หลังจากพายุไต้ฝุ่นฮากิบิส ลูกใหญ่พัดผ่านไปช่วงเดือนตุลาคม 2019 หลายพื้นที่ในเขตคันโตได้รับผลกระทบ ซึ่งรวมถึงพื้นที่บริเวณอุทยานแห่งชาติฮาโกเนะด้วยเช่นกัน แต่เจ้าหน้าที่บอกกับเราว่า พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบกำลังได้รับการฟื้นฟูให้กลับมามีสภาพดีดังเดิม
และล่าสุดเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา พวกเราทีมงานเดินทางมาให้เห็นด้วยตัวเอง เพื่อที่จะได้นำข้อมูลอัพเดทล่าสุดมาแจ้งให้ทราบโดยทั่วกันว่า ตอนนี้สามารถเดินทางมาเที่ยวฮาโกเนะได้อย่างสบายใจแล้ว ต้องขอขอบคุณการจัดการของบริษัทโอดะคิวที่ดูแลอำนวยความสะดวกการเดินทางที่นำมาทดแทนภายในอุทยานทุกอย่างได้อย่างดีเยี่ยม
ฮาโกเนะ (Hakone) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อของประเทศญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอันงดงามแตกต่างกันไปตามแต่ละฤดูกาล อีกทั้งยังมีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันยาวนาน เราสามารถใช้เวลาเพียงแค่ 1 วันเที่ยวเพิ่มเก็บเกี่ยวประสบการณ์ใหม่ๆ หรือหากใครที่มีเวลามากหน่อย อยากจะท่องเที่ยวแบบสบายๆ ไม่เร่งรีบ พักหลับนอนค้างคืนซักคืนสองคืน แช่ออนเซ็นคลายความปวดเมื่อย ได้ทานอาหารอร่อยๆแบบไคเซกิแท้ๆซักมื้อคงจะดีไม่น้อย
ฮาโกเนะ ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงโตเกียวห่างออกมาราว 100 กิโลเมตร อยู่ใน จังหวัดคะนะกะวะ (Kanagawa) นอกจากความสวยของเมืองแห่งนี้แล้ว ที่นี่ยังมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ อีกทั้งยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจให้นักท่องเที่ยวได้ทำแก้เบื่ออีกมากมาย
เราเริ่มเดินทางกันจากสถานี Shinjuku ในโตเกียว โดยใช้ตั๋วท่องเที่ยวสุดประหยัด Hakone Free Pass จากบริษัทการเดินรถไฟโอดะคิว (Odakyu) สำหรับครั้งนี้เราเลือกซื้อพาสแบบ 3 วัน ในราคา 6,100 เยน
ออกเดินทางจากสถานี Shinjuku กันแบบสบายๆไม่ต้องแวะเปลี่ยนขบวน และเราจะมุ่งหน้าไปฮาโกเนะกันเลยด้วยรถไฟด่วนขบวน Romancer Car ของบริษัทรถไฟ Odakyu ขึ้นจากสถานี Shinjuku ฝั่งทางออกด้านทิศตะวันตก ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 25 นาทีก็จะมาถึงสถานี Hakone-Yumoto
และเราสามารถทำการจองที่นั่งในขบวนรถไฟ Romance Car ตั้งแต่อยู่ที่ไทยได้อีกด้วย ผ่านทางเว็บไซต์ E-Romance Car Online Seat Booking
โดยการเดินทางในครั้งนี้ตลอดทั้งทริป เราใช้ “Hakone Free Pass” ในการเดินทางที่ครอบคลุมการเดินทางทั้งไปและกลับ ซึ่งพาสนี้ช่วยเราประหยัดการเดินทางได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น
- ค่ารถไฟทั้งไปและกลับ จากชินจูกุ
- รถด่วนสายโอดะคิวฮาโกเนะ (รถไฟด่วนขบวน Romancer Car ต้องจ่ายเงินเพิ่ม)
- รถไฟสายฮาโกเนะโทซัง
- ค่ารถบัสประจำทางสายฮาโกเนะโทซัง
- ค่ากระเช้าลอยฟ้าสายฮาโกเนะ
- รถรางเคเบิลคาร์สายฮาโกเนะโทซัง
- เรือทัศนาจรชมทะเลสาบฮาโกเนะ
อีกทั้ง Hakone Freepass ยังใช้เป็นส่วนลดและรับสิทธิพิเศษมากมายกว่า 50 แห่งรอบฮาโกเน่ โดยแบ่งเป็น 2 ชนิด คือตั๋วประเภท 2 และ 3 วัน สามารถเลือกเดินทางได้จากสถานี Shinjuku หรือสถานี Odawara หาซื้อได้ตามสถานีรถไฟสายโอดะคิวทุกสาขา
หมายเหตุ
• ค่าบริการนี้เป็นเพียงตัวอย่าง ค่าบริการรถไฟสายโอดะคิวจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสถานีที่ออกเดินทาง ในกรณีที่ต้องการออกเดินทางจากสถานีอื่นนอกเหนือจากด้านบน กรุณาสอบถามค่าบริการกับพนักงานที่สถานี
• กรณีต้องการใช้รถไฟ Romance Car ต้องซื้อบัตรโดยสารรถด่วนพิเศษต่างหาก
• บัตรโดยสารรถด่วนพิเศษเที่ยวเดียว จาก Shinjuku ถึง Hakone-Yumoto ราคา 1,110 เยน
• บัตรโดยสารรถด่วนพิเศษเที่ยวเดียว จาก Machida ถึง Hakone-Yumoto ราคา 830 เยน
• * ราคาเด็ก สำหรับเด็กอายุ 6-11 ปี
แผนที่การเดินทางที่สามารถใช้ Hakone Freepass ได้
เพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นด้วยบริการจองที่นั่งบนรถไฟแบบออนไลน์ ทำให้มั่นใจว่าเราจะมีที่นั่งแน่นอนบนรถไฟขบวนรอบที่เราต้องการเดินทาง สำหรับผู้ที่ต้องการโดยสารรถไฟด่วนขบวน Romancer Car และต้องชำระเงินค่าที่นั่งเพิ่มจากราคาพาส (ราคาขึ้นอยู่กับระยะทาง) ขั้นตอนการจองสามารถอ่านได้ช่วงท้ายของบทความ
ทำการจองทางเว็บไซต์ E-Romance Car Online Seat Booking
ขาไปจากสถานี Shinjuku ขึ้นรถไฟขบวน Romancer Car รุ่น EXE นั่งกันแบบยิงยาวมายังสถานี Hakone-Yumoto
ที่นั่งภายในห้องโดยสาร
บริเวณสถานีรถไฟ Hakone-Yumoto
การเดินทางของเราในรอบนี้ เราต้องการจะเดินทางไปยังบริเวณ โกระ (Gora) โดยปกติแล้วเราจะต้องใช้บริการรถรางเพื่อไปยังสถานี Gora แต่เนื่องด้วยจากผลกระทบของไต้ฝุ่น ทำให้พื้นที่บางส่วนของรางรถไฟไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราว ทำให้ต้องมีการปิดซ่อมแซม เพื่อความปลอดภัย แต่สำหรับใครที่ซื้อพาสไปแล้ว ไม่ต้องกลัวเรื่องการเดินทาง เพราะทางฮาโกเนะได้ส่งรถบัสประจำทาง มาอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว โดยรถบัสจะวิ่งตรงไปจอดใกล้กับพื้นที่ของสถานี Gora
แนะนำ 3 สถานที่ ที่ไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางมาท่องเที่ยวบริเวณสถานี Gora
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งฮาโกเน่ (Hakone Open Air Museum)
พิพิธภัณฑ์ที่มีความพิเศษต่างจากสถานที่ไหนๆ จัดแสดงผลงานไว้กลางแจ้ง ภายในสวนขนาดใหญ่อันร่มรื่น จัดแสดงผลงานของศิลปินร่วมสมัย เช่น โรแดง มัวร์ และปิกัสโซ ในพื้นที่ขนาดใหญ่ ภายในยังมีพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะภายในร่ม คาเฟ่ หากใครที่เหน็ดเหนื่อยกับการเดินเที่ยว สามารถผ่อนคลายด้วยบ่อน้ำร้อนแช่เท้าซึ่งดึงน้ำร้อนมาจากแหล่งน้ำแร่ออนเซ็นโดยตรง ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเมื่อยล้าได้อย่างดี
ข้อมูลเพิ่มเติม
- เวลาทำการ : 9.00 – 17.00 น. (เปิดให้เข้าชมรอบสุดท้ายก่อนเวลา 16.30 น.)
- วันหยุด : เปิดทำการทุกวัน
- การเดินทาง: สถานี Chokoku-no-Mori (รถไฟ Hakone Tozan Railway) เดินประมาณ 2 นาที
- ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 1,600 เยน / นักศึกษามหาลัยและนักเรียนมัธยมปลาย 1,200 เยน / นักเรียนมัธยมต้นและเด็กประถม 800 เยน
- เว็บไซต์: Hakone Open Air Museum
พิพิธภัณฑ์ศิลปะฮาโกเน่ (Hakone Museum of Art)
พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1952 ด้านนอกเป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่น เต็มไปด้วยต้นเมเปิ้ลและสวนมอสสีเขียวสด พร้อมปูด้วยหินเป็นทางเดินไปรอบๆสวน ด้านในเป็นส่วนของพื้นที่จัดแสดงเครื่องปั้นเซรามิคญี่ปุ่น พร้อมร้านน้ำชาสำหรับนั่งชมสวนสวย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวจะเดินทางมาชมในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
ข้อมูลเพิ่มเติม
- เวลาทำการ : 9.30 – 16.00 น. (เปิดให้เข้าชมรอบสุดท้ายก่อนเวลา 16.30 น.)
- วันหยุด : ปิดทุกวันพฤหัสบดี และปิดระหว่างวันที่ 25 ถึง 31 ธ.ค. และช่วงต้นปี
- การเดินทาง: สถานี Koenkami (รถไฟ Hakone Tozan Railway) หรือเดินจากสถานี Gora ประมาณ 10 นาที
- ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 900 เยน / นักศึกษามหาลัยและนักเรียนมัธยมปลาย 400 เยน / นักเรียนมัธยมต้นและเด็กประถม เข้าชมฟรี / ตั๋วทานขนมและน้ำชา 700 เยน
- เว็บไซต์: Hakone Museum of Art
สวนสาธารณะฮาโกเนะโกระ (Hakone Gora Park)
สวนสไตล์ฝรั่งเศสที่มีความเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ปีค.ศ. 1914 จัดแสดงพันธุ์ไม้และดอกไม้หมุนเวียนกันไปตลอดทั้งปี
- เดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน ชมความสวยงามดอกซากุระและดอกอาซาเลีย
- เดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม ตรงกับช่วงชมดอกไฮเดรนเยีย
- เดือนพฤษภาคม-เดือนมิถุนายน และเดือนตุลาคม – เดือนพฤศจิกายน ต้นกุหลาบกว่า 1,000 ต้นรวมกว่า 140 สายพันธุ์จะออกดอกบานสะพรั่งสวยงาม
นอกจากนี้ภายในสวนก็ยังมีคาเฟ่สำหรับผ่อนคลาย ร้านอาหารสไตล์ยุโรปพร้อมชมวิวสวนสาธารณะ อีกทั้งยังมีคราฟท์เฮาส์ที่มีกิจกรรมสัมผัสประสบการณ์ อย่างการเป่าแก้วและทำเครื่องเซรามิกอีกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม
เวลาทำการ : 9.00 – 17.00 น. (เปิดให้เข้าชมรอบสุดท้ายก่อนเวลา 16.30 น.)
วันหยุด : เปิดทำการทุกวัน
การเดินทาง: สถานี Koen-Shimo (รถไฟ Hakone Tozan Railway) หรือเดินจากสถานี Gora ประมาณ 10 นาที
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 550 เยน / นักเรียนประถม เข้าชมฟรี
เว็บไซต์: Hakone Gora Park
ในครั้งนี้เรามีโอกาสเข้าพักกันที่โรงแรม Hakone Yutowa เป็นโรงแรมที่เพิ่งเปิดทำการสดๆร้อนๆไปเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โรงแรมแนวใหม่ที่แบ่งการเข้าพักตามลักษณะการใช้งาน ตกแต่งแบบเรียบหรูในสไตล์ญี่ปุ่นโมเดิร์น แบ่งเป็น 2 อาคารด้วยกันทั้ง คืออาคารฝั่ง East Wing และฝั่ง West Wing
และอีกส่วนหนึ่งคือที่พักสไตล์คอนโดมิเนียม ที่จะมีพื้นที่ใช้สอยมากยิ่งขึ้นพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกไม่ว่าจะเป็นห้องครัวและเครื่องใช้ต่างๆ เหมาะสำหรับครอบครัวและผู้ที่มากันเป็นหมู่คณะ โรงแรมตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานี Gora เดินเท้าเพียง 5 นาทีเท่านั้น
อ่านรีวิวได้ที่นี่ >> Kanagawa ~ Hakone Yutowa โรงแรมใหม่ใจกลางฮาโกเนะ
สำหรับใครที่ชอบทานเกี๊ยวซ่าแนะนำว่าอย่าพลาดมาลองรับประทานเกี๊ยวซ่าแสนอร่อยของร้าน Gyoza Center ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม Hakone Yutowa สามารถเดินไปได้เพียง 3 นาทีเท่านั้น
เกี๊ยวซ่ารสชาดอร่อยแบบบางกรอบ อัดแน่นด้วยไส้กุ้งและปู
วันที่สองของทริปฮาโกเนะ เราเปลี่ยนไปพักกันที่บริเวณพื้นที่ ฮาโกเนะเอ็น (Hakone-en) และ ทะเลสาบอาชิ (Ashi Lake) ซึ่งเราหมายมั่นปั้นมือว่ารอบนี้จะต้องมาเห็นวิวของภูเขาไฟฟูจิให้ได้
บริเวณนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำฮาโกเนะเอ็น (Hakone-en Aquarium) หรือจะขึ้นไปชมวิวสวยงามของทะเลสาบอาชิแบบ 360 องศาบนยอดของ ภูเขาโคมะกะทะเกะ (Komagatage) และสุดท้ายเข้าพักโรงแรมที่การันตีว่าทุกห้องสามารถมองเห็นวิวของทะเลสาบอาชิ และภูเขาไฟฟูจิกันแบบเต็มๆตา ที่โรงแรม Ryuguden
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในบริเวณพื้นที่ Hakone-en และทะเลสาบอาชิ (Ashi Lake)
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Hakone-en Aquarium
นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมสัตว์น้ำกว่า 450 พันธุ์ รวม 32,000 ตัวจากทั่วโลก และที่นี่ยังขึ้นชื่อว่าเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลที่สุดของญี่ปุ่นอีกด้วย นอกจากการเดินชมสัตว์น้ำแล้ว
ที่นี่ยังมีโชว์นักดำน้ำให้อาหารปลาที่บริเวณ หอน้ำทะเล (Kaisui-kan) ซึ่งเป็นบ่อน้ำใหญ่มีความสูงกว่า 7 เมตร โดยวันธรรมดาจะเริ่มโชว์ตอน 13.45 น. ส่วนวันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ จะเริ่มเวลา 10.15 น. และ 13.45 น.
นอกนั้นยังมี “ห้องจัดแสดงสิ่งมีชีวิตในน้ำกร่อยที่ Ensui-kan” กับ “ลานแมวน้ำไบคาล (Baikal Azarashi Hiroba)” ที่จะมีการแสดงโชว์จากแมวน้ำไบคาล 4 ตัว วันธรรมดามีสองรอบตอน 11.00 น. กับ 13.00 น. ส่วนวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์จะมีสามรอบตอน 11.00 น. กับ 13.00 น. และ 15.30 น.
ข้อมูลเพิ่มเติม
- เวลาทำการ : 09.00 – 17.00 น.
- วันหยุด : เปิดทุกวัน
- ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1500 เยน / เด็กอายุ 4 ขวบขึ้นไปถึงชั้นประถม 750 เยน
- การเดินทาง : โดยสารรถประจำทาง Hakone Tozan Bus มุ่งหน้าไปยัง Hakone-en ลงที่ป้าย Hakone-en
- เว็บไซต์ : Hakone-en Aquarium
กระเช้าโรปเวย์ภูเขาโคมะกะทะเกะ (hakone Komagatage Ropeway)
ชมวิวอันสวยงามจากยอดบนสุดของ ภูเขาโคมะกะทะเกะ บนความสูงกว่า 1,783 เมตร โดยการนั่งกระเช้าโรปเวย์ ด้วยเวลาเพียง 7 นาที ขึ้นไปชมวิวสวยงามแบบ 360 องศา ที่จะสามารถมองเห็นได้ทั้งทะเลสาบอาชิ ฮาโกเนะ และภูเขาไฟฟูจิในวันที่อากาศเป็นใจ อีกทั้งด้านบนยังเป็นที่ตั้งของ ศาลเจ้า Hakone Mototsumiya ที่เชื่อกันว่าเป็นจุดรับพลัง (Power Spot) ที่นิยมมาขอพรเกี่ยวกับการงานและความรักอีกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม
- เวลาทำการกระเช้า : เริ่มต้นเที่ยวแรกตั้งแต่ 9.00 น. และรอบสุดท้ายของกระเช้าลงเวลา 16.50 น.
- วันหยุด : กลางเดือนมิ.ย.ถึงต้นเดือนก.ค.ปิด เพื่อการซ่อมบำรุง
- ค่าใช้จ่าย : ไป-กลับ ผู้ใหญ่ 1,600 เยน / เด็กตั้งแต่ชั้นประถมขึ้นไป 800 เยน
- การเดินทาง : โดยสารรถประจำทาง Hakone Tozan Bus มุ่งหน้าไปยัง Hakone-en ลงที่ป้าย Hakone-en
ปิดท้ายด้วยการเข้าพักที่โรงแรมสุดอลังการที่ โรงแรม Ryuguden ความพิเศษของโรงแรมแห่งนี้ก็คือการันตีว่าทุกห้องของโรงแรมสามารถมองเห็นวิวของทะเลสาบอาชิ และภูเขาไฟฟูจิกันแบบเต็มๆตา
อ่านรีวิวได้ที่นี่ >> Kanagawa ~ Prince Hotel Hakone Lake Ashinoko และ Ryuguden
สำหรับขากลับเราเดินทางกลับจากสถานี Odawara ด้วยรถไฟ Romance Car รุ่น VSE และได้ทำการจองที่นั่งแบบ Front Observation Deck seat ก็จะได้ชมวิวรอบทิศทาง และโชคดีก็จะได้เห็นวิวฟูจิซังด้วย
ขั้นตอนการจองที่นั่ง Romance Car ทางเว็บไซต์ E-Romance Car Online Seat Booking
ขั้นตอนที่ 1 กดเลือกหาที่นั่งว่าง ที่ปุ่น Seat availability / Book / Purchase
ขั้นตอนที่ 2 เลือกวันที่ เวลา สถานีต้นทาง-ปลายทาง และจำนวนผู้โดยสาร ที่ต้องการเดินทาง
ขั้นตอนที่ 3 ทำการเลือกขบวนที่ต้องการนั่ง
ขั้นตอนที่ 4 เลือกประเภทที่นั่ง ตำแหน่งที่นั่ง และ กดเลือกทำการจอง Booking only
ขั้นตอนที่ 5 คลิกยอมรับ และกด Next
ขั้นตอนที่ 6 ตรวจสอบข้อมูลการจอง ใส่หมายเลขโทรศัพท์ และ อีเมล
ขั้นตอนที่ 7 ใส่รหัสยืนยัน และกดจอง
ขั้นตอนที่ 8 แคปเจอร์หน้าจอที่มีหมายเลขการของ เพื่อทำการออกตั๋วและชำระเงินที่เคาเตอร์ของ Odakyu