หาวันว่างจากโอซาก้า ขึ้นรถไฟมาเที่ยวที่เมืองโกเบ ครั้งนี้มีเป้าหมายหลักคือมาเดิน ย่านคิตะโนะอิจินคัง (Kitano Ijinkan) เขตเมืองเก่าสไตล์ตะวันตกที่อนุรักษ์ไว้อย่างดี และที่สำคัญมีอาคารบ้านพัก อายุกว่าร้อยปี ถูกบูรณะใหม่ให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง กลายเป็นสตาร์บัคส์สาขาที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นไปโดยปริยาย
การเดินทาง จากสถานี Osaka ขึ้นรถไฟ JR สาย Kobe ขบวนด่วนพิเศษ ลงที่สถานี Sannomiya ใช้เวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นให้ใช้ทางออก Sannomiya central gate
เดินตรงขึ้นมาเรื่อยๆ ประมาณ 10-15 นาทีก็จะเจอกับ Kitano-zaka เนินทางขึ้นไปยังเขตคิตะโนะ
ระหว่างทางก่อนเข้าเขตอาคารเก่าแก่ทั้งหลาย ให้สังเกตุทางซ้ายมือ ก็จะพบกับ Starbucks Coffee Kitano Ijinkan
อาคารทรงโคโลเนียลหลังนี้มีชื่อว่า คิตะโนะโมโนกะตะริคัง (Kitano Monogatari-kan) สร้างขึ้นครั้งแรกในปีค.ศ.1907 อาคารไม้สองชั้น สีขาว มีระเบียงบนชั้นสองตรงกับทางเข้าหลัก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอาคารสไตล์นี้
ในอดีตอาคารหลังนี้เคยตั้งอยู่ที่เขต Kitano 1-chome ก่อนที่จะเสียหายอย่างหนักจากเหตุการ์ณแผ่นดินไหวฮันชินครั้งใหญ่เมื่อปีค.ศ.1995 และได้ถูกนำซากปรักหักพังมาบูรณะบนที่ตั้งปัจจุบัน โดยยึดแบบโครงสร้างเดิม ใช้วัสดุก่อสร้างใหม่ พร้อมเทคโนโลยีที่ทนทานต่อแรงสั่นของแผ่นดินไหวได้ ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมเรียบร้อย และได้กลายมาเป็น Starbucks Coffee Kitano Injinkan สาขาสุดวิเศษแห่งนี้
เวลาทำการ: 8.00-22.00 น. (ที่ตั้ง)
เมื่อเข้ามาด้านในจะพบกับห้องโถงกลางโออ่า ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และโคมไฟ ให้บรรยากาศย้อนยุค
ห้องติดกันมีทางเชื่อมถึงไปยังเคาน์เตอร์สั่งเครื่องดื่ม ซึ่งเป็นเมนูทั่วไป และ เมนูพิเศษประจำฤดูกาล
สินค้าที่ระลึกประจำเมืองโกเบ (คลิกดูรายละเอียด)
Starbucks You Are Here Collection เวอร์ชั่นล่าสุดก็มีขายนะ (คลิกดูรายละเอียด)
ช่วงที่เราเดินทางไป เมนูพีชกำลังมาแรงมากๆ
หลังจากพักผ่อนหายเหนื่อยแล้ว ก็เดินขึ้นเนิน มาต่อกันที่ ย่านคิตะโนะอิจินคัง (Kitano Ijinkan)
ย่านนี้เป็นย่านเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 150 ปี ในอดีตเคยเป็นย่านพักอาศัยของชาวต่างชาติที่เดินทางมาค้าขาย ทำธุรกิจในเมืองโกเบตั้งแต่สมัยเมจิที่ญี่ปุ่นเปิดประเทศทำการค้าขายกับชาวต่างชาติ ซึ่งท่าเรือโกเบนี้เอง เป็นจุดแรกที่ได้รับอนุญาตให้ทำการค้า โดยภายในจะมีอาคารเก่าแก่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชม โดยเราสามารถเลือกซื้อตั๋วชุดได้ที่บริเวณจุดให้ข้อมูลท่องเที่ยว
ระหว่างทางก็จะพบกับร้านคาเฟ่ ร้านขนม ร้านซอฟครีม เยอะแยะมากมาย
ถึงแม้ว่าบริเวณนี้จะได้รับผลกระทบจากสงครามและแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้อาคารบ้านเรือนต่างๆเสียหายไปหลายหลัง แต่ในปัจจุบันบริเวณนี้ยังคงมีบ้านเรือนและคฤหาสน์หลังงามในสไตล์ตะวันตกหลงเหลือให้ได้ชมอยู่ จะเห็นได้จากสัญลักษณ์รูปไก่กังหันลมบนหลังคา (Weather Cock House)
โดยจุดหลักๆ จะเป็น Moegi House บ้านที่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์คฤหาสน์ให้เข้าชม อาคารสีเขียวอ่อน ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อเป็นเรือนรับรองของกงสุลใหญ่อเมริกาในปี ค.ศ. 1903
และยังมี Teddy Bear Museum หรือจะเดินชมสวนสมุนไพร Nunobiki Herb Garden ก็เพลิดเพลินไปอีกแบบ นอกจากบ้านและคฤหาสน์เก่าแก่แล้ว ก็มีจะร้านกาแฟ เบเกอรี่ ที่ตกแต่งน่ารักๆอยู่ในย่านนี้อีกหลายร้านให้ได้นั่งพัก ดื่มกาแฟพร้อมชมบรรยากาศสบายๆ
แนะนำให้แวะมาขอพรกันที่ ศาลเจ้าคิตะโนะเทนมัง (Kitano Tenman Shrine)
ศาลเจ้าชินโตแห่งนี้ เป็นศาลเจ้าที่มีความสำคัญแห่งหนึ่งของเมืองโกเบ ตั้งอยู่บนเนินเขานี้มาตั้งแต่ปีค.ศ.1180 ภายหลังมีการสร้างวิหารหลักเพิ่มเติม แต่ยังคงสภาพเดิมไว้ได้ ไม่เสียหายไปจากเหตุการ์ณหนักๆอย่าง สงครามโลกครั้งที่ 2 และ แผ่นดินไหวฮันชิน จึงเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวเมืองมากๆ โดยเฉพาะการมาขอพรกับเทพเจ้าแห่งการศึกษา (Sugawara-no-Michizane)
ตรงบริเวณทางเข้า หลังจากชำระล้างมือและบ้วนปากให้สะอาดแล้ว อย่าลืมราดน้ำลงบนตัวปลาโค่ยที่เชื่อว่า จะช่วยให้คำอธิษฐานเป็นจริง (Kanai-koi)
เมื่อขึ้นมาด้านบนก็จะได้ชมวิวเมืองในมุมสูงด้วย
ฝาท่อเมืองโกเบ
หลังจากนั้นให้เดินตามเส้นทาง ก็จะเป็นพิพิธภัณฑ์ของอาคารทรงยุโรปมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เนเธอร์แลนด์, เดนมาร์ค, ออสเตรีย
เดินช่วงหน้าร้อน ก็จะมีสีสันสวยๆแบบนี้ตามทางเดิน
ขากลับเราเลือกเดินย้อนกลับเส้นทางเดิม มุ่งหน้าไปทาง โมโตมะจิ (Motomachi) เดินช้อปปิ้งกัน
ทริปคันไซครั้งนี้ ทีมงานเราใช้พ็อกเก็ตไวไฟของ Tripizee เช่นเคย อึดทนแรงตัวจริง ไม่ว่าจะไปไหน สัญญาณยังเต็มเปี่ยม เล่นได้ไม่มีสะดุด ใช้เองแล้วดีก็เลยเชียร์ แถมราคาไม่แพงด้วย จองเลย >> ที่นี่
เดินต่อมาไม่ไกลก็พบกับย่านการค้าใจกลางเมือง
ถนน Ikuta Road ที่รวบรวมร้านเนื้อย่างอร่อยๆเอาไว้มากมาย
Shopping Arcade ที่มีทุกแบรนด์ให้เลือกสรรเลือกช้อปอย่างจุใจ
ห้างไดมารู ที่เรียกว่าหรูสุดในย่านนี้ เพราะมีแต่แบรนด์ไฮเอนด์เพียบ
และยังรายล้อมไปด้วย เเบรนด์ดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Gucci, Hermes, Dior, Issey Miyake
เดินช็อปปิ้งกันเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาขึ้นรถไฟกลับโอซาก้า ด้วยพาสรถไฟสุดคุ้มจาก JR West (คลิกดูรายละเอียด)