริ่มปิดตอน 16.30 น. หรือใครที่ไม่ชอบคนไม่เยอะ แนะนำเป็นวันธรรมดาจะดีกว่าครับ

การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Seibu Shinjuku จากสถานี Seibu-Shinjuku ลงที่สถานี Seibu Hon-Kawagoe (รถไฟด่วนพิเศษใช้เวลาประมาณ 45 นาที)  *รถไฟด่วนพิเศษต้องซื้อตั๋วแยกต่างหาก

ตั๋วแนะนำ : Kawagoe Pass ราคา 700 เยน ใช้ได้ที่สถานี Shinjuku หรือ Ikebukuro **สำหรับใช้ไป-กลับเท่านั้น หากใช้นอกเส้นทางที่กำหนดไว้ จะมีค่าใช้จ่ายแยกต่างหาก (สถานีที่ใช้ขาไปและขากลับไม่จำเป็นจะต้องเป็นสถานีเดียวกัน)

 ซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่นี่ >> Klook


ศาลเจ้าฮิคาวะ (Hikawa Shrine)

คนโสดฟังทางนี้! ถ้าอยากมีความรักดี ๆ …ต้องมาที่ “ศาลเจ้าฮิคาวะ” ศาลเจ้าแห่งการผูกดวง โชคด้านความรักและความสัมพันธ์ทุกรูปแบบ ศักดิ์สิทธิ์มายาวนานกว่า 1,500 ปี ตั้งอยู่ที่เมืองคาวาโกเอะ อยู่ใกล้โตเกียวแค่นิดเดียว

  • การเดินทาง : นั่งรถบัสจากสถานี Hon-Kawagoe 15 นาที / นั่งรถบัสจากสถานี Kawagoe 20 นาที

อุโมงค์เอะมะ หรือ อุโมงค์แขวนแผ่นไม้คำอธิษฐาน เมื่อผู้คนเขียนคำอธิษฐานเสร็จแล้วก็จะนำแผ่นไม้มาผูกไว้จนเป็นเหมือนอุโมงค์

ถ้ามาเที่ยวช่วงเดือนก.ค. – ต้นเดือนก.ย.ของทุกปี ก็จะได้สัมผัสกับบรรยากาศภายในศาลเจ้าที่มีการตกแต่งซุ้มทางเดินด้วย “กระดิ่งลมเอโดะ” กว่า 2,000 ชิ้น โดยเราสามารถเขียนคำขอลงบนแผ่นไม้ และผูกไว้กับกระดิ่งลม เมื่อลมพัดผ่าน เสียงกระดิ่งใส ๆ และสายลมจะเป็นสื่อนำคำขอของเราไปยังเทพเจ้า

เชียมซีปลาไท ปลาแห่งความมงคล มีกิมมิคคือกระดาษเซียมที่เสียบอยู่ที่หางปลา และคำทำนายนั้นไม่ได้มีเฉพาะภาษาญี่ปุ่น แต่ยังมีเป็นภาษาอังกฤษอีกด้วย ทั้งเครื่องราง และเซียมซีปลาไทนั้นมีหลายแบบและหลายสีให้เลือก น่ารักน่าสะสมสุดๆ ไปเลย วิธีการเสี่ยงเซียมซี ใช้เบ็ดเกี่ยวเหมือนตกปลานั่นเอง

เสาโทริอิสีแดง ด้านหน้าทางเข้าศาลเจ้า

ภายในศาลเจ้าร่มรื่นย์ เต็มไปด้วยต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ที่มีอายุยืนยาวนับร้อยปี


Moomin Valley Park

มูมินเป็นตัวการ์ตูนที่รักของใครหลายๆคนในยุค 90 ด้วยคาแรคเตอร์สีขาว ตัวกลม ไปอยู่ที่ไหน ก็คือน่ารัก! ซึ่งตอนนี้ทุกคนสามารถมาเจอกับมูมิน ได้ที่ Moomin Valley Park เมืองฮันโนะ จังหวัดไซตามะแล้ว ใกล้กับโตเกียวแค่นี้เอง ในหมู่บ้านมูมินมีที่ไหนน่าสนใจบ้าง ตามมาดูกันเลย

  • เวลาทำการ: 10:00-17:00 น. (ปิด 18:00 น. วันเสาร์ – วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)

© Moomin Characters

[Kokemus Exhibition Facility] เป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการหุบเขามูมินแบบจำลอง 3 มิติ ในรูปแบบ Diorama ที่น่าตื่นตาตื่นใจ เพราะได้การจำลองการใช้ชีวิตของมูมินออกมาได้เหมือนจริงที่สุด

© Moomin Characters

© Moomin Characters

[โรงละคร Emma] ให้เพื่อนๆ ได้สัมผัสการแสดงละครกลางแจ้งบางตอนในการ์ตูนของเหล่ามูมินและผองเพื่อนอย่างใกล้ชิด โดย 1 วันจะจัดการแสดง 3 รอบ

© Moomin Characters

[Merenhuiske Oshun Oxtra] เป็นการแสดงเรื่องราวการผจญภัยในวัยหนุ่มของ Moominpapa และเพื่อนๆ ที่ทั้งแสง สี เสียง แอฟเฟกต์ต่างๆ ทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวเลยล่ะ

© Moomin Characters

[Muumilaakso Ruokala] แวะทานข้าวที่ห้องอาหารหลักในหมู่บ้านมูมิน พร้อมบรรยากาศที่ราวกับว่าอยู่ที่ปาร์ตี้แสนสนุกในป่ายามค่ำคืนอันแสนวิเศษ

© Moomin Characters

[Muumilaakso Kauppa] ปิดท้ายด้วยการแวะซื้อของฝากมูมินไว้เป็นที่ระลึกและกลับไปฝากเพื่อนๆ

© Moomin Characters

  • การเดินทาง: สถานี Hanno ขึ้นรถประจำทางป้ายหมายเลข 1 ที่วิ่งไปยัง Metsa Village (ประมาณ 13 นาที)
  • ตั๋วแนะนำ : MOOMINVALLEY PARK Ticket & Travel Pass  ผู้ใหญ่ราคา 3,700 เยน เด็ก 2,100 เยน
    – ใช้เดินทางได้ไม่จำกัดเที่ยวภายใน 1 วัน ด้วยรถไฟสาย Seibu (ยกเว้นสาย Tamagawa)
    – ใช้นั่งรถบัสหมายเลข 1 แบบไป-กลับ จากสถานี Higashi-Hannō ไปยัง Metsä ได้ 1 เที่ยว และใช้เป็นตั๋วเข้า MOOMINVALLEY PARK ได้ด้วย (ไม่รวมค่าเครื่องเล่น) *หากใช้นอกเส้นทางที่กำหนดไว้จะมีค่าใช้จ่ายแยกต่างหาก

ซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่นี่ >> Klook


Komatsuzawa Leisure Farm

เที่ยวฟาร์มผลไม้ ฟาร์มโคมัตซึซาว่า เลเชอร์ (Komatsuzawa Leisure Farm) เมืองจิจิบุ จังหวัดไซตามะ แวะเติมวิตามิน อิ่มสวยกันแบบจุก ๆ สัมผัสประสบการณ์กินบุฟเฟต์องุ่นหวานฉ่ำยกพวงแบบไม่อั้น!! ในบรรยากาศสุดชิลล์

แนะนำสาวกองุ่น ให้มาเที่ยวกลางสิงหาคม – ปลายพฤศจิกายน เพราะเป็นช่วงที่มีบุฟเฟต์องุ่น ***ช่วงเวลาออกผลและราคาจะแตกต่างกันไปตามสายพันธุ์

  •  ช่วงกลางสิงหาคม – ปลายพฤศจิกายน พบกับบุฟเฟ่ต์ “องุ่นเคียวโฮ” (Kyoho) “ราชาแห่งองุ่น” ผลใหญ่ ฉ่ำน้ำ รสชาติหวานอมเปรี้ยวชื่นใจ ค่าบริการ 1,300 เยน / 30 นาที
  •  ช่วงกันยายน – พฤศจิกายน จะได้เก็บ “องุ่นไชน์ มัสคัส” (Shine muscat) องุ่นเขียวสายพันธุ์สุดฮิต ค่าบริการ 2,500 เยน / 30 นาที
  •  ช่วงต้นเดือนมกราคม – ต้นเดือนมิถุนายน จะเป็นบุฟเฟต์สตรอว์เบอร์รี่ ค่าบริการ 1,300 -1,800 เยน / 30 นาที 

ฟาร์มนี้พิเศษกว่าฟาร์มไหน ๆ เพราะมีกิจกรรมแน่นมากกก อยู่ได้ทั้งวันจริง ๆ เช่น เก็บเห็ดชิตาเกะ ขุดมันเทศ จับแมลงด้วง ตกปลาเทราต์ และมีบาร์บีคิวปิ้งย่างให้ทานใต้ต้นองุ่นด้วย

  • การเดินทาง : นั่งรถไฟสาย Seibu Ikebukuro จากสถานี Ikebukuro ลงสถานี Yokoze นั่งแท็กซี่ต่อมาที่ฟาร์ม หรือจะติดต่อให้ทางฟาร์มส่งรถรับ – ส่งที่สถานีก็ได้เช่นกัน ไม่เสียค่าบริการ (ต้องโทรจองล่วงหน้า)
  • ตั๋วแนะนำ : SEIBU 1 day pass ราคาผู้ใหญ่ 1,000 เยน เด็ก 500 เยน เดินทางได้ไม่จำกัดเที่ยวภายใน 1 วัน ด้วยรถไฟสาย Seibu (ยกเว้นสาย Tamagawa)
    *รถไฟแบบด่วนพิเศษจากสถานี Ikebukuro ถึงสถานี Seibu-Chichibu เที่ยวเดียว จ่ายเพิ่ม 710 เยน (ผู้ใหญ่)
    *หากใช้นอกเส้นทางที่กำหนดไว้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

ซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่นี่ >> Klook


หุบเขานากาโทโระ (Nagatoro)

ในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ธรรมชาติจะเปลี่ยน “หุบเขานากาโทโระ” ให้กลายเป็นสีส้มและสีแดงสดใส จุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงามอันดับต้น ๆ ของญี่ปุ่น  จุดชมสุดปัง! ที่เราขอแนะนำ คือ “จุดผาหินอิวาดาทามิ” (Iwadatami)

สถานี Nagatoro อาคารสถานีไม้โบราณมีอายุกว่าร้อยปี ที่ยังคงสภาพในวันวานเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

วิวตรง “Iwadatami” ดีมากกก! เพราะได้เห็นครบทั้งหุบเขานากาโทโระและผาหินที่สวยงามในฤดูใบไม้ร่วง โดยมีเงาสะท้อนพาดลงบนผืนน้ำในแม่น้ำอาราคาวะที่ไหลผ่านอยู่ด้านล่าง รวมถึงได้ชมผู้คนที่ล่องเรืออยู่ในสายน้ำด้วย เลือกวิธีชมวิวที่จุดนี้ได้ตามความชอบ

  • ชอบชมวิวแบบชิลล์ แนะนำให้ลงเรือนากาโทโระชมธรรมชาติ
  • ชมวิวแบบแอคทีฟ แนะนำให้เช่าจักรยานปั่นมาดูวิวตามเส้นทางเดินเล่นริมแม่น้ำอาราคาวะ สามารถมองชมวิวตรงหินอิวาดามิลงมาจากบนหน้าผาได้ และยังแวะชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีได้อีก 2 จุดคือที่ “สะพานคานาอิชิซุยคังเคียว” และ “สะพานชิราโทริ”

**เช่าจักรยานได้ที่ “Nagatoro Tourist Information center” ตั้งอยู่ด้านขวามือเมื่อออกจากช่องตรวจตั๋วของสถานี Nagatoro (Chichibu Railway)

  • การเดินทาง: นั่งรถไฟสาย JR Shōnan–Shinjuku จากสถานี Shinjuku(ที่มุ่งหน้าไปยังสถานี Takasaki) – ลงที่สถานี JR Kumagaya จากนั้นเปลี่ยนขบวนเป็น รถไฟสาย Chichibu Railway (ที่มุ่งหน้าไปยังสถานี Kagemori) – ลงที่สถานี Nagatoro ใช้เวลาในการเดินทาง ประมาณ 2 ชั่วโมง ค่าโดยสาร ประมาณ 2,000 เยน
  • ตั๋วแนะนำ : SEIBU 1 day pass + Nagatoro ราคาผู้ใหญ่ 1,500 เยน เด็ก 750 เยน  เดินทางได้ไม่จำกัดเที่ยวภายใน 1 วัน ด้วยรถไฟสาย Seibu (ยกเว้นสาย Tamagawa line) และรถไฟ Chichibu ที่วิ่งระหว่าง Nogami / Nagatoro ไปยัง Mitsumineguchi
    *รถไฟแบบด่วนพิเศษจากสถานี Ikebukuro ถึงสถานี Seibu-Chichibu เที่ยวเดียว จ่ายเพิ่ม 710 เยน (ผู้ใหญ่)
    *หากใช้นอกเส้นทางที่กำหนดไว้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม

ซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่นี่ >> Klook


ดูรายละเอียดข้อมูลของจังหวัดไซตามะได้ที่นี่ >> SAITAMA

ดูรายละเอียดข้อมูลของรถไฟเซบุได้ที่นี่ >> SEIBU RAILWAY

ChichibuFeaturedikebukuroKawagoeNagatoroSaitamaSeibu RailwaystiewyeepoonTokyoคาวาโกเอะจิจิบุชิชิบุเที่ยวจากโตเกียวเที่ยวญี่ปุ่นเที่ยวญี่ปุ่นดอทคอมเที่ยวด้วยรถไฟไซตามะ