ซากะ (Saga) เป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะคิวชู คั่นกลางระหว่างจังหวัดใหญ่อย่าง ฟุกุโอกะ และ นางาซากิ เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะมาก อีกทั้ง ยังเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ของตัวตนที่ชัดเจนในเรื่องความเรียบง่ายและเป็นกันเองแบบสุดๆ ใครที่ใฝ่ฝันบรรยากาศการใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ หรือ ชอบเที่ยวแต่เบื่อความวุ่นวายในเมืองใหญ่แล้วล่ะก็ ห้ามพลาดรีวิวรวม 10 สถานที่ต้องไปในซากะนี้เลยนะ
ตั๋วรถไฟ JR Pass ภูมิภาคคิวชู
[เมืองโยบุโกะ]
ตลาดโยะบุโกะ (Yobuko Morning Market) ตลาดเช้าที่ใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของญี่ปุ่นที่เป็นแหล่งจับจ่ายในตอนเช้าของย่านนี้ ร้านค้าต่างๆในตลาดจะมีแต่ของสดๆที่เพิ่งขนจากเรือมาวางขายกันเเลย แถมเราสามารถที่จะซื้อและนำมากินที่ร้านให้เค้าย่างได้เลย พิเศษไปกว่านั้นคือมีร้านข้าวเกรียบปลาหมึกยักษ์ร้านดังที่ไม่ว่าใครมาที่ตลาดนี้จะต้องซื้อกินกันทุกคน แถมยังมีภาษาไทยกำกับไว้ให้สำหรับคนไทยโดยเฉพาะด้วย
[เมืองโยบุโกะ]
Marine Pal Yobuko ใกล้ๆกับตลาดจะมีบริการนั่งเรือท้องกระจกออกไปเพื่อชมวิวๆ และชมปลาในบริเวณรอบๆอ่าว เรือก็ทั้งรูปปลาหมึกและปลาวาฬ
[เมืองคาราสึ]
คาราสึ เบอร์เกอร์ (Karatsu Burger)
ภายในอุโมงค์ต้นไม้ตามธรรมชาติแห่งป่าสนดำ นิจิ โนะ มัตสึบาระ (Niji no Matsubara) มีร้านแฮมเบอร์เกอร์ชื่อดังประจำเมืองคาราสึ ซ่อนตัวอยู่อย่างกลมกลืน และเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่น่าค้นหา “คาราสึเบอร์เกอร์” เปิดขายมายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ บ่งบอกถึงความเก๋าของเทคนิคและฝีมือพ่อครัวที่สืบทอดต่อกันมา ตัวร้านเป็นรถมินิบัสคันสีขาวแดงที่ดูมีเอกลักษณ์ เมนูยอดฮิตคือ “สเปเชียลเบอร์เกอร์” (Special Burger) ที่รวมไส้ทุกอย่างใส่ไว้ด้วยกัน โดยมีทีเด็ดอยู่ที่ ซอสสูตรพิเศษของทางร้าน ซึ่งเคลือบเนื้อไว้ได้อย่างชุ่มฉ่ำ รสชาติดีงาม หอม และอร่อยลงตัวแบบสุดๆไปเลย
จุดชมวิวยอดเขาคางามิ (Kagamiyama Observation)
ที่นี่คือจุดชมวิวที่ดีที่สุดของจังหวัดซากะเลยก็ว่าได้ เราสามารถชื่นชมกับทัศนียภาพอันงดงามของเมืองคาราสึได้ทั้งเมือง โดยมีไฮไลท์อยู่ที่ ภาพความยิ่งใหญ่ของพื้นที่ป่าสนดำ นิจิ โนะ มัตสึบาระ ที่ทอดตัวยาวถึง 4.5 กิโลเมตร ตลอดริมชายหาดติดกับอ่าวคาราสึ สีสันของป่าสนและผืนน้ำที่ตัดกันอย่างสวยงามนั้น ทำให้ได้วิวที่เต็มไปด้วยความพิเศษ และแตกต่างจากวิวเมืองอื่นๆ ที่เคยเห็นมาอย่างแน่นอน
[เมืองคาราสึ]
ปราสาทคาราสึ (Karatsu Castle) ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของเมืองคาราสึ ตัวปราสาทนั้น ตั้งตระหง่านอย่างโดดเด่นอยู่บนเนินเขาเล็กๆใกล้กับอ่าวคาราสึ มีความเป็นมาเก่าแก่ตั้งแต่สมัยเอโดะ แต่ได้ถูกทำลายลงในช่วงปฏิรูปเมจิ จนมีการสร้างขึ้นใหม่ใน ค.ศ. 1966 โดยถอดแบบตามโครงสร้างและสถาปัตยกรรมเดิมทั้งหมด ปัจจุบันภายในมี 5 ชั้น แต่ละชั้นจัดแสดงนิทรรศการประวัติศาสตร์ของเมืองคาราสึ และชั้นบนสุดยังเป็นจุดชมวิวเมืองที่สวยงามมากๆอีกด้วย
[เมืองคาชิมะ]
ศาลเจ้ายูโทคุ อินาริ (Yutoku inari Jinja)
ศาลเจ้าสุดอลังการ ติดอันดับ 1 ใน 3 ศาลเจ้าที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น “ยูโทคุอินาริ” สร้างขึ้นเพื่อบูชา “อินาริ” เทพเจ้าแห่งการกสิกรรม คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่า พระองค์มีอำนาจดลบันดาลให้ พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ ตลอดจน การค้าขายเจริญรุ่งเรือง ไฮไลท์อยู่ที่ ธีมสีแดงล้วนของศาลเจ้า โดยเฉพาะที่ ศาลเจ้าหลัก ซึ่งตั้งอยู่บนแท่นไม้สีแดงยกพื้นสูง (คล้ายกับที่วัดคิโยมิสึเดระ หรือ วัดน้ำใส แห่งเกียวโต) และ ประตูโทริอิสีแดงจำนวนมาก ที่เรียงรายอยู่ตลอดทางเดินขึ้นเขา (คล้ายกับที่ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ แห่งเกียวโต) ไม่หมดเพียงเท่านี้
ในตัวศาลเจ้า ยังมีจุดที่น่าสนใจอีกเยอะเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น จุดชมวิวจากบริเวณอาคารส่วนใน ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของตัวเมืองคาชิมะ และทะเลอะริอะเกะได้พร้อมกัน และ ศาลเมียวบุ (Myobu) หรือ ศาลสุนัขจิ้งจอก ผู้เป็นบริวารของเทพเจ้าอินาริ ซึ่งจะคอยจดจำคำอธิษฐานของผู้คน และนำไปย้ำเตือนกับเทพเจ้าอีกครั้ง ศาลเจ้าเมียวบุ ยังถือเป็นสถานที่ ซึ่งศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ที่สุดในศาลเจ้ายูโทคุ อินาริ อีกด้วยนะครับ
ความสวยงามของศาลเจ้าแห่งนี้ การันตีจาก การได้รับเลือกให้เป็นโลเคชั่นนถ่ายภาพยนตร์ชื่อดังหลายเรื่อง จนเป็นที่คุ้นตาของผู้คนทั่วไปโดยเฉพาะชาวไทย สำหรับวาฬแล้ว ยูโทคุ อินาริ คือสถานที่ต้องห้ามพลาดที่สุดสำหรับทริปนี้ เรียกได้ว่า ถ้ามาเที่ยวซากะแล้วไม่ได้ไปยูโทคุ อินาริ ก็เหมือนมาไม่ถึงซากะเลยทีเดียว ดังนั้น ปักหมุดไว้เลย
[เมืองอุเรชิโนะ]
บ่อน้ำพุร้อนซีโบลด์ โนะ ยุ (Siebold no yu) บ่อออนเซ็นชื่อดังและเก่าแก่ประจำเมืองอุเระชิโนะ น้ำในบ่อแห่งนี้มาจาก อุเระชิโนะออนเซ็น ที่ได้รับการจัดอันดับว่า เป็น 1 ใน 3 ออนเซ็นเพื่อผิวสวย ที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น ตัวอาคารหลัก ยังมีดีที่สถาปัตยกรรมอันโดดเด่น และเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่สำคัญประจำจังหวัดซากะอีกด้วยครับ
ภายใน นอกจากจะมีออนเซ็นแบบแช่ทั้งตัวแล้ว ยังมี อ่างแช่เท้า ในบรรยากาศผ่อนคลายสุดๆ เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาจำกัด แต่อยากนั่งพักชิลล์ๆ และ ได้สัมผัสกับออนเซ็นที่เด่นเรื่องผิวพรรรณแห่งนี้สักครั้ง รับรองว่าตอบโจทย์ได้อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น เฉพาะบริเวณอ่างแช่เท้านี้ ถือเป็นสถานที่สาธารณะ จึงเปิดให้ใช้บริการได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง
[เมืองซากะ]
สถาบันชา ฮิเซน สึเซน (Hizen Tsusen Center) เพื่อเรียนรู้และได้มีโอกาสเป็นส่วนหนึ่งของการชงชา เซนฉะ (Sencha: ชงโดยให้น้ำร้อนผ่านใบชา) แบบต้นตำหรับตามธรรมเนียมดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นอย่างแท้จริงในตัวเมืองซากะ ซึ่งสืบทอดมากจาก หลวงพ่อ ไบซะโอะ (Baisao) ผู้บุกเบิกวิธีการชงชาที่เข้าถึงทุกชนชั้น จนได้รับการขนานนามว่า บิดาแห่งวิถีเซนฉะ (The Father of The Way of Sencha)
ประเพณีการชงชาของญี่ปุ่น ไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่คิด ที่ สถาบันชา ฮิเซน สึเซน เราจะได้เข้าใจถึงความละเมียดละไมในทุกขั้นตอนของศิลปะการชงและดื่มชาเซนฉะ อย่างมีที่มาที่ไป โดยเริ่มจาก 1.นำใบชาใส่กา 2.เติมน้ำร้อนใส่ถ้วยชาของตัวเอง เพื่อตวงปริมาตร 3.เทน้ำร้อนจากถ้วยชา ไปยังถ้วยกลาง เพื่อเทใส่กาน้ำชาอีกที (เพราะเทจาก ถ้วยชาจะทำให้น้ำร้อนหกได้) 4.รินชาใส่ถ้วยของเรา และดื่มได้เลย 5.ชิมขนมท้องถิ่นของเมืองซะงะแกมกันไปกับชาร้อนๆ จากนั้น ก็กลับไปเริ่มข้อ 1-5 ได้อีก ประมาณ 2 ครั้งครับผม (ถ้ามากกว่านั้น ชาจะเริ่มจืดแล้ว)
ตบท้ายด้วยการ นำกากใบชาที่เหลือ เทออกจากกา ใส่ถ้วยแยก แล้วเติมน้ำซุปดาชิ ผสมเข้าไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วกินไปด้วยกันได้เลย ทั้งกากใบชาและน้ำซุป ซึ่งจะให้รสชาติเหมือนเป็น ซุปใบชาหอมๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
การเข้าถึงวัฒนธรรม ก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์แห่งการท่องเที่ยวญี่ปุ่น อยากแนะนำทุกคนที่ได้มีโอกาสมาเที่ยวแถบคิวชู ให้ได้แวะมาสัมผัสกับกลิ่นอายของความเป็นพื้นบ้าน และความพิถีพิถันของภูมิปัญญาที่สืบต่อกันมา
[เมืองทาเคโอะ]
หอสมุดทาเคโอะ (Takeo City Library) หอสมุดแห่งนี้ถูกปรับปรุงจากหอสมุดเดิมที่มีคนเข้ามาใช้บริการน้อยมากๆ จนกลายเป็นหอสมุดที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่สวยงาม และทันสมัยมากๆ รวมไปถึงมีทั้งร้านกาแฟ ร้านหนังสือ รวมไว้จนกลายเป็นหนึ่งในสถานที่พักผ่อนของชาวเมืองเลยก็ว่าได้ ไม่ไกลจากห้องสมุด มีสวนดอกบ๊วยขนาดใหญ่ที่จะบานสวยในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์-ต้นมีนาคม
ทาเคโอะออนเซ็น (Takeo Onsen) แหล่งออนเซ็นที่ถือว่าเป็น 1 ในแหล่งบ่อน้ำพุร้อนที่เก่าแก่มากๆของญี่ปุ่น และเป็น 1 ในฉากจากภาพยนตร์เรื่อง “STAY ซากะ..ฉันจะคิดถึงเธอ” ที่เข้ามานั่งแช่ออนเซ็นกันที่นี่ โดยจุดเด่นที่ทำให้ที่เป็นที่พูดถึงมาแต่โบราณคือซุ้มประตูสีแดงที่ตั้งสง่าอยู่ทางเข้า และถ้าเราขึ้นไปชั้นบนและมองไปที่บนลายของเพดานจะมีรูปของ 4 นักษัตร ซึ่งเป็นนักกษัตรที่ไม่มีอยู่บนเพดานของที่สถานีรถไฟโตเกียวนั้นเอง โดยคนที่ออกแบบนั้นเป็นคนเดียวกัน มีจุดประสงค์ที่อยากจะให้คนสังเกตและหาคำตอบว่า 4 นักษัตรที่เหลือนั้นอยู่ที่ไหนและตามมาที่นี่นั้นเอง
[เมืองโยบุโกะ]
แหลมฮาโดะ (Hado Miyasaki) แหลมขนาดเล็กที่ยื่นออกไปในทะเลเง็นไค (Genkai-nada) เป็นหนึ่งในฉากสวยๆ จากภาพยนตร์เรื่อง “STAY ซากะ..ฉันจะคิดถึงเธอ” ที่ควรค่าแก่การตามรอยมากๆครับ โดยไฮไลท์ของแหลมฮาโดะนั้น จะมีอยู่ 2 จุดที่สำคัญ ได้แก่ จุดแรก อนุสรณ์ปูนปั้นรูปหัวใจสีขาวสุดโรแมนติก ที่คู่รักมักนิยมมาถ่ายรูปด้วยกัน โดยเชื่อว่าจะช่วยปกปักษ์รักษาความรักให้มั่นคงและยืนยาว และ จุดที่ 2 หอสังเกตการณ์สัตว์น้ำ (Underwater Observation Tower) ที่ลึกลงไปจากระดับน้ำทะเลถึง 7 เมตร เมื่อลงไปด้านล่าง เราจะได้เห็นบรรยากาศใต้ทะเลของจริง ที่เต็มไปด้วยฝูงปลาตามธรรมชาติ รับรองว่า ให้ความรู้สึกตื่นตาตื่นใจแตกต่างจากการดูปลาในตู้กระจกอย่างแน่นอน
[เมืองอาริตะ]
ศาลเจ้าโทซัง (Tozan jinja) สำหรับความสำคัญของเมืองอะริตะนั้น เมืองเล็กๆแห่งนี้ มีชื่อเสียงจากการเป็นแหล่งผลิตเครื่องเซรามิกคุณภาพดี ด้วยงานศิลปะที่มีเอกลักษณ์ และฝีมือของช่างที่ได้รับการขัดเกลาจากรุ่นสู่รุ่นมานับร้อยปี ทำให้ศาลเจ้าของที่นี่นั้นก็มีจุดเด่นตรงเสาโทริอิที่ทำมาจากเซรามิกเช่นกัน และชาวเมืองก็มักจะขอพรที่นี่ก่อนจะปั้นอะไรซักอย่างกันอยู่เป็นประจำ
แกลอรี่ อะริตะ (Gallery Arita) ตัวร้านได้รับการออกแบบให้เป็นทั้งสตูดิโอจัดแสดงเครื่องใช้เซรามิก และคาเฟ่บรรยากาศดี ที่มีจุดเด่นเฉพาะตัวอย่างมาก ตรงที่ นอกจากการสั่งกาแฟหรือชาร้อนตามปกติแล้ว เรายังสามารถเลือกถ้วยเซรามิกจากบริเวณส่วนจัดแสดง ที่มีอยู่อย่างละลานตากว่า 2,000 ลวดลาย ให้กลายมาเป็นภาชนะใส่เครื่องดื่มแก้วพิเศษเพียงหนึ่งเดียวของเราได้ตามใจชอบอีกด้วย (เฉพาะรับประทานที่ร้านเท่านั้นนะ)
สำหรับวิธีการนั้นง่ายมากเลย โดยเมื่อ สั่งเครื่องดื่ม รวมถึง เซ็ตอาหารที่มีชา, กาแฟเสริฟเคียงด้วย เรียบร้อยแล้ว ให้นำแท็ก (Tag) หมายเลขโต๊ะของเราไปใส่ในถ้วยที่ชอบ แล้วนำไปให้พนักงาน ก็เป็นอันเสร็จกระบวนการ
นอกจากกิมมิค เรื่องถ้วยกาแฟแล้ว ความดีงามของ แกลอรี่ อะริตะ ยังอยู่ที่คอนเซ็ปต์การสนับสนุนภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างแท้จริง เพราะไม่ว่าจะเป็น วัตถุดิบอาหาร เครื่องมือ อุปกรณ์ ของใช้ ไปจนถึง แนวคิดการตกแต่งร้านทั้งหมด ล้วนเป็นส่วนผสมอันลงตัวของวิถีชาวบ้านแห่งเมืองอาริตะแบบเพียวๆ ซึ่งได้รับการสืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่า มาร้านนี้ร้านเดียวเราจะได้สัมผัสกับกลิ่นอายของเมืองอะริตะแบบเต็มๆอย่างแน่นอน