เข้าสู่กลางเดือนพฤศจิกายนยาวไปจนถึงต้นเดือนธันวาคมของทุกปี เกียวโต จะกลายเป็นจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ต่างมุ่งหน้ามาชมใบไม้เปลี่ยนสีกันอย่างหนาแน่น ในครั้งนี้เราได้ใช้เวลา 3 วันเต็มในการเสาะหาสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียง ซึ่งถ้าพูดกันตรงๆก็คือ มีเยอะมากเรียกได้ว่าไปชมได้ทุกวัดทุกศาลเจ้าทั่วทั้งจังหวัด แต่เราก็คัดสรรเฉพาะสถานที่ที่ต่างก็ถูกยกนิ้วให้ว่านี่คือจุดชมใบไม้แดงที่ดีที่สุดของเกียวโต ตามไปชมกันเลยครับว่าจะพาไปที่ไหนกันบ้าง
1. TOFUKUJI
วัดโทฟุคุจิ (Tofukuji) เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุด และเก่าแก่ที่สุด ในเกียวโต สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1926 ชื่อเรียกของวัดมีที่มาจากวัดที่มีชื่อเสียง 2 แห่งจากจังหวัดนาราคือ โทไดจิ (Todaiji) และ โคฟุคุจิ (Kofukuji) และในช่วงฤดูใบไม้ร่วง วัดแห่งนี้ได้รับความนิยมในการชมใบไม้เปลี่ยนสีจากบนสะพานทสุเท็นเคียว (Tsutenkyo) ตลอดความยาว 100 เมตรจะได้ชมกลุ่มต้นเมเปิลเปลี่ยนสลับสีสันกันอย่างงดงาม
- การเดินทาง: จากสถานี Kyoto ขึ้นรถไฟ JR สาย Nara ลงที่สถานี Tofukuji ใช้เวลา 3 นาที และเดินต่ออีก 10 นาที
หรือขึ้นรถบัสหมายเลข 208 ลงป้าย Tofukuji ใช้เวลา 15 นาที และเดิน 10 นาที - เวลาทำการ: 8.30-16.00 น. (ช่วงประดับไฟถึง 19.30 น.)
- ค่าเข้าชม: 500 เยน (ช่วงประดับไฟ ค่าเข้าชมเพิ่ม 600 เยน)
2. SENNYUJI
วัดเซ็นนิวจิ (Sennyuji) เป็นวัดประจำครอบครัวของราชวงศ์ญี่ปุ่น แถมยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่ชมใบไม้แดงที่มีความสวยงามไม่แพ้ที่ไหน วัดแห่งนี้เป็นการสร้างแบบผสมผสานสถาปัตยกรรมสไตล์จีนร่วมสมัย ด้านในมีสวนที่ปลูกต้นเมเปิ้ล ไว้สำหรับนั่งชมบนระเบียงอย่างสงบสุข (สถานที่แห่งนี้ใกล้กับวัดโทฟุคุจิ ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนมาก ไม่เลือกมายังวัดนี้ เราจึงได้มีเวลาแสนสงบ ไม่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน ได้ผ่อนคลายกันบ้าง)
- การเดินทาง : จากสถานี Tofukuji เดินเท้าประมาณ 15 นาที หรือโดยสารรถแท็กซี่ประมาณ 8 นาที
- เวลาทำการ : 09.00 – 16.30 น. ช่วงเดือนมีนาคม – เดือนพฤศจิกายน และ 09.00 – 16.00 น. ช่วงเดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์
- ค่าเข้าชม : 500 เยน
3. EIKANDO
วัดเอคังโด (Eikando) หรือรู้จักกันในอีกนามอย่างเป็นทางการว่า วัดเซ็นรินจิ (Zenrinji) เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในการชมใบไม้เปลี่ยนสีในสวนญี่ปุ่น โดยเฉพาะที่บึงโฮโจ (Hojo Pond) ที่มีต้นเมเปิลปลูกรายล้อมสวน เปลี่ยนสีสันอย่างสวยงาม และเราสามารถเดินขึ้นไปบนเขาชมวิวจากฐานเจดีย์ทาโฮโตะ (Tahoto Pagoda) ได้อีกด้วย
เจดีย์ทาโฮโตะ (Tahoto Pagoda)
บึงโฮโจ (Hojo Pond)
- การเดินทาง: จากสถานี Kyoto ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Karasuma ลงที่สถานี Karasuma-oike จากนั้นต่อสาย Tozai ลงที่สถานี Keage รวมใช้เวลา 20 นาที และเดินต่ออีก 10 นาที
หรือขึ้นรถบัสหมายเลข 5 ลงป้าย Nanzenji-Eikando-michi ใช้เวลา 35 นาที และเดิน 10 นาที - เวลาทำการ: 9.00-17.00 น. (ช่วงประดับไฟ 17.30-20.30 น.)
- ค่าเข้าชม: 1,000 เยน (ช่วงประดับไฟ ค่าเข้าชมเพิ่ม 600 เยน)
4. NANZENJI
วัดนันเซ็นจิ (Nanzenji) เป็นวัดที่มีขนาดใหญ่และสำคัญมากที่สุดวัดหนึ่งของศาสนาพุทธนิกายเซ็น ตั้งอยู่ที่เชิงเขาฮิกาชิยะมะ ไม่ไกลจากวัดเอคังโด มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 13 สมัยก่อนเคยเป็นบ้านของขุนนางเก่าที่เกษียณแล้ว ต่อมาเมื่อขุนนางเสียชีวิตลงจึงกลายเป็นวัด โดยภายในแยกเป็นวัดย่อยๆได้อีกหลายแห่ง ด้านหน้าทางเข้าคือประตูซันมง (Sanmon) มีขนาดใหญ่ เป็นเอกลักษณ์ของวัดแห่งนี้
สะพานชิโรคะขุ (Suirokaku) เป็นสะพานส่งน้ำขนาดยาว 93 เมตร กว้าง 4 เมตร และสูง 14 เมตร สร้างด้วยอิฐแดงตั้งแต่สมัยปี 1890 พูดง่ายๆ คือสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 โดยใช้โครงสร้างแบบกรุงโรมสมัยโบราณ ใช้เป็นทางผ่านของน้ำจากทะเลสาบบิวะ (Biwako) กับเกียวโต ซึ่ง 97% ของน้ำในเกียวโตที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ มีต้นน้ำมาจากทะเลสาบบิวะนั่นเอง น้ำไหลอยู่ที่อัตรา 2 ตัน ต่อวินาที สามารถขึ้นไปด้านบนดูท่อส่งน้ำได้ ไม่เสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้
- การเดินทาง: จากสถานี Kyoto ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Karasuma ลงที่สถานี Karasuma-oike จากนั้นต่อสาย Tozai ลงที่สถานี Keage รวมใช้เวลา 20 นาที และเดินต่ออีก 10 นาที
หรือขึ้นรถบัสหมายเลข 5 ลงป้าย Nanzenji-Eikando-michi ใช้เวลา 35 นาที และเดิน 10 นาที - เวลาทำการ: 8.40-17.00 น.
- ค่าเข้าชม: 500 เยน
5.BISHAMONDO
วัดบิชามอนโด (Bishamondo Temple) วัดในนิกายเทนได (Tendai) ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขายามาชินะ ใบเมเปิ้ลสีแดงที่ร่วงหล่นลงมาปกคลุมทางเดินยาวตลอดแนวจนไปถึงวัด ทำให้ดูเหมือนเป็นอุโมงค์ต้นไม้เปลี่ยนสี เป็นภาพที่ทำให้ใครหลายคนอยากมาเยือนวัดแห่งนี้ ซึ่งจะตเ้องมาปลายฤดูใบไม้ร่วงจึงจะได้เห็นภาพดังกล่าว ใครที่ได้มีโอกาสมาแล้วก็อย่าลืมไปไหว้พระขอพรที่นี่ ซึ่งเชื่อกันว่าจะทำให้การค้าขายเจริญรุ่งเรืองและครอบครัวมีความสุขปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ
- การเดินทาง: จากสถานี Kyoto ขึ้นรถไฟ JR สาย Biwako ลงที่สถานี Yamashina ใช้เวลา 5 นาที และเดินต่ออีก 15 นาที
- เวลาทำการ: 8.30-17.00 น.
- ค่าเข้าชม: 500 เยน
6. DAIGOJI
วัดไดโกจิ (Daigoji) วัดพุทธนิกายชินงอน (Shingon) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก สร้างขึ้นครั้งแรกในยุคเฮอัน มีอายุกว่า 1200 ปี ภายในเป้นที่ตั้งของซันโบอิน (Sanboin) อดีตที่พำนักของหัวหน้าคณะสงฆ์สร้างขึ้นในปีค.ศ.1115 และเจดีย์ 5 ชั้น ที่เก่าแก่ที่สุดในเกียวโต และรอดพ้นจากไฟไหม้ในสงครามโอนิน และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติแห่งชาติอีกด้วย
สำหรับจุดที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ หอเบ็นเท็นโด (Bentendo) มีสีแดงสง่างามรายล้อมด้วยบึงและต้นเมเปิล
- การเดินทาง: จากสถานี Kyoto ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Karasuma ลงที่สถานี Karasuma-oike จากนั้นต่อสาย Tozai ลงที่สถานี Daigo รวมใช้เวลา 30 นาที และเดินต่ออีก 10 นาที
- เวลาทำการ: 9.00-17.00 น. (ช่วงประดับไฟ 18.00-20.50 น.)
- ค่าเข้าชม: 1,500 เยน (รวมทุกส่วน)
7. DAIKAKUJI
วัดไดคะคุจิ แห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตั้งแต่สมัยยุคเฮอัน สร้างขึ้นเมื่อราว 1,200 ปีมาแล้ว โดยจักรพรรดิซะกะ ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นพระราชวังที่ประทับสำหรับพระองค์เอง มีชื่อว่า ซะกะอิน (Saga-in) ต่อมาหลังจากที่ท่านได้สวรรคตลง พระธิดาของท่านได้เปลี่ยนจากวังให้กลายเป็นวัด โดยมีนามใหม่ว่า ไดคะคุจิ (Daikaku-ji) และมีชื่อเต็มว่า Kyu Saga Gosho Daikaku-ji Monzeki
หอเรเมเด็น (Reimeiden) วิหารที่เคลื่อนย้ายมาจากโตเกียว ในปีค.ศ.1958 อาคารทาเป็นสีแดงเพื่อขับไล่วิญญาณร้าย
รอบบ่อน้ำจะเป็นที่ตั้งของ เจดีย์ชินเกียว (Shingyo Pagoda) สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 1,150 ปี ที่จักรพรรดิซะกะได้ทำการคัดลอกคัมภีร์ และมีสวนญี่ปุ่นที่ปลูกต้นซากุระสลับกับต้นโมมิจิ สามารถมาชมความงามได้ทั้ง 2 ฤดู และจะมีการประดับไฟในตอนกลางคืนด้วย
- การเดินทาง: จากสถานี Kyoto ขึ้นรถไฟ JR สาย Sagano ลงที่สถานี Saga-Arashiyama ใช้เวลา 15 นาที จากนั้นเดินต่ออีก 15 นาที
- เวลาทำการ: 9.00-17.00 น.
- ค่าเข้าชม: 500 เยน
8. ARASHIYAMA
อาราชิยะมะ (Arashiyama) มีหุบเขาโฮซุ (Hozu) และ แม่น้ำโฮซุกะวะ (Hozugawa) ไหลผ่านทางฝั่งตะวันตกของเกียวโต ความสวยงามของทิวทัศน์ของขุนเขาและแม่น้ำโดดเด่นตลอดทั้งปี ทั้งสี่ฤดูกาล โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่เป็นเวลาผลัดเปลี่ยนสีของต้นไม้ในบริเวณนี้ จะได้ชมความงามทางธรรมชาติอย่างแท้จริง จากจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอันเลื่องชื่อของญี่ปุ่น
พิเศษสุดกับการนั่งเรือ คะวะคุดะริ (Kawakudari) ล่องจาก คาเมโอกะ (Kameoka) ถึง อาราชิยะมะ (Arashiyama) ตลอดระยะเวลา 120 นาที จะได้สัมผัสประสบการ์ณชื่นชมธรรมชาติไปตามกระแสน้ำที่ไหลนิ่งในบางจุดและตื่นเต้นกับจุดที่น้ำไหลเชี่ยวช่วงเวลาที่สวยที่สุดคือ ปลายเดือนพฤศจิกายน ถึงต้นเดือนธันวาคม
- การเดินทาง จากสถานี Kyoto ขึ้นรถไฟ JR สาย Sagano ไปลงที่สถานี Kameoka ใช้เวลา 20 นาที และเดินต่ออีก 8 นาทีไปยังจุดขึ้นเรือ
- รายละเอียดเพิ่มเติม >> Hozugawa Kudari Boat Tour
9. KIFUNE JINJA
ศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine) ศาลเจ้าของเทพเจ้าแห่งน้ำ ที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ ที่คงเอกลักษณ์ของเสาโคมไฟที่ตั้งเรียงรายขนานไปกับขั้นบันไดหินสู่ตัวศาลเจ้า โดยฤดูใบไม้ร่วง เป็นฤดูที่คนนิยมมาเที่ยวชมกั
- การเดินทาง : โดยรถไฟ Keihan สาย Eizan จากสถานี Demachiyanagi นั่งมาลงที่สถานี Kibuneguchi จากนั้นโดยสารรถบัสมาลงที่ป้ายรถบัส Kibune guchi-Mae โดยสารรถบัสหมายเลข 33 ไปยังป้าย Kibune แล้วเดินต่อไปยังศาลเจ้าอีกประมาณ 5 นาที
- เวลาทำการ : 06.00-20.00 น. (ช่วงเดือน 1พฤษภาคม-30พฤษจิกายน) / 06.00-18.00 น. (ช่วงเดือน 1ธันวาคม-30เมษายน)
- ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่าย
10. BYODOIN
วัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple) ตั้งอยู่ในเมืองอุจิ จังหวัดเกียวโต สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1541 ในสมัยเฮอัน ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก อาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดในวัดคือศาลาฟินิกซ์หรือศาลาอมิตาภะ ถูกสร้างขึ้นในสมัยเฮอัน พ.ศ. 1596 วัดเแห่งนี้เป็นแบบอย่างที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรมดินแดนอันบริสุทธิ์ของพุทธศาสนา (โจโด) ซึ่งประกอบด้วยอุทยาน วัดหมายถึงสวรรค์ ดินแดนบริสุทธิ์ ภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ที่เก็บสิ่งของล้ำค่ามากมาย
มาถึงเมืองอุจิ ที่มีชื่อเสียงในเรื่องชาเขียวอันเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลกต้องไม่พลาดชิมเมนูดังอย่าง โซบะชาเขียว ซอฟท์ครีมชาเขียว
- การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Keihan Uji เดินประมาณ 10 นาที
- เวลาทำการ : 08.30-17.30 น. (เข้าได้จนถึง 17.15 น.)
- ค่าเข้าชม : 600 เยน (เพิ่มอีก 300 เยน สำหรับเข้าชมอาคารฟินิกซ์)