ทริปนี้เราจะพาไปเจาะลึกกันที่สุดแดนใต้ของภูมิภาคคิวชูที่ จังหวัดคาโงะชิมะ (Kagoshima) และ จังหวัดมิยะซะกิ (Miyazaki) ทั้งสองจังหวัดนี้อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย เพราะเมื่อพูดถึงภูมิภาคคิวชูแล้ว หลายคนอาจจะรู้จักกันแต่ทางฝั่งคิวชูตอนเหนือ เช่น จังหวัดฟุกุโอกะ จังหวัดโออิตะ จังหวัดคุมาโมโตะ แต่จะบอกว่าทั้งสองจังหวัดนี้ก็มีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนที่ไหน ล้วนเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจอีกมากมาย
จังหวัดมิยะซะกิ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของภูมิภาคคิวชู ที่นี่ยังเป็นจังหวัดที่ยังคงเต็มไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายไม่ว่าจะเป็นภูเขาหรือทะเล ที่สำคัญอาหารท้องถิ่นของจังวัดมิยะซะกิก็ยังอร่อยไม่แพ้ที่ไหนอีกด้วย ตามไปเที่ยวด้วยกันเลยครับ!
เริ่มต้นที่จังหวัดมิยะซะกิ เอาฤกษ์เอาชัยกันด้วยการไปสักการะ ศาลเจ้าคิริชิมะ (Kirishima Shrine) สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพนินิกิ หลานของเทพีแห่งดวงอาทิตย์ ผู้ถูกส่งลงมายังโลกมนุษย์เพื่อปกปักษ์รักษาพื้นที่บริเวณเทือกเขาคิริชิมา ด้วยภูมิทัศน์แวดล้อมไปด้วยป่าเขา ยิ่งช่วยเพิ่มความสงบร่มเย็นและสวยงามให้กับทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นอย่างมาก
ตามธรรมเนียมต้องชำระล้างมือก่อนเข้าสู่ตัวศาลเจ้า
ศาลเจ้าคิริชิมะ (Kirishima Shrine)
เวลาเปิด – ปิด : 08.00 น. – 18.00 น.
ค่าเข้าชม : ไม่มีค่าใช้จ่าย
วิธีการเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Kirishima Jingu โดยสารรถบัสมาลงหน้าศาลเจ้า
เว็บไซต์
จากนั้นเดินทางไปชมธรรมชาติอันสวยงามของ ที่ราบสูงเอบิโนะ (Ebino Kogen) ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติ Kirishima-yaku สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,200 เมตร คำว่า “เอบิ โนะ โคเกน” มีความหมายว่า ทุ่งกว้างของกุ้ง ที่มาของชื่อก็มาจากช่วงฤดูร้อนต้นหญ้าที่สูงๆจะมีสีขาวอมส้มพลิ้วไปตามลมตัดกับพื้นดิน ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับกุ้งนั่นเอง
สถานที่แห่งนี้ยังโด่งดังในเรื่องของเส้นทางปีนเขาที่มีชื่อเสียง นักท่องเที่ยวมากมายนิยมการเดินเท้าขึ้นไปชมความงามของทะเลสาบบนปล่องภูเขาไฟคิริชิมะ โดยจะมีทั้งคอร์สสั้นๆสำหรับนักท่องเที่ยวและคอร์สเดินระยะยาวสำหรับนักปีนเขาให้เลือกตามใจชอบ
ป้ายกำกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ภายในอุทยานแห่งชาติ Kirishima-yaku
น่าเสียดายว่าช่วงที่เราไปเกิดภูเขาไฟปะทุขึ้น ทำให้เราไม่สามารถเดินขึ้นไปชมทะเลสาบบนปล่องภูเขาไฟได้
ด้านล่างเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ Ebino Eco Museum Center
ที่ราบสูง Ebino Kogen
เวลาทำการ : Ebino Eco Museum Center: 09.00-17.00 น.
วันหยุด : เปิดทำการทุกวัน
ค่าใช้จ่าย : ไม่มีค่าใช้จ่าย
วิธีการเดินทาง : จากสถานี JR Kirshima Jinju โดยสารรถบัสประจำทางสาย Iwasaki Bus ประมาณ 30 นาที ลงที่ Maruo จากนั้นเปลี่ยนไปโดยสารรถบัสประจำทางสาย Kirishima Renzan Bus อีกประมาณ 30 นาที ลงที่ป้ายรถป้ายสุดท้าย
เว็บไซต์
สัมผัสกับความงามของทุ่งดอกไม้ที่บริเวณ ที่ราบสูงอิโคมะ (Ikoma Kogen) ทุ่งดอกไม้แห่งนี้มีชื่อเสียงอย่างมาก สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาชมความงามของดอกไม้นานาพันธุ์ได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นดอกป๊อปปี้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ, ดอกอินทนิลน้ำและดอกซัลเวียในช่วงหน้าร้อนและทุ่งดอกคอสมอส หลากสีที่เราเดินทางมาชมในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
ในช่วงที่เราเดินทางมานั้นเป็นช่วงของการชมทุ่งดอกคอสมอส
ในวันที่อากาศดีสามารถมองเห็นภูเขาไฟอิโคมะฟูจิ (Ikomafuji) ได้แบบชัดเจน
ที่ราบสูง Ikoma Kogen
เวลาทำการ : 09.00-17.00 น. ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม เวลา 08.00 -17.00 น.
วันหยุด : เปิดทำการทุกวัน
ค่าใช้จ่าย : นักเรียนชั้นมัธยมปลายและผู้ใหญ่ทั่วไป 520 เยน / นักเรียนมัธยมต้น 300 เยน และเข้าชมฟรีสำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษาและเด็กเล็ก
วิธีการเดินทาง : จากสถานี JR Kobayashi โดยสารรถบัสประจำทาง Miyazaki Kotsu ลงที่ป้ายรถประจำทาง Ikoma Kogen
เว็บไซต์
เดินทางสู่เมือง Minami-Miyazaki ไปยัง เกาะอะโอชิมะ (Aoshima Island) เกาะขนาดเล็กตั้งอยู่ในจังหวัดมิยะซะกิ เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่ ล้อมรอบเกาะไปด้วยดินทราย เกาะแห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีก่อน โดยการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกและหินทรายที่ทับถมมาอย่างยาวนาน ความพิเศษของที่นี่คือหินลาวาที่เกิดจากการปะทุลงในทะเล ถูกกัดกร่อนจากคลื่นทะเลหลายล้านปีจนเกิดเป็นรูปร่างเรียงกันคล้ายขั้นบันไดสวยงามแปลกตา คนทั่วไปเรียกหินนี้ว่า “กระดานซักผ้าของยักษ์” อีกทั้งเกาะแห่งนี้ยังได้รับการยกย่องให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติอีกด้วย
สะพานเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่สู่เกาะอะโอชิมะ
ภายในบริเวณเดียวกันเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าอะโอชิมะ ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศแก่เทพเจ้าถึงสามองค์ มีชื่อเสียงในเรื่องของการขอพรในเรื่องของชีวิตแต่งงาน การคลอดลูกโดยปลอดภัยและยังเป็นที่เคารพของนักเดินทะเลเพื่อการเดินทางให้ปลอดภัย
ตามธรรมเนียมต้องชำระล้างมือก่อนเข้าสู่ตัวศาลเจ้า
อะเมะโนะฮิระคะ (Amenohiraka) มีลักษณะคล้ายจาน วิธีการเสี่ยงทายให้ถือไว้ในมือแล้วขว้างเข้าไปในจุดที่กั้นไว้ หากขว้างเข้าไปได้มีหมายถึงคำอธิษฐานที่เราตั้งใจไว้จะสมหวัง แต่ถ้าอะเมะโนะฮิราคะแตกก็คือยังไม่สมหวังในคำอธิษฐาน
ภายในศาลเจ้าเต็มไปด้วยพืชพรรณเขตร้อน อาทิเช่นต้นปาล์มจีนที่เติบโตขึ้นในป่าด้านหลังศาลเจ้า
เกาะอะโอชิมะ (Aoshima Island) และศาลเจ้าอะโอชิมะ (Aoshima Shrine)
เวลาทำการ : เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
วันหยุด : เปิดทำการทุกวัน
ค่าใช้จ่าย : ไม่มี
วิธีการเดินทาง : โดยสารรถไฟสาย JR สาย Nichinan จากสถานี Miyazaki มาลงสถานี Aoshima เดินจากสถานีประมาณ 10 นาที
เว็บไซต์
สวนสัตว์ฟีนิกซ์เมืองมิยาซากิ (Miyazaki City Phoenix Zoological Park) พบกับเหล่าบรรดาสัตว์มากกว่า 115 สายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นช้างจากประเทศไทย, ลิงชิมแปนซี, สิงโต อีกทั้งยังมียีราฟ, ม้าลาย และนกกระจอกเทศหลากหลายสายพันธุ์ รวมไปถึงสัมผัสกับสัตว์ขนาดเล็กเช่น กระต่าย นกกระเรียน เป็นต้น นอกจากภายในบริเวณเดียวกันนี้ยังมีสถานที่ต่างๆ ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็น สวนสนุก สวนน้ำ (เปิดให้บริการเฉพาะในฤดูร้อนเท่านั้น)
นอกจากนี้ยังมีช้างจากประเทศไทยด้วย แต่ว่าตอนนี้เจ้าช้างถูกนำไปรักษาตัวที่เมืองโกเบเป็นเวลาหนึ่งปี
ป้ายแสดงประวัติของเจ้าช้างจัสมินและควาญช้างจากประเทศไทยผู้ดูแล
นกฟลามิงโกทั้งสายพันธุ์จากแคริเบียนและจากฝั่งเอเชีย
สวนสัตว์ฟีนิกซ์เมืองมิยาซากิ (Miyazaki City Phoenix Zoological Park)
เวลาทำการ : 9.00 – 17.00 น. (เข้าชมจนถึง 16.30 น.)
วันหยุด : ทุกวันพุธและวันที่ 31 ธันวาคม
ค่าใช้จ่าย : ผู้ใหญ่และนักเรียนมัธยมปลายหรือมากกว่า ราคา 830 เยน / มัธยมต้น ราคา 420 เยน / นักเรียนระดับประถมศึกษา ราคา 310 เยน
วิธีการเดินทาง : โดยสารรถบัสประจำทางจากเมือง Miyako-city ลงที่ป้ายรถบัส Miyazaki City Phoenix Zoological Park
เว็บไซต์
ประลองความเสียว พร้อมสัมผัสทัศนียภาพมุมสูงรอบตัวบน สะพานแขวนอะยะเทรุฮะ (Aya Teruha Suspension Bridge) สร้างขึ้นข้ามหุบเขา มีความสูงถึง 142 เมตร และมีความยาว 250 เมตร เมื่อมองลงไปด้านล่างจะพบกับแม่น้ำ Ayaminami ให้ความรู้สึกเหมือยว่าเรากำลังเดินอยู่บนท้องฟ้าที่ล้อมรอบไปด้วยความงามจากธรรมชาติแบบพาโนรามาวิว
สะพานแขวนอะยะเทรุฮะ (Aya Teruha Suspension Bridge)
เวลาทำการ : 08.30 – 17.00 น. ช่วงเดือนเมษายน – เดือนกันยายน เปิดถึงเวลา 18.00 น.
วันหยุด : เปิดทำการทุกวัน
ค่าใช้จ่าย : 300 เยน ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาขึ้นไปจนถึงผู้ใหญ่
วิธีการเดินทาง : โดยสารรถบัสจากสถานี Miyako มาลงที่ป้าย Aya Shusen no Mori ใช้เวลาประมาณ 60 นาที
เว็บไซต์