จากสถานี Okayama นั่งรถไฟต่อมาเที่ยวที่เมือง Kurashiki 倉敷 ที่อยู่ใกล้ๆกัน สามารถวางแผนรวบทั้ง 2 เมืองไว้เที่ยวภายในวันเดียวกันได้ วิธีการเดินทางจาก สถานี JR Okayama นั่งรถไฟสาย JR Sanyo ใช้เวลาเพียง 16 นาที (ค่ารถ 320 เยน) ก็มาถึงแล้ว
ที่สถานี Kurashiki ตอนนี้กำลังทำการปรับปรุงในส่วนของอาคารด้านนอกอยู่ โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จนช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2015 เท่าที่มองดุจากในรูป อาคารส่วนบนจะหายไป เหลือแต่ตัวอาคารสถานีอย่างเดียว และมีรูปทรงชัดเจนและทันสมัยมากขึ้น
เดินทางมาถึงสถานีใหญ่ทุกครั้งต้องมองหาป้ายเครื่องหมายคำถามตามไปขอข้อมูลที่ Tourist Information Center (TIC) กันซะก่อน ตั้งอยู่ด้านนอกสถานี บนสะพานลอยก่อนลงไปด้านล่าง ให้เดินมาทางขวาก็จะเจอ ที่นี่มี Walking Map แบบละเอียดยิบ เอาไว้เดินเที่ยวในตัวเมือง Kurashiki ได้อย่างสบายๆไม่ต้องกลัวหลง มีฉบับภาษาอังกฤษให้บริการนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย
เสร็จแล้วเราก็ตามป้าย เดินเที่ยวในเมืองกันเลย เป้าหมายของของเราในวันนี้คือ Bikan Historical Quarter 美観地区 ที่เป็นจัตุรัสเมืองเก่า อนุรักษ์มาตั้งแต่สมัยเอโดะที่มีอายุยาวนานกว่า 300 ปี
จะเห็นได้ว่าจากสถานี เดินมายังจุดศูนย์กลางท่องเที่ยวของเมืองได้ง่ายๆ เพียง 10-15 นาทีเท่านั้น
เมื่อเดินมาถึง เราจะสังเกตเห็นทันทีเลยว่าที่นี่ต้องเป็นเขตเมืองอนุรักษ์แน่นอน เพราะอาคารบ้านเรือนดูโดดเด่นและมีลักษณะคล้ายกับเมืองโบราณอย่าง Kawagoe ในโตเกียว จริงๆแล้วอาคารเหล่านี้ในอดีตเคยช้เป็นโกดังเก็บข้าวของเหล่าบรรดาพ่อค้าที่ร่รวยจากการทำธุรกิจค้าข้าวในยุคเอโดะนั่นเอง
เดินเข้าไปสำรวจด้านในกันเลยดีกว่า วันนี้ฟ้าโปร่ง สีสวย แถมได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีด้วย
ปัจจุบันโกดังเก่าได้ถูกปรับแต่งให้เป็นบ้านที่พักอาศัยรวมไปถึงเป็นร้านค้าที่ขายของที่ระลึก อาหาร รวมไปถึงขนมหวานขึ้นชื่อของเมืองมากมาย
อย่างเช่น Ice crepe ทำสดของร้านนี้ ตั้งอยู่ตรงหน้าทางเข้า คนเข้าแถวรอซื้อกันยาวเหยียด ราคาชิ้นละ 150 เยน ถ้าใครสนใจอยากลองทำเอง เข้าไปด้านในร้าน เค้ามีให้ลองทำเองด้วยตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 จ่ายแพงกว่าหน่อย คนละ 500 เยน
การเที่ยวในเขตอนุรักษ์นี้สามารถเดินได้ทั้งหมด ริงๆแล้วการเดินเที่ยวดูจะเป็นวิธีที่เหมาะสมมากกว่า ยกเว้นเสียแต่ว่า ใครอยากได้บรรรยากาศย้อนยุคให้สมกับที่มาเมืองเกาทั้งที่ จะใช้บริการรถลากก็ได้ มีจอดรอเรียกลูกค้าอยู่หลายคนเลยทีเดียว
ขนมของฝากมีเยอะแยะมาก อย่างข้ามเกรียมเซมเบ้นี้ก็เป็นหนึ่งในของฝากแนะนำ หรือจะซื้อทานเป็นชิ้นก็ได้ ชิ้นละ 100 เยน
ระหว่างทางเดินไปใจกลางของ Bikan Historical Quarter เราก็จะได้เห็นอาคารไม้เก่าๆที่ปรับแต่งให้เข้ากับยุคสมัยแต่ยงคงกลิ่นอายเดิมไว้ได้อย่างลงตัว ใบไม้ที่เปลี่ยนเป้นสีแดงจัดสลับกับส้มก็ช่วยเสริมบรรยากาศให้ออกมาดูสวยคลาสสิคแบบญี่ปุ่น
และแล้วเราก็เริ่มเห็นลำคลองแล้ว นั่นหมายความว่าเรากำลังเข้าใกล้สู่ใจกลางในโซน Canal Area นั่นเอง
ช่างเป็นเมืองที่สงบสุขเสียจริง
เมืองคุราชิกินั้นมีความสำคัญในเรื่องของการค้าข้าวเป้นอย่างมากในสมัยก่อน โดยเป็นจุดศูนย์กลางรวบรวมผลผลิตข้าวจากเมืองรอบๆ เอาไว้ที่บรรดาโกดังทั้งหลายเหล่านี้ โดยเส้นทางหลักที่ใช้ในการลำเลียงข้าวคือ ทางน้ำ ทและคลองน้ำที่เราเห็นอยู่เบื้องหน้านี้เองที่เป็นปัจจัยสำคัญและยังทำหน้าที่หลักในการส่งมอบข้าวสารต่อไปยัง โอซาก้าและเอโดะอีกด้วย
อาคารของโกดังนั้น มีลักษณะที่โดดเด่นคือตัวอาคารเป็นสีขาวและตกแต่งลวดลายด้วยกระเบื้องสีดำ ประกอบกับต้นไม้ที่ปลูกอยู่ริมสองทางขนาบลำคลอง ทำให้ภาพของ Canal city นั้นสวยงาม สะดุดตา มีคนพูดถึงจำนวนมาก จนกลายเป็นสถานที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของญี่ปุ่นในปัจจุบัน
สามารถใช้นั่งเรือพายได้ ราคาคนละ 300 เยน ซื้อตั๋วได้ที่ Tourist Information Center ที่ตั้งอยู่หัวมุมเชิงสะพาน เรืออกทุก 30 นาที ตั้งแต่เวลา 9.30-16.00 น.
พิพิธภัณฑ์ศิลปะ Ohara Musum of Art สร้างขึ้นเมื่อปี 1930 ไม่ได้เป็นอดีตโกดังแต่อย่างใด แต่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงผลงานศิลปะจากตะวันตกแห่งแรกของญี่ปุ่น ที่มีผลงานของศิลปินเอกอย่าง Picasso, El Greco, Gauguin เป็นต้น ค่าเข้าชม 1300 เยน
ตลอดสองฝั่งของคลองมีพิพิธภัณฑ์หลากหลายมาก (เดิมเป็นโกดังเก็บข้าวทั้งสิ้น) ไม่ว่าจะเป็น Museum of Folkcraft, Archaeological Museum, Kake Museum ที่รวบรวมจัดแสดงประวัติความเป็นมาของการเก็บรักษาข้าว วิธีการต่างๆ รวมไปถึง อุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ จานชามเซรามิค ของมีค่าในสมัยก่อน แต่อันที่สะดุดตาผมเป็นพิเศษก็คือ Toy Museum แห่งนี้
อาคารโกดังทั้ง 4 หลังถูกจัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ของเล่นเก่าแก่ในสมัยเอโดะที่รวบรวมมาจาก 47 จังหวัดทั่วญี่ปุ่น และมีการจัดแสดงตุ้กตาดารุมะโดยเฉพาะอีกด้วย สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่ชอบของน่ารักๆ และเพลินกับการดูไอเดียของคนญี่ปุ่นที่มีอิทธิพลมาถึงของเล่นในยุคปัจจุบัน ไม่ควรพลาดที่นี่ ค่าเข้าชม 400 เยน ด้านในมีคาเฟ่ด้วยครับ
ร้านค้าของของฝาก กระจุ้กกระจิ้กน่ารัก ของ Hand-made ก็เยอะ บางชิ้นบางอย่างหาไม่ได้จากในเมืองใหญ่
Hello Kitty ตามเราไปทุกหนทุกแห่งจริงๆ ^^ มีร้านที่ขายเฉพาะของ Sanrioด้วย
พิพิธภัณฑ์อีกหนึ่งแห่งที่น่าสนใจมากคือ Momotaro Museum 桃太郎のからくり博物館 ต้องเดินอ้อมมาทางด้านหลัง ไม่ได้ตั้งอยู่ติดกับคลองเหมือนกับพิพิธภัณฑ์อื่นเค้า หลายคนเข้าใจว่ร้านนี้เป็นเพียงร้านค้าหรือคาเฟ่ที่เอาแค่ตุ้กตาโมโมทาโร่มาตั้งหน้าร้านเท่านั้น แต่จริงๆแล้วด้านในนั้นจัดแสดงเรื่องราวของโมโมทาโร่ออกมาได้อย่างสุดประทับใจ ชนิดที่ว่าเข้าไปแล้วได้รู้เรืองของโมโมทาโร่ตั้งแต่ต้นจนจบ พระเอกของจังหวัด Okayama นั่นเอง เหมาะสำหรับคุณหนูๆนะครับ ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 600 เยน, เด็กนักเรียน 400 เยน และเด็กเล็ก 100 เยน
โมโมทาโร่และผองเพื่อน
ต่อจากนั้นเดินตรงขึ้นมาจะพบกับ Kurashiki Ivy Square จัตุรัสที่มองเข้าไปจะพบกับอาคารอิฐแดงเรียงรายกันอยู่มากมาย เป็นทั้ง ร้านอาหาร ร้านค้า พิพิธภัณฑ์ และ โรงแรม สถานที่แห่งนี้ในอดีตเป็นสำนักงานที่ใช้ในการควบคุมดูแลการค้าข้าวของรัฐบาลนั่นเอง
ร้านนี้ให้ทำ Handmade candle แอบมองเห็นคู่รักวัยรุ่นมาทำกันเยอะแยะเชียว
ด้านในอาคารมีจำหน่ายงานฝีมือของคนญี่ปุ่นในราคาย่อมเยาว์
ถ้าใครชอบกล่องเพลง ต้องมาที่ร้านนี้ มีแต่ลายน่ารักๆไม่แพ้ที่โอตารุเลย
Kurabo Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวของอุตสาหกรรมสิ่งทอที่นำเข้าเผยแพร่โดยบริษัท Kurashiki Bosekijo ที่ได้รับการตอบรับและประสบความสำเร็จในสมัยเอโดะ ปัจจุบันบริษัทนี้ยังคงดำเนินกิจการมาอย่างต่อเนื่อง และได้ทำการสร้างหอที่ระลึก Memorial Hall ไว้ที่ด้านในอาคารของพิพิธภัณฑ์ด้วย ค่าเข้าชม 350 เยน
ตู้โทรศัพท์ย้อนยุครุ่นโบราณ
พอเดินเข้ามาด้านใน จะเจอกับอาคารบ้านเรือนในสมัยก่อนเรียงเป็นทางยาว เยอะพอสมควร แต่โซนนี้น้อยที่จะเปิดเป็นร้านค้า ส่วนใหญ่ก็ปิดประตูบ้าน ไม่ค่อเยเห็นคนสักเท่าไหร่
เป้าหมายต่อไปของเราคือ ศาลเจ้า Achi 阿智神社 ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเล็กๆที่อยู่ด้านหลังนั่นเอง
ศาลเจ้า Achi นั้นมีความเก่าแก่กว่า 1700 อยู่คู่บ้านคู่เมือง Kurashiki มานาน ตั้งอยู่บนยอดเขา Tsurugata-yama
บรรยากาศของศาลเจ้าในยามใบไม้เปลี่ยนสี
ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวขึ้นมาบนนี้กันมากนัก อาจจะเป็นเพราะว่าตั้งหลบอยู่ด้านหลังเขต Bikan เลยทำให้ไม่ค่อยมีคนเดินเข้ามาถึงด้านใน ที่นี่มีสวนโบราณที่มีดอก Wisteria of Achi อายุกว่า 300 ปี ให้ชมด้วย
เป็นอันว่าเดินเที่ยว Bikan Historical Quarter เสร็จเรียบร้อยภายในครึ่งวัน จริงๆแล้วถ้ามีเวลามากกว่านี้ สามารถนั่งรถไฟต่อไปเที่ยวโซนที่อยู่ใกล้ๆกันด้วยก็ได้ อย่าง Kojima ที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากกางเกงยีนส์ยี่ห้อดัง จะนั่งรถบัสจากด้านหน้าสถานี JR Kurashiki มาก็ได้หรือจะย้อนไปที่ Okayama แล้วนั่งรถไฟไปลงที่ Kojima ก็ได้เช่นกัน
ตอนนี้ลาไปก่อนเท่านี้ ถ้ามีโอกาสกลับไปที่ Kurashiki อีก จะเก็บมุมอื่นๆที่น่าสนใจของเมืองมาเล่าให้ฟังกันอีกแน่นอนครับ 🙂 ดุข้อมูลสถานที่่องเที่ยวเพิ่มเติมได้จาก Okayama-Kurashiki