Saitama: เที่ยวเมืองเก่า Chichibu ตอน 1 ชมทุ่งดอกป๊อปปี้ ขอพรเรื่องเงินทอง ล่องเรือนะกะโทโระ

เมื่อพูดถึงต่างจังหวัดที่ใกล้กับโตเกียวมากที่สุด คงจะต้องมีชื่อของ จังหวัดไซตะมะ (Saitama) ที่บางครั้งเราก็นั่งรถไฟจากโตเกียวออกนอกเมืองมาโดยไม่รู้ตัว หลายคนรู้จัก เมืองเอโดะน้อยอย่างคะวะโกเอะ หรือเคยไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์รถไฟที่เมืองโอมิยะ ที่ล้วนแล้วแต่อยู่ในจังหวัดไซตะมะ และคราวนี้จะลองพานั่งรถไฟออกมาไกลขึ้นอีกนิด เพื่อดื่มด่ำกับวิวอันงดงามที่ เมืองชิชิบุ (Chichibu) กัน

เตรียมตัวออกเดินทางแต่เช้า ตั้งต้นจากโตเกียว ที่สถานี Ikebukuro ด้านทางเข้าออก East Entrance ฝั่งห้างเซบุ ซึ่งจะมี Seibu Tourist Information Center คอยให้บริการข้อมูลท่องเที่ยว รวมถึงจำหน่ายพาสรถไฟของ Seibu เพื่อใช้เที่ยวอีกด้วย

ฝั่งตรงข้ามจะเป็นจุดจำหน่ายตั๋ว รถไฟเซบุ (Seibu Railways) ขบวนด่วนพิเศษ New Red Arrow (NRA)

เพียงชั่วโมงเศษก็เดินทางมาถึง สถานี Seibu-Chichibu เมืองชิชิบุ ในจังหวัดไซตามะ เป็นที่เรียบร้อย

สามารถแวะขอข้อมูลการท่องเที่ยว และเช่าจักรยานเที่ยวในตัวเมืองได้ที่ศูนย์ให้ข้อมูลท่องเที่ยวด้านหน้าสถานี

เมืองชิชิบุ เป็นสถานที่หลักในการดำเนินเรื่องของอนิเมะเรื่อง Anohana ที่โด่งดัง จึงมีแฟนๆเดินทางมาตามรอยกันมาก

เมืองชิชิบุ (Chichibu) นั้น มีชื่อเสียงในหลายด้าน ถือว่าเป็นเมืองยอดนิยมในหมู่คนญี่ปุ่น และที่มักจะเป็นที่พูดถึงกันมากที่สุด ก็คงเป็น ทุ่งดอกพิงค์มอสที่สวนฮิทสุจิยะมะ (Hitsujiyama Park) ที่สามารถชมได้สวยในช่วงกลางเดือนเมษายน ถึงต้นเดือนพฤษภาคม และงานเทศกาลกลางคืนชิชิบุ (Chichibu Night Festival) ที่จัดขึ้นในทุกวันที่ 2-3 ของเดือนธันวาคม

และนั่นถือว่าเป็นช่วงที่พีคที่สุดของการท่องเที่ยวที่เมืองนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าในฤดูอื่น จะไม่มีอะไรให้เที่ยวเลย ยกตัวอย่าง ช่วงที่เราเดินทางมาถึงนี้ กำลังเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน เป็นจังหวะดีที่เวลานี้สามารถชมทุ่งดอกป๊อปปี้ได้พอดี เราจึงขึ้นรถไฟต่อมาตั้งต้นที่ สถานี Minano เพื่อขึ้นรถชัตเติ้ลบัสฟรีไปสถานที่จัดงาน

มุ่งหน้าไปที่ ฟาร์มไซโนะคุนิฟุเรไอ (Sainokuni Fureai Farm) ที่นี่มีทุ่งดอกป๊อปปี้ชื่อว่า Tenku no poppy มีความหมายว่า ป๊อปปี๊แห่งสรวงสวรรค์

(ภาพนี้เป็นทุ่งดอกป๊อปปี้ระหว่างทางที่สวยสดงดงงามไม่แพ้กันเลย)

ฟาร์มแห่งนี้ ตั้งอยู่บนที่ราบสูง ที่มีพื้นที่กว้างถึง 50,000 ตร.ม. เมื่อดอกป๊อปปี้กว่า 15 ล้านดอกบานสะพรั่ง ทั่วทั้งทุ่งจะกลายเป็นสีแดงสดใส ตัดกับท้องฟ้าสีคราม ที่ไม่ว่าจะมองไปไหนทางไหนก็สวยสดงดงามไปหมด โดยระยะเวลาชมปกติจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคม ถึงต้นเดือนมิถุนายน ทางสวนจะมีรถชัตเติ้ลบัสรับส่งระหว่างสถานีรถไฟให้ฟรี ตลอดช่วงจัดงาน โดยปีที่ผ่านมามีคนเดินทางมาชมกว่า 60,000 คน

ขนมดังโงะชื่อดัง และ น้ำยูซุโซดา ดับร้อน

ฟาร์มไซโนะคุนิฟุเรไอ (Sainokuni Fureai Farm)

  • เวลาทำการ: 9.00-17.00 น. (เสาร์-อาทิตย์ ถึง 18.00 น.) ทุกวัน
  • ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 500 เยน เด็ก 300 เยน (เสาร์-อาทิตย์ ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็ก 300 เยน)
  • เว็บไซต์: Tenku-Poppy
  • การเดินทาง: จากสถานี Minano มีรถชัตเติลบัสรับส่งฟรี ใช้เวลา 20 นาที รถออกทุกๆ 15-20 นาที

หลังจากนั้นเราขึ้นชัตเติ้ลบัสย้อนกลับมาที่สถานี Minano เพื่อทานมื้อเที่ยงที่ ร้านวะคะบะ (Wakaba) ตั้งอยู่ด้านหน้าสถานีนี่เอง ซึ่งเมนูที่ถือว่ามาแล้วต้องลองคือ สุเกะโรกุซุชิ (Sukeroku sushi) ที่เป็นซูชิห่อด้วยเต้าหู้และสอดไส้ผักดองต่างๆ เป็นการผสมระหว่างอินาริซุชิ และ มะกิซูชิ เข้าไว้ด้วยกัน ในอดีตเมนูนี้เป็นอาหารพื้นเมือง เนื่องจากในแถบนี้สามารถผลิตเต้าหู้ได้มาก แต่ปัจจุบันหาทานได้ยากขึ้น เพราะร้านค้าปิดตัวลงไปมาก แต่ยังคงหาทานได้จากร้านนี้อยู่ในปัจจุบัน

ร้านวะคะบะ (Wakaba)

  • เวลาทำการ: มื้อเที่ยง 11.30-14.00 น. มื้อเย็น 17.00-19.00 น. หยุดวันพุธ
  • ราคา: ชุดสุเกะโรกุซุชิ 460 เยน
  • การเดินทาง: จากสถานี Minano เดิน 1 นาที

แนะนำแผนประกันการเดินทาง GoJapan จาก SOMPO บริษัทประกันภัยอันดับ 1 ในญี่ปุ่น

  • ไม่ต้องสำรองจ่าย เฉพาะ รพ.ในเครือ ในประเทศญี่ปุ่น เมื่อเกิดอุบัติเหตุหรือไม่สบายขณะท่องเที่ยวในต่างประเทศ
  • สามารถติดต่อศูนย์บริการช่วยเหลือฉุกเฉินระหว่างการเดินทางได้ ทุกวัน 24 ชั่วโมง
  • ซื้อประกันเดินทางผ่านตั้งแต่แผน B ขึ้นไป รับฟรี! ที่ห้อยกระเป๋า Sompony วันนี้ – 31 กรกฏาคม 2560 หรือจนกว่าของรางวัลจะหมด*
  • และพิเศษสำหรับเพื่อนๆชาวเที่ยวญี่ปุ่นดอทคอม รับส่วนลดประกันเดินทางเพียงใส่ Promotion Code รหัส TIEWYEEPOON ตั้งแต่ วันนี้ – 31 สิงหาคม 2560
  • สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
    Website : traveljoy.sompo.co.th
    LINE@ : @sompothailand
    Tel. : 02-119-3088
    E-Mail : crm@sompo.co.th

*1 ชิ้น ต่อ 1 กรมธรรม์ เมื่อซื้อประกันเดินทางแผน B ขึ้นไป ผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น / จัดส่งที่ห้อยกระเป๋าทางไปรษณีย์ตามที่อยู่ในกรมธรรม์


กิจกรรมยามบ่ายของเราคือ ล่องเรือนะกะโทโระ แนะนำว่าให้ขึ้นจากฝั่งสถานี Nagatoro จะสะดวกกว่า ใกล้กับสถานีจะมีจุดซื้อตั๋วล่องเรือ มีรถไมโครบัสรับส่งไปที่จุดขึ้นเรือ นอกจากนี้เราจะได้ชมอาคารสถานีโบราณมีอายุกว่าร้อยปี ที่ยังคงสภาพในวันวานเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย

ที่บริเวณนี้จะมี ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยวเมืองนะกะโทโระ (Nagatoro Tourist Information Hall) เราสามารถเช่าจักรยานเที่ยวทั่วเมืองได้ เพราะนอกจากการล่องเรือแล้ว ในบริเวณนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง อาทิ ศาลเจ้าโฮโดะซัง (Hodosan Shrine) สวนสัตว์เล็กโฮโดะซัง (Hodosan Small Animal Zoo)

ระหว่างทางไปล่องเรือ จะเดินผ่านถนนที่มีร้านค้า และร้านขนม มากมาย ให้ได้แวะกินของอร่อยได้จนสุดทาง

ล่องเรือนะกะโทโระ (Nagatoro Line Kudari) ล่องเรือสไตล์ญี่ปุ่น ในแม่น้ำอะระคะวะ (Arakawa) ลัดเลาะตามหุบเขา โดยมีนักพายเรือที่ใช้ทักษะอันน่าทึ่งในการควบคุมเรือ ตลอดระยะทางจะมีน้ำไหลเชี่ยวเป็นช่วงๆ แต่จะมีจุดที่น้ำนิ่งสงบเป็นระยะทางยาว

ตรงช่วงอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติ ที่มีชื่อเรียกว่า นะกะโทะโระ อิวะตะมิ (Nagatoro Iwadatami) ก้อนหินที่ฟอร์มตัวกลายเป็นหินก้อนยักษ์ทอดตัวเป็นระยะทางยาว 800 เมตร ที่คนญี่ปุ่นมองว่าคล้ายกับเสื่อตะตะมิ จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกอนุสรณ์สถานนี้นั่นเอง

ล่องเรือนะกะโทโระ (Nagatoro Line Kudari)

  • เวลาทำการ: 9.00-16.00 น. (ทุกวัน ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม-ต้นเดือนธันวาคม)
  • ค่าบริการ: ขึ้นอยู่กับคอร์ส เริ่มต้น ผู้ใหญ่ 1,600 เยน เด็ก 800 เยน
  • เว็บไซต์: Nagatoro
  • การเดินทาง: จากสถานี Nagatoro ขึ้นรถบัสรับส่งฟรี หรือเดินประมาณ 10 นาที

และมาถึงไฮไลท์ประจำวันนี้ คือ การไปขอพรเรื่องเงินทอง และความร่ำรวย กันที่ ศาลเจ้าฮิจิริ (Hijiri Shrine) โดยศาลแห่งนี้สร้างขึ้นบนพื้นที่ที่มีการขุดพบแร่ทองแดงเป็นครั้งแรกในญี่ปุ่น ราวปีค.ศ.708 และต่อมาได้การสร้างเหมือง และนำแร่ทองแดงมาผลิตเป็นเหรียญ วะโดไคจิน (Wadokaijin) ที่ใช้กันแพร่หลายในช่วงยุคแรกของระบบเงินตราญี่ปุ่น

ปัจจุบันสามารถชมซากของเหมืองเงิน และ อนุสรณ์สถานของเหรียญทองแดงนี้ได้

ศาลเจ้าฮิจิริ เชื่อกันว่าเป็นที่สถิตของเทพเจ้าแห่งเงิน ที่ชาวบ้านเคารพนับถือกันมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะมีชื่อเสียงสำหรับการขอพรด้านความร่ำรวย และเงินทอง มีผู้ที่มาขอพรที่นี่หลายคน ถูกรางวัลจากการเสี่ยงโชคและทำธุรกิจ ได้รับเงินมหาศาลมากมาย กลับมาเขียนคำขอบคุณแปะไว้ที่ศาลเจ้า เพื่อยืนยันความศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งป้ายขอพรของศาลเจ้านี้ยังเป็นลายเหรียญทองแดงใช้เป็นเงินตราในสมัยก่อน

ศาลเจ้าฮิจิริ (Hijiri Shrine)

  • ค่าเข้าชม: ไม่มี
  • เว็บไซต์: Wado1300
  • การเดินทาง: จากสถานี Wado-Kuroya เดินประมาณ 15 นาที

สำหรับการเดินทางในวันแรกสิ้นสุดเพียงเท่านี้ ขอเดินทางไปที่พัก เช็คอินให้เรียบร้อย และ แช่ออนเซ็น คลายเหนื่อยกันสักหน่อย แล้วมาติดตามรีวิวของวันรุ่งขึ้นกันต่อ จะพาไปใส่ชุดยูกะตะเดินเที่ยวตัวเมือง ขอพรที่ศาลเจ้าชิชิบุ และ แวะเก็บสตรอเบอร์รี่ทานกันครับ

ChichibuikebukuroNagatoroNew Red ArrowSaitamaSeibu RailwaysTokyoจิจิบุชิชิบุเที่ยวจากโตเกียวไซตามะ