ถ้าหาก วัดน้ำใส วัดเงิน วัดทอง วัดเสาแดง ไปมาหมดแล้ว ลองวางแผนเดินทางออกห่างจากตัวเมือง ไปเที่ยวทางตอนเหนือของเกียวโตกันบ้าง รับรองว่าสถานที่ที่เราจะแนะนำนั้น ยังมีเกียวโตมุมมองใหม่ๆ ให้ได้สัมผัสกันอีกเพียบ
การเดินทางในวันนี้ สืบเนื่องต่อจากรีวิวครั้งที่แล้ว ที่พาไปบุกตะลุยจังหวัดเฮียวโงะ เป็นเส้นทางขับรถลัดเลาะริมทะเลจาก Kinosaki Onsen ซึ่งหากเดินทางบนถนน ไม่ว่าจะเป็นการเช่ารถขับเอง หรือใช้บริการรถทัวร์ เราจะสามารถวิ่งตรงเข้าเกียวโตทางตอนเหนือที่ติดกับทะเลได้ โดยไม่ต้องอ้อมกลับเข้าตัวเมือง
สามารถอ่านรีวิวตอนแรกได้ที่นี่ >> Kansai with Hankyu ตะลุยเที่ยวคันไซกับฮังคิว ตอน 1 เฮียวโงะ (Hyogo)
เส้นทางของสถานที่ท่องเที่ยวที่จะแนะนำในครั้งนี้ เหมาะกับคนที่ชอบขับรถเที่ยว ซึ่งจะสามารถเดินทางได้อิสระมากกว่า เพราะถ้าไปเองโดยรถขนส่งสาธารณะ จะทำให้เสียเวลาขึ้นรถไฟต่อรถบัสกันพอสมควร แต่ถ้าไม่ถนัดขับรถ แนะนำให้เลือกซื้อ ทัวร์ไปเช้าเย็นกลับจากเกียวโตหรือโอซาก้า จะทำให้ชีวิตของเราสะดวกขึ้นอีกเยอะเลยครับด้วยบริการ Day Tour จาก Hankyu Travel ที่แสนจะง่ายและสะดวกสบาย ตั้งต้นจากเมืองหลักในคันไซ
สามารถเลือกดูทัวร์ที่ถูกใจได้ที่นี่ >> Hankyu Travel
หรือติดต่อทางเฟซบุคแฟนเพจ >> ฮังคิวทราเวลไทยเเลนด์
เริ่มต้นทริปของวันนี้ เดินทางสู่ทางตอนเหนือของจังหวัดเกียวโตไปชม 1 ใน 3 ของจุดชมวิวชายฝั่งทะเลที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดของประเทศญี่ปุ่นที่ อะมะโนะฮะชิดะเตะ (Amanohashidate) ที่มีฉายาว่า “สะพานสู่สรวงสวรรค์“
ก่อนเดินทางข้ามทะเลด้วยเรือสปีดโบ้ท จะเดินผ่าน วัดชิอนจิ
(Chionji Temple)
ก่อนซึ่งวัดแห่งนี้เป็น
1 ใน
3 วัดของนิกายรินไซเซน ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงพระโพธิสัตว์มอนจู
(
Bodhisattva Monju
) และเป็นที่ประดิษฐานของเทวรูปของพระองค์ท่าน
เนื่องด้วยท่านเป็นเทพแห่งสติปัญญา จึงเป็นที่นิยมของเหล่าบรรดานักเรียนและประชาชนทั่วไปที่มาขอพรเกี่ยวกับการเรียน ความรู้ความสามารถ สติปัญญา ความสำเร็จทางวิชาการต่างๆ และยังนิยมซื้อเครื่องราง
omikuji มีลักษณะคล้ายพัดที่พับไว้แล้วนำไปแขวนไว้ที่ต้นสนเพื่อความเป็นสิริมงคล
นอกจากนั้นที่นี่ยังมีสถาปัตยกรรมที่สวยงามอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นประตูวัดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคทันโงะ เจดีย์
Tahoto สองชั้นที่สร้างขึ้นในช่วงราวปีค.ศ.
1500 ถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ที่สุดของวัดชิออนจิ อีกทั้งประตูวัดด้านที่หันหน้าออกทางถนน
chaya ยังได้รับการบันทึกให้เป็นโบราณสถานที่สำคัญของเมืองนี้อีกด้วย
วัดชิอนจิ
(Chionji Temple)
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าใช้จ่าย
เวลาเปิด–ปิด: 9.00 – 17.00 น
.
วันปิดทำการ:
เปิดทำการทุกวัน
เว็บไซต์: Chionji
การเดินทาง จากสถานี
Amanohashidate เดินเท้าประมาณ
5 นาที
หลังจากนั้นเดินออกมาจากบริเวณวัด จะเจอกับท่าเรือสปีดโบ้ท ข้ามไปยังอีกฝั่งเพื่อขึ้นกระเช้าไปยังจุดชมวิว
ตรงบริเวณท่าเรือ จะมีจุดสังเกตุคือ สะพานหมุนมัตสุบาระ (Matsubara Rotating Bridge) ความพิเศษของสะพานแห่งนี้คือสามารถหมุนได้ถึง90 องศา ใช้ในเวลาที่มีเรือขนาดใหญ่เดินทางผ่าน สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1923 ในสมัยก่อนจะต้องใช้แรงคนเพื่อช่วยในการหมุนสะพานแห่งนี้ แต่ปัจจุบันใช้พลังงานไฟฟ้าแทน
ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็ข้ามฝั่งมาเรียบร้อย
สำหรับจุดขึ้นกระเช้าจะต้องเดินผ่านตัวเมืองที่เป้นย่านร้านค้า และศาลเจ้าแห่งนี้เข้าไปก่อน
โดยสารกระเช้าเคเบิ้ลคาร์ขึ้นไปบนจุดชมวิวที่สวนคะซะมัตสุ (Kasamatsu Park) เพื่อชมทัศนียภาพอันสวยงามของอ่าวมิยะซุ (Miyazu Bay) โดยสามารถเลือกขึ้นเคเบิลคาร์ขาไป และขากลับนั่งกระเช้าลงมาได้
กระเช้าและเคเบิลคาร์ขึ้นสู่จุดชมวิว Kasamatsu Park
เวลาทำการ: 8.00- 17.30 น. (เดือนเมษายน – ตุลาคม) ปิดเร็วขึ้นในเดือนอื่น
วันหยุด: เปิดทำการตลอดทั้งปี
ค่าโดยสารกระเช้า: (ผู้ใหญ่) ไป–กลับ 660 เยน เที่ยวเดียว 330 เยน / (เด็ก) ไป–กลับ 330 เยน เที่ยวเดียว 170 เยน
มีตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่าสถานที่แห่งนี้เป็นเส้นทางที่เทพเจ้าใช้ลงจากสรวงสวรรค์เพื่อมายังโลกมนุษย์ สันทรายที่โผล่พ้นน้ำทะเลขึ้นมามีลักษณะคดเคี้ยว ความกว้างราว 20 เมตรเชื่อมต่อกัน ทอดยาวจากเกาะหนึ่งไปสู่อีกเกาะหนึ่ง เมื่อลองก้มมองกลับหัวจะเห็นเป็นภาพคล้ายมังกรที่ขดตัวอยู่บนท้องฟ้า
ขากลับเลือกนั่งกระเช้าลง จะได้ชมวิวสวยๆ
จุดชมวิว Kasamatsu Park
ค่าเข้าชม: 640 เยน (เข้าชมรอบสุดท้ายก่อนเวลาปิด 30 นาที 500 เยน หากซื้อตั๋วรถบัสไปกลับด้วยลดเหลือ 400 เยน)
เวลาเปิด–ปิด: 9.00 – 16.00 น. (กระเช้า) / 8.00 – 17.30 น. (เคเบิ้ลคาร์)
วันปิดทำการ: เคเบิ้ลคาร์: เปิดทุกวัน ส่วนกระเช้า: ปิดทำการเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์
เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ): Amanohashidate
การเดินทาง
รถไฟ: โดยสารรถไฟ
JR จากเกียวหรือโอซาก้า ลงที่สถานี
Fukuchiyama ใช้เวลาประมาณ
2 ชั่วโมงครึ่ง จากนั้นโดยสารรถไฟท้องถิ่นสาย
Kyoto Tango Railway มาลงที่สถานี
Amanohashidate
รถบัส
: โดยสารรถบัสจากสถานีเกียวโตหรือสถานีโอซาก้า ใช้เวลาประมาณ
2 ชั่วโมงครึ่ง ลงที่สถานี
Amanohashidate
สำหรับนักเดินทางอย่างเราที่ไม่พลาดการอัพเดทข้อมูลตลอดเวลา ทริปนี้ได้ตัวช่วยในการอัพเดทตลอดทั้งทริปอย่างไม่มีสะดุดด้วยพ็อกเก็ตไวไฟจาก Wi-Ho ที่ไม่ว่าจะเดินทางไกลแค่ไหน สัญญาณก็แรงดีไม่มีตก รับประกันคุณภาพครับ
จองได้ที่นี่ >> Wi-Ho Thailand
หรือติดต่อได้ทางแฟนเพจ >> WiHo ประเทศไทย
เดินทางต่อมาที่ หมู่บ้านวัฒนธรรม Kayabuki no Sato แห่งเมืองมิยะมะ (Miyama) สถานที่เที่ยวอันซีนอีกแห่งหนึ่งในเกียวโต มรดกทางวัฒนธรรมที่ยังคงอนุรักษ์สภาพดั้งเดิมไว้ได้อย่างดี พื้นที่ผืนป่าเขียวชอุ่มโอบล้อมด้วยทิวเขา
โดยบ้านทุกหลังที่นี่ยังคงอนุรักษ์การก่อสร้างในแบบเดิม คือใช้หลังคามุงด้วยวัสดุจากธรรมชาติ หลายคนอาจจะคิดว่าที่นี่คล้ายกับหมู่บ้านชิราคาวะโก แต่ที่ต่างกันคือที่นี่คือหมู่บ้านที่ยังมีชีวิต โดยมีชาวบ้านอาศัยและใช้ชีวิตอยู่ในบ้านตามปกติ นักท่องเที่ยวที่สนใจการท่องเที่ยวแบบวิถีแบบชาวญี่ปุ่นยังสามารถเข้าพักที่บ้านโบราณได้อีกด้วย
จากนั้นเดินชม พิพิธภัณฑ์ผ้าย้อมสี Little Indigo Dye Museum ก่อตั้งโดยคุณ Hiroyuki Shindo ในปีค.ศ. 2005ที่จัดแสดงศิลปะหัตถกรรมผลงานการผลิตผ้าย้อมสีพื้นเมืองจากพืชที่ให้สีน้ำเงิน (สีคราม) จากทั่วโลกอีกทั้งเครื่องไม้เครื่องมือในการผลิต พร้อมทั้งมีเวิร์คช้อปให้ได้ทดลองผลิตชิ้นงานด้วยตัวเองอีกด้วย
ผลงานการผลิตผ้าย้อมสีพื้นเมืองจากพืชที่ให้สีน้ำเงิน (สีคราม)
พิพิธภัณฑ์ผ้าย้อมสี Little Indigo Dye Museum
ค่าเข้าชม: 250 เยน
เวลาเปิด–ปิด: 10.00-17.00น
.
(เปิดทำการทุกวันหยุดนักขัตฤกษ์
)
วันปิดทำการ:
วันพฤหัสบดีและวันศุกร์และช่วงตั้งแต่วันที่
1 ธันวาคม –
31 มีนาคม
เว็บไซต์: Shindo-Shindigo
ก่อนกลับแวะสักการะเยี่ยมชม ศาลเจ้าชิอิฮะชิมัง (Chii Hachiman Shrine)
การเดินทาง : จากเกียวโต
รถไฟ: โดยสารรถไฟ JR Sagano สาย Sanin ไปลงที่สถานี Hiyoshi ใช้เวลา 45 นาที จากนั้นโดยสารรถบัส Nantan bus ไปที่หมู่บ้านมิยะมะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
รถบัส: โดยสารรรถบัส JR Takao-Keihoku bus มุ่งหน้าสู่ Takao ลงที่สถานีรถบัส Shuzan จากนั้นโดยสารรถบัส Nantan bus ไปที่หมู่บ้านมิยะมะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
อีกหนึ่งจุดหมายหลักยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังเกียวโต เห็นจะหนีไม่พ้น อาราชิยะมะ เป็นเส้นทางผ่านที่สามารถแวะเที่ยวได้ก่อนปิดท้ายการเดินทางของวันนี้
อาราชิยะมะ (Arashiyama) เป็นพื้นที่ในเขตชานเมืองทางฝั่งตะวันตกของเกียวโต พื้นที่บริเวณนี้ส่วนใหญ่จะเป็นทิวเขาขนานไปกับแม่น้ำโออิ จึงทำให้ที่นี่มีทัศนียภาพที่งดงามและสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมากในแต่ละปี นอกจากนี้พื้นที่อาราชิยะมะ ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นหนึ่งในอุทยานประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นอีกด้วย
บรรยกากาศของอาราชิยะมะยามใกล้ค่ำ
เมื่อมาเยือนย่านนี้แล้วเห็นจะพลาดไม่ได้กับ สะพานโทเก็ทสุ (Togetsukyo) สะพานไม้โบราณที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเขตอาราชิยะมะ ที่มีประวัติความเป็นมายาวนานมากกว่าพันปี ตัวสะพานปัจจุบันได้ทำการสร้างขึ้นใหม่เมื่อปีค.ศ. 1934
สะพานแห่งนี้มีความยาว 155 เมตร กว้าง 11 เมตร ก่อสร้างโดยใช้ภูมิปัญญาของชาวญี่ปุ่นโบราณ โดยการเข้าลิ่มไม้ทั้งหมดไม่ใช้ตะปูแม้แต่ดอกเดียว จากสะพานนี้เราจะสามารถมองเห็นทัศนียภาพของต้นซากุระออกดอกสวยงามมากมายในช่วงฤดูใบไม้ผลิและใบไม้เปลี่ยนสีไปทั่วทั้งทิวเขาในช่วงฤดูใบไม้ร่วงอีกด้วย
และอีกหนึ่งจุดหมายที่สวยงามของที่นี่ คือ ป่าไผ่ซะกะโนะ (Sagano Bamboo Groves) หนึ่งในป่าไผ่ที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น ตลอดทางเดิน 500 เมตร ตลอดทั้งสองข้างทางเดินล้วนเต็มไปด้วยต้นไผ่ที่มีความสูงกว่า 15 เมตร โดยสวนป่าไผ่ด้านบนจะตั้งอยู่ติดกับทางเข้าของวัดเทนริวจิ (Tenryuji)
การเดินทาง จากสถานี
Saga Arashiyama (JR Sagano line) เดิน
10นาที /
จาก
Arashiyama Station (Hankyu railway) เดิน
15 นาที
เริ่มต้นวันใหม่ที่ ตลาดนิชิกิ (Nishiki Market) ตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างถนนเทระมะจิ (Teramachi) และถนนชินมะจิ (Shinmachi) ตลาดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็น “ครัวของเกียวโต” สามารถมาแวะซื้ออาหารแบบพื้นเมืองโบราณได้จากที่นี่ อาทิเช่นผักดอง เต้าหู้สด ผักสดที่มีเฉพาะในเกียวโต ขนมหวานแบบโบราณที่เรียกว่า วะกะชิ (Wagashi) รวมถึงใบชาและอื่นๆอีกมากมาย
ตลาดนิชิกิ (Nishiki market)
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าใช้จ่าย
เวลาเปิด–ปิด: 9.00 – 17.00 น
. (แต่ละร้านปิดทำการไม่พร้อมกัน
)
วันปิดทำการ:
เปิดทำการทุกวัน บางร้านค้าจะปิดในวันพุธ
เว็บไซต์ : Inside Kyoto
การเดินทาง จากสถานีรถไฟใต้ดิน Shijo สาย Karasuma subway เดิน 3 นาที / จากสถานีรถไฟใต้ดิน Karasuma or Kawaramachi สาย Hankyu เดิน 3 นาที
และก่อนที่จะเดินทางไปยังจุดหมายหลักของเราในวันนี้ แวะชมสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ วัดซังจูซังเก็นโด (Sanjusangendo Temple) หรือที่รู้จักกันในชื่อของวัดของเจ้าแม่กวนอิมพันมือ ตั้งอยู่ที่เขต Higashiyama ทางทิศตะวันออกของตัวเมืองเกียวโต
วัดแห่งนี้ถูกค้นพบเมื่อปีค.ศ. 1164 หลังจากนั้นได้ถูกไฟไหม้จนเสียหาย จากนั้นได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ สถานที่แห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานขององค์เจ้าแม่กวนอิมพันมือและเทวรูปกว่า 1,001 รูปตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 12-13 ที่ควรค่าแก่การมาเยี่ยมชมสักครั้ง (ด้านในไม่สามารถถ่ายรูปได้)
ภายในตัววัดยังมีห้องโถงอาคารไม้เก่าโบราณที่มีความยาวถึง 120 เมตร นับเป็นอาคารไม้ที่มีความยาวที่สุดในญี่ปุ่น โดยภายในอาคารไม้หลังนี้เป็นที่ประดิษฐานขององค์เจ้าแม่กวนอิมพันมือ (Senju Kannon) ซึ่งด้านข้างจะมีรูปปั้นขนาดเท่าคนจริงตั้งเรียงรายกันอยู่ถึง 10 แถว
วัดซังจูซังเก็นโด (Sanjusangendo Temple)(Rengeo-in)
ค่าเข้าชม: 600 เยน
เวลาเปิด–ปิด: 8.00 – 17.00 น
.
(ช่วงวันที่
16 พฤศจิกายน –
31 มีนาคมเปิด
9.00 – 16.00 น
.)
วันปิดทำการ:
เปิดทำการทุกวัน
เว็บไซต์: Sanjusangendo
การเดินทาง จากสถานี
Shichijo (สาย
Keihan Line) เดิน
5 นาที
จากนั้นเดินทางไปชมสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนของเกียวโต เพียงแค่ทางเข้าสถานที่ก็สวยงามจนต้องถ่ายภาพไปจนนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว
ศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine) ที่ตั้งอยู่บนหุบเขาในเมืองเล็กที่ชื่อว่าคิบุเนะ (Kibune) ทางตอนเหนือของเกียวโต สร้างขึ้นเพื่อแสดงความเคารพต่อเทพเจ้าแห่งน้ำ Takao-Kami-no-Kami โดยหอโถงหลักของศาลเจ้าสร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ. 1055 ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่ทำธุรกิจทางด้านร้านอาหารและโรงกลั่นเหล้ามักจะเดินทางมาขอพรที่นี่
ความสวยงามที่เป็นเอกลักษณ์ของศาลเจ้าแห่งนี้จะเห็นได้จากทางเดินบันไดหินขึ้นสูู่ตัวศาลเจ้าที่ขนาบข้างไปด้วยโคมไฟเสายาวสีแดงสดจำนวนมากตั้งเรียงรายตลอดแนวทางเดินตัดกับผืนป่าสีเขียวสด ไม่เพียงแค่ช่วงฤดูร้อนเท่านั้น ศาลเจ้าแห่งนี้เหมาะที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวได้ทุกฤดู รับรองว่าจะต้องประทับใจกับภาพความสวยงามของทัศนียภาพเบื้องหน้าเหมือนกับเราอย่างแน่นอน
ศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine)
ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าใช้จ่าย
เวลาเปิด–ปิด: ช่วงวันที่ 1 พ.ค. – 30 พ.ย. เปิด 6:00 – 20:00 น.
ช่วงวันที่ 1 ธ.ค.- 30 เม.ย. เปิด 6:00 – 18:00 น.
ช่วงวันที่ 1 – 3 ม.ค. เปิด 6:00 – 20:00 น.)
วันปิดทำการ: เปิดทำการทุกวัน
เว็บไซต์: Kyoto Travel
การเดินทาง จากสถานี Kibune-guchi สาย Eizan Railway เดินเท้าประมาณ 30 นาที หรือโดยสารรถบัส Kibune และเดินต่อประมาณ 5 นาที