วัด Ryoanji 龍安寺 (ตามตัวอักษรมีความหมายว่า วัดแห่งมังกรในความสงบ) เป็นวัดแบบเซน มีสวนหิน (Karesansui 枯山水) ที่มีชื่อเสียงติดอันดับต้นๆของญี่ปุ่น สวนหินของที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นสวนที่เป็นต้นแบบสวนสไตล์เซนที่ดีที่สุด จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของ UNESCO เมื่อปี 1994
ตามประวัติศาตร์ ต้นกำเนิดของวัดและสวนนี้ไม่แน่นอน วัด Ryoanji สร้างขึ้นเมื่อปี 1450 โดยท่าน Hosokawa Katsumoto และหลังจากนั้นราว 2 ทศวรรษ วัดถูกเพลิงไหม้จากสงครามโอนิน และต่อมาท่าน Katsumoto ได้เสียชีวิตลง ลูกชายของท่าน (Hosokawa Matsumoto) จึงได้ทำการบูรณะขึ้นมาใหม่อีกครั้งในปี 1488 และเชื่อกันว่าสวนหินสร้างขึ้นในปี 1499 พร้อมกันกับอาคารหลัก Hojo ที่เคยเป็นที่พักอาศัยของหัวหน้านักบวช ปัจจุบันบริเวณรอบๆจะมีบ่อน้ำใหญ่ ซึ่งเป็นบ่อที่ขุดมาตั้งแต่สมัยดั้งเดิมและจะมีสุสานของตระกูล Hosokawa (ทั้งท่าน Katsumoto, ภรรยา และ ลูกชาย Matsumoto) อยู่ในบริเวณสวนด้านหลังด้วย
วิธีการเดินทาง สามารถเดินทางโดยใช้รถบัส Kyoto Bus สาย 50 จากด้านหน้าสถานี Kyoto (ถ้าเดินทางมาด้วยรถไฟสาย JR และ Hankyu) ลงที่ป้าย Ritsumeikan daigaku-mae ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ค่าโดยสาร 220 เยน และเดินต่ออีกประมาณ 7 นาที วัดจะตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ทางเดียวกับวัดทอง Kinkakuji (ห่างราว 20 นาทีเดิน หรือถ้านั่งรถบัสต่อใช้เวลาประมาณ 5 นาที)
เวลาเปิด-ปิด เดือนมีนาคม-ตุลาคม: 8.00-17.00 น. เดือนพฤศจิกายน-เดือนกุมภาพันธ์ 8.30-16.30 น. ค่าเข้าชม 500 เยน
เวลาเดินเข้าจะเดินผ่านประตูหลัก San-mon และจะพบกับบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่ด้านหน้าทางเข้าเลย บ่อนี้มีชื่อเรียกว่า Kyoyochi
ทางเข้าไปชมสวนหิน อาคารนีมีชื่อเรียกว่า Kuri
ต้องถอดรองเท้าไว้ด้านนอก ก่อนจะเข้ามาด้านใน ถ้าเข้ามาด้านในแล้วให้รักษาความสงบ ไม่ควรพูดหรือตะโกนเสียงดังเพราะอาจจะรบกวนคนอื่นที่กำลังนั่งชมสวนหินด้านในได้ครับ
สวนหินจำลอง
สวนหินแห่งนี้มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาด 248 ตารางเมตร และประกอบไปด้วยกลุ่มหินที่บรรจงวางอย่างสมดุลทั้งหมด 5 ตำแหน่งด้วยกัน คือ 1 กลุ่มหินห้าก้อน, 2 กลุ่มหินสามก้อน และ 2 กลุ่มหินสองก้อน หินทุกกลุ่มถูกล้อมรอบด้วยหินกรวดสีขาวซึ่งถูกกวางและตกแต่งอย่างละเมียดทุกวันโดยพระสงฆ์ บริเวณสีเขียวที่เห็นมีเพียง ตระไคร่น้ำรอบก้อนหินเท่านั้น
การชมสวนแห่งนี้ที่ถูกต้องควรนั่งอยู่ในบริเวณระเบียงที่จัดให้ชม เราจะสามารถซึมซับได้ถึงบรรยากาศอันแสนสงบ จิตของเราจะนิ่งขึ้น และสามารถทำสมาธิได้เป็นอย่างดี องค์ประกอบของหินถูกวางไว้เพื่อไม่ให้สามารถเห็นได้ในครั้งเดียวจากระเบียง เมื่อมองไปที่สวนจากมุมใด (นอกเหนือจากด้านบน) จะมองเห็นหินได้เพียง 14 ก้อน ว่ากันตามธรรมเนียมหากผ่านบรรลุการตรัสรู้จะสามารถมองเห็นก้อนหินที่15 ได้
ผนังด้านหลังเป็นองค์ประกอบสำคัญของสวน ทำจากดินเหนียวและได้เปลี่ยนสีไปตามอายุด้วยโทนสีน้ำตาลและส้มอ่อน ในปี 1977 หลังคามุงกระเบื้องผนังได้รับการบูรณะด้วยเปลือกไม้ เมื่อสวนที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ใน 1799 สูงขึ้นกว่าเดิมและมุมมองข้ามกำแพงไปยังทิวทัศน์ภูเขาที่อยู่เบื้องหลัง ในปัจจุบันมุมมองนี้ถูกปิดกั้นด้วยต้นไม้ทำให้ไม่สามารถเห็นวิวได้อีกแล้ว
ภายในห้องของที่เคยเป็นที่พักของหัวหน้านักบวช มีภาพวาดบนผนังเป็นรูปมังกร สอดคล้องกับชื่อวัด
ย้อนไปในศตวรรษที่ 17 บริเวณใกล้กับโรงน้ำชาเป็นอ่างน้ำหินที่มีชื่อเสียง ด้วยน้ำที่ไหลอย่างต่อเนื่อง แสดงถึงความบริสุทธิ์ เรียกว่า Ryoanji Tsukubai 蹲踞 ซึ่งแปลตามตัวอักษรว่า “หมอบคลาน” เพราะความสูงต่ำของอ่างที่ผู้ใช้จะต้องก้มโค้งในการช้ เปรียบเสมือนการเข้าสู่ระบบของความเคารพและความอ่อนน้อมถ่อมตน ตัวอักษรคันจิที่เขียนบนพื้นผิวของอ่างหิน 五,隹,止,矢 จะไม่มีนัยสำคัญเมื่ออ่านเพียงตัวใดตัวหนึ่ง กรอบอ่างน้ำเป็น โดยมีตรงกลางเป็นรูปสี่เหลี่ยม 口
ถ้านำแต่ละสี่ตัวอักษรคันจิมาประกอบรวมกับตัว 口 (ออกเสียงว่า kuchi หมายถึง ปาก) จะกลายเป็นสี่ตัวอักษรใหม่ 吾,唯,足,知 อ่านได้ว่า “Ware Tada Taru Shiru” (吾= Ware = ฉัน ,唯= Tada = เท่านั้น 足= Taru = เพียงพอ และ 知= Shiru = รู้ ) ความหมายของ วลีที่สลักไว้ด้านบนของ tsukubai คือ “เพียงสิ่งที่มีคือความต้องการของฉันเท่านั้น” เสริมสร้างคำสอนพื้นฐานของพระพุทธศาสนา
ถ้าใครเลื่อมใสในความหมาย Tsukubai ซื้อกลับไปเป็นของที่ระลึกได้นะครับ และยังมีของที่ระลึกอื่นๆอีกมากมาย
หลังจากนั้นขาออกแวะบริเวณสวนที่อยู่ด้านนอกและชมบ่อน้ำ ที่ถูกจัดแ่งไว้อย่างสวยงาม ชื่นชมกับความร่มรื่นย์ไปพลาง สูดอากาศบริสุทธิ์ให้กับปอดไปพลาง ถือว่าเป็นการพักผ่อนจากวันที่วุ่นวายได้ทีเดียว
ขณะที่ไปเป็นช่วงฤดูร้อน ใบไม้สีเขียวจัดให้ความรู้สึกไปอีกแบบ ถ้าใครได้ไปช่วงใบไม้เปลี่ยนสี บริเวณสวนแห่งนี้จะเป็นหนึ่งในจุดที่ชมใบไม้แดงที่ดีที่สุดของเกียวโตเลยละครับ