หากเอ่ยชื่อ “เกียวโต” อีกหนึ่งเมืองที่เป็นที่รู้จักกันอย่างดีในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย ไม่ว่าจะฤดูไหนที่นี่ก็คราครำ่ไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย ด้วยความเป็นเมืองหลวงเก่าที่ผสมผสานเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมมาอย่างยาวนาน แต่เกียวโตก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายที่น้อยคนจะรู้จัก เราจึงอยากจะพาทุกๆคนไปเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบใหม่ไปด้วยกัน ถ้าพร้อมแล้วไปเที่ยวด้วยกันเลยครับ
ออกเดินทางสู่เมืองคิบุเนะ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดเกียวโต ด้วยตั๋วท่องเที่ยวสุดคุ้มจากบริษัทการเดินรถไฟ Keihan โดยใช้พาส Kyoto – Osaka Sightseeing Pass “Greater Kurama & Kibune Area” ราคา 1,500 เยนของ Keihan Electric Railway >> ดูรายละเอียดพาส / ดูรายละเอียดรถไฟ
ความพิเศษของพาสนี้คือเราสามารถเดินทางได้จากเมืองโอซาก้า โดยเริ่มต้นจากสถานี Kyobashi ในโอซาก้าโดยสารรถไฟสาย Keihan มาลงที่สถานี Demachiyanagi จากนั้นเปลี่ยนเป็นรถไฟสาย Eizan Railway เพื่อไปยังจุดหมายของเรา
แผนที่การเดินรถไฟด้วยพาส Kyoto – Osaka Sightseeing Pass “Greater Kurama & Kibune Area”
มาถึงสถานี Demachiyanagi ในเกียวโต
สถานีที่เราจะไปลงในวันนี้คือ สถานี Kibuneguchi (E16)
เช็ครอบรถไฟแล้วไปรอขึ้นรถได้เลยครับ
แนะนำให้รีบไปรอรถแล้วเข้าไปนั่งบริเวณที่นั่งหันหน้าเขาหากับกระจก จะทำให้เห็นวิวสวยๆของอุโมงค์ใบไม้แดง
นั่งรถไฟชมอุโมงค์ใบไม้แดง ระหว่างสถานี Ichihara (E14) และสถานี Ninose (E15) จะเป็นจุดชมวิวของอุโมงค์ใบไม้แดง เพลิดเพลินกับทัศนียภาพของอุโมงค์ใบเมเปิ้ลสองฝั่งเป็นระยะทางกว่า 250 เมตร โดยในช่วงเวลาดังกล่าว รถไฟจะวิ่งด้วยความเร็วต่ำเพื่อให้ผู้โดยสารได้ดื่มด่ำกับความงามของอุโมงค์ใบไม้แดง
ภาพจากเว็บไซต์ของ Keihan Electric Railway Co., Ltd.
นั่งรถไฟมาเรื่อยๆลงที่ป้าย Kibuneguchi เพื่อนั่งรถบัส เดินทางต่อไปยังศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine)
ข้ามฝั่งมารอรถบัสเพื่อไปศาลเจ้าได้เลย
ระหว่างทางเดินขึ้นไปยังศาลเจ้าคิบุเนะ
ศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine) ศาลเจ้าของเทพเจ้าแห่งน้ำ ที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ ที่คงเอกลักษณ์ของเสาโคมไฟที่ตั้งเรียงรายขนานไปกับขั้นบันไดหินสู่ตัวศาลเจ้า โดยฤดูใบไม้ร่วง เป็นฤดูที่คนนิยมมาเที่ยวชมกั
เอกลักษณ์ของเสาโคมไฟที่ตั้งเรียงรายขนานไปกับขั้นบันไดหินสู่ตัวศาลเจ้า
ตามธรรมเนียมก่อนจะเข้าสู่ตัวศาลเจ้าต้องชำระล้างมือก่อน
บริเวณศาลาก่อนเข้าสู่ตัวศาลเจ้า
และนี่คือไฮไลท์ของศาลเจ้าแห่งนี้ นั่นก็คือการเสี่ยงทายดวงด้วยแผ่นทำนาย Omikuji ที่มาเป็นกระดาษเปล่า
ป้ายบอกขั้นตอนวิธีการ การเสี่ยงทายดวงด้วยแผ่นทำนาย Omikuji
เมื่อนำไปลอยน้ำศักดิ์สิทธิ์ จะมีข้อความเป็นคำทำนายปรากฎขึ้นมา โดยคำทำนายที่ออกมาจะเป็นภาษาญี่ปุ่
หลังจากอ่านคำทำนายเสร็จเรียบร้อยให้นำเซียมซีมาผูกไว้
ขอพรที่ตัวศาลเจ้าหลัก
ศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine)
- เวลาทำการ : 06.00-20.00 น. (ช่วงเดือน 1พฤษภาคม-30พฤษจิกายน) / 06.00-18.00 น. (ช่วงเดือน 1ธันวาคม-30เมษายน)
- วันหยุด : เปิดทำการทุกวัน
- ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่าย
- วิธการเดินทาง : โดยรถไฟ Keihan สาย Eizan จากสถานี Demachiyanagi นั่งมาลงที่สถานี Kibuneguchi จากนั้นโดยสารรถบัสมาลงที่ป้ายรถบัส Kibune guchi-Mae โดยสารรถบัสหมายเลข 33 ไปยังป้าย Kibune แล้วเดินต่อไปยังศาลเจ้าอีกประมาณ 5 นาที
- เว็บไซต์ : http://kifunejinja.jp/
เพื่อให้การท่องเที่ยวในครั้งนี้เป็นไปอย่างสะดวกสบาย เราใช้บริการไกด์ท้องถิ่นจากบริษัท WANDER COMPASS KYOTO โดยจะให้คำแนะนำการท่องเที่ยวแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ในสไตล์ “Tomodachi Guide” ด้วยไกด์มืออาชีพ สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษและภาษาอื่นๆได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ได้อารมณ์แบบเพื่อนพาเที่ยว ที่จะทำให้การท่องเที่ยวของคุณในครั้งนี้ ประทับใจ แปลกใหม่กว่าที่เคยเจอ สามารถไปติดต่อขอข้อมูลได้ที่อาคารเกียวโตทาวเวอร์ชั้น 3
ข้อมูลเพิ่มเติม >> WONDER COMPASS
บรรยากาศธรรมชาติระหว่างทางเดินกลับไปยังสถานีรถไฟ
จากนั้นเราเดินทางไปรอรถไฟเพื่อกลับไปยังสถานี Demachiyanagi
ระหว่างทางกลับไกด์ท้องถิ่นได้แนะนำให้เราลงที่สถานี Ichijoj (E04) เพื่อที่จะไปทานราเมนอร่อยๆกัน แอบกระซิบว่าแถบย่านนี้มีร้านราเมนอร่อยๆอยู่มากมายหลายร้านเลยทีเดียว สำหรับวันนี้เราลองเลือกทานที่ร้าน Arajin
ทงคัทสึราเมนของเรามาแล้ว
ช่วงค่ำของวันเราเดินทางไปชมงานประดับไฟยามค่ำคืนในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ วัดโคไดจิ (Kodaiji)
วัดโคไดจิ (Kodaiji) ตั้งอยู่ในย่าน Gion ของเมืองเกียวโต ตามประวัติ วัดแห่งนี้เป็นวัดที่ Kitanomandokoro (Nene) ภรรยาของ Toyotomi Hideyoshi สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึง Hideyoshi ความพิเศษคือมีการเปิดให้ชมช่วงกลางคืนปีละ 4 ครั้ง คือในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว สำหรับค่าเข้าชมราคา 600 เยนและเด็กมัธยมต้น/ปลาย 250เยน
บริเวณด้านนอกของวัด มีการฉายโปรเจ็คชั่นแมปปิ้งเป็นรูปมังกร ฉายลงบนตัวอาคารเก่า เป็นการผสมผสานกันระหว่างประวัติศาสตร์กับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว
นั่งพักจิบชาชมบรรยากาศสวยๆ
บริเวณป่าไผ่ก็สวยงามไม่แพ้จุดไหนเช่นกัน
วัด Kodaiji
- เวลาทำการ : ช่วงกลางวัน 09.00-17.00 น. ช่วง Light Up : ตั้งแต่หลังอาทิตย์ตก -22.00 น.
- วันหยุด : เปิดทำการทุกวัน
- ค่าเข้าชม : ช่วงกลางวัน ผู้ใหญ่ 500 เยนและเด็กมัธยมต้น/ปลาย 200 เยน / ช่วง Light Up ผู้ใหญ่ 600 เยนและเด็กมัธยมต้น/ปลาย 250 เยน
- วิธีการเดินทาง : จากป้ายรถบัส Higashiyama Yasui Bus Stop (รถบัสสาย 100, 206) เดินต่อประมาณ 5-10 นาที
- เว็บไซต์ : http://www.kodaiji.com/index.html
จากสถานี Kyoto เราเดินทางไปยัง วัดเซ็นริวจิ (Sennyuji) เป็นวัดประจำครอบครัวของราชวงศ์ญี่ปุ่น แถมยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่ชมใบไม้แดงที่มีความสวยงามไม่แพ้ที่ไหน วัดแห่งนี้เป็นการสร้างแบบผสมผสานสถาปัตยกรรมสไตล์จีนร่วมสมัย ด้านในมีสวนที่ปลูกต้นเมเปิ้ลจำนวนมาก และช่วงนี้กำลังเปลี่ยนสีสันสวยงาม
เดินเข้ามาเรื่อยๆจะพบกับอาคารไม้ขนาดใหญ่
สวนที่ทั้งร่มรื่นและงดงามแบบแบบฉบับของญี่ปุ่น ช่วงที่งดงามมากที่สุดคือ ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม ต้นไม้เมเปิ้ลจะมีสีสันสดสวยให้ความรู้สึกที่สดใสเป็นพิเศษ
วัด Sennyuji
- เวลาทำการ : 09.00 – 16.30 น. ช่วงเดือนมีนาคม – เดือนพฤศจิกายน และ 09.00 – 16.00 น. ช่วงเดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์
- วันหยุด : เปิดทำการทุกวัน
- ค่าเข้าชม : 500 เยน
- วิธีการเดินทาง : จากสถานี Tofukuji เดินเท้าประมาณ 15 นาที หรือโดยสารรถแท็กซี่ประมาณ 8 นาที
- เว็บไซต์ : http://www.mitera.org/
จากนั้นเราใช้ โดยใช้ พาส Kyoto Sightseeing Pass ของ Keihan Electric Railway สำหรับใช้ได้ 1 วัน ราคาเพียง 600 เยน โดยรถไฟสาย Keihan ลงที่สถานี Chushojima เพื่อไปเดินเล่นกันที่ย่านเมืองเก่าในเขต ฟุชิมิ (Fushimi) ในสมัยก่อนย่านนี้เป็นย่านเมืองเก่าที่รุ่งเรืองตั้งแต่ในสมัยเอโดะ ไม่ว่าจะเป็นเมืองท่าค้าขาย ขนส่ง หรือเมืองปราสาทเก่า
ล่องเรือขนส่งสินค้า จุกโคขุบุเนะ (Jukkokubune) ในสมัยโบราณชมวิวสวยงามของริมสองฝั่งคลอง
บริเวณย่านนี้ยังเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตสาเกชื่อดังและเก่าแก่ของเขต Fushimi อีกด้วย
ย่านเมืองเก่า Fushimi
- วิธีการเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Keihan Chushojima เดินประมาณ 5 นาที
- ค่าใช้จ่าย : ล่องเรือ Jukkokubune ผู้ใหญ่ ราคา 1000 เยน และเด็กประถมและชั้นมัธยมศึกษา ราคา 500 เยน
ต่อจากนั้น ขึ้นรถไฟต่อมาลงที่สถานี Uji เพื่อแวะสักการะ วัดเบียวโดอิน (Byodoin)
บรรยากาศบนสะพาน
เดินข้ามสะพานมาจนสุดทางจะพบกับทางเข้าวัด
วัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple) ตั้งอยู่ในเมืองอุจิ จังหวัดเกียวโต สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1541 ในสมัยเฮอัน อาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดในวัดคือศาลาฟินิกซ์หรือศาลาอมิตาภะ ถูกสร้างขึ้นในสมัยเฮอัน พ.ศ. 1596 วัดเแห่งนี้เป็นแบบอย่างที่โดดเด่นของสถาปัตยกรรมดินแดนอันบริสุทธิ์ของพุทธศาสนา (โจโด) ซึ่งประกอบด้วยอุทยาน วัดหมายถึงสวรรค์ ดินแดนบริสุทธิ์ ภายในวัดยังมีพิพิธภัณฑ์ที่เก็บสิ่งของล้ำค่ามากมาย โดยวัดแห่งนี้ยังได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย โดยอาคารที่มีชื่อเสียงที่สุดในวัดคือ ศาลานกฟินิกซ์ ที่เราจะคุ้นตากันจากภาพด้านหลังของธนบัตรหมื่นเยน และเหรียญสิบเยนนั่นเอง
วัดเบียวโดอิน (Byodoin Temple)
- เวลาทำการ : 08.30-17.30 น. (เข้าได้จนถึง 17.15 น.)
- วันหยุด : เปิดทำการทุกวัน
- วิธีการเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Keihan Uji เดินประมาณ 10 นาที
- ค่าใช้จ่าย : 600 เยน (เพิ่มอีก 300 เยน สำหรับเข้าชมอาคารฟินิกซ์)
- เว็บไซต์ : https://www.byodoin.or.jp/en/
มาถึงเมืองอุจิ ที่มีชื่อเสียงในเรื่องชาเขียวอันเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลกต้องไม่พลาดชิมเมนูดังอย่าง โซบะชาเขียว ซอฟท์ครีมชาเขียว
สัมผัสกับประสบการณ์การชงชาเขียวอุจิมัทฉะแบบแท้ๆด้วยตัวเอง ลิ้มรสชาเขียวแบบต้นตำรับที่คาเฟ่ Ito Kyuemon Uji Honten ในราคาเพียงคนละ 1,600 เยน นอกจากชาเขียวมัทฉะแล้ว ที่นี่ยังมีของทั้งอาหารคาวและหวานมากมายไว้คอยให้บริการ อาทิ อันมิตสึ น้ำแข็งใส พาร์เฟต์ โซบะ และเครื่องดื่มอีกมากมาย
ไกด์จากบริษัท Wander Compass สุดเฟรนด์ลี่ของเราในทริปนี้
Ito Kyuemon Uji Honten
- เวลาทำการ : 10.30 – 18.30 น.
- วันหยุด : เปิดทุกวัน ยกเว้นช่วงปีใหม่
- ค่าใช้จ่าย : 1000 เยนขึ้นไป
- วิธีการเดินทาง : จากสถานีรถไฟ Keihan Uji เดินประมาณ 15 นาที
- เว็บไซต์ : https://www.itohkyuemon.co.jp/corporate/shop/jruji/
และการเดินทางเปิดประสบการณ์ใหม่ที่จังหวัดเกียวโตในครั้งนี้ จะไม่สมบูรณ์แบบและสะดวกสบายสุดๆ หากขาดไกด์ท้องถิ่นจาก บริษัทให้คำปรึกษาด้านการท่องเที่ยว Wander Compass เป็นผู้จัดการแพลนนำเที่ยว พร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆมากมาย อีกทั้งยังแนะนำร้านอาหารอร่อยๆให้กับเราอีกด้วย
“Wander Compass” คือบริษัทให้คำปรึกษาด้านการท่องเที่ยว ให้บริการโดยไกด์ท้องถิ่นผู้รู้ลึกรู้จริงในพื้นที่แถบนั้นๆ แก่
ขึ้นลิฟท์มาที่บริเวณชั้น 3 ของอาคารเกียวโตทาวเวอร์ เมื่อเปิดลิฟท์ออกมาก็จะเจอกับบูทของ Wander Compass เลย
สามารถเข้ามาขอข้อมูลการท่องเที่ยว โบรชัวร์ หรือจะติดต่อไกด์ทัวร์ได้ที่นี่ จะมีสตาฟคอยรอต้อนรับให้บริการอยู่
ราคาทัวร์แบบคร่าวๆ สามารถเช็คราคาได้จากทางเว็บไซต์ >> https://wandercompass.jp/?kyoto/?20181115thai
ถ่ายภาพกับบรรดาสตาฟของ Wander Compass เฟรนด์ลี่สุดๆ
เราเชื่อแน่นอนว่า “Wander Compass” ที่จะทำให้การท่องเที่ยวของ
บริษัทให้คำปรึกษาด้านการท่องเที่ยว Wander Compass
- เวลาทำการ : 09.00 – 18.00 น.
- วันหยุด : เปิดทำการทุกวัน
- ค่าใช้จ่าย : สามารถเข้ามาขอข้อมูลพร้อมปรึกษาเส้นทางการท่องเที่ยวได้แบบไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยค่าใช้จ่ายจะเกิดขึ้นเมื่อผู้รับบริการตัดสินใจจะใช้บริการไกด์นำเที่ยวท้องถิ่น ** สามารถสอบถามราคาและโปรโมชั่นต่างๆได้จากเค้าท์เตอร์หรือทางอีเมล์ wc_kyoto@wandercompass.jp
- วิธีการเดินทาง : บริษัทให้คำปรึกษาด้านการท่องเที่ยว Wander Compass ตั้งอยู่บนชั้นที่ 3 ของอาคารเกียวโตทาวเวอร์
- เว็บไซต์ : https://wandercompass.jp/?kyoto/?20181115thai