Fukuoka: ขอพรที่ศาลเจ้า Dazaifu ท่ามกลางดอกบ๊วย

การเดินทางไป Dazaifu จะต้องไปตั้งต้นที่สถานี Tenjin สามารถเดินทางได้ทั้งรถไฟ JR และ Subway

 

เมื่อเดินทางถึงสถานี Tenjin แล้ว ให้เดินออกไปทางห้าง Parco ตามป้ายที่เขียนว่า Nishitesu ขึ้นไป จะเจออีกทางเข้าของสถานี Nishitetsu Fukuoka Station ใหเดินเข้าไปที่ Ticket office และขอซื้อได้เลย ตรงบริเวณเคาน์เตอร์มีป้ายบอกแนะนำตั๋วชนิดนี้อยู่แล้วสื่อสารไม่ยาก ถ้าใครพูดญี่ปุ่นไม่ได้ ให้เอานิ้วชี้จิ้มๆ แล้วบอกว่า ดะไซฟุ เค้าก้อรู้เรื่องแล้ว  แต่เอาจริงๆพี่สาวที่ขายตั๋วพูดภาษาอังกฤษได้คล่องปรื๋อเลย

ตั๋วสำหรับเที่ยววันนี้จะมีขายที่จุดจำหน่ายตั๋วของบริษัท Nishitetsu มีชื่อเรียกว่า Dazaifu Stroll Ticket Pack (1 Day Journey) ราคาคนละ 1000 เยนเท่านั้น

เจ้าตั๋วราคา 1000 เยนนี้ รวมค่ารถไฟเดินทางไปกลับและส่วนลดค่าเข้าสถานที่ต่างๆเอาไว้แล้ว และ มีคูปองขนมญี่ปุ่นให้ไปทานกันฟรีๆด้วยครับถือว่าคุ้มมาก สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่ หรือ ใครที่มีเวลามากกว่า 1 วัน จะซื้อตั๋วที่ไปเที่ยวเมืองYanagawa ที่อยู่เลยออกไปอีกก็มีตั๋วสุดคุ้มมาจำหน่ายเช่นกัน ดูข้อมูลตั๋วชนิดต่างๆได้จากที่นี่  >>>Nishitetsu Kippu<<<

เส้นทางรถไฟ เริ่มต้นจาก Nishitetsu Fukuoka St. ไปลงที่ Nishitestsu Fukakaichi St. ก่อน (ใช้เวลาประมาณ20 นาที) เพื่อเปลี่ยนขบวนขึ้น Dazaifu Line ต่ออีกประมาณ 5 นาที ก็จะถึงที่หมายแล้วครับเบ็ดเสร็จรวมเวลารอรถไฟด้วยไม่น่าเกิน 45 นาที

วันนี้เด็กๆมากันเยอะเชียว เด็กตัวเล็กๆคงมาทัศนศึกษาส่วนเด็กวัยรุ่นหน่อยน่าจะมาขอพรกัน ทำไมเด็กนักเรียนญี่ปุ่นถึงต้องมาขอพรที่นี่ เดี๋ยวเราจะได้รู้กัน  ณ เวลาที่เดินทางไปถึง ดอกซากุระยังไม่บานเนื่องจากสภาพอากาศปีนี้หนาวนานเกินปกติ ทำให้ต้องพลาดดูซากุระตั้งแต่ต้นทริป แต่ก็ยังดีที่มีดอกบ๊วยบานฉ่ำตลอดทางสวยไม่แพ้กันครับ เพราะที่นี่ก็ปลูกต้นบ๊วยเอาไว้เยอะพอสมควร เรียกได้ว่าถึงจะมามาช้ามาเร็วยังไงต้องได้ภาพบรรยากาศสวยๆติดตาติดใจกลับไปแน่นอน

การเดินเที่ยวที่ Dazaifu นั้นค่อนข้างง่ายเพราะสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ใกล้ๆกัน สามารถเดินเท้าก็ถึงได้ แต่ละแห่งห่างกันไม่เกิน10-15 นาที ที่เมืองดาไซฟุแห่งนี้เคยเป็นศูนย์การกลางปกครองทางการเมืองใหญ่ของเกาะคิวชูดังนั้นศาลเจ้า และ วัดสำคัญๆ รวมไปถึงสำนักงานของรัฐบาล จึงสร้างอยู่ในบริเวณใกล้ๆกันทั้งหมดเมืองนี้ถือได้ว่ามีความเก่าแก่มากในบรรดาเมืองทั้งหลายของเกาะคิวชู เพราะเริ่มสร้างเมืองกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่7 เแล้ว และได้ใช้เป็นศูนย์กลางการปกครองกันมาร่วม 500 ปี ถึงว่าเมืองเล็กๆแห่งนี้ถึงแม้ความเจริญจะเข้ามาแทรกซึม แต่ก็ยังคงเสน่ห์ความขลังในอดีตไว้อยู่ด้วย รับรองว่าถ้าใครชอบแนวดั้งเดิมแบบนี้จะหลงรักดาไซฟุ ตั้งแต่แรกเห็นเลยละครับ

จุดท่องเที่ยวสำคัญหลักๆมีทั้งหมด3 จุดคือ Dazaifu Tenmangu Shrine, Kyushu National Museum และ Komyozenji Temple ส่วนสถานที่อื่นๆที่น่าสนใจและอยู่ห่างออกไปสักหน่อย คือ Kanzenonji Temple และซากปรักหักพังที่หลงเหลืออยู่ของสำนักงานของรัฐบาลในสมัยก่อน Ruins of Dazaifu Seicho

ระหว่างทางเดินจากสถานี Dazaifu ไปยังเป้าหมายแรกของเราคือ Daizaifu Tenmangu Shrine จะพบกับเสาโทริอิ ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าของถนนที่มีร้านค้าต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านขนม ของฝาก ร้านอาหาร สามารถแวะทานกันได้ที่นี่และร้านขนมที่เราได้ตั๋วลองชิมฟรีจากตั๋วรถไฟที่เราซื้อมาก็ตั้งอยู่ที่ถนนแห่งนี้ มองไปร้านที่มีคนต่อคิวเยอะๆนั่นละใช่เลย ร้านนี้มีชื่อว่า Kasa no ya ยังไม่ต้องไปต่อคิวแย่งกับเค้ากันตอนนี้นะครับ เพราะมีให้ทานกันได้ทั้งวันไม่หมด รอตอนสายๆหลังจากเที่ยวเสร็จก่อนค่อยออกมาก็ได้ ช่วงนั้นคิวก็จะบางตาลงค่อนข้างเยอะแล้วเดี๋ยวเราค่อยมาคุยกันถึงรสชาดขนมแสนอร่อยของเจ้านี้กัน

อีกร้านที่ไม่อยากให้พลาดคือ Starbucks ของที่นี่ ครั้งแรกที่เห็น สะดุดตากับเจ้าสถาปัตยกรรมชิ้นนี้มากมันช่างโดดเด่นสะดุดตาและไม่เหมือน Starbucks สาขาไหนๆ ตอนนั้นยังไม่รู้หรอกครับว่าเป็นผลงานของศิลปินท่านไหน จนต้องกลับมาค้นหาข้อมูลถึงได้ทราบว่า Starbucks สาขา Dazaifu แห่งนี้โด่งดังในหมู่สถาปนิกมาก เป็นผลงานของ Kengo Kuma ที่ขึ้นชื่อเรื่องการดีไซน์ได้อย่างสวยล้ำจริงๆ

ร้านขนมอีกร้านที่ชอบมากก็มาเปิดสาขาที่นี่เหมือนกันร้าน Mameya ที่รวมสารพัดในสารพัด flavor ที่ชอบที่สุดก็ต้องเป็นรสวาซาบิครับ ติดใจตั้งแต่ตอนที่ไปเที่ยว Kawagoe รอบที่แล้ว ส่วนสาวก Ghiblistudio ก็ต้องห้ามพลาดร้านนี้ Te Fu Te Fu ขนขบวนมากันเต็มทั้งร้าน น่ารักๆทั้งนั้นอย่างน้อยๆก็ต้องได้เจ้า Totoro ติดมือกลับมาบ้างแหละน้า อย่าเผลอตัวแวะร้านนู้นร้านนี้กันจนเพลินนะ ^^

เริ่มเข้าบริเวณศาลเจ้าแล้ว ดอกบ๊วยนานานิดแข่งกันอวดโฉมงามกันอย่างเต็มที่เลย

ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ปลูกดอกบ๊วยไว้นานาพันธุ์มาก มีทั้งสีชมพูสด สีชมพูอ่อนสีขาว บางต้นดูเผินๆนึกว่าเป็นต้นซากุระ สวยงามมาก

ส่วนตัวแล้วชื่นชอบดอกบ๊วยไม่น้อยไปกว่าดอกซากุระเลย เพราะรายละเอียดของเจ้า Umeboshi นี้สวยงามราวกับเจ้าหญิงเลยก็ว่าได้ มิน่าในตำนานนิทานเก่าแก่ของญี่ปุ่นถึงมีเจ้าหญิงดอกบ๊วย ดันไปติดภาพบ๊วยเค็มตั้งแต่เด็กๆ ตอนนั้นก็เลยเผลอ คิดไปว่าเจ้าหญิงดอกบ๊วยตัวจริงคงไม่น่าจะสวยเท่าไหร่ละมั้ง 😛

ภาพบรรยากาศศาลเจ้าเก่าๆคู่กับดอกบ๊วยบานมองแล้วช่างสบายใจเหลือเกิน อากาศก็เย็นสบาย มองไปทางไหนก็สวยไปหมด

ศาลเจ้า Dazaifu Tenmangu แห่งนี้มีชื่อเสียงมากๆ โดยเฉพาะในหมู่เด็กนักเรียน ที่กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยศาลเจ้า Tenmangu นั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติสำหรับท่าน Sugawara Michizane ผู้ที่มีอัจฉริยภาพทางการเรียนรู้และมีความสามารถต่างๆมากมายตั้งแต่วัยเยาว์ เป็นที่เลืองลือโด่งดังมาก

ท่านมิชิซะเนะเกิดที่กรุงเกียวโตเป็นนักวิชาการและนักการเมืองในยุคเฮอัน หลังจากที่ท่านได้เสียชีวิตลง ชาวบ้านก็ยกย่องท่านในฐานะเทพเจ้าแห่งการเรียนรู้หรือ Tenjin นั่นเอง

แต่ชีวิตของท่านมิชิซะเนะไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด อัจฉริยภาพของท่านฉายแววมาตั้งแต่อายุได้เพียง 11 ปี ท่านสามารถแต่งกลอนได้เอง และความสามารถอันโดดเด่นของท่านเริ่มแพร่หลายไปอย่างกว้างขวาง เมื่อท่านโตเป็นหนุ่มยังแสดงความสามารถในการยิงธนูอีกด้วย ท่านได้เป็นคนโปรดของจักรพรรดิ และได้รับมอบตำแหน่งสำคัญๆมากมาย ทั้งทางการทูตกับจีนและยังเป็นผู้ปกครองเมืองซะนุกิ เหล่าขุนนางในสมัยก่อนจึงพาลกันอิจฉาไม่ชอบหน้าเลยได้ให้ร้ายท่าน สมคบคิดกับตระกุลฟูจิวะระ ที่กุมอำนาจอยู่ในยุคนั้น และขับไล่ให้ออกจากกรุงเกียวโตไปยังดินแดนไกลโพ้นซึ่งก็คือที่ดาไซฟุแห่งนี้ การเดินทางระหว่างจาก เกียวโต มายัง ดาไซฟุ นั้นไกลแสนไกลหลังจากท่านเดินทางมาถึงด้วยความยากลำบาก ท่านต้องใช้ชีวิตบั้นปลายอันโดดเดี่ยวที่ๆแห่งนี้และสิ้นลงด้วยวัยเพียง 59 ปี เมื่อปี 903

เหล่าชาวบ้านที่รักใคร่เเละเคารพท่านต่างก็เสียใจและหลังจากที่ท่านสิ้นก็เกิดภัยพิบัติต่างๆมากมายที่กรุงเกียวโตตระกูลฟุจิวะระที่คิดร้ายต่อท่าน ก็เริ่มล้มหายตายจากไปทีละคน เหล่าขุนนางในวังต่างกลัวเกรงและคิดว่านี่เป็นความอาฆาตแค้นของดวงวิญญาณท่านมิชิซะเนะจึงได้ทำการสร้างศาลเจ้า เพื่อเป็นการไถ่โทษและยกย่องท่านมิชิซะเนะในฐานะ Tenjin ขึ้นที่กรุงเกียวโตและ เมืองดาไซฟุ แห่งนี้ ดังนั้นที่เกียวโตจึงมีศาลเจ้าอีกแห่งที่อุทิศให้ท่านมิชิซะเนะชื่อว่าศาลเจ้า Kitano Tenmangu  ตัวอาคารหลักของศาลเจ้าที่เห็นนั้นเป็นงานที่สร้างขึ้นเมื่อปี1591 ส่วนของดั้งเดิมที่สร้างขึ้นเมื่อปี 919 ได้ถูกเผาทำลายไปในช่วงสงคราม

เดินผ่านเสาโทริอิที่ด้านหน้าทางเข้าจะพบกับสะพานสีแดงที่มีชื่อเรียกว่า Taikobashi ข้ามผ่านสระ Taijiike สะพานนี้สร้างขึ้นทั้งหมด3 ส่วน โดยเป็นตัวแทนของ อดีต, ปัจจุบัน และ อนาคต สอดคล้องกับหลักของพระพุทธศาสนาที่ว่าหนึ่งความคิดควรเก็บไว้ในช่วงเวลานั้น คือ ให้ปล่อยวาง นั่นเอง และสระน้ำถ้าดูดีๆก็จะเห็นว่าเป็นรูปทรงหัวใจมองกันดีๆนะครับ

หลังจากเดินเข้ามาในศาลเจ้าจะพบกับรูปปั้นวัวสีทอง วัวตัวนี้ก็มีตำนาน ในพิธีศพของท่านใช้วัวในการลากเคลื่อนขบวนทันใดนั้นเจ้าวัวก็หยุดอยู่กับที่ ไม่ยอมไปไหน ทุกคนจึงได้ตัดสินใจ หยุดจัดงานพิธีเผาศพกันที่ตรงนี้และต่อมาบริเวณนี้ก็คือที่ตั้งของศาลเจ้า Dazaifu Tenmangu ในปัจจุบันนั่นเอง

สาเหตุที่ศาลเจ้า Dazaifu ปลูกต้นบ๊วยเอาไว้มากกว่า6,000 ต้น ก็เป็นเพราะท่านมิชิซะเนะเองคลั่งไคล้ในความสวยงามของดอกบ๊วยเป็นอย่างมากและ ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ก็มีต้นบ๊วกที่มีทรงเป็นระย้าเหมือนลอยลงมาจากฟ้า มีชื่อเรียกว่าTobiume (Flying plum Tree) ที่ตำนานกล่าวขานกันว่า มีกลีบดอกบ๊วยที่ปลิว ลอยติดตามท่านมาตลอดระยะทางจากเกียวโตมายังดาไซฟุและได้เติบโตอยู่เป็นสหายในช่วงบั้นปลายของท่านมิชิซาเนะที่ดาไซฟุแห่งนี้

ถ้าอยากจะมาชมความงามของTobiume สามารถเดินทางมาได้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ไปจนถึงกลางเดือนมีนาคมซึ่ง Tobiume จะเป็นพันธุ์ดอกบ๊วย ที่จะเริ่มบานก่อนดอกบ๊วยชนิดอื่นๆ สามารถมานั่งชมดอกบ๊วยไปพลาง จิบชาเขียวร้อนๆพร้อมกับขนมญี่ปุ่นหวาน ได้ที่ร้านขนมที่ด้านหลังศาลเจ้ากันได้นะครับ

หากเดินมาอีกหน่อยจะพบกับทางขึ้นไปศาลเจ้าหลังเล็ก จะสังเกตุเห็นเสาโทริอิเล็กๆเรียงกันเป็นแถวตามทางขึ้น

บรรยากาศของศาลเจ้าแม่ลูก

ใครอยากขอให้สอบผ่าน มาทางนี้เลย

หลังจากสักการะ ขอพรกันเรียบร้อยแล้วสามารถเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ Tenmangu Museum ที่จัดแสดงประวัติของท่านมิชิซะเนะ โดยใช้ตุ๊กตาฮากะตะที่เป็นศิลปะขึ้นชื่อของเมืองนี้ สามารถใช้ตั๋ว เป็นบัตรส่วนลดค่าเข้าชมจาก 200 เยนเหลือ 150 เยนเท่านั้น หรือ ใครสนใจที่จะเข้าไปชมสมบัติใน Treasure Hall ก็สามารถใช้บัตรส่วนลดได้เช่นกันลดจาก 300 เยนเหลือ 200 เยน
• Treasure Hall(Dazaifu Tenmangu Shrine): ¥300 -> ¥200
• Kanko Historical Museum (Dazaifu Tenmangu Shrine): ¥200 -> ¥150
• Kanzeon-jiTemple Treasure Hall: ¥500 -> ¥300
• DazaifuAmusement Park: ส่วนลด ¥100
• Dazaifu Station เช่าจักรยาน ¥500 -> ¥400 ( 9:00-18:00)
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม พร้อมโหลดแผนที่เป็นภาษาอังกฤษได้ที่นี่ >>>Dazaifu Tenmangu<<<

กว่าจะเดินทั่ว เวลาก้อล่วงเลยไปบ่ายโมงกว่าแล้ว ซึ่งเป็นเวลาดีที่จะเหมาะกับการเดินย้อนกับมาถนนร้านค้า ทานอาหารเบนโตะ แล้วก็แวะชิมขนมฟรีกันหน่อยวันนี้มีความตั้งใจอยากจะกินอาหารที่ไม่เคยลอง ออกสไตล์ญี่ปุ่นนิดๆ จะได้เข้ากับบรรยากาศสักหน่อยเลยมาลงเอยที่ร้านนี้ เพราะหน้าตาอาหารดูดี ภายในร้านก็ตกแต่งสวยงาม แถมราคาอาหารไม่แพงมากร้านนี้มีชื่อว่า Sakadoya  อาหารที่สั่งวันนี้เป็น โซบะเย็น3 สี เสิร์ฟพร้อม เทมปุระ รสชาดใช้ได้ทีเดียว ซัดหมดเกลี้ยงเลย

ได้เวลาทานขนมกันก่อนเดินทางกลับ ช่วงนี้ไม่มีคนต่อคิว เข้าไปยื่นตั๋วที่ได้มาพร้อมกับตั๋วรถไฟ ทางร้านก็จัดสรรให้เข้าไปนั่งและนำขนมโมจิทำร้อนๆ มาเสิร์ฟพร้อมกับชาเขียวเข้มข้น ขนมชนิดนี้มีชื่อเรียกยาวๆว่า Umegaemochi 梅ヶ枝餅 เนื่องจากในขนมโมจิจะมีไส้ถั่วแดงจะหวานมาก จึงต้องจิบชาเขียวไปพลาง เพื่อรสชาดที่กลมกล่อมครับแต่ชาเขียวขมจริงๆ แต่ถ้าใครติดใจในรสชาดขนมจะซื้อติดไม้ติดมือกลับไปก็ได้ 5 ชิ้น 525 เยน ทางร้านห่อจะให้สวยงามอย่างดี เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ >>>Kasa no ya<<<

 

 

 

DazaifuFukuokaKyushuNishitetsuSakuraSpringUmeboshiคิวชูดอกบ๊วยดาไซฟุฟุกุโอกะศาลเจ้า