Niigata: เที่ยว Tokamachi เมืองแห่งหิมะสุดชิค ที่มีงานศิลป์เป็นพลังขับเคลื่อน

เมืองโทคะมะจิ (Tokamachi) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดนีงะตะ (Niigata) ไม่ไกลจากเมืองเอจิโกะยูซะวะ ขึ้นรถไฟมาเพียง 30 นาทีเท่านั้น ใครจะมาเล่นสกีที่กาล่ายูซะวะ ก็สามารถวางแผนมาเที่ยวด้วยกันได้

เมืองนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นพื้นที่ที่มีหิมะตกมากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ในช่วงฤดูหนาวจะมีหิมะตกทับถมกันถึง 2-3 เมตรเลยทีเดียว ดังนั้นการเดินทางมาที่เมืองนี้ เราจะได้เรียนรู้ขนบธรรมเนียมการใช้ชีวิตร่วมกับหิมะของชาวญี่ปุ่นที่เป็นเอกลักษณ์

แผนเที่ยวคร่าวๆของเราในทริปนี้ มีไฮไลท์อยู่ที่งาน Echigo-Tsumari Art Field 2019 Winter ชมงานศิลป์ที่รังสรรค์จากหิมะ พร้อมชมพลุไฟ Gift for Frozen Village 2019 ที่มีจัดขึ้นเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น

และเมื่อมาเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องอาร์ตทั้งที สถานที่ที่ไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาดนั่นก็คือ อุโมงค์แห่งแสง (Tunnel of Light), หอแห่งแสง (House of Light) และ หอศิลป์คินาเร่ (KINARE) ซึ่งที่กล่าวมานี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ถ้ามีเวลามากกว่านี้ รับรองว่าเราจะกลับไปเก็บให้ครบอีกครั้งแน่นอน

สำหรับที่พักในครั้งนี้ เราเลือกให้ต่างออกไปจากที่เคย ถ้าอยากสัมผัสชีวิตของชาวหิมะอย่างใกล้ชิด แนะนำให้ไปพักที่ Setoguchi บ้านพักสไตล์มินชูขุ ที่อยู่ในกลางป่า ล้อมไปด้วยหิมะ แม่น้ำ และขุนเขา ที่ๆเราได้ค้นพบว่า ความเรียบง่ายก็สงบสุขได้

การเดินทาง: จากสถานี Echigo-Yuzawa โดยสารรถไฟสาย Hokuhoku ลงที่สถานี Tokamachi ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

สำหรับใครที่ใช้พาส JR East Pass Nagano-Niigata Area สามารถขึ้นขบวนนี้ได้ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

สนใจซื้อพาสติดต่อ >> JTBThailand

สอบถามข้อมูลได้ที่ JTB สาขา ดิ เอ็มควอเทียร์ ชั้น 4 / สาขา สีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 5
เบอร์ 02-344-4600, 02-344-4688 / Line ID: @jtbth

ขึ้นรถไฟขบวนนี้ มีข้อแม้ว่า ห้ามหลับระหว่างทาง เพราะวิวสวยมาก ถ้าหลับก็จะพลาดที่สุด

สถานี Tokamachi

ด้านในสถานี ชั้นบน มีศูนย์ให้ข้อมูลท่องเที่ยว สามารถฝากสัมภาระ เช่ารองเท้าบูท และ ซื้อบัตรเข้าชมงานได้ที่นี่

มาถึงแล้ว แวะเติมพลังกันก่อน ด้วยราเม็งขึ้นชื่อประจำเมือง ที่ร้านราเม็ง Mantarou 手打ちラーメン万太郎 น้ำซุปเข้มข้นมาก และ ชามก็ใหญ่มากเช่นกัน

  • เวลาทำการ: 11.00-21.30 น.
  • ราคา: เริ่มต้น 720 เยน
  •  เว็บไซต์

สำหรับที่พักในครั้งนี้ เราเลือกให้ต่างออกไปจากที่เคย ถ้าอยากสัมผัสชีวิตของชาวหิมะอย่างใกล้ชิด แนะนำให้ไปพักที่ Setoguchi せとぐち บ้านพักสไตล์มินชูขุ ที่อยู่ในกลางป่า ล้อมไปด้วยหิมะ แม่น้ำ และขุนเขา ที่ๆเราได้ค้นพบว่า ความเรียบง่ายก็สงบสุขได้

แพ็คเกจ 2 วัน 1 คืน ราคาปกติ 15,500 เยน (ราคานี้รวม รถรับส่งจากสถานี Echigo-Yuzawa, กิจกรรมหิมะ อาทิ Kamakura นั่งในกระท่อมหิมะ, Kanjiki สวมรองเท้าเดินบนหิมะ และ รวมอาหาร 3 มื้อ คือ มื้อเย็นสำหรับคืนแรก และ มื้อเช้าและเที่ยง สำหรับวันที่ 2 ก่อนเดินทางกลับ)

นอกจากนี้ถ้าจองล่วงหน้าจะได้ส่วนลดเพิ่มอีก 1,000 เยน และบัตร QUO card มูลค่า 500 เยน ไว้ซื้อของในร้านสะดวกซื้ออีกด้วย

  • เว็บไซต์
  • สำหรับการจองสามารถจองผ่าน nobitabi.th@gmail.com มีเจ้าหน้าที่คนไทยคอยประสานงาน

บรรยากาศภายในห้องพัก เรียบง่าย เหมือนมาพักบ้านญาติที่ต่างจังหวัด

เช็คอินแล้วไม่รู้ทำอะไร คุณลุงคุณป้าจะพาเราออกมาเดินเล่นบนหิมะ ด้วยรองเท้าคันจิกิแบบโบราณกัน

ถ้าเราใส่รองเท้าสานแบบนี้ ต่อให้หิมะจะสูงแค่ไหน เราก็สามารถเดินได้ แบบไม่หล่นลงไปแน่นอน แต่ต้องผูกเชือกให้แน่น คอยระวังไม่ให้รองเท้าหลุดนะครับ

โฉมหน้ากระท่อมหิมะ คะมะคุระ ที่เราจะมาย่างโมจิทานกันในคืนนี้

มื้อเย็นถูกจัดเตรียมไว้อย่างดี พร้อมเตาย่างอิโรริแบบโบราณ ให้ได้สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบลึกซึ้ง

ตกกลางคืน ก็ประดับประดาด้วยแสงเทียบ ส่องสว่างสวยงาม ท่ามกลางความเงียบสงัด และท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

มื้อเที่ยงเป็นโซบะทำมือ ที่คุณลุงเจ้าของบ้าน ทำเองกับมือ

จุดชมวิวใกล้กับที่พัก เดินมาได้ 3 นาที

วิวสวยๆระหว่างทางขากลับจากที่พัก

ทุ่งนาถูกกลบด้วยหิมะขาวเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบสวยงาม

และนี่คือสถานที่ที่เราโหวตให้เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของทริปนี้ อุโมงค์นี้มีชื่อว่า Tunnel of Light หรือมีอีกชื่อเรียกว่า Kiyotsu Gorge Tunnel 清津峡渓谷トンネル ผลงานของ MAD Architects (ชาวจีน)

ถ้ำแห่งแสงนี้เป็นจุดชมวิวที่ตั้งอยู่สุดทางของถ้ำที่มีความยาว 750 เมตร ทางออกเปิดสู่ความยิ่งใหญ่ของหุบเขาคิโยตสุ

  • ค่าเข้าชม: 800 เยน
  • เวลาเข้าชม: 8.30-17.00 น. (เข้าได้ถึงเวลา 16.30 น.)
  • การเดินทาง: จากสถานี Echigo-Yuzawa โดยสารรถประจำทาง Morimiyanohara ลงที่ป้าย Kiyotsukyou-Iriguchi จากนั้นเดินอีกประมาณ 30 นาที
  • เว็บไซต์

ทานมื้อเที่ยงที่ร้าน IKOTE อาคารรูปทรงแปลกตา ที่สร้างในรูปทรงของกระท่อมหิมะคะมะคุระ โดยใช้วัสดุเป็นไม้ก่อสร้างเป็นอาคารหลังใหญ่ขนาด 2 ชั้น แบ่งเป็นสเปซส่วนรวมที่สามารถมานั่งดื่มกินได้ที่ชั้นล่าง และชั้นบนเป็นที่ตั้งของศูนย์วัฒนธรรมประจำเมือง

  • เวลาทำการ: 10.00-22.00 น. (วันอาทิตย์ปิด 17.00 น.) หยุดวันจันทร์
  • เว็บไซต์

มื้ออาหารเที่ยง ที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น อย่างข้าวแบรนด์โทคะมะจะ และ เนื้อหมูสึมาริ จัดวางได้อย่างลงตัว สวยงามตามสไตล์เมืองอาร์ต

สถานที่สำหรับคนที่ชอบงานอาร์ตไม่ควรพลาดอีกแห่ง นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะคินาเร่ หรือมีชื่อเต็มว่า Echigo-Tsumari Satoyama Museum of Contemporary Art, KINARE

  • เวลาทำการ: 10.00-17.00 น. หยุดวันพุธ
  • ค่าเข้าชม: 1,500 เยน
  • เว็บไซต์

ในช่วงฤดูหนาวจะมีการจัดงานนิทรรศการพิเศษ Yuki Asobi Hakurankai 雪あそび博覧会 อย่างโซนนี้ ที่นำโต้ะโคะตัสสุ มาประกอบกับจักรยานที่อยู่ด้านใน ท่ามกลางอากาศหนาว ถ้าอยากอบอุ่นร่างกายก็ต้องออกแรงกันหน่อย เพราะถ้าเราได้ลองปั่นจักรยานแล้ว ก็จะได้ไออุ่นเป็นของรางวัล ไอเดียนี้น่ารักดีครับ

  • ระยะเวลาจัดงาน: 19 ม.ค.-24 มี.ค. 2019
  • เวลาทำการ: 10.00-17.00 น.
  • ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 800 เยน เด็ก 400 เยน
  • การเดินทาง: จากสถานี Tokamachi เดินมาประมาณ 10 นาที
  • เว็บไซต์

Rolling Cylinder ผลงานของ Carsten Höller (ชาวเบลเยียม/สวีดิช) ปี 2012 เป็นจุดถ่ายรูปในพิพิธภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม

ศิลปินได้กล่าวไว้ว่า สีแดง น้ำเงิน ขาว เป็นสีที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก ร้านตัดผม (มิใช่ธงไตรรงค์อย่างที่หลายคนเข้าใจ) และเมื่อเข้าไปเดินอยู่ด้านในลวดลายคดเคี้ยวที่หมุนวนอยู่ตลอดเวลา จะทำให้เราได้สัมผัสความรู้สึกแปลกใหม่ทั้งภาพและการตอบสนองของร่างกายเรา

มีมุมคาเฟ่และร้านขายของที่ระลึกอยู่บริเวณชั้น 2

เดินข้ามมาฝั่งตรงข้าม จะพบกับ Echigo-Tsumari Omiyage-Kan ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น

  • เวลาทำการ: 9.00-18.00 น. (ฤดูหนาวปิด 17.30 น.) หยุดทุกวันพุธที่ 2 ของเดือน
  • เว็บไซต์

หากมองไปบนเพดาน จะพบว่ามีการประดับประดาด้วยโมบายตุ๊กตาผ้า เชื่อกันว่าจะนำพาความสุขมาให้ ซึ่งที่นี่จะมีขนาดใหญ่มหึมาพิเศษกว่าที่อื่น ใช้ตุ๊กตามากถึง 11,655 ตัว จนได้รับการบันทึกสถิติกินเนสบุ๊ค

หอแห่งแสง (House of Light 光の館) ผลงานของ James Turrell ชาวอเมริกัน ปี 2011

สถานที่ที่จะทำให้เราได้สัมผัสกับโลกของศิลปินได้อย่างไร้พรมแดน เป็นการใช้แสงและเงารังสรรค์ผลงานศิลปะให้สวยงามตามธรรมชาติ ที่เปิดให้ทั้งเข้าชมและเข้าพักได้ด้วยเช่นกัน เพื่อให้พบกับความสงบจากสมาธิ

  • เวลาเข้าชม: ฤดูหนาว (ธ.ค.-มี.ค.) 11.30-15.00 น. หยุดทุกวันพุธ
  • ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 500 เยน เด็ก 250 เยน
  • เวลาเข้าพัก: เช็คอิน 16.00 น. เช็คเอาท์ 10.00 น.
  • ค่าเข้าพัก: ค่าสถานที่ 20,000 เยน + ค่าค้างคืนต่อคน ผู้ใหญ่ 4,000 เยน เด็กประถมขึ้นไป 2,000 เยน เด็กเล็ก ฟรี
  • การเดินทาง: จากสถานี Tokamachi ขับรถหรือขึ้นแท๊กซี่มา 15 นาที
  • เว็บไซต์

ทุกมุมภายในบ้านจะมีการสะท้อนของแสงและเงาตามคอนเซ็ปต์หลักของผู้สร้าง

“Outside-in”(12.5 mat room) เมื่อหลังคาที่เลื่อนได้ ถูกเปิดออก ก็จะได้พบกับภาพจากช่องสี่เหลี่ยมที่เปลี่ยนไปตามอารมณ์ของท้องฟ้า

โดยเราจะต้องนอนเพื่อชมแบบนี้

และมาถึงไฮไลท์ของทริปนี้ ก็คืองานดอกไม้ไฟ Gift For Frozen เป็นส่วนหนึ่งของ Echigo-Tsumart Art Field Winter โดยในปี 2020 นี้จะจัดขึ้นในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2020

  • สถานที่จัดงาน: Atema Kogen Resort Belnatio
  • เวลาจัดแสดง: 19.00 น. (สามารถเข้ามาภายในงานได้ตั้งแต่ 16.00 น.)
  • ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 2,000 เยน เด็ก 1,000 เยน
    ถ้าซื้อตั๋วเหมารวม Echigo-Tsumari Art Field Winter special ticket (ราคา ผู้ใหญ่ 3,000 เยน เด็ก 1,200 เยน) สามารถใช้เข้างานนี้ และยังใช้เข้าพิพิธภัณฑ์ศิลปะได้อีก 5 แห่ง (ซื้อได้ที่ศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยว ที่สถานี Tokamachi)
  • การเดินทาง: จากสถานี Tokamachi ทางออก West มีชัทเทิลบัสรับส่งมาสถานที่จัดงาน ฟรี
  • เว็บไซต์

Flower Field of Light Area 光の花畑エリア จากทางเข้า เราจะได้รับดวงไฟคนละ 1 อัน มีหลากสี โดยเราจะต้องนำมันมาฝังไว้ในหิมะบริเวณนี้ ที่มีการตัดแต่งเป็นทรงกลมเรียงรายกันอย่างสวยงาม

ทริปนี้มาเที่ยวญี่ปุ่น สิ่งที่แอดมินไม่พลาดพกมาด้วยทุกครั้งก็คือ Tripizee Pocket Wi-Fi ที่บอกทุกครั้งว่า ใช้เองแล้วดีจริง สัญญาณดี แบตทนทาน พกง่าย แชร์ได้หลายคน แถมราคาคุ้มค่าสุดๆ เริ่มต้นที่ 150 บาท สนใจจองได้ >> ที่นี่

ช่วงพระอาทิตย์ทอแสง เป็นภาพที่สวยงามมาก

และเมื่อท้องฟ้ามืดลง แสงไฟหลากสีจากหลอดไฟที่ผู้เข้าร่วมงานได้พร้อมใจมาฝังไว้ ก็เปล่งประกายออกมาเป็นทุ่งดอกไม้ท่ามกลางหิมะได้อย่างน่าอัศจรรย์

ระหว่างรอชมดอกไม้ไฟ เราสามารถเดินเล่นในทุ่งดอกไม้แห่งแสงรอไปก่อนได้

และเมื่อถึงเวลา 19.00 น. พลุไฟก็ได้จุดขึ้น พร้อมกับเพลงประกอบแสนสนุก เป็นอีกค่ำคืนที่น่าจดจำ และ อยากกลับมาอีกครั้งในปีหน้าจริงๆครับ

ไม่น่าเชื่อว่าเมืองเล็กๆที่อาจถูกมองข้าม กลับเรียกความสนใจจากคนทั้งประเทศและคนทั่วโลกได้ ด้วยพลังแห่งศิลปะ ที่สร้างสรรค์อย่างไร้ขอบเขต จากความร่วมมือของทุกฝ่าย เป็นอีกงานที่ประทับใจจริงๆครับ แล้วพบกันใหม่อีกเร็วๆนี้แน่นอน โทคะมะจิ!

Echigo-TsumariEchigo-Tsumari Art FieldNiigataTokamachiWinterนีงะตะเที่ยวจากโตเกียวเที่ยวญี่ปุ่น​เที่ยวญี่ปุ่นฤดูหนาวโทคะมะจิ