รีวิวเที่ยวบินไปฮอกไกโด ด้วยที่นั่งสุดหรู JAL Sky Suite ในราคาที่เอื้อมถึงจาก JALPAK

รีวิวนี้จะเป็นรีวิวเข้มข้นสำหรับการเดินทางไปฮอกไกโดด้วยสายการบินสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Japan Airlines และพิเศษกว่าครั้งไหนๆด้วยการเดินทางบนชั้นธุรกิจ หรูหรา สะดวกสบาย และที่สำคัญราคาเข้าถึงง่าย ไม่ต้องจ่ายแพงด้วย แพกเกจตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พัก ราคาดีจาก JALPAK งานนี้ไม่ว่าใคร สักครั้งหนึ่งก็มีโอกาสได้สัมผัสการบริการชั้นเลิศแน่นอนครับ

สำหรับรายละเอียดการจองต่างๆ จะนำไปอธิบายไว้ช่วงท้ายของบทความ ในช่วงแรกนี้จะพาชมขั้นตอนตั้งแต่เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เข้าไปเช็คอินกันที่เคาเตอร์พิเศษของชั้นธุรกิจ หลังจากนั้นก็จะได้รับบัตรโดยสาร พร้อมกับบัตร Premium Lane เพื่อผ่านด่านแสกนและด่านตรวจคนเข้าเมืองช่องพิเศษกันครับ

หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าเข้าไปพักผ่อนที่ Sakura Lounge กันก่อน ซึ่งเลาจ์นี้จะมีไว้รองรับและบริการลูกค้าของสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ ที่เดินทางด้วยชั้นธุรกิจ และ สมาชิก JMB ผู้ถือบัตรที่มีสถานะต่างๆสามารถเข้าใช้บริการได้

Sakura Lounge ตั้งอยู่ชั้น 3 ถัดจากทางออกขึ้นเครื่อง D8A (ใกล้กับ Concorse E)

ด้านในมีบริการอาหารคาวและขนมหวาน รวมไปถึงขนมขบเคี้ยวต่างๆ

และมีมุมเครื่องดื่ม รวมไปถึงแอลกอฮอลล์ด้วย และพิเศษกว่าเลาจ์ไหน ที่นี่มีเหล้าบ๊วยให้บริการด้วยครับ

สำหรับใครที่มีสิ่งของมีค่าสามารถฝากไว้ที่ตู้ล็อกเกอร์ด้านหน้าทางเข้าไปห้องน้ำได้

บรรยากาศด้านในมีหลายมุมให้เลือก มีความเป็นส่วนตัว และมีช่องเสียบปลั๊กให้บริการทุกที่

มีห้องสูบบุหรี่แยกออกเป็นสัดส่วนชัดเจน

และนี่คือเมนูแกงกะหรี่ที่เป็นซิกเนเจอร์ของ Sakura Lounge มีทั้งไก่และเนื้อให้เลือกทาน

หลังจากทานอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาไปขึ้นเครื่องกันแล้วครับ โดยประตูขึ้นเครื่องจะปิดก่อนเครื่องออกประมาณ 10 นาที เพราะฉะนั้นควรเผื่อเวลาเดินมาล่วงหน้าอย่างน้อยสัก 20 นาที จะได้ไม่ต้องรีบวิ่งจนเหนื่อย เพราะวันที่แอดมินไป ประตุทางออกอยู่สุดทางที่ E9 เลยครับ

สำหรับการเดินทางในวันนี้ จะบินไปยังท่าอากาศยานฮาเนดะ (HND) ด้วยเที่ยวบิน JL34 และทำการเปลี่ยนเครื่องภายในประเทศไปยังท่าอากาศยานอาซาฮิคะวะ เกาะฮอกไกโด (AKJ) ด้วยเที่ยวบิน JL551 กันครับ

สำหรับเที่ยวบินในค่ำคืนนี้ ใช้เครื่องบิน Boeing รุ่น 777-200ER ที่มีการรีโนเวทที่นั่งให้เป็นรุ่นใหม่ล่าสุด โดยที่นั่งแบบนี้มีชื่อเรียกว่า JAL SKY SUITE III ดูรายละเอียดได้ >> ที่นี่

สำหรับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆที่มีให้ ได้แก่ ผ้าห่ม, หูฟัง, กระเป๋า amenity kit, สลิปเปอร์, เสื้อคลุม หลังจากที่เราถึงบนเครื่อง พนักงานต้อนรับก็จะทำการแจกผ้าร้อนตามธรรมเนียมญี่ปุ่น และเมนูเพื่อเลือกอาหารมื้อเช้า

มาสำรวจที่นั่งกันครับว่ามีอะไรให้เล่นบ้าง จะมีช่องเก็บของ ช่องเสียบปลั๊ก USB ปุ่มปรับเอนเบาะแบบนอนราบได้ 180 องศา และรีโมทบังคับจอมอนิเตอร์ส่วนตัว

ที่นั่งกว้างขวาง และเป็นส่วนตัวทุกที่นั่ง

ที่นั่งรุ่นนี้แอดมินชอบมากเป็นพิเศษ เหมือนกำลังนั่งประจำการในยานอวกาศยังไงยังงั้นเลยครับ

สำหรับเมนูในค่ำคืนนี้ เนื่องจากดึกมากเเล้ว เลยจะให้บริการเป็นอาหารว่างก่อน และตามด้วยอาหารเช้าก่อนเครื่องลง

อาหารว่างเป็นไก่และหมูสะเต๊ะ

เครื่องดื่มก็ต้องเป็น Perrier เบาๆก่อนนอน

สำหรับมื้อเช้าในครั้งนี้ขอเลือกทานเป็นชุดเบนโตะแบบญี่ปุ่น

เครื่องใช้ที่มีจัดเตรียมไว้ให้ในห้องน้ำสำหรับผู้โดยสารชั้นธุรกิจ

ภาพรวมของห้องโดยสาร

ตอนเครื่องกำลังทำการลดระดับมองเห็นฟุจิซังด้วยครับ

วันนี้เข้าใกล้ได้แค่นี้ แต่ก็ดีใจมากๆเลย ที่ได้เห็นฟุจิซังด้วย

เมื่อออกจากเครื่องแล้ว จะต้องทำการผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินฮาเนดะเลย รับกระเป๋าสัมภาระ และออกมาต่อรถชัทเทิลบัส เพื่อไปยังอาคารผู้โดยสารภายในประเทศครับ

กระเป๋าของเราจะมีติด Tag ต่อเครื่องภายในประเทศไว้แล้ว สามารถไปติดต่อเพื่อขอโหลดกระเป๋าได้เลย

เคาเตอร์สำหรับโหลดกระเป๋า

เครื่องที่จะพาเราไปเกาะฮอกไกโดเช้าวันนี้

สำหรับการจองตั๋วในชั้นธุรกิจที่มีการต่อเครื่อง ในส่วนของเที่ยวบินภายในประเทศจะได้นั่งในชั้น Class J ซึ่งจะมีที่นั่งกว้างขวางกว่าชั้นประหยัดครับ แต่ถ้าเราไม่มีบัตรสมาชิกก็ไม่สามารถทำการขึ้นเครื่องก่อนได้ เนื่องจาก Class J ถึงแม้จะมีที่นั่งที่ดีกว่า แต่จะไม่ได้รับสิทธิพิเศษแบบ Business Class ครับ

ที่นั่ง Class J บนเครื่อง Boeing รุ่น 767-300

สำหรับเที่ยวบินในประเทศ สามารถใช้ไวไฟบนเครื่องได้ไม่จำกัดชั่วโมง ฟรี!!

เดินทางถึงสนามบินอาซาฮิคะวะโดยสวัสดิภาพ ทำการซื้อตั๋วรถบัสเข้าเมือง วิ่งตรงไปที่สถานี Asahikawa / Biei / Furano ได้เลยสะดวกมากๆ

ถ้าบินมาลงที่สนามบินอาซาฮิคะวะ เราก็จะได้เที่ยวชมทุ่งลาเวนเดอร์แบบทันใจ เพราะว่าประหยัดเวลาในการเดินทางกว่าบินไปลงสนามบินนิวชิโตเซะครับ ที่สำคัญประหยัดค่ารถด้วย

ซอฟท์ครีมลาเวนเดอร์หอมหวานชื่นใจ


วาร์ปข้ามเวลา มาถึงวันกลับกันแล้ว สำหรับขากลับก็จะเป็นการเดินทางจากท่าอากาศยานนิวชิโตเซะ (CTS) เข้าสู่ ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ (NRT) และทำการเปลี่ยนเครื่องกลับบ้านครับ

ขากลับก็เริ่มต้นด้วย Class J สะดวกสบายกว้างขวางเช่นเคย มีให้บริการเป็นเครื่องดื่มเย็นและร้อนเท่านั้น ไม่มีอาหารเสิร์ฟนะครับ

บ๊ายบายฮอกไกโด และคราวหน้าไว้เจอกันใหม่

เครื่องเริ่มทำการลดระดับลงสู่ทาอาศยานนาริตะ

หลังจากเดินทางถึงนาริตะเป็นที่เรียบร้อย ขากลับนี้ไม่ต้องนำสัมภาระมาเช็คอิน เนื่องจากได้ทำการ Check-through สัมภาระไปจนถึงปลายทางไว้เเล้ว ให้เราเดินมาแต่ตัวที่อาคารโดยสารระหว่างประเทศได้เลย และทำการผ่านด่านต.ม.ที่นี่

หลังจากผ่านด่านต่างๆเรียบร้อยก็ได้เวลา เติมพลังก่อนออกเดินทางที่ Sakura Lounge ครับ

สามารถยื่น Boarding Pass เพื่อใช้เป็นบัตรผ่านเข้าเลาจ์ได้เลย

ช่วงเช้าก็ดูยุ่งๆหน่อยเพราะว่ามีผู้โดยสารใช้บริการกันหนาเเน่นมากๆครับ สนามบินใหญ่ก็จะเป็นแบบนี้เสมอ

ทำไมวันที่กลับถึงจะต้องอากาศดีฟ้าสวยตลอดเลย (ช่วงที่อยู่คือโดนไต้ฝุ่นทำร้าย T T)

ช่องขึ้นเครื่องสำหรับ Business Class

สำหรับเที่ยวบินขากลับในวันนี้เป็นเครื่อง Boeing รุ่น 787-9 เป็นที่นั่ง JAL SKY SUITE รุ่นแรก ดูรายละเอียดที่นั่ง >> ที่นี่

มีคู่มืออธิบายฟังก์ชั่นต่างๆอย่างละเอียด

ที่นั่งรุ่นนี้มีความโดดเด่นที่จอกว้างถึง 23 นิ้ว มีม่านกั้นระหว่างที่นั่งเพิ่มความเป็นส่วนตัว และพื้นที่กว้างขวางนั่งสบายสุดๆ

ความพิเศษที่หลายๆคนชอบคือ ถึงแม้ว่าเราจะนั่งที่ริมหน้าต่าง ก็สามารถเดินเข้าออกได้โดยที่ไม่ต้องรบกวนคนที่นั่งข้างๆเลย ถือว่าเป็นการออกแบบผังที่นั่งที่ยอดเยี่ยมมาก สมแล้วที่เป็นที่นั่งระดับท๊อปของแจล

วันนี้มีอะไรทานบ้างนะ เลือกอย่างเคร่งเครียด 😉

มีเมนูอาหารญี่ปุ่นและตะวันตกให้เลือก เป็นเมนูที่คิดค้นอย่างพิถีพิถันด้วยสุดยอดเชฟของญี่ปุ่น

เปิดโต้ะหน้าที่นั่งระหว่างรออาหารมาเสิร์ฟ

ก่อนเสิร์ฟอาหารจานหลักก็จะมีเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวมาให้ทานรองท้องไปก่อนครับ ขากลับขอเลือกทานอาหารฝรั่งบ้าง รสชาตเยี่ยมไม่แพ้ชุดอาหารญี่ปุ่นเลย

รีโมทบังคับจอทีวี สามารถเลือกฟังเพลงจากรีโมทได้เลย

หลังจากท้องอิ่มหนังตาเริ่มหย่อน ก็ได้เวลาปรับที่นั่งให้กลายเป็นที่นอนราบ

ตื่นมาถ้าหิวก็มีบริการของว่างเป็น คัพนูดเดิ้ลจาก Nissin และ ไอศครีมจาก Haagen Dazs ครับ

ก่อนเครื่องลง ผู้โดยสารชั้นธุรกิจจะได้รับบัตร Premium Lane เพิ่มความรวดเร็วในการผ่านด่านต.ม.


รีวิวแถม ทริปเมื่อต้นปี 2018 เป็นการเดินทางด้วยสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ ชั้นธุรกิจ จุดหมายฮอกไกโดเช่นกัน โดยขาไปต่อเครื่องที่สนามบินจูบุ และขากลับต่อเครื่องที่สนามบินคันไซ บนเครื่องบินดรีมไลเนอร์ Boeing 787-8 ทั้ง 2 ขา และต่อเครื่องภายในด้วยเครื่อง Boeing 737 ที่นั่ง Class J

แอดมินเลยอยากจะบอกว่า นี่เป็นโอกาสพิเศษที่เราจะได้นั่งชั้น Business ในราคาที่จับต้องได้ เพราะถ้าจองแยกจะตกที่นั่งละเกือบ 5 หมื่นบาทเลยทีเดียว แต่ถ้าใครคิดว่ายังแพงเกินไป JALPAK ก็มีแพกเกจสำหรับ ที่นั่งชั้น Economy และ Premium Economy ให้เลือกอีกด้วย ยิ่งถ้าช่วงไหนมีงานท่องเที่ยว ไปจองในงานก็จะมีส่วนลดพิเศษท็อปอัพเข้าไปอีก อะไรจะเอาใจนักท่องเที่ยวไทยขนาดนี้ เลิฟเลย สำหรับเพื่อนๆที่สนใจลองเข้าไปจองได้ >> ที่นี่

ที่นั่งเป็นประเภท JAL SHELL FLAT SEAT ดูรายละเอียดที่นั่ง >> ที่นี่


ไหนๆก็แถมแล้ว มีริวิวสั้นๆ สำหรับใครที่มองอีกหนึ่งทางเลือกอย่างที่นั่ง Premium Economy ของเจแปนแร์ไลน์ ก็ถือว่าสะดวกสบายเหมือนกันครับ แถมราคาก็จ่ายเพิ่มกว่าชั้นประหยัดไม่มาก และที่สำคัญ JALPAK ก็มีราคาพิเศษให้ด้วย ลองเลือกใช้บริการกันดูนะครับ

​Business ClassFeaturedJALJAL Sky SuiteJALPAKjapan airlinesชั้นธุรกิจบิสสิเนสคลาสรีวิวสายการบินฮอกไกโดเจแปนแอร์ไลน์เที่ยวญี่ปุ่นเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองเที่ยวบิน​แจลแพ็ค