เส้นทางเที่ยวรอบภุเขาไฟฟุจินั้นมีมากมายหลายเส้นทาง ถ้าหากอยากจะเลี่ยงเส้นทางยอดนิยมอย่างคาวากุจิโกะ ลองออกนอกทิศทางไปบ้าง เมืองโคฟุ และ ฟุจิโนะมิยะ ดูท่าจะเป็นส่วนผสมที่ลงตัว เพราะเป็นเส้นทางขับรถที่ขับง่าย วิวสวยตลอดทาง มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะทั้งประวัติศาสตร์ ทั้งธรรมชาติ และถ้าโชคเข้าข้าง ก็จะได้ชมวิวฟุจิซังได้ตลอดทาง
สำหรับการเช่ารถขับที่ญี่ปุ่นนั้
โดยมีเจ้าหน้าที่คนไทย ที่พร้อมจะอำนวยความสะดวกตั้
เบอร์โทร: 02–251–9648 HOTLINE : 088-678-4999
Line: @japanintouch
Facebook: Japan Intouch
TAT Licence No. 11/08229
เส้นทางขับรถที่นำมาแนะนำในครั้งนี้ ใช้เวลาประมาณ 3 วัน 2 คืน ตั้งต้นจากเมืองโคฟุ ในจังหวัดยะมะนะชิ ที่สามารถเดินทางมาได้ด้วยรถไฟหรือรถบัสจากชินจูกุ หลังจากนั้นทำการเช่ารถ และขับเที่ยวในตัวเมืองโคฟุ ข้ามไปหุบเขาโชเซ็นเคียว ก่อนที่ข้ามไปจังหวัดชิซุโอกะ เที่ยวเมืองฟุจิโนะมิยะ และวกย้อนกลับมนอนพักชมวิวฟุจิซังอย่างเต็มอิ่มที่เมืองคาวากุจิโกะ
เมืองโคฟุ (Kofu) ตั้งอยู่บริเวณใจกลางจังหวัดยะมะนะชิ เป็นเมืองที่มีความสำคัญและรุ่งเรืองอย่างมากในยุคสมัยเซ็งโงะกุ เป็นศูนย์กลางทั้งในด้านการเมือง การปกครอง ด้านวัฒนธรรมและการคมนาคมขนส่ง อีกทั้งยังมีความเกี่ยวข้องกับไดเมียวคนสำคัญ อย่างท่าน Takeda Shingen ผู้นำแห่งตระกูลทะเคะดะ ที่ได้รับยกย่องว่าเป็นไดเมียวที่ยิ่งใหญ่และกล้าหาญที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
นอกจากเมืองโคฟุจะมีชื่อเสียงในด้านของประวัติศาสตร์แล้วนั้น เมืองนี้ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของทัศนียภาพที่สวยงามอย่าง หุบเขาโชเซนเคียว (Shosenkyo Gorge) ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในหุบเขาที่สวยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น มีชื่อเรียกเต็มๆในชื่อของหุบเขามิตะเกะ โซเซนเคียว (Mitake Shosenkyo) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในอุทยานแห่งชาติชิชิบุทะมะไค (Chichibu Tama Kai National Park) กินพื้นที่ผืนป่ากว่า 1,250 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมหลายจังหวัดทั้งยะมะนะชิ, ไซตะมะ, นะงะโนะ และโตเกียว
นอกจากทัศนียภาพของผืนป่าที่สวยงามแล้ว พืชพันธุ์ของที่นี่ก็ยังมีความสวยงามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปตามแต่ละฤดูกาล ไม่ว่าจะเป็นดอกซากุระในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ดอกอาซาเลียในช่วงต้นฤดูร้อนและความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีไปทั่งทั้งผืนป่าในช่วงของฤดูใบไม้ร่วง
แวะชิมซอฟท์ครีมรสบลูเบอร์รี่เติมพลังก่อนเดินขึ้นเขา
อีกทั้งกิจกรรมการเดินไต่เขาตามเส้นทางการเดินป่า ไปถึง น้ำตกเซนงะทะกิ (Sengataki waterfall) น้ำตกที่สวยงามแห่งนี้มีความสูงถึง 31 เมตร และได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 น้ำตกที่สวยที่สุดของประเทศ ด้านบนของน้ำตกยังเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านเล็กๆ ทีมีร้านค้า ร้านอาหารไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยว
ไม่ไกลกันเป็นที่ตั้งของ กระเช้าโชเซนเคียว (Shosenkyo Ropeway) ที่สามารถขึ้นไปสัมผัสกับความงามของวิวทิวทัศน์อันงดงามของเทือกเขาแอลป์ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น ในวันที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งจะสามารถมองไปได้ไกลถึงภูเขาไฟฟูจิเลยทีเดียว
วิวของเมืองโคฟุจากยอดเขา
เมืองโคฟุ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่สามารถปลูกองุ่นได้ผลผลิตเป็นจำนวนมากที่สุดในญี่ปุ่น ที่นี่จึงเต็มไปด้วยไร่ไวน์ อาทิ Sadoya Winery, Bordeaux Winery ที่จะมีโซนที่เปิดเป็นร้านอาหาร พร้อมตกแต่งในบรรยากาศสไตล์ยุโรป สามารถเลือกหาซื้อไวน์ชั้นดีในราคาย่อมเยาว์ได้ที่นี่
ซึ่งพื้นที่แถบนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจาด หมู่บ้านน้ำพุร้อนอิซะวะ (Isawa Onsen) ซึ่งจะมีเรียวกังและบ่อน้ำพุร้อนให้บริการ และยังเข้าถึงได้ด้วยรถไฟจากชินจูกุอีกด้วย
กลับมาที่ตัวเมืองโคฟุ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ย้อนรอยประวัติศาสตร์ได้ คือที่ วัดไคเซนโคจิ (Kai-Zenkoji) วัดพุทธศาสนาในนิกายโจโด ซึ่งมีต้นแบบการการสร้างวัดมาจาก วัดเซนโคจิในจังหวัดนะงะโนะ ความพิเศษของวัดแห่งนี้จะมีภาพของมังกร ที่ไม่ว่าเราจะเดินไปจุดไหนก็จะเหมือนว่ามังกรนั้นจะจ้องเราอยู่เสมอ และการเดินเข้าไปในห้องที่มีลักษณะเป็นทางวน มืดสนิท ใช้มือคลำกำแพงไปจนกว่าจะพบกับทางออก เปรียบเสมือนกับการที่เราได้แก้ปัญหาในชีวิตแล้วก็จะได้พบกับแสงสว่างคล้ายกับการได้เกิดใหม่อีกครั้ง
สวนปราสาทไมซุรุ (Maizuru Castle Park) ที่ตั้งของอดีตปราสาทโคฟุ มีอายุยาวนานกว่า 400 ปี สร้างขึ้นเมื่อปลายศตวรรษที่ 16 ต่อมาหลังจากการล่มสลายของตระกูลทาเคดะ เปิดให้คนทั่วไปเข้าชมส่วนหนึ่งของซากปราสาทที่ยังคงหลงเหลืออยู่ และได้ถูกสร้างขึ้นเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาตร์และใช้เป็นสถานที่ไว้พักผ่อนสำหรับประชาชน
ด้านในเป็นร้านค้า ร้านอาหาร รวมถึงคาเฟ่ ที่สามารถแวะฝากท้องได้
ซอฟท์ครีมรสพีช แสนอร่อย
จบการเดินทางในเมืองโคฟุ จังหวัดยะมะนะชิ เราขับรถออกเดินทางข้ามไปยัง จังหวัดชิซึโอกะ เที่ยวเมืองฟุจิโนะมิยะ (Fujinomiya) เมืองที่ได้รับการกล่าวขานว่า “ไม่ว่าคุณจะยืนอยู่ที่จุดไหนของเมือง ก็จะสามารถมองเห็นภูเขาฟุจิได้ทุกที่”
ระหว่างทางสามารถแวะที่ Asagiri Kogen Milkland ตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบโมโตสุโกะ (Motosuko Lake) ที่นี่คือรีสอร์ทฤดูร้อน ที่นักท่องเที่ยวส่วนมากมักจะมาทำกิจกรรมตั้งแคมป์ กระโดดร่ม ตีกอล์ฟและกิจกรรมต่างๆมากมายพร้อมวิวที่สวยจับใจ โดยเฉพาะในช่วงหมอกยามเช้าทั่วบริเวณ เพลิดเพลินไปกับทุ่งหญ้ากว้างสีเขียวขนาดใหญ่
ถ่ายคู่กับรถคู่ใจของทริปนี้ จองล่วงหน้า ราคาถูกกว่าที่ไหน ได้ที่นี่ >> Japan Intouch
และเมื่อเดินทางถึงเมืองฟุจิโนะมิยะ สถานที่ที่ต้องแวะสักการะให้ได้นั่นคือที่ ศาลเจ้าฟุจิซังฮงงูเซ็นเก็งไทชะ (Fujisan Hongu Sengen Taisha) ซึ่งศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับการรับเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกในบริเวณพื้นที่ของภูเขาไฟฟูจิ สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพเจ้าอาซามะโนะโอกามิ ซึ่งเชื่อกันว่าสถิตย์อยู่บริเวณปากปล่องภูเขาไฟ อีกทั้งยังมีความเชื่อว่าว่าศาลเจ้าแห่งนี้จะช่วยไม่ให้ภูเขาฟุจิเกิดการปะทุอีกด้วย
และสถานที่ท่องเที่ยวทางะรรมชาติที่มีชื่อเสียงอีกแห่งคือ น้ำตกชิราอิโตะ (Shiraito Waterfall) มีความหมายว่า น้ำตกด้ายสีขาว มีที่มาจากม่านน้ำตกที่ไหลลงมาเสมอกัน ราวกับด้ายสีขาวที่ทอเรียงตัวกัน มีความยาวกว่า 70 เมตร ช่วงที่สวยที่สุดของน้ำตกแห่งนี้คือในฤดูร้อนที่พืชพันธุ์ต่างๆเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ให้ความรู้สึกเขียวชอุ่มและปริมาณน้ำที่มาก อีกทั้งในช่วงของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ใบไม้ต่างพร้อมใจกันเปลี่ยนเป็นสีส้มสลับแดงช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับน้ำตกแห่งนี้ไม้แพ้กัน และในวันที่ฟ้าเปิดกว้าง จะได้พบกับฟุจิซังที่เบื้องหลังของน้ำตกแห่งนี้อีกด้วย
ปิดท้ายมาพักค้างคืนที่โรงแรมริมทะเลสาบคาวากุจิโกะ แช่ออนเซ็นชมวิวฟุจิซังให้หนำใจ และถ้าใครที่มีเวลาอีกสัก 1 วัน ก็สามารถเดินทางท่องเที่ยวรอบทะเลสาบได้ ไม่ว่าจะเป็น งานเทศกาลชมดอกชิบะซากุระ ล่องเรือที่ทะเลสาบยะมะนะกะ หรือจะแวะเที่ยวสวนสนุก Fuji-Q ส่งท้าย ก่อนกลับเข้าโตเกียวก็ได้เช่นกัน