ขอแนะนำให้หาโอกาสมาลองพักค้างคืนที่เมืองน้ำพุร้อนสุดฮิป คิโนซากิ อนเซ็น (Kinosaki Onsen) กันสักครั้ง แล้วจะติดใจเหมือนเรา มากี่รอบก็ไม่เคยเบื่อ ที่ว่าฮิปเพราะ ตกดึกเมืองนี้ไม่ยอมหลับไหลง่ายๆ ให้พวกเราได้ใส่ชุดยูกะตะออกมาเดินแช่น้ำ ซื้อขนม จิบดริงก์ ในเมืองเก่ากันได้จนถึง 4 ทุ่ม! ถ้าเป็นเมืองอื่น ทุกคนหนีหายเข้าที่พัก ร้านรวงปิดกันไปตั้งแต่ตะวันยังไม่ลับฟ้าแล้ว
ใครสนใจ แนะนำให้เดินทางไปด้วยรถบัส Zentan Bus จากโอซาก้าจะสะดวกที่สุด ขึ้นรถบัสที่ Hankyu Sanbangai Bus Terminal (เดินมาได้จากสถานี Umeda) มีวันละ 6 รอบ นั่งสบายตลอดทาง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง ที่สำคัญราคาประหยัดกว่ารถไฟครึ่งๆ! ตกเที่ยวละ 3,700 เยน (ไปกลับ 6,660 เยน) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ >> VISIT KINOSAKI
รถบัสจอดส่งถึงที่ นอนสบายๆมาตลอดทาง
แวะขอข้อมูลท่องเที่ยวได้ที่ SOZORO กันก่อน ตั้งอยู่ตรงข้ามกับสถานี และ จุดลงรถบัส
ที่คิโนซากิเป็นจุดตั้งต้นหลักสำหรับการไปเที่ยวเมืองรอบๆ ไม่ว่าจะเป็น Izushi, Kannabe, Takeda, Tanto เป็นต้น (คลิกที่ชื่อเมืองเพื่ออ่านรีวิว) มีทั้งรถโดยสารสาธารณะ, ทัวร์ไปเช้าเย็นกลับ หรือ ทัวร์ค้างคืน รวมไปถึง รถเช่าพร้อมคนขับส่วนตัว ที่มีให้เลือกสรรมากมาย ดังนั้น ถ้าเรามาเที่ยวที่คิโนซากิแล้วอยากจะเที่ยวเมืองรอบๆด้วย ก็สามารถใช้ที่นี่เป็นเบสได้ ปรึกษาเจ้าหน้าที่ที่ SOZORO ได้เลยครับ
เสน่ห์ของคิโนซะกิอนเซ็น คือ การเปลี่ยนชุดยูกะตะ สวมเกี้ยะไม้ของจริง ที่ต้องทรงตัวให้ดีไม่งั้นมีหงายหลัง เวลาเดินก็จะได้ยินเสียงเตาะแตะ ให้อารมณ์แบบญี่ปุ่นสมัยก่อนมากๆ แล้วเดินไปแช่ออนเซ็นทั่วเมือง มีให้เลือกถึง 7 แห่ง ยังไม่นับบ่อแช่เท้าที่มีกระจายตัวทั่วเมืองอีกด้วย
และนี่เองที่เป็นเหตุผลให้เมืองน้ำพุร้อนแห่งนี้ ติดอันดับต้นๆในใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและชาวญี่ปุ่น ที่สำคัญ เมืองนี้ไม่ค่อยมีคุณลุงคุณป้า เห็นแต่หนุ่มๆสาวๆเดินทางมาแช่น้ำกันเพียบ! แม้แต่ในหน้าร้อนที่อากาศอบอ้าว ก้ยังแน่นขนัดไปด้วยเด็กนักเรียนนักศึกษาที่จับกลุ่มกันมาผ่อนคลาย กันอย่างครึกครื้น
กิจกรรมที่แนะนำเมื่อมาถึง คือเดินมาชมต้นน้ำของน้ำพุร้อนในเมืองคิโนะซะกิอนเซ็นแห่งนี้
ถ้ามาในช่วงฤดูใบไม้ผลิจะได้ชมกับแนวต้นซากุระที่เรียงรายข้างลำธารอย่างสวยงาม (ราวต้น-กลางเดือนเมษายน)
และด้านล่างบริเวณ Kinosaki Onsen Ropeway จะมีร้านให้บริการไข่ลวกน้ำพุร้อน หรือ ทะมะโกะออนเซ็น (Tamago Onsen)
และมีเมนูเครื่องดื่มแนะนำอย่างมัทฉะโฟลต ให้ดับกระหายระหว่างรอ
เมื่อลวกไข่ได้ที่แล้ว ก็ใช้ Egg cutter ทำการตัดไข่ทานกันตรงนั้นเลย ขอบอกว่ารสชาติดีมากๆครับ
หลังจากนั้นเราเดินทางต่อขึ้นไปบนยอดเขาเพื่อชมวิวเกาะกลางน้ำ
และด้านบนยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Kinosaki Marine World อีกด้วย
ติดกันเป็นที่ตั้งของโรงแรม Hotel Kinparo ที่มีบริการออนเซ็นภายในโรงแรม พร้อม Ocean view
ติดกันมีคาเฟ่เปิดใหม่ชื่อ GEO CAFE ที่สามารถชื่นชมวิวมหาสมุทรได้เช่นกัน
ทางร้านตั้งใจทำหน้าต่างให้เหมือนกรอบรูปที่ชมภาพเคลื่อนไหวได้ตามธรรมชาติจาก Sanin Geopark
สำหรับที่พักของเราในทริปนี้ เราเลือกที่ Sennen no yu Koman
เกตะ (Geta) หรือเกี๊ยะ ที่ทางเรียวกังจะเตรียมไว้ใ
ห้องพักสไตล์ญี่ปุ่น เริ่มต้นที่ 17,000 เยน ต่อห้อง สำหรับ 2 คน รวมอาหารมื้อเย็น และ มื้อเช้าแล้ว ทำการจอง >> ที่นี่
ระหว่างที่เราทำอาหารเย็น พนักงานจะขึ้นมาทำการปูเตียงฟูตองให้เรียบร้อย
มื้อเย็นเสิร์ฟเป็นคอร์สชาบูเนื้อทะจิมะ ใครไม่ทานเนื้อสามารถเปลี่ยนเป็น หมู หรือ ไก่ได้ แต่ต้องแจ้งล่วงหน้า
มื้อเช้า เสริฟเป็นชุดอาหารแบบญี่ปุ่น
อีกหนึ่งจุดเด่นของคิโนซากิอนเซ็นก็คื การออกมาเดินเล่นชมเมืองยามกลางคืน ที่คึกคักไม่แพ้ตอนกลางวัน
โรงอาบน้ำสาธารณะ หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า โซโตะยู (Sotoyu) มีให้บริการทั้งหมด 7 แห่ง และมีจุดแช่น้ำพุร้อนสำหรับเท้าหรืออะชิยู (Ashiyu) อยู่ตามมุมต่างๆ เช่นกัน การใช้บริการโรงอาบน้ำทั้ง 7 แห่งนี้ หากเราเข้าพักที่เรียวกังภายในคิโนซะกิออนเซ็นจะใช้บริการได้ทุกแห่ง ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพียงใช้สายรัดข้อมือที่มีบาร์โค้ดซึ่งทางที่พักเตรียมไว้ให้สแกนตรงทางเข้าก่อนเข้าใช้บริการทุกครั้ง
ถ้าเดินทางมาช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ก็จะเป็นช่วงเทศกาลทะนะบะตะพอดี ได้มีโอกาสเขียนคำขอพรด้วย