Hyogo: ย้อนยุคเที่ยว Izushi เมืองปราสาทโบราณ ชิมโซบะระดับมิชลิน

การเดินทางไปเยือนคันไซในครั้งนี้ จะเน้นอยู่ที่ เมืองโทโยโอกะ (Toyooka) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดเฮียวโงะ (Hyogo) โดยจะเป็นการท่องเที่ยวไปในเมืองย่อยทั้ง 3 เมือง คือ คันนะเบะ (Kannabe), อิซุชิ (Izushi) และ คิโนซะกิอนเซ็น (Kinosaki Onsen) ใช้เวลาทั้งหมด 4 วัน 3 คืน ตั้งต้นการเดินทางจากโอซาก้า

สำหรับการเดินทางที่สะดวกที่สุดก็คือ รถไฟ JR ที่มีรถไฟขบวนด่วนพิเศษ วิ่งตรงจากสถานี Osaka ถึงสถานี Kinosaki Onsen ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมง 45 นาที และสามารถใช้พาสรถไฟเฉพาะภูมิภาคอย่าง Kansai Wide Area Pass ได้ จากนั้นจึงค่อยเที่ยวจากในตัวเมืองคิโนซะกิ ไปยังเมืองข้างๆได้อย่างง่ายดายด้วยบริการรถบัส หรือทัวร์เช้าเย็นกลับ สามารถดูข้อมูลได้ที่นี่ >> SOZORO

ซึ่งในตอนแรก เราได้พาไปบุกเบิกเมืองธรรมชาติ และชิมขาปูชูไว แบบไม่อั้นกันมาแล้วที่ คันนะเบะ (Kannabe) อ่านรีวิวได้ >> ที่นี่  และในตอนนี้จะพาเดินทางไปเมืองปราสาท ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และมีเมนูเด็ดระดับมิชลิน อย่างซาระโซบะ ที่นำมาเสิร์ฟในแบบที่ไม่เหมือนใคร เป็นเอกลักษณ์ของ เมืองอิซุชิ (Izushi)

วิธีการเดินทาง จากสถานี Osaka โดยสารรถไฟ LTD.EXP. Konotori or Hamakaze ลงที่สถานี Toyooka ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที จากนั้นโดยสารรถบัส Zentan Bus ที่หน้าสถานี JR Toyooka ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

ก่อนที่เดินเข้าไปยังโซนของปราสาท แวะเปลี่ยนชุดให้เข้ากับบรรยากาศเมืองเก่ากันซะหน่อย ซึ่งช่วงที่เราไปเป็นหน้าร้อน เลยได้สวมชุดยูกะตะแบบบางเบา เดินเที่ยวเมืองอย่างสบายตัว กันที่ร้าน Izushi Kimono Rental โดยทางร้านจะมี ชุดยุกะตะ (หน้าร้อน) /กิโมโน (หน้าหนาว) ให้เลือกหลากหลายแบบทั้งชายและหญิง ค่าเช่า 3000 เยน ใส่ได้ทั้งวัน

เมื่อเลือกชุดที่ต้องการได้แล้ว ก้จะมีเจ้าหน้าที่มาคอยดูแลใส่ชุดให้เราอย่างเรียบร้อย


เมืองอิซุชิ (Izushi) เมืองเล็กที่น่าสนใจทางตอนเหนือของจังหวัดเฮียวโงะ ตั้งอยู่ในเมือง Toyooka เมืองที่มีประวัติศาสตร์รุ่งเรืองมายาวนานกว่า 200-300ปี ตั้งแต่ยุคสมัยเอโดะจนได้สมญานามว่า “Little Kyoto” เมืองอิซุชิได้ชื่อว่าเป็นเมืองปราสาท (Castle town) ที่ยังคงกลิ่นอายจากอดีตมาจวบจนปัจจุบันไว้ได้อย่างสวยงาม

เดินทางไปชม ซากปราสาทอิซุชิ (Izushi Castle Ruins) แต่เดิมปราสาทแห่งนี้มีชื่อว่า ปราสาทอะริโกะยะมะ (Arikoyama Castle) สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1504 ตั้งอยู่บนจุดสูงสุดของยอดเขาอะริโกะยะมะ ใช้เพื่อเป็นหอสังเกตุการณ์ข้าศึกในสมัยอดีต

จากนั้นในปีค.ศ. 1604 ปราสาทแห่งนี้ได้ถูกทำลายลง หลงเหลือไว้เพียงบางส่วนและซากปรักหักพัง อีกทั้งในช่วงยุคสมัยเมจิ ตัวปราสาทได้พังลงมาทั้งหมด จากนั้นจึงได้มีการบูรณะบางส่วนเช่น หอคอย, กำแพงหิน, คูน้ำ, ประตูและส่วนของสะพานไม้ที่บรรดาซามูไรจะใช้เพื่อข้ามขึ้นไปยังตัวปราสาท ด้านบนจะมีศาลเจ้า สังเกตได้จากเสาโทริดิสีแดงตั้งเรียงรายเป็นระเบียบ

ศาลเจ้าอินาริ (Inari Jinja) มีชื่อเรียกเต็มว่า อินาริไดเมียวจิน (Inaridaimyojin 稲荷大明神) ตั้งอยู่บนปราสาทอิซุชิ ทางเดินขึ้นจะต้องเดินผ่านเสาแดงโทริอิที่ตั้งเรียงรายเป็นระเบียบสวยงาม

ด้านบนสามารถเดินขึ้นไปยัง เขาอะริโกะ (Ariko 有子山) ได้ มีความสูง 321 เมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งด้านบนเขานั้นในอดีตเป็นที่ตั้งเดิมของปราสาทก่อนที่จะเคลื่อนย้ายลงมาด้านล่าง

วิหารหลักของศาลเจ้ามีโครงสร้างเป็นไม้เก่าแก่

สามารถชมวิวเมืองได้จากจุดนี้


อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเมืองอิซุชิ ก็คือการลองชิม “ซาระโซบะ” ชื่อดังของเมืองนี้หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของ อิซุชิโซบะ (Izushi Soba) โดยมีวิธีการเสริฟที่แปลกไปจากที่อื่น คือปริมาณเส้นโซบะ 1 คนทานจะแบ่งเส้นโซบะเป็น 5 จานเล็กๆ จนมีคำเปรียบเปรยกันว่าถ้าหากใครสามารถทานโซบะจนเรียงจานเท่าความสูงของตะเกียบได้ นั่นคือคุณได้ทานอาหารแบบผู้ใหญ่ที่โตเต็มวัยแล้ว

และในวันนี้เราเลือกมาทานที่ร้านดังชื่อว่า Tanakaya (田中屋) ได้รับรางวัลร้านอาหารยอดเยี่ยมประจำจังหวัดเฮียวโงะ ในปีค.ศ.2016 จากมิชลินไกด์ เว็บไซต์ >> Tanakaya

ออเดิร์ฟด้วยเส้นโซบะทอดกรอบไม่อมน้ำมัน

เมนูเด็ดที่ไม่ควรพลาดคือ ซาระโซบะ (ราคา 800 เยน)

นอกจากนี้ยังมีเมนูประจำฤดูกาลอย่าง Sudachisoba (ราคา 1080 เยน) โซบะเย็นที่โรยมะนาวสายพันธุ์สุดะจิมีกลิ่นหอม รสเย็นสดชื่น และอีกเมนูคือ Sobasushi (ราคา 650 เยน) ที่ใช้เส้นโซบะแทนข้าว ปิดท้ายด้วยขนมหวานแบบญี่ปุ่น Warabimochi sobadango โรย kinako และดื่มน้ำต้มโซบะ Sobayu เป็นอันจบพิธี


สัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองนี้ก็คือ Shinkoro หอนาฬิกาไม้โบราณขนาดใหญ่ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1871 และยังคงใช้งานมาจนถึงปัจจุบัน สังเกตุได้จากฝาท่อประจำเมืองที่ใช้ภาพของหอนาฬิกามาเป็นตัวแทน

เดินเที่ยวรอบเมือง แสนสงบสุข

เก็นซัง (Gensan) มาสคอตชื่อดังของจังหวัดโทโยโอกะ


หลังจากเดินรอบเมืองเสร็จ เราเดินย้อนกลับมาคืนชุดยูกะตะ และฝั่งตรงข้ามก็เป็นโรงงานผลิตกระเป๋า Kaban Kobo Yuho かばん工房 ซึ่งนอกจากจะมีจำหน่ายกระเป๋าคุณภาพดี ในราคาเป็นมิตรแล้ว ยังมีกิจกรรมให้ได้ร่วมสนุกกัน อาทิ ทำกระเป๋า พวงกุญแจ ในแบบของตัวเองได้อีกด้วย

มุมกิจกรรม

เลือกขนาดและอุปกรณ์ที่ต้องใช้ตามแบบกระเป๋าที่เลือก

เจ้าของร้านแสนอารมณ์ดี ใจดี คุยสนุก รอต้อนรับทุกคนอยู่นะครับ

สามารสลักชื่อของตัวเองลงไปในผลงานได้ (คิดเงินเพิ่ม 500 เยน)

มุมขายกระเป่าทุกชิ้น Made in Japan ทำจากมืออย่างปราณีต ได้รับความนิยมในหมู่ชาวญี่ปุ่นมาก


นอกจากนี้ที่เมืองนี้ยังมีชื่อสเียงเรื่องถ้วยชาม เครื่องปั้นดินเผาต่างๆ ที่รู้จักกันในนามว่า อิซุชิยะกิ (Izushi Yaki)

เมนูเครปที่ดูเหมือนจะธรรมดาแต่จริงๆแล้วตัวแป้งทำมาจากเมล็ดโซบะ และสอดไส้เค้มอย่าง ต้นหอม

แวะทานซอฟท์ครีมรสถั่วดำ ที่สีไม่ดำ แต่มีเกล็ดของถั่วที่บดละเอียดผสมอยู่ด้วย


สถานที่ท่องเที่ยวแห่งสุดท้ายก่อนลาจากเมืองอิซุชิ คือ เอระกุคัง (Eirakukan) โรงละครคะบุกิ ที่มีอายุเก่าแก่ถึง 116 ปี และได้เคย ปิดกิจการ ถูกปล่อยให้รกร้างกว่า 40 ปี จนทางการเล็งเห็นถึงประโยชน์ที่จะอนุรักษ์โรงละครโบราณแห่งนี้ จึงได้ทำการรีโนเวทคืนชีวิตให้ใหม่ ใช้เวลา 2 ปี และเปิดการแสดงตามปกติ โดยมีนักแสดงคาบุกชื่อดัง นามว่า ไอโนะสุเกะ (Ainosuke) มาแสดงที่นี่กว่าสิบปีมาแล้ว


ระหว่างทางกลับจากเมืองอิซุชิ ไปยังคิโนะซากิอนเซ็น จุดหมายสุดท้ายของเราในทริปนี้ แวะที่สวนอนุรักษ์นกกระเรียนขาวที่ Hyogo Park Oriental White Stork หรือที่เรียกกันว่า Konotori

ตอนหน้าเราจะพากลับไปเยือน คิโนะซะกิ อนเซ็น (Kinosaki onsen) เมืองน้ำพุร้อนที่มีเสน่ห์ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นกันอีกครั้ง รอติดตามชมกันนะครับ

HyogoIzushiKansaiKinosaki OnsenSOZOROToyookaคันไซปราสาทอิซุชิอิซุชิเที่ยวคันไซเที่ยวญี่ปุ่น​เฮียวโงะโทโยโอกะ