Kumamoto: ชมความยิ่งใหญ่ของปราสาทคุมาโมโตะกับซากุระ

หนึ่งในปราสาทที่ไม่ได้เพียงแค่สวยงามที่สุดแต่ยังแข็งแกร่งที่สุดและมีจุดยุทธศาสตร์ที่ล้ำเลิศสามารถปกป้องจากข้าศึกรุกรานได้ ต้องยกให้ปราสาทแห่งนี้ Kumamoto Castle  熊本城 สำหรับใครที่มาเที่ยวคิวชู แนะนำว่าต้องมาเที่ยวที่ปราสาทแห่งนี้สักครั้ง ถึงแม้ปราสาทบางส่วนจะสร้างขึ้นมาใหม่ แต่ยังคงมีอาคารหลังเก่าที่ยังคงอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ อายุรวมกว่า 400 ปีแล้ว ปราสาทคุมาโมโตะ ตั้งอยู่ในจังหวัด Kumamoto  ตอนกลางของภูมิภาคคิวชู สามารถเดินทางมาได้ทั้งจากจังหวัดที่อยู่รอบๆไม่ว่าจะเป็น Fukuoka, Nagasaki และ Oita

วิธีการเดินทางเข้าเมือง (จาก Fukuoka) นั่ง Shinakansen Sakura จากสถานี Hakata ลงที่สถานี Kumamoto ใช้เวลา 38 นาที (เมื่อถึงสถานีฝั่งชิงคันเซนจะเป็นสถานีใหม่ ส่วนฝั่งตรงข้ามด้านหลังจะเป็นสถานีเก่าแก่ดั้งเดิม)

วิธีการเดินทางไปปราสาท ตั้งต้นสถานี Kumamoto ซื้อตั๋ววันสำหรับขึ้นรถราง Waku Waku 1 Day Pass ราคา 500 เยน สามารถเที่ยวได้ทั้งวันทั้งเมืองด้วยรถโดยสารทุกชนิด ป้ายแรกให้เริ่มขึ้นที่ด้านหน้าสถานีที่ป้าย Kumomoto-eki mae  ใช้เวลาเดินทางเพียง 10 นาที ด้วยรถบัส Kumamoto Castle Loop Bus ให้ลงที่ป้าย Kumamoto-jo mae รถจะจอดที่ฝั่งตรงข้าม ให้เดินตามป้ายบอกทางหรือฝูงชนก็จะไม่มีหลงแน่นอน

วันนี้เป็นวันแรกที่ดอกซากุระเริ่มบานให้เห็นกันแล้ว และจุดที่ชมซากุระได้สวยที่สุดของเมืองก็คือที่ปราสาทคุมะโมะโตะนั่นเองครับ

Kumamoto Castle 熊本城 สร้างขึ้นราวครั้งแรกในปี 1467 แต่ได้มีการต่อเติมในปี 1601 ขึ้นชื่อว่าเป็นปราสาทที่แข็งแกร่งที่สุดในญี่ปุ่น ออกแบบโดยท่าน Kato Kiyomasa ผู้ที่ชำนาญในการรบเป็นอย่างดี โดยได้ออกแบบชั้นเชิงของอาคารที่ใช้ล่อลวงหรือป้องกันข้าศึกได้อย่างไม่เหมือนปราสาทที่ไหน ใช้เวลาถึง 7 ปี ในการก่อสร้าง ตัวปราสาทมีอาคาร 2 หลังที่มี 6 ชั้นและ 4 ชั้นตามลำดับ แต่ต่อมาในปี 1857 เกิดเหตุการ์ณกบฏ Satsuma ปราสาทได้ถูกล้อมไว้ถึง 53 วัน และสุดท้ายก็ถูกเผาทำลายลงในที่สุด และได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่อีกครั้งในปี 1960 และได้รับการขนานนามว่าเป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่สวยงามที่สุดในญี่ปุ่น

ในบริเวณปราสาท จุดที่น่าสนใจ จะเป็นอุโมงค์ชั้นใต้ดิน Kuragari Tsuro ที่ในอดีตเอาความมืดภายในอุโมงค์ไว้ใช้ล่อลวงข้าศึก เป็นจุดเด่นทางยุทธศาสตร์ของ ปราสาทแห่งนี้ ตัวอาคารด้านในเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดง ความเป็นมาของปราสาทไว้อย่างละเอียด และ Honmaru Goten Palace ที่ตกแต่งห้องด้วยภาพวาดวิจิตร และ ประดับด้วยทองคำอร่ามทั้งห้อง สง่างามมาก สร้างขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 400 ปี และเพิ่งเปิดให้บุคคลภายนอกเข้าชมได้เมื่อปี 2008 ที่ผ่านมานี้เอง

ชั้นบนสุดเป็นจุดชมวิวของเมืองที่ดีที่สุด เพราะตัวปราสาทเองก็ตั้งอยู่บนเขาอยู่แล้ว ทำไมมองเห็นเมืองได้ในระยะไกล

กำแพงหินรอบๆบริเวณปราสาทนั้นเป็นของดั้งเดิม และหนึ่งในอาคารที่เก่าแก่ที่สุด หอคอย Uto ที่รอดพ้นจากการถูกเผาในปี 1877 ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าชมไม่แพ้กัน ด้วยภายในอาคารที่ยังคงสภาพเดิมไว้ ให้บรรยากาศที่ขึงขังและยังคงมีกลิ่นอายของนักรบในสมัยหลงเหลืออยู่อย่างน่าอัศจรรย์ สามารถขึ้นไปจนถึงด้านบนสุดเพื่อ ชมวิวบนยอดหอคอยได้ และต้องฝากรองเท้าเอาไว้ที่ด้านหน้าทางเข้า

ใกล้ๆกับโซนปราสาท จะมีสวน Sannomaru ที่สามารถเดินตัดออกไปอีกเส้นทางหนึ่ง ถ้ามาในช่วงซากุระแบบนี้ ที่สวนแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งจุดที่ผู้คนจะแห่กันมานั่งล้อมวงเฮฮาใต้กลีบซากุระสีชมพูอ่อน เป็นความสุขประจำปีที่ไม่ว่าใครก็อยากจะกลับ มาลิ้มลองทุกครั้งไป ขนาดต้นซากุระยังบานไม่ครบทุกต้น ก็เริ่มมีคนมาจับจองที่นั่งปิคนิคกันสนุกสนานแล้ว

อีกที่ที่ไม่ควรพลาดคือ Hosogawa Gyobutei เป็นอดีตที่พำนักของตระกูล Hosogawa ที่ดำรงตำแหน่งฐานะไดเมียวปกครองเมือง ในสมัยเอะโดะ บรรยากาศบ้านไม้ ที่วกวนไปด้วยห้องเล็กห้องน้อย มีความซับซ้อนในแบบที่เดินวนกันจนหลง การตกแต่งดูเหมือนตั้งใจไว้ในสภาพเดิม ไม่ได้มีการปรุงแต่งเพิ่มเกินงาม ยังคงความรู้สึก บ้านแบบโบราณ ให้อารมณ์เข้าถึงที่พำนักของท่านเจ้าเมืองในอดีตได้อย่างสมจริงที่สุด ค่าเข้าชมแบบรวมส่วนของปราสาทและที่พำนัก ราคา 640 เยน สามารถเลือก ซื้อแบบรวมหรือแบบแยกได้ตามสะดวก

castleJRKumamotoKyushuSakuraShinkansenคิวชูคุมาโมโต้ซากุระญี่ปุ่นเที่ยวญี่ปุ่น