เมื่อพูดถึงประเทศญี่ปุ่น ถือว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวในดวงใจของใครหลายๆคนเลยนะคะ ไม่ใช่เพียงเพราะแค่วัฒนธรรมที่เก๋ไก๋ หรือประเพณีที่น่าสนใจ แต่เราคิดว่าสิ่งที่ทำให้เราอยากไปเที่ยวญี่ปุ่นก็เพราะทัศนียภาพที่สวยงามค่ะ ไม่ได้สวยเฉพาะฤดูใดฤดูหนึ่งแต่ญี่ปุ่นจะให้ความรู้สึกดีแตกต่างกันออกไปเมื่อไปเยือนในแต่ละฤดูที่ต่างกัน ทุกฤดูจะมีเอกลักษณ์หรือมนต์เสน่ห์เป็นของตัวเอง และปฏิเสธไม่ได้เลยค่ะว่าช่วงเวลาที่ทำให้ญี่ปุ่นมีเสน่ห์ดึงดูดให้คนอยากไปเที่ยวมากๆก็คือฤดูใบไม้ร่วง หรือที่เราชอบเรียกกันว่าใบไม้เปลี่ยนสีนั่นเอง
ผ่านครึ่งปีแรกมาสักพักแล้วนะคะทุกคน เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นได้ใกล้เข้ามาแล้ว ซึ่งในฤดูใบไม้ร่วง (Autumn/Fall) ถือว่าเป็นฤดูท่องเที่ยวที่ฮิต มากๆ ของประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ค่ะ โดยปกติแล้ว ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีโดยไล่จากตอนบนของประเทศ ตั้งแต่แถบฮอกไกโดก่อน แล้วค่อยๆ ไล่ลงมาทางใต้เรื่อยๆ
และวันนี้ทางทีม Intouch Rental Cars อยากจะมาแนะนำเส้นทางขับรถชมใบไม้เปลี่ยนในแถบภาคกลางของญี่ปุ่น ระหว่าง ภูมิภาค Kanto – Chubu – Kansai โดยเริ่มเดินทางจาก Tokyo > Nagoya > Kyoto > Nara > Koya > Osaka > Kobe เผื่อใครที่อยากไปขับรถเที่ยวญี่ปุ่นเร็วๆนี้ ก็สามารถเอาไปใช้เป็นไอเดียได้เลยค่ะ
แพลนการเดินทางของพวกเราเดินทางในช่วงวันที่ 22-28 พฤศจิกายน ค่ะ ใบไม้เปลี่ยนสีจะเริ่มโรยแล้วสำหรับพื้นที่ที่อยู่สูงเช่นแถบภูเขา แต่กำลังเป็นช่วงเปลี่ยนสีสำหรับพื้นที่ราบ ตามสถานที่ในเมืองค่ะ
- Day 1 – Kanto Area : Gingko Avenue – Tokyo University – Yokohama – Fujikawaguchiko
- Day 2 – Chubu Area : Lake Suwa – Obara – Korankei – Nabana No Sato
- Day 3 – Kansai Area : [Kyoto] Eikando – KitanoTenmangu Jingu Light up
- Day 4 – Kansai Area : [Kyoto] Tofukuji – Kozanji – Arashiyama
- Day 5 – Kansai Area : [Nara-Wakayama] Nara Park – Yoshinoyama – Koyasan
- Day 6 – Kansai Area : [Wakayama-Osaka] Koyasan – Komyoji – Minoo Park
- Day 7 – Kansai Area : Kobe – Osaka
ซึ่งในทริปนี้ ทางทีมงานได้เดินทางไปกัน 3 คน เลยเลือกที่จะใช้รถรุ่นเล็ก ก็เพียงพอกับการโดยสารและบรรทุกสัมภาระในการเดินทาง ซึ่งในทริปนี้เรา ได้เช่ารถทั้งหมด 4 คันค่ะ
1. SS Class : Nissan Note รับรถที่ Tokyo Station คืนรถที่ JR Nara Station (4 วัน )
ค่าเช่ารถพร้อมแพจเกจประกันสูงสุดและภาษีมูลค่าเพิ่ม = 34,500 เยน
ค่าธรรมเนียมคืนรถต่างสาขา (drop off charge) = 35,200 เยน
ค่าเช่าบัตร ETC = 330 เยน/7วัน
2. KB Class : Honda N-Box รับรถที่ JR Nara Station คืนรถที่ Nankai Namba Station (2 วัน)
ค่าเช่ารถพร้อมแพจเกจประกันสูงสุดและภาษีมูลค่าเพิ่ม = 15,750 เยน
ค่าธรรมเนียมคืนรถต่างสาขา (drop off charge) = 2,200 เยน
ค่าเช่าบัตร ETC = 330 เยน/7วัน
3. CL Class : Daihatsu Boon Cliq รับคืนที่ Nankai Namba Station (1 วัน)
(รถรุ่นพิเศษ for female only! ใครสนใจติดต่อผ่าน Intouch Rental Cars ได้เลย ไม่มีให้จองผ่านหน้าเว็บปกตินะคะ)
ค่าเช่ารถพร้อมแพจเกจประกันสูงสุดและภาษีมูลค่าเพิ่ม = 7,950 เยน
ค่าเช่าบัตร ETC = 330 เยน/7วัน
4. KA Class : Suzuki Wagon R : รับ Nankai Namba Station คืนที่ Kansai Airport (1 วัน)
ค่าเช่ารถพร้อมแพจเกจประกันสูงสุดและภาษีมูลค่าเพิ่ม = 7,700 เยน
ค่าธรรมเนียมคืนรถต่างสาขา (drop off charge) = 1,100 เยน
ค่าเช่าบัตร ETC = 330 เยน/7วัน
– ค่าทางด่วนตลอดระยะทาง = 24,000 เยน โดยประมาณ
– ค่าน้ำมันตลอดระยะทาง 923 กิโลเมตร = 10,000 เยน โดยประมาณ
++++ รวมทั้งสิ้น 139,720 เยน หรือเป็นเงินบาทประมาณ 40,516 บาท
(อัตราแลกเปลี่ยน 0.29 บาท/เยน) หรือเฉลี่ยคนละ 13,500 บาท เท่านั้นค่ะ ++++
ใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยแค่ไหน ใครพร้อมแล้ว ตามมาได้เลยค่ะ
เริ่มที่จุดหมายแรกของเรากันเลย ที่ Ginkgo Avenue เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมในโตเกียวเมื่อฤดูใบไม้เปลี่ยนสีมาเยือน ตั้งอยู่ถัดจากสวนเมจิ จินกุ ไกเอน (Meiji Jingu Gaien Park) เริ่มตั้งแต่สถานีรถไฟใต้ดิน Aoyama-Itchome Station ซึ่งมีเอกลักษณ์ที่ใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีเหลือทองในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน
ถนนเส้นนี้สองข้างทางจะมีร้านคาเฟ่ที่ทำระเบียงยื่นออกมาเพื่อนั่งชมต้นไม้ โดยเฉพาะในช่วงที่ใบต้นแป๊ะก๊วยเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง คนจะมานั่งพักผ่อนจิบกาแฟ ทานอาหารกันเยอะมาก นอกจากนี้ยังถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่องด้วย
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาทำการ: เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
????ข้อมูลการขับรถ????
Mapcode: 611 502*06
โทรศัพท์: +81 3-3401-0312
Google Map
มาต่อกันที่ มหาวิทยาลัยโตเกียว (Tokyo University) หรือที่คนญี่ปุ่นมักเรียกติดปากว่า “Todai” ย่อมาจากคำว่า Tokyo-Daigaku เป็นอีกหนึ่งจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่อยู่ไม่ไกลจากในเมืองโตเกียว เดินทางง่าย แถมยังไม่เสียค่าเข้าชมอีกด้วย จึงทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งที่ที่ยอดนิยมทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยและญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั่นเองค่ะ
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาทำการ: เปิดตลอด 24 ชั่วโมง
????ข้อมูลการขับรถ????
Mapcode: 766 114*44
โทรศัพท์: +81 3-3812-2111
Google Map
Yokohama Chinatown ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโยโกฮาม่า และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองโยโกฮาม่า และได้รับการยอมรับให้เป็นไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเลยทีเดียว ที่สำคัญที่นี่ก่อตั้งมานานแล้วนะคะเป็นร้อยๆปีแล้วค่ะ จากปริมาณชาวจีนที่หลั่งไหลเข้ามามากขึ้นๆเรื่อยๆ ในอดีต จึงมีการก่อตั้งไชน่าทาวน์ขึ้นในที่สุด มีร้านค้า ร้านอาหารผุดขึ้นๆจนเรียกได้ว่าละลานตา กลายเป็นไชน่าทาวน์ที่มีขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศในที่สุด เรียกได้ว่าใครอยากมาเพลินๆช็อปปิ้งของกินของใช้มาแล้วไม่มีผิดหวังแน่นอน
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาทำการ: ขึ้นอยู่กับเวลาเปิดปิดแต่ละร้านค้า
????ข้อมูลการขับรถ????
Mapcode: 8 677 628*36
โทรศัพท์: +81 45-662-1252
Google Map
Maple Corridor หรืออุโมงค์ใบไม้เปลี่ยนสี ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทางตอนเหนือของทะเลสาบคาวากุจิโกะ เลียบแม่น้ำสายเก่า Nashikawa เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยสุดโรแมนติกแห่งหนึ่งในแถบภูเขาฟูจิ โดยช่วงที่งดงามที่สุดจะเป็นปลายฤดูใบไม้ร่วงที่มีใบไม้ร่วงหล่นลงมากองตามทางแม่น้ำปกคลุมจนกลายเป็นสีส้มแดงไปทั่วทั้งบริเวณ และในช่วงกลางคืนจะมีการประดับไฟให้ได้ชมกันอีกด้วยค่ะ
????ข้อมูลการขับรถ????
Mapcode: 161 361 655*74
โทรศัพท์: +81 555-72-3168
Google Map
ทะเลสาบสุวะ (Lake Suwa) เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในชินชู ตั้งอยู่ทางตอนกลางของจังหวัดนากาโนะ ทีมีชื่อเสียงโด่งดังมากๆสำหรับเป็นสถานที่จัดเทศกาลดอกไม้ไฟ Lake Suwa Festival’s firework ในช่วงหน้าร้อน แต่ว่าที่นี่ไม่ได้สวยแค่ช่วงหน้าร้อนเท่านั้นนะคะ เมื่อฤดูใบไม้เปลี่ยนสีมาเยือนสวนที่อยู่ใกล้ๆกับทะเลสาบก็จะแซมไปด้วยต้นไม้ที่ใบไม้เปลี่ยนสีกลายเป็นสีแดงบ้าง เหลืองบ้าง ทำให้วิวสวยไม่หยอกเลยหละค่ะ
????ข้อมูลการขับรถ????
Mapcode: 75 175 468*22
Google Map
หุบเขาโครังเค (Korankei) ตั้งอยู่ติดกับภูเขาอิอิโมริ (Mount Iimori) ใกล้เมืองนาโงยะ (Nagoya) ภายในจังหวัดไอจิ (Aichi) นับว่าเป็นหุบเขาที่เป็นแหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีชื่อเสียงที่สุดของจังหวัดเลยค่ะ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของวัดโคจาคุจิ (Kojakuji Temple) รอบๆวัดเต็มไปด้วยต้นเมเปิ้ล ทิวทัศน์ของใบไม้สีแดงเหลืองจะเกิดขึ้นประมาณกลางเดือน-ปลายเดือนพฤศจิกายนของทุกปี บอกเลยว่าสวยงามมากๆ จึงทำให้ที่นี่นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นจุดที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งสำหรับชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงของภูมิภาคชุบุเลย
ค่าเข้าชม: 300 เยน
เวลาทำการ: 9.00-17.00 น.
????ข้อมูลการขับรถ????
Mapcode: 281 458 335*03
โทรศัพท์: +81 565-62-1272
Google Map
เทศกาล Obara Shikizakura โดยทั่วไปซากุระจะออกดอกช่วงปลายมีนาคม – เมษายน แต่ที่เมืองโอบาระนั้นพิเศษกว่าที่ไหนๆ เพราะเขามีซากุระที่เรียกว่า “ชิคิซากุระ (Shikizakura)” หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Winter Cherry Blossoms ซึ่งจะบานสวยให้ชมกันถึง 2 รอบต่อปีค่ะ! นอกจากช่วงใบไม้ผลิแล้ว ชิคิซากุระจะบานในช่วงปลายเดือนตุลาคม – ต้นธันวาคม ใช่แล้วค่ะ มันคือช่วงเดียวกับใบไม้เปลี่ยนสีพอดีเลย ถือว่ามาเที่ยวที่เดียวก็ได้ดูทั้งซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีเลยนะ สวยเว่อวังมากๆ ยกให้เป็นสวรรค์ของคนรักธรรมชาติอีกแห่งเลยค่า
ค่าเข้าชม: ฟรี
ช่วงเวลาแนะนำ: full bloom ต้นพ.ย. – ต้นธ.ค.
????ข้อมูลการขับรถ????
Mapcode: 98 021 552*28
Google Map
เทศกาล Nabana no Sato Winter Illumination เป็นหนึ่งในเทศกาลแสงสีที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น มีไฟประดับมากกว่า 8.5 ล้านดวงภายในสวนดอกไม้ ภายในสวนจะมีการประดับตกแต่งไฟอย่างสวยงาม มีทั้งทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ที่นำไฟสีฟ้ามาตกแต่งให้ดูเหมือนทะเล นอกจากนี้ยังมีอุโมงค์ดวงไฟและจุดชมวิวที่สามารถขึ้นลิฟต์ ไปด้านบน เมื่อมองลงมาจะเห็นสวนที่ประดับไฟเป็นมุมกว้าง เป็นอีกหนึ่งจุดที่พลาดไม่ได้เลย
ค่าเข้าชม: 2,300 เยน
เวลาทำการ: 9:00 – 21:00 น.
ช่วงเวลาจัดงาน: 19 ตุลาคม 2019 – 6 พฤษภาคม 2020
????ข้อมูลการขับรถ????
Mapcode: 38 894 380*17
โทรศัพท์: +81 594-41-0787
Google Map
วัดเอคังโด (Eikando Temple) นับเป็นวัดที่มีชื่อเสียงในการชมใบไม้แดงในช่วงฤดูใบไม้แดงของเมืองเกียวโตอีกแห่งเลยค่ะ ซึ่งบริเวณที่เป็นจุดชมใบไม้แดงที่เลื่องชื่อของวัดนี้จะอยู่ตรงบริเวณสวนโฮโจ (Hojo) ที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม มีทั้งลำธารเล็กๆ บ่อน้ำ และสะพานเชื่อมต่อกับส่วนที่เป็นอาคาร มีความสวยงามที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่จัดแสดงไฟในตอนกลางคืน เรียกได้ว่าสวยทั้งกลางวัน กลางคืน และโรแมนติกแบบสุดๆไปเลยค่ะ
ค่าเข้าชม: 600 เยน (ช่วงฤดูใบไม้ร่วง กลางวัน 1,000 เยน กลางคืน 600 เยน)
เวลาทำการ: 9:00-17:00 (เข้าชมได้ถึง 16:00) // มีการจัดไฟแสดงในช่วงฤดูใบไม้ร่วง
????ข้อมูลการขับรถ????
Mapcode: 7 650 292*52
โทรศัพท์: +81 75-761-0007
Google Map
ศาลเจ้าคิตาโนะเทนมังกู (Kitano Tenmangu) เป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในช่วงฤดูใบไม้ผลิ แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้มีการเปิดให้เข้าชมบริเวณสวนของศาลเจ้าในช่วงฤดูใบไม้ร่วงซึ่งกลายเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่โด่งดัง ทั้งนี้ยังมีการส่องไฟภายในสวนในตอนกลางคืน เผยให้เห็นถึงต้นเมเปิ้ลมากกว่า 250 ต้นอีกด้วย สวนเปิดให้เข้าชมในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม
ค่าเข้าชม: เข้าศาลเจ้าฟรี // เข้าชมสวน 700 เยน
เวลาทำการ: 5:00-18:00 (เดือนเมษายน-กันยายน) / 5:30-17:30 (เดือนตุลาคม-มีนาคม) (ระหว่างช่วงการฉายไฟประดับ ถึง 20:00)
????ข้อมูลการขับรถ????
Mapcode: 7 703 255*52
โทรศัพท์: +81 75-461-0005
Google Map
อาราชิยามะ (Arashiyama) เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตแห่งหนึ่งในเกียวโต ย่านนี้ตั้งอยู่บริเวณตะวันตกของเมืองเกียวโตเป็นเขตเขตหนึ่งที่มีชื่อเรื่องความสวยงามทั้งด้านธรรมชาติและมีบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกถึงความเป็นญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม จุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจของที่นี่มีหลายแห่งด้วยกัน ทั้งความสวยงามของสะพานเก่าแก่อันเป็นสัญลักษณ์ของอาราชิยาม่า วัด ศาลเจ้า และไฮไลท์สำคัญสำหรับคนที่ชื่นชอบธรรมชาติอย่างสวนป่าไผ่ที่เหล่าต้นไผ่นั้นมีขนาดสูงเหนือหัวจนทำให้บรรยากาศโดยรอบมีความเขียวจีสวยงามเหมาะกับการมาเดินชมและสูดอากาศบริสุทธิ์
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาทำการ: เปิดตลอดวัน
????ข้อมูลการขับรถ????
Arashiyama Bamboo Grooves
Mapcode: 7 605 670*06
Google Map
????ข้อมูลการขับรถ????
Togetsukyo Bridge
Mapcode: 7 636 140*28
Google Map
????ข้อมูลการขับรถ????
Jojakkoji Temple
Mapcode: 7 635 858*33
โทรศัพท์: +81 75-861-0435
Google Map
วัดโคซันจิ (Kozanji Temple) ตั้งอยู่ที่ป่าในภูเขา มีเอกลักษณ์คือต้นสนซีดาร์สูงเรียงรายไปตามทางที่มุ่งสู่วัดและปล่อยให้แสงแดดลอดผ่านลงไปยังพื้นที่มีตะไคร่ที่ปกคลุม เสน่ห์ของวัดโคซังจิคือบรรยากาศของที่นี่ซึ่งเงียบและสันโดษ และเมื่อไปเยือนในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็ให้บรรยากาศที่สวยงามไปอีกแบบค่ะ
ค่าเข้าชม: ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ค่าเข้าบริเวณวัด 500 เยน
เวลาเปิด-ปิด: 8.30-17.00 น.
????ข้อมูลการขับรถ????
Mapcode: 7 786 772*17
โทรศัพท์: +81 75-861-4204
Google Map
วัดโทฟุคุจิ (Tofukuji Temple) เป็นที่เลื่องลือมากเรื่องความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสี ถือเป็นอีกหนึ่งจุดในเกียวโตที่มีใบไม้เปลี่ยนสีสวยที่สุดเลยล่ะค่ะเมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วงจะมีทั้งนักท่องเที่ยวและชาวญี่ปุ่นเองหลั่งไหลมาชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ ยิ่งช่วงพีคประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน คนจะเยอะมากกกกก จุดที่นิยมที่สุดคือสะพานซุเทนเคียว (Tsutenkyo Bridge) ซึ่งใบไม้เปิ้ลจะปกคลุมสะพานยาวถึง 100 พื้นที่หลายส่วนในบริเวณวัดสามารถเข้าชมได้ฟรี รวมถึงอาคารที่ใหญ่ที่สุดด้วย บอกเลยว่าจะใบไม้เปลี่ยนสีหรือสถาปัตยกรรมต่างๆของตัววัดนี้รับรองว่าโดดเด่นไม่มีใครยอมใครเลย
การเข้าชม
ค่าเข้าชม: 400 เยน (สำหรับ Tsutenkyo Bridge และ Kaisando Hall) / 400 เยน (สำหรับ Hojo และ สวน)
เวลาเปิด-ปิด: 9:00 – 16:30 น. (เมษายน – ตุลาคม) / 8: 30-16: 30 (พฤศจิกายน – ต้นเดือนธันวาคม) / 9:00 – 16:00 น. (ช่วงต้นเดือนธันวาคมถึงเดือนมีนาคม)
????ข้อมูลการขับรถ????
Mapcode 7 498 730*88
โทรศัพท์: +81 75-561-0087
Google Map
สวนนาระ (Nara Park) คือแหล่งท่องเที่ยวที่ชื่อเสียงของเมืองนาระ ภายในสวนเป็นที่อยู่ของกวางจำนวนมากเกือบ 1200 ตัว ซึ่งทำให้เจ้ากวางเหล่านี้กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำเมือง แถมที่นี่ยังเป็นสถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่น่าสนใจอีกที่นึงเลย ลองจิตนาการถึงสวนที่เต็มไปด้วยต้นไม้ที่ใบเปลี่ยนเป็นสีแดง แล้วมีน้องกวางเดินไปเดินมาอย่างอิสระเป็นภาพที่น่ารักมาเลยใช่ไหมล่ะคะ
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาทำการ: เปิดตลอดวัน
????ข้อมูลการขับรถ????
Mapcode: 11 356 735*85
โทรศัพท์: +81 742-22-0375
Google Map
ภูเขาโยชิโนะ (Yoshinoyama) ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของนาระ แต่ค่อนข้างไกลออกมาจากตัวเมือง ภูเขาแห่งนี้ได้รับความนิยมอย่างมากเพราะเป็นจุดชมซากุระที่มีชื่อเสียงมากๆของญี่ปุ่น ปัจจุบันที่นี่มีต้นซากุระปกคลุมภูเขาอยู่หลากหลายสายพันธุ์ จำนวนมากถึง 30,000 ต้น เมื่อมาเยือนในช่วงฤดูใบไม้ผลิเราจะมีโอกาสได้ยลโฉมซากุระไกลสุดลูกหูลูกตาเลยถือเป็นจุดชมซากุระอันดับต้นๆของภูมิภาคคันไซเลยค่ะ โดยจะเริ่มบานในช่วง มีนาคม – เมษายน แต่เมื่อพวกเรามาเจอบรรยากาศของช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่นี่ ก็เป็นภาพที่สวยงามมากๆไม่แพ้ช่วงฤดูใบไม้ผลิเลยค่ะ
จุดชมซากุระ/ใบไม้เปลี่ยนสี ในพื้นที่ของเทือกเขาโยชิโนะมีอยู่ด้วยกัน 4 ระดับ
- ระดับที่ 1 คือ Shimo Senbon พื้นที่ในส่วนล่างสุดที่ติดกับสถานี Yoshino จากจุดนี้สามารถใช้บริการกระเช้า (Ropeway) หรือรถบัสขึ้นไปยังจุดชมวิว
- ระดับที่ 2 คือ Naka Senbon เป็นที่ตั้งของร้านค้า ที่พัก ร้านอาหารต่างๆ ซึ่งจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงจากส่วนนี้ คือมุมมองจากศาลเจ้า Yoshimizu
- ระดับที่ 3 คือ Kami Senbon ค่อนข้างเงียบสงบกว่าส่วนที่ผ่านมา สามารถมานั่งพักหรือปิคนิคกันได้ในบริเวณนี้ โดยจุดชมวิวที่สำคัญจาก Kami Senbon คือ Hanayagura Viewpoint ส่วนนี้จะทำให้คุณได้เห็นภาพรวมของทั้งหุบเขา เส้นทางที่ต้นซากุระทั้งหลายมาบรรจบกันร่วมกับอาณาบริเวณของบ้านเรือน
- ระดับที่ 4 คือ Oku Senbon เป็นส่วนที่ซากุระบานช้าที่สุด หากใครมาไม่ทันช่วง full bloom ของโยชิโนะให้มาชมในส่วน Takagiyama Observation Deck ก็จะได้พบกับภาพน่าประทับใจเช่นกัน
????ข้อมูลการขับรถ????
Mapcode: 36 089 354*63
Google Map
โคยะซัง (Koyasan) คือ ภูเขาที่เต็มไปด้วยวัดโบราณ 117 วัด สถานที่ซึ่งชาวบ้านธรรมดาอาศัยอยู่ร่วมกับศาสนา ล้อมรอบด้วยป่าทึบ มีประชากรประมาณ 4,000 คน เป็นพระสงฆ์มากถึง 1 ใน 4 ของประชากร เวลาเดินไปไหนในโคยะซังจึงพบเห็นพระสงฆ์ได้บ่อยๆ จุดเด่นที่สุดของโคยะซังคือสามารถเข้าพักในวัดได้ ด้วยบริการเสมือนเกสต์เฮ้าส์ ซึ่งมีวัดที่เปิดให้เข้าพักได้ ทั้งหมด 52 วัด แต่ละวัดซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกัน พอเลือกไปพักในสถานที่ที่แปลกไปแบบนี้ก็ให้ความรู้สึกดีไปอีกแบบนะคะ
????ข้อมูลการขับรถ????
Mapcode: 205 460 831*03
Google Map
วัดโอคุโนอิน (Okunoin Temple) ตั้งอยู่ในภูเขาโคยะซัง เรียกได้ว่าเป็นวัดที่มีความสำคัญของนิกายชินกอนอย่างมากเลย เนื่องจากเป็นวัดที่มีผู้เดินทางมาแสวงบุญจำนวนมากและเชื่อกันว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ที่สำคัญอย่างยิ่งก็เห็นจะเป็นการเป็นที่ตั้งของสุสานของท่านโคโบ-ไดชิหรือมีอีกชื่อหนึ่งว่า คูไค (Kukai) ซึ่งท่านผู้นี้เป็นผู้ก่อตั้งศาสนาพุทธนิกายชินกอน
ทางเข้ามีระยะเกือบ 2 กม. ผ่านอนุสรณ์รำลึกถึงผู้ล่วงลับกว่า 200,000 ราย และตลอดบริเวณทางเดินโอบล้อมด้วยต้นไม้เก่าแก่ขนาดใหญ่อายุหลายร้อยปี เป็นทางเดินสู่สุสานของพระโคโบไดชิ ซึ่งจะผ่านสะพานทั้งสามสะพานคือ Ichinohashi / Nakanohashi และ Gobyobashi ก่อนที่จะถึงวิหารโอคุโนะอิน ทีมงานแอดมินได้มาถึงที่นี่ตอนพลบค่ำ ได้ลองเดินสำรวจดูบรรยากาศน่ากลัวใช้ได้ พวกเราจึงเดินเข้าไปไม่ไกลมากแล้วก็กลับเข้าที่พักค่ะ
ค่าเข้าชม: ฟรี
เวลาทำการ: 8.30-16.30 น.
????ข้อมูลการขับรถ????
Mapcode: 205 462 743*28
โทรศัพท์: +81 736-56-2002
Google Map
จังหวัดเกียวโตนอกจากจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมแล้ว เมื่อพูดถึง Must-visit destinations ของการชมใบไม้เปลี่ยนสีในเกียวโตนี้ก็มีหลายแห่งเหมือนกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็น Arashiyama หรือ Tofukuji Temple ที่ได้พาไปแล้ว และหนึ่งในสถานที่ที่ไม่ควรพลาดชมเลย หนึ่งในนั้นคือ วัดโคเมียวจิ แห่งนี้นั่นเอง
วัดโคเมียวจิ (Komyo-ji) เป็นวัดพุทธในนิกาย Jodo-shu สร้างโดยพระสงฆ์ Honen เมื่อปี 1175 ที่ Aohirotani ตำบลในหุบเขาทางทิศตะวันตกของเมือง Nagaoka Kyo กรุงเกียวโต เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอายุกว่า 150 ปี เป็นหนึ่งในจุดชมใบไม้ยอดนิยมของเกียวโต ที่ทางเราแนะนำว่าไม่ควรพลาดอย่างยิ่งค่ะ
????ข้อมูลการขับรถ????
Mapcode: 7 366 190*36
โทรศัพท์: +81 75-955-0002
Google Map
หุบเขามิโน ((Minoo) เป็นหุบเขาที่อยู่ในป่าของชานเมืองทางทิศเหนือโอซาก้า ที่นี่นับว่าเป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากๆของเมืองโอซาก้าเลยค่ะ เราสามารถชื่นชมกับทัศนียภาพในแต่ละฤดูกาลได้ ไม่ว่าจะเป็นความงามของดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ ความงามของต้นไม้ที่ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งและเสาน้ำแข็งในฤดูหนาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งความงามของใบไม้เปลี่ยนสีในปลายฤดูใบไม้ร่วงที่ให้ความรู้สึกโรแมนติกมากๆเลย
ค่าเข้าชม: ฟรี
????ข้อมูลการขับรถ????
Mapcode: 52 011 745*82
โทรศัพท์: +81 72-721-3014
Google Map
เริ่มต้นวันเช้าวันที่ 7 โดยที่เราจะไปเที่ยวโกเบกันค่ะ รอบบนี้เราอยากลองขับรถหลายๆรุ่นค่ะ ก่อนหน้านี้ได้รับและคืนรถไปหลายรอบแล้ว วันนี้วันสุดท้ายเลยตัดสินมาเช่ารถกับ Nippon Rent-A-Car (สาขา Nankai Namba Station South) Exit อีกรอบและเลือกเช่าเป็นรถเล็กรุ่นพิเศษ CL-Class หรือ เจ้า Daihatsu Boon Cliq คันนี้ น่ารักมากๆเลยค่า
มาถึงโกเบทั้งทีเราปิดท้ายทริปนี้ด้วยการลองทานเนื้อโกเบอันโด่งดังกันสักหน่อยค่ะ และร้านที่เรามาลองก็คือร้านขึ้นชื่อของที่นี่ค่ะ ชื่อว่า Kobe Steakland ค่ะ ด้วยความที่ราคาไม่แพงมากแล้วได้เนื้อโกเบคุณภาพดี เชฟมีฝีมือในการทำ จึงทำให้ร้านนี้เป็นร้านโปรดของทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ถือว่าเป็นการปิดท้ายทริปใบไม้เปลี่ยนสีที่ไม่เลวเลยล่ะค่ะ^^
เวลาเปิด-ปิด: 11.00-22.00 น.
????ข้อมูลการขับรถ????
Kobe Steakland
Mapcode: 12 368 701*77
โทรศัพท์: +81 78-332-1653
Google Map: https://bit.ly/2mclVst
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ถ้าสนใจจะเดินทางตามรูทนี้เราอยากจะแนะนำตัวตัวเหมาจ่ายทางด่วน Central Expressway Pass หรือ CEP ให้ทุกคนรู้จักด้วยจ้า คือเจ้าตัว CEP นี้คือบัตรเหมาจ่ายค่าทางด่วนระหว่างโตเกียวและเกียวโต รวมถึงอิเสะ ชิราคาวะโก โทยามะและคานาซาวะ (ยกเว้นทางด่วนบางเส้นทางรอบตัวเมืองนาโกย่า) ถือว่าคุ้มมากๆเลยนะคะสำหรับการขับรถระหว่างเมืองแบบนี้ เพราะค่าทางด่วนที่ญี่ปุ่นก็คือเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
แต่ทั้งนี้เงื่อนไขการซื้อแพคเก็จเหมาทางด่วนนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของทาง Nippon Rent-A-Car กำหนด คือจะเราจะต้องรับและคืนรถภายใต้สาขาที่เป็น Sales Branch เท่านั้น (สามารถเช็คสาขาได้ >> ที่นี่)
การขับรถชมใบไม้เปลี่ยนสีรอบนี้นับว่าเป็นอะไรที่คุ้มมากๆ เลยค่ะ 7 วัน กับการขับรถกว่า 923 กิโลเมตร! ไม่ใช่ว่าเราจะมีโอกาสได้ทำแบบนี้กันบ่อยๆสักหน่อย ♥‿♥ ทุกสถานที่ที่เราไปถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จค่ะ เพราะเจอใบไม้กำลังสีแดงสวยเกือบทุกที่เลย ชื่นใจมากๆ คุ้มมากค่ะกับการขับรถเกือบๆพันกิโลเมตร ^__^ อีกอย่างนึงที่ชอบมากในทริปนี้คือได้ขับรถแปลกๆที่ไม่ค่อยได้เห็นในบ้านเรา ที่เช่าจาก Nippon-Rent-A-Car ค่ะ ได้ลองโมเดลที่เราอยากขับทุกรุ่นเลยถือว่า complete มากๆเลยค่า!
ใครที่อยากจะลองขับรถเที่ยวที่ญี่ปุ่นบ้าง แต่ยังแพลนไม่ลงตัวสักทีหรือว่ายังไม่มีไอเดียเลยจะไปไหนดี เอารูทนี้ของเราไปขับตามได้เลยน๊า รับรองว่าได้ฟินกับบรรยากาศโรแมนติกของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่นแน่นอน!
ใครสนใจจะเช่ารถแบบนี้ทุกภูมิภาคทั่วญี่ปุ่นก็สอบถามเข้ามาได้เลยที่ Intouch Rental Cars ตัวแทนอย่างเป็นทางการในประเทศไทยของ Nippon Rent–A–Car ที่มีสาขามากกว่า 500 แห่งทั่วญี่ปุ่น รับประกันรถใหม่มาก อายุไม่เกิน 3 ปี มีรถให้บริการหลากหลายยี่ห้อ
โดยมีเจ้าหน้าที่คนไทย ที่พร้อมจะอำนวยความสะดวกตั้งแต่การเลือกรถ ขั้นตอนการจอง แนะนำเส้นทางและข้อมูลเกี่ยวกับการขับรถในประเทศญี่ปุ่น ไปจนถึงการบริการช่วยเหลือเมื่อมีปัญหาและที่สำคัญ ถ้าจองผ่านช่องทางนี้ รวมประกันภัยแล้ว ยังได้ราคาถูกกว่าจองออนไลน์อย่างแน่นอน
เบอร์โทร: 02–251–9648 HOTLINE : 088-678-4999
Line: @japanintouch
Facebook: Japan Intouch
TAT Licence No. 11/08229