หลายครั้งมีเพื่อนๆมักจะถามว่า มีเวลา 1 วันอยากจะไปเที่ยวเกียวโต สามารถไปไหนได้บ้าง? ซึ่งสำหรับเราเองแล้วเป็นอีกหนึ่งคำถามที่ตอบยาก เนื่องจากอย่างที่ทราบกันว่าเกียวโตนั้นมีสถานที่ที่น่าสนใจหลากหลาย แต่ละย่านก็มีความสวยงามและมีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน
ในการเดินทางแต่ละครั้งเราจึงพยายามท่องเที่ยวไปตามย่านต่างๆเพื่อที่จะเสาะหาว่าแต่ละย่านมีความน่าสนใจอย่างไร และทริปล่าสุดเราก็ค้นพบว่าไม่จำเป็นต้องเดินทางไปไหนไกลเลยเพียงแค่ลองมาเดินเล่นที่ ย่านกิออนและคะวะระมะจิ อาจจะทำให้ครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่น่าจดจำที่สุดของทริปเลยก็ได้
ย่านกิออน และคะวะระมะจิ (Gion-Kawaramachi) อีกหนึ่งย่านที่เป็นสีสันของเมืองเกียวโต ย่านที่ความเก่าและใหม่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว เสมือนว่าเดินหลุดจากโลกหนึ่งไปโผล่อีกโลกหนึ่ง เรามักพบเห็นนักท่องเที่ยวมากมายมักจะมารอถ่ายภาพ“เกอิชา” หญิงสาวผู้เป็นสัญลักษณ์ของเมืองเกียวโตแห่งนี้ โดยเราสามารถที่จะใช้เวลาเพียงแค่ 1 วัน เดินเล่นชิล ชิม ช้อป ได้แบบสบายๆ สไตล์คนมีเวลาน้อย
เราเริ่มต้นการเดินทางวันนี้ด้วยตั๋วรถไฟราคาประหยัด Hankyu Tourist Pass ซึ่งสะดวกสบายมากๆ กับการเดินทางในคันไซ มี 2 ชนิดคือ แบบ 1 วัน ราคา 800 เยน และ แบบ 2 วัน ราคา 1,400 เยน (ต้องเเสดงพาสปอร์ตก่อนทำการซื้อทุกครั้ง พาสปอร์ต 1 เล่มซื้อได้ 1 คน)
ข้อมูลเพิ่มเติม >> HANKYU TOURIST PASS
ในช่วงที่เราเดินทางมาเป็นช่วงของปลายฤดูใบไม้ผลิและยังเป็นช่วงของโกลเด้นวีค แน่นอนว่าทัวร์ริสสปอตอย่างเกียวโตนั้นต้องคราคร่ำไปด้วยบรรดานักท่องเที่ยวอย่างแน่นอน อากาศก็กำลังดี ผู้คนจึงออกจากบ้านมาทำกิจกรรมตามที่สาธารณะกันมากมาย เราเดินทางจากสถานี Umeda ในโอซาก้าด้วยรถไฟ Hankyu สายเกียวโต มาลงสุดสายที่สถานี Kawaramachi ใช้เวลาประมาณ 50 นาทีก็จะมาถึงเกียวโตกันแล้ว
เมื่อเดินขึ้นมาจากรถไฟฟ้าสถานี Kawaramachi จะพบกับย่านการค้าที่เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เดินข้ามถนนไปจะพบกับสะพานข้ามแม่น้ำคาโมะ โดยวันนี้เราจะใช้หัวถนนของศาลเจ้า Yasaka เป็นจุดเริ่มต้น
ระหว่างทางที่จะเดินไปยังศาลเจ้าเราพบกับ คาเฟ่ชื่อดังของเมืองเกียวโต Yojiya Cafe สาขา Gion คาเฟ่ของแบรนด์เครื่องสำอางค์ชื่อดังที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากว่า 110 ปี มีสัญลักษณ์เป็นรูปของหญิงสาวญี่ปุ่นหน้ากลม โดยกระดาษซับมันของที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นกระดาษซับมันเทพที่เป็นสินค้าขายดีอันดับต้นๆของร้าน
สายนั่งคาเฟ่ชอบทานของหวานแบบเราจึงไม่พลาดที่จะมาลิ้มลองความอร่อยของคาเฟ่แห่งนี้ เราเดินขึ้นบันไดไปบริเวณชั้นสองของตึก จะพบกับผู้คนที่มารอคิวกันอยู่ก่อนหน้า โดยเราต้องเดินไปแจ้งคิวกับพนักงานแล้วจึงไปนั่งรอตามคิวที่บริเวณเก้าอี้หน้าร้าน สักพักพนักงานก็มาเรียกชื่อเราให้เข้าไปได้ สำหรับใครที่มาเป็นกลุ่มอาจจะต้องรอคิวนานนิดหน่อย
บรรยากาศภายในร้านคาเฟ่ Yojiya ภายในร้านตกแต่งด้วยไม้สไตล์ญี่ปุ่นให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นส่วนตัว
จากนั้นจึงทำการสั่งเครื่องดื่มและขนมกันเลย เราสั่งเมนูซิกเนเจอร์ของที่ร้านแห่งนี้ คือ Yojiya Green Tea Cappuchino ชาเขียวร้อนที่โรยผงชาเขียว เป็นภาพของสาวญี่ปุ่นหน้ากลมสัญลักษณ์ของร้าน ราคา 670 เยน
และ Yojiya Original Pancake ราคา 880 เยน
ชาเขียวของที่นี่รสชาติเข้มข้นแต่ไม่ขมมากรสชาติกลมกล่อม ส่วนแพนเค้กร้อนๆเสริฟมาพร้อมกับ Clotted Cream เมเปิลไซรัปและไอศกรีมวนิลลา อร่อยมากๆแนะนำให้ลองสั่ง
นอกจากอาหารและเครื่องดื่มแล้ว ที่ร้านก็ยังมีผลิตภัณฑ์น่ารัก ของที่ระลึกต่างๆ จำหน่ายบริเวณเค้าท์เตอร์ชำระเงินอีกด้วย
สินค้ากระจุกกระจิกเหมาะสำหรับคุณผู้หญิง
Yojiya Cafe สาขาGion
ที่อยู่:266 Gionmachi Kitagawa, Higashiyama Ward, Kyoto, Kyoto Prefecture
เวลาทำการ:10:00 – 20:00 น.
วันหยุด:เปิดทุกวัน
วิธีการเดินทาง:เดินประมาณ 5 นาทีจาก สถานี Gion Shijo สาย Keihan ทางออกหมายเลข 7 หรือ เดินประมาณ 10 นาทีจาก สถานี Kawaramachi สาย Hankyu ทางออกหมายเลข 1
จากนั้นเดินต่อไปที่หัวถนนจะพบกับสามแยกขนาดใหญ่ ด้านหน้าของเราคือทางเข้าศาลเจ้ายะซะกะ (Yasaka Shrine) สีแดงสดสัญลักษณ์ของย่านกิออน หรือที่รู้จักกันในชื่อของศาลเจ้ากิออน เป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น มีอายุมากกว่า 1350 ปี
เมื่อเดินเข้ามาด้านในจะพบกับศาลาที่มีโคมไฟมากมายแขวนเรียงรายอยู่ ในช่วงเย็นๆถึงค่ำจะมีการเปิดไฟที่โคม โดยโคมไฟแต่ละอันนั้นจะมาจากการบริจาคของร้านค้าต่างๆในเกียวโต และศาลเจ้ายาซากะแห่งนี้มีชื่อเสียงอย่างมากในการจัดงานเทศกาลเฉลิมฉลองกิออนมัทสึริ (Gion Matsuri) ในช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกปี จะมีขบวนแห่เกี้ยวขนาดใหญ่ไปตามถนนในย่านกิออนเพื่อบูชาเทพเจ้าในลัทธิชินโต
ศาลเจ้ายะซะกะ (Yasaka Shrine)
ค่าเข้าชม: เข้าชมฟรี
เวลาทำการ:
เปิด
24 ชม
.
วันหยุด:
เปิดทุกวัน
วิธีการเดินทาง
:
เดินประมาณ
5 นาที จากป้ายรถบัส
Gion (รถบัสสาย
100, 206) หรือเดินประมาณ
10 นาที จากสถานี
Gion Shijo โดยรถไฟสาย
Hankyu
หลังจากเดินชมศาลเจ้ากันเป็นที่เรียบร้อยเราเดินข้ามถนนกลับมาอีกฝั่งเพื่อที่จะเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์คันจิ หรือ Japan Kanji Museum & Library ที่เพิ่งจะเปิดใหม่สดๆร้อนๆเมื่อเดือนมิถุนายน
2016 ที่ผ่านมา
ที่นี่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ช่วยเสริมสร้างความรู้ให้กับเด็กๆและผู้ที่กำลังเรียนรู้ภาษาญี่ปุ่น ซึ่งต้องมีตัวอักษรคันจิมาเป็นส่วนหนึ่งของการเรียน ความพิเศษของ “พิพิธภัณฑ์คันจิ” คือ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและเกมต่าง ๆ เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศการเรียนรู้อย่างสนุกสนานโดยเด็ก ๆ ไม่เพียงจดจำอักษรคันจิได้และยังเข้าใจที่มาของตัวอักษรด้วย
ขอขอบคุณภาพจาก http://www.kanjimuseum.kyoto/
ด้านหน้าทางเข้าของพิพิธภัณฑ์ยังเป็นที่ตั้งของห้องจัดแสดงประวัติความเป็นมาของเทศกาลกิออนมัทสึริ
(Gion Matsuri) พร้อมด้วยเกี้ยวขนาดใหญ่ของจริงที่ใช้ในงานเทศกาล นอกจากนั้นยังมีมุมจำหน่ายของที่ระลึกและคาเฟ่สำหรับนั่งพักทานกาแฟอีกด้วย
เกี้ยวขนาดใหญ่ของจริงที่ใช้ในงานเทศกาลกิออนมัทสึริ (Gion Matsuri)
พิพิธภัณฑ์คันจิ
Japan Kanji Museum & Library
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่
800 เยน
/ นักเรียนมัธยมศึกษา – มหาวิทยาลัย
500 เยน
/ นักเรียนประถมศึกษา
300 เยน
เวลาทำการ: 0
9.30-17.00 น
. (เข้าชมก่อน
16.30 น
.)
วันหยุด:
ทุกวันจันทร์
วิธีการเดินทาง
:
เดินประมาณ 10
นาทีจากป้ายรถบัส
Gion (รถบัสสาย
100, 206) หรือ เดินประมาณ
10 นาที จากสถานี
Gion Shijo โดยรถไฟสาย
Hankyu
เว็บไซต์
(ภาษาญี่ปุ่น
):
Kanji Museum Kyoto
ออกมาจากพิพิธภัณฑ์เดินไปตามถนน
Shiji-Dori ที่จะมุ่งหน้าไปทางสะพานข้ามแม่น้ำคาโมะ เราแวะชิมซอฟท์เสริฟชาเขียวแบบเข้มข้นที่ร้าน
Kyosendo ร้านขนมญี่ปุ่นโบราณที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่มากว่า 80 ปี
รสชาติเข้มข้น
ราคา
420 เยน
เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบรสหวานมาก กลิ่นและรสชาติของชาเขียวนั้นมาแบบเต็มๆ แนะนำว่าเมื่อซื้อแล้วให้เข้ามานั่งทานที่ด้านในร้านจะมีที่นั่งสำหรับให้นั่ง ด้านในร้านมีขนมโบราณต่างๆจำหน่าย เหมาะสำหรับซื้อเป็นของฝาก
ร้านขนมโบราณ Kyosendo Gion (main branch)
เวลาทำการ: 10.00-20.00 น
.
วันหยุด:
เปิดทุกวัน
วิธีการเดินทาง
:
เดินประมาณ 15
นาทีจากป้ายรถบัส
Gion (รถบัสสาย
100, 206) หรือ เดินประมาณ
10 นาที จากสถานี
Gion Shijo โดยรถไฟสาย
Hankyu
หลังจากลิ้มรสซอฟท์เสริฟชาเขียวเข้มข้นเป็นที่เรียบร้อย เราเดินเข้าสู่ถนน
Hanamikoji ย่านที่มีชื่อเสียงเรื่อง
เกอิชา
(Geisha)
มากที่สุดในเกียวโต ถ้าโชคดีเราจะพบเห็นเหล่าบรรดาเกอิชาและไมโกะ
(เกอิชาฝึกหัด
) คลุมร่มเดินไปมาอยู่แถวนี้ เนื่องจากบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยร้านอาหารที่ราคาแพงระยับ โดยส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดจะเป็นร้านในสไตล์เกียวโตแบบดั้งเดิมที่เสริฟอาหารเป็นเซทที่เรียกว่า
Kaiseki Ryori
ร้านค้าและบ้านเรือนในย่านนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะเป็นของตัวเองเรียกว่ากว่าสไตล์มะชิยะ
(Machiya) ที่ยังคงสภาพแบบดั้งเดิมเป็นอาคารไม้แบบสมัยก่อนแต่ได้รับการรีโนเวทใหม่ โดยบ้านแต่ละหลังส่วนใหญ่มักจะมีหน้าแคบเนื่องจากในสมัยก่อนมีการเรียกเก็บภาษีตามความกว้างของตัวบ้านที่ติดกับถนน จึงทำให้บ้านเรือนในสมัยนั้นจึงกว้างเพียง
5-6 เมตรแต่สร้างได้ลึกเข้าไปได้ถึง
20 เมตร
อีกหนึ่งสิ่งที่จะพบเห็นได้ทั่วไปคือภาพบรรดาหญิงสาวที่เช่าชุดกิโมโนมาเดินใส่ให้เข้ากับบรรยากาศของเมืองเกียวโต
หลังออกมาจากย่านถนน
Hanamikoji เราเดินย้อนกลับไปเรื่อยๆจนถึงย่านตรอก
Pontocho ย่านเดินเล่นแสนชิลริมแม่น้ำคาโมะ ตรอก
Pontocho มีลักษณะเป็นตรอกแคบๆสร้างขนานไปกับแม่น้ำคาโมะ ด้านในเต็มไปด้วยร้านอาหาร ผับ บาร์และอาหารพื้นเมืองชื่อดังเช่นปิ้งย่างเจ้าดังที่ปักหลักขายกันมาเป็นเวลานาน
ร้านอาหารทางด้านขวาของตรอกจะมีส่วนระเบียงยื่นไปติดกับริมแม่น้ำ นักท่องเที่ยวจึงนิยมมารับประทานอาหารเย็นพร้อมนั่งชิลรับลมเย็นๆกันบริเวณระเบียงของร้าน โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน ช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายน ร้านต่างๆจะเปิดให้บริการระเบียงด้านนอกเพื่อใช้เป็นที่นั่งรับประทานอาหารแบบ
Open Air หรือที่เรียกกันว่า “
Kawayuka” เป็นที่นิยมอย่างมากโดยเฉพาะในคืนวันสุดสัปดาห์ แนะนำว่าใครที่ไปในช่วงวันหยุดควรจองโต๊ะล่วงหน้าก่อน ไม่อย่างนั้นอาจจะพลาดได้นั่งทานอาหารพร้อมชมวิวโรแมนติกริมแม่น้ำคาโมะ
เราเดินกันไปจนสุดตรอก
Pontocho จะพบกับสะพานข้ามแม่น้ำคาโมะอีกแห่งหนึ่งบริเวณสะพาน
Sanjo สำหรับใครที่อยากนั่งชิลๆชมนกชมไม้ริมแม่น้ำแต่งบน้อย เราขอแนะนำ
"ร้านกาแฟสตาร์บัคส์
" สาขา
Sanjo-Ohashi ที่โดดเด่นด้วยทำเลเหมาะกับการนั่งผ่อนคลายในวันที่อากาศดี มีระเบียงด้านนอกไว้สำหรับจิบกาแฟ เคล้าบรรยากาศริมแม่น้ำ
Kamogawa
เป็นอีกสถานที่ที่สามารถเดินทางมาได้ง่าย จากใจกลางเมืองย่าน
Kawaramachi และ
Gion พักความเมื่อยล้าหลังจากที่เดินเที่ยวเกียวโตมาทั้งวัน สำหรับใครที่อยากจะนั่งด้านนอกต้องรอคิวกันซักหน่อย แนะนำว่าให้มาวันธรรมดาคนจะไม่ค่อยเยอะมาก
บรรยากาศด้านนอกระเบียงร้านกาแฟสตาร์บัคส์คราคร่ำไปด้วยผู้คนมานังชิลจิบกาแฟ
สายคาเฟ่ของหวานจึงไม่ยอมพลาดขนมหวานออกใหม่อย่าง
Peach Earlgray Tart หน้าตาน่ากินมาก ราคาชิ้นละ
440 เยน รสชาติไม่หวานมาก ฉ่ำด้วยเนื้อลูกพีชสด พร้อมกลิ่นชาเอิร์ลเกรย์เข้ากันมากๆ
ร้าน
Starbucks สาขา
Sanjo-Ohashi
เวลาทำการ: 08.00 – 23.00 น
.
วันหยุด:
เปิดทุกวัน
วิธีการเดินทาง
:
นั่งรถใต้ดิน สาย
Keihan Main/Nakanoshima ลงที่สถานี
Sanjo
หรือสามารถเดินมาได้จาก Kawaramachi และ
Gion
ข้างๆร้านกาแฟสตาร์บัคส์เป็นร้านขายขนมญี่ปุ่นโบราณและร้านขายไม้กวาดแฮนด์เมดชื่อดังที่มีอายุมากกว่า
300 ปี
ช่วงบ่ายๆ พระอาทิตย์เริ่มตก อากาศเริ่มเย็นลง เราเลือกที่จะลงไปเดินชมบรรยากาศบริเวณริมแม่น้ำคาโมะ บรรยากาศแถบนี้มีเสน่ห์และน่ารักมากๆ ผู้คนต่างมานั่งคุยเล่น ครอบครัวพากันมาปิกนิคนั่งรับประทานอาหาร ทอดอารมณ์ไปกับสายน้ำ ในช่วงวันหยุดมักจะมีนักร้องเปิดหมวกมาทำการแสดงดนตรีให้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาชม
จากนั้นเราเดินไปช้อปปิ้งกันต่อที่ย่านช้อปปิ้ง Kawaramachi บริเวณถนน Shijo-Dori ถนนเส้นนี้ถือเป็นถนนสายหลักของเกียวโตที่มีความคึกคักและเนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศ
ย่านนี้จะเต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้า อาทิเช่น Daimaru, Takashimaya และ Fujii Daimaru ร้านค้า ร้านอาหาร ยาและเครื่องสำอางค์ แม้แต่ร้านขายกิโมโนที่จะเห็นสาวๆนักท่องเที่ยวเดินใส่ถ่ายรูปกันไปทั่วทั้งเกียวโต เรียกว่ามาที่นี่ที่เดียวได้ครบทุกสิ่งอย่างแน่นอน
นอกจากถนน Shijo-Dori จะเป็นถนนสายช้อปปิ้งที่สำคัญของเกียวโตแล้วยังเป็นสถานที่จัดงานเทศกาลแห่เกี้ยวโคมไฟกิออนมัทสึริ (Gion Matsuri) สุดยิ่งใหญ่ประจำปีอีกด้วย
หลังจากเดินช้อปปิ้งกันจนเย็นก็ได้เวลาทานอาหารเย็น เย็นนี้เราเลือกที่จะไปนั่งรับประทานอาหารกันบริเวณตรอก Pontocho เพื่อที่จะได้ชมวิวแม่น้ำพร้อมเอนจอยไปกับมื้ออาหาร
เนื่องจากเราไม่ได้ทำการจองมาล่วงหน้า กว่าจะหาร้านนั่งได้ก็เดินถามคิวกันจนเมื่อย เผอิญว่าเรามาคนเดียวจึงสามารถหาที่นั่งได้ไม่ยาก เห็นร้านนี้มีเมนูน่าสนใจบวกกับคิวไม่เยอะมากจึงรีบพุ่งตัวเข้าไปกันที่ร้าน Iwayaki Pontocho Kotoshi เป็นร้านอาหารที่รีโนเวทมาจากบ้านของพ่อค้าเก่าที่มีอายุมากว่า 100 ปี เสริฟเป็นเซทและมีเมนูภาษาอังกฤษด้วย
นักท่องเที่ยวมากมายต่างเดินทางมารับประทานอาหารเย็นพร้อมกับชมวิวกับบรรยากาศสวยๆริมแม่น้ำคาโมะ
เซทที่เราเลือกเป็นอาหารชุด ประกอบไปด้วย เต้าหู้สดที่ร้านนี้ทำเอง, อาหารพิเศษประจำวัน, ซาชิมิปลาดิบ, ปลาย่างพร้อมข้าวสวย ราคา 2,340 เยน ส่วนใครที่จะนั่งด้านนอกร้านส่วนใหญ่บริเวณนี้จะคิดค่าบริการพิเศษ ร้านที่เรานั่งนี้คิดเพิ่ม 500 เยนจากราคาอาหาร สำหรับรสชาติอาหารของร้านนี้ อร่อย โดยเฉพาะเต้าหู้โฮมเมด กลมกล่อมมากๆ
ร้าน Iwayaki Pontocho Kotoshi
ที่อยู่: 163 Matsumotocho 4 chome, Shijoagaru, Pontochodori, Nakagyo-ku, Kyoto-shi, Kyoto, 604-8013
เบอร์ติดต่อ: 075-252-5003 (+81-75-252-5003)
เวลาทำการ: วันจันทร์ – ศุกร์ (ช่วงมื้อเที่ยง) 11.30 – 15.00 น. (สังอาหารก่อน 14.00 น.)
วันจันทร์ – ศุกร์ (ช่วงมื้อเย็น) 11.30 – 15.00 น. (สังอาหารก่อน 23.00 น.)
วันเสาร์ – อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 11.30 – 15.00 น. (สังอาหารก่อน 14.30 น.)
วิธีการเดินทาง
:
เดินประมาณ
5 นาทีจาก สถานี
Gion Shijo สาย
Keihan หรือ
เดินประมาณ
4 นาทีจาก สถานี
Kawaramachi สาย
Hankyu ทางออกหมายเลข
1
สำหรับใครที่มีเวลาน้อย อยากจะลองมาสัมผัสกับเกียวโตในอีกรูปแบบหนึ่งนอกจากการที่จะไปเที่ยวตามวัด ศาลเจ้าชื่อดัง เดินทางสะดวกสบาย เราเชื่อว่าเพียงย่านนี้ย่านเดียวที่เราได้แนะนำกันไปจะทำให้คุณหลงรักเกียวโตจนต้องอยากจะมาเยือนเมืองแห่งนี้อีกสักครั้งอย่างแน่นอน