สำหรับรีวิวในตอนนี้เราจะขับรถขึ้นไปทางตอนเหนือของเกาะโอกินะวะ โดยพื้นที่ทางตอนกลางขึ้นไปจนสุดด้านตอนเหนือของเกาะ ที่มีชื่อเรียกว่า ยันบารุ (Yanbaru) เริ่มต้นตั้งแต่หมู่บ้าน Onna เรื่อยไปจนย่าน Kin Town ครอบคลุมไปถึงพื้นที่ส่วนด้านบนของเกาะ
ทริปตะลุยเกาะสวรรค์ “โอกินะวะ” ตอนที่ 1 : เกาะมิยาโกะ
ทริปตะลุยเกาะสวรรค์ “โอกินะวะ” ตอนที่ 2 : รอบเกาะมิยาโกะ
พื้นที่ยันบารุตั้งอยู่ในภูมิอากาศแบบโซนเขตร้อน จึงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณ์ต่างๆรวมถึงสัตว์แปลกๆที่สามารถพบเห็นได้ในบริเวณเขตนี้เท่านั้น การเดินทางนั้นสามารถโดยสารรถ City Bus จากสนามบินนาฮะ (Naha Airport) ใช้เวลาประมาณ3 ชั่วโมง หรือโดยไฮเวย์บัส ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง
สถานที่แรกที่ต้องแวะก่อนคือ Yanbaru Tourist Information Center ศูนย์ให้ข้อมูลนักท่องเที่ยว ด้านในมีข้อมูล โบรชัวร์ แผนที่สำหรับท่องเที่ยวทั้งหมดเกี่ยวกับตอนเหนือของเกาะโอกินะวะ
สามารถหยิบโบรชัวร์แนะนำการท่องเที่ยวได้ที่นี่
หลังจากได้ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวแล้ว เราขับรถต่อมาแวะพักที่จุดแวะพักรถ Kyoda Roadside Station ที่นี่นอกจากจะเป็นที่หยุดพักสำหรับผู้ที่ขับรถทางไกล ด้านในยังมี Yanbaru Product Center ที่จำหน่ายสินค้าท้องถิ่น มีร้านอาหาร ร้านไอศครีมไว้คอยให้บริการ
ด้านบนดาดฟ้าเป็นพื้นที่ให้สำหรับนั่งรับประทานอาหารพร้อมจุดชมวิวอีกด้วย
ส่วนตัวแอดมินขอแวะชิมไอศกรีมคลายร้อนซักหน่อย
หลังจากแวะหยุดพักกันจนหายเหนื่อยแล้ว เราขับรถเดินทางกันสู่ตัวเมือง โมโตบุ (Motobu Town) ที่นี่ยังเป็นอีกหนึ่งเมืองสำคัญของเกาะโอกินะวะเนื่องจากเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชื่อดังอย่าง พิพิธภัณ์สัตว์น้ำชูระอุมิ (Churaumi Aquarium)
สำหรับใครที่เป็นสาวกคาเฟ่ ขอบอกเลยว่าที่เมืองนี้มีคาเฟ่สไตล์ท้องถิ่นเยอะมากๆ ส่วนตัวแอดมินนั้นไม่ขอพลาดเช่นกัน ระหว่างทางเราแวะนั่งจิบกาแฟที่ร้าน Anettai Chaya คาเฟ่น่ารักบรรยากาศคล้ายกับอยู่ที่บาหลี
แถมด้านบนยังมีจุดชมวิวทะเลสวยๆแบบพาโนรามาให้จิบกาแฟไปพร้อมนั่งชมวิวไปได้พร้อมกัน
และอีกหนึ่งร้านที่ไม่อยากให้พลาด ARC Cafe คาเฟ่ที่น่ารักอีกแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงในเรื่องของไอศกรีมเจลาโตและเครป ใครที่ชอบของหวานต้องรักร้านนี้อย่างแน่นอน
อีกทั้งด้านบนของร้านยังมีระเบียงยื่นออกไปให้ชมวิวทะเลได้ 180 องศาเลยทีเดียว
จุดหมายต่อไปถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองนี้ นั้นคือถนนอุโมงค์ต้นไม้บิเซะ (Bise Fukugi Tree Path) ที่มีอายุกว่า 300 ปี พื้นที่เงียบสงบเหมาะสำหรับมาเดินเล่นหรือปั่นจักรยาน
บรรยากาศระหว่างทางเดินด้านในถนนอุโมงค์ต้นไม้
เมื่อเดินไปเรื่อยๆสุดทางจะเป็นชายหาด
แวะรับประทานอาหารกลางวันกันที่ร้าน Ultra Blue Cafe บรรยากาศเป็นบ้านเล็กๆน่ารัก ตั้งอยู่ติดริมชายหาด ที่ร้านนี้ให้บริการทั้งกาแฟ เครื่องดื่ม อาหารและของหวาน เมนูพิเศษจากเชฟในแต่ละวัน
บรรยากาศด้านในร้านให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนนั่งอยู่ในบ้าน
ทานออเดิร์ฟเบาๆ ก่อน Main course
เซทอาหารจะประกอบไปด้วย ซุป สเต็กปลากับซอสซีฟู้ด หรือจะเลือกเป็นสเต็กเนื้อ และมาพร้อมกับของหวานพร้อมเครื่องดื่ม
สเต็กเนื้อ
ปิดท้ายด้วยของหวาน
จากนั้นขับรถเดินทางกันไปสู่เป้าหมายต่อไปที่ เกาะโคริ (Kouri)
ระหว่างทางจะขับรถผ่านหมู่บ้านนะคิจิน (Nakijin) ที่ตั้งของซากปราสาทนะคิจิน (Nakijin-jo Site)
ซากปราสาทนะคิจิน ตั้งอยู่บนคาบสมุทรโมโตะบุ (Motobu Peninsula) ทางทิศเหนือของเกาะโอกินะวะ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรริวกิวในอดีต และได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกโดยองค์กร UNESCO
ซากปราสาทนะคิจินที่ยังคงหลงเหลืออยู่
เดินทางกันต่อ ขับรถข้ามสะพานโคริ (Kouri Ohashi) ข้ามมาสู่เกาะโคริ (Kouri)
ขับรถข้ามสะพานไปแล้วจะมีจุดชมวิวที่สามารถแวะพักรับประทานอาหารได้
จุดถ่ายภาพน่ารักๆ จากไอศครีม Blue Seal
จุดท่องเที่ยวหลักของเกาะแห่งนี้จะอยู่ที่ หอคอยโคริโอเชียน (Kouri Ocean Tower)
หอคอยโคริโอเชียน (Kouri Ocean Tower) ที่นี่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของเกาะโคริ ด้านในประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์หอย (Shell Museum) จุดชมวิวพาโนรามาที่มองไปเห็นถึงสะพานข้ามเกาะที่เราเพิ่งข้ามผ่านมา นักท่องเที่ยวสามารถนั่งรถกอล์ฟที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าแบบอัตโนมัติเพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิว
ระหว่างทางเพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิว
ด้านในมีพิพิธภัณฑ์หอย Shell Museum จัดแสดงเปลือกหอยรูปแบบต่างๆไว้อย่างมากมาย
จุดชมวิวพาโนรามาที่สามารถมองไปเห็นถึงสะพานข้ามเกาะ
พร้อมซื้อของฝากที่ระลึกชื่อดัง “Cabonee” ขนมหวานและโรลเค้กชื่อดังที่ผลิตมาจากฟักทองที่ปลูกได้ในเฉพาะเกาะ Kouri แห่งนี้
ภาพของ Kouri Ocean Tower จากระยะไกล
จากนั้นเราขับรถไปกันต่อยัง Busena Marine Park เพื่อสัมผัสกับโลกใต้ท้องทะเลเพียงแห่งเดียวที่มีทาวเวอร์สร้างลึกลงไปใต้ท้องทะเล
จากนั้นโดยสารเรือท้องกระจกเพื่อออกไปชมความสวยงามของปะการังที่อุทยานแห่งชาติ Okinawa Kaigan Quasi-National Park
บรรยากาศบนเรือโดยสารท้องกระจก
จากนั้นระหว่างทางขากลับ แวะรับประทานอาหารเย็นกันที่ร้าน Transit Cafe คาเฟ่สีขาว น่ารัก บรรยากาศอบอุ่นตั้งอยู่ติดกับชายหาด ที่นี่จะเสริฟตั้งแต่อาหารกลางวัน อาหารเย็นหรือสำหรับใครที่อยากมานั่งชิลๆสามารถแวะทานของหวานและเครื่องดื่มได้อีกด้วย
บรรยากาศด้านในร้าน Transit Cafe
บรรยากาศด้านในร้าน Transit Cafe พร้อมเครื่องดื่มสีสันสดใส
หน้าตาของอาหารค่อนข้างคล้ายอาหารไทย
หลังจากอิ่มอร่อยกันเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาพักผ่อน โดยคืนนี้เราแวะพักกันที่โรงแรม Hotel Orion Motobu Resort & Spa โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในคาบสมุทรโมโตบุ (Motobu Peninsula) โอบล้อมด้วยชายหาด Emeral Beach ที่สวยงามติดอันดับ 1 ใน 100 ของชายหาดที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งยังตั้งอยู่ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชื่อดังชูราอุมิ (Churaumi Aquarium)
บรรยากาศของห้องพักในโรงแรม ราคาเริ่มต้นที่ 22,000 เยน >> ทำการจองที่นี่
ปิดท้ายด้วยภาพของ ชายหาดมรกต (Emerald Beach) ที่สวยงามติดอันดับ 1 ใน 100 ของชายหาดที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ที่ถา่ายจากโรงแรมตอนเช้า ก่อนไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชูระอุมิ ติดตามต่อได้ในตอนต่ไปครับ