เมือง “คะมะคุระ” ตั้งอยู่ในจังหวัด Kanagawa เมืองนี้นอกจากจะมีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายร้อยปี ยังมีความสำคัญกับญี่ปุ่นในอดีตอย่างมาก โดยเฉพาะบทบาทที่โดดเด่นในด้านการเมือง เป็นอดีตศูนย์กลางทางการเมืองของญี่ปุ่น แต่งตั้งโดยท่านโชกุน Minamoto Yoritomo เมื่อปี 1192 หรือราว 800 กว่าปีมาแล้ว แม้อำนาจของคณะรัฐบาลคะมะคุระจะลดบทบาทลงในศตวรรษที่ 14 เมืองคะมะคุระแห่งนี้ ยังคงยืนหยัดเป็นศูนย์กลางทางการเมืองของประเทศให้กับเมืองหลวงอย่างเกียวโตสืบมา
ทุกวันนี้ ถึงแม้จะไม่ได้มีบทบาทหน้าที่เดิม แต่ยังคงเป็นเมืองที่มีความสำคัญในการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น ถึงกับขนานนามให้คะมะคุระ เป็นเมืองพี่เมืองน้องของเกียวโต หรือ เกียวโตแห่งญี่ปุ่นตะวันออก อีกด้วย
วิธีการเดินทาง โดยรถไฟ JR จากสถานี Tokyo นั่งสาย JR Yokosuka หรือจากสถานี Shinjuku นั่งรถไฟสาย JR Shonan Shinjuku ทั้งสองวิธี ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ค่ารถ 890 เยน
ถ้าใครเที่ยวโดยใช้ Enoshima-Kamakura Freepass (ราคา 1,470 เยน) จากสถานี Shinjuku ใช้เวลา 90 นาที ซึ่งวิธีนี้ จะจ่ายน้อยกว่าแต่ใช้เวลาเดินทางมากกว่า แต่ถ้าใครมาเที่ยว Enoshima ด้วยอยู่แล้ว จากสถานี Enoshima ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที เท่านั้น
เป้าหมายแรกของเราคือ Great Buddha หรือ Daibutsu 大仏 แห่งคะมะคุระ ต้องลงที่สถานี Hase 長谷 ซึ่งจะถึงก่อนป้าย Kamakura ที่เป็นป้ายสุดสาย เมื่อถึงสถานีแล้วเดินมุ่งหน้าไปตามถนนที่ทอดยาวด้านหน้าได้เลย (ภายในโซนเมืองมีรถบัสให้บริการรับส่งตามที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ ซึ่งพาสไม่สามารถใช้ขึ้นได้ ต้องซื้อตั๋ววันราคา 550 เยน)
บริเวณที่ตั้งของ Daibutsu นั้น เดิมทีเป็นที่ตั้งของวัด Kōtokuin 高徳院 วัดแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1252 แต่ได้เกิดความเสียหายหลายครั้งจากไต้ฝุ่น และเสียหายมากที่สุดจากเหตุการ์ณสึนามิ เมื่อปี 1495 ทำให้ตัวอาคารวัดนั้นพังทลายหายไป เหลือเพียงแต่องค์พระ Daibutsu อยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง สร้างความประหลาดใจให้กับชาวญี่ปุ่น และเลื่อมใสในความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ที่ได้ปกปักรักษาเมืองคะมะคุระตลอดมา ค่าเข้าชมคนละ 200 เยน ด้านในมีสวนญี่ปุ่นร่มรื่นย์ตลอดสองข้างทาง
Daibutsu ทำจากทองสำริด มีความสูง 13.35 เมตร หนักถึง 93 ตัน ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของญี่ปุ่น รองจากองค์โตที่วัดโทไดจิ เมืองนาระ สามารถเข้าไปด้านในองค์พระได้ (ค่าเข้าชม 20 เยน)
จุดหมายต่อไปของเราไม่ไกลจาก Kotoku-in เท่าไรนัก ให้เดินย้อนกลับมาทางเดิม แล้วตามป้ายบอกทาง เพื่อไปสักการะเจ้าแม่กวนอิมที่ วัด Hasedera 長谷寺 หรือชื่ออย่างเป็นทางการ คือ Kaikōzan Jishōin Hase-dera (海光山慈照院長谷寺)
ในอดีตกาลนานมาแล้ว มีพระองค์หนึ่งนามว่า Tokudo Shonin ค้นพบต้นการบูน (หรือ Kusunoki 楠) ขนาดใหญ่ ในป่าแถวหมู่บ้านฮาเซะ เมืองนาระ ท่านคิดว่าด้วยขนาดของไม้ต้นนี้น่าจะสามารถแกะสลักเป็นองค์พระพุทธรูปได้ถึง 2 องค์ และพระพุทธรูปที่ท่านว่านั้นคือ องค์เจ้าแม่กวนอิม (เทพคันนง) 11 เศียร หรือ Statue of Eleven-Headed Kannon
โดยองค์หนึ่งอยู่ไว้ที่วัด Hasedera เมืองนาระ และ อีกองค์หนึ่งถูกลอยลงสู่ทะเล ด้วยคำภาวนาหวังว่า ท่านเทพคันนงจะคอยปกป้องรักษาชาวบ้านเมื่อท่านลอยไปถึงฝั่ง หลังจากนั้นอีก 15 ปีให้หลัง รูปแกะสลักได้ลอยไปถึงชายฝั่ง Nagai คาบสมุทร Miura อีกด้านหนึ่งของเมือง Kamakura จึงได้อัญเชิญท่านมาที่เมือง Kamakura และสร้างวัด Hasedera ถวายแก่ท่าน และวัดแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ลำดับที่ 4 จากทั้งหมด 33 แห่งที่เรียกกันว่า Bandō Sanjūsankasho 坂東三十三箇所
ถ้าดูจากแผนผังคร่าวๆด้านบน จะเห็นถึงอาณาเขตอันกว้างใหญ่ และต้องเดินขึ้นบันไดไปอาคารวัดที่อยู่ด้านบนสุด เจ้าแม่กวนอิมประทับอยู่ด้านในอาคารนี้ครับ (ภายในห้ามถ่ายรูป)
ระหว่างทางเดินลง มีป้ายบอกทางให้เข้าไปในถ้ำ ที่ด้านในเป็นที่ประทับของท่าน Benten (องค์เดียวกับที่เกาะ Enoshima)
จุดหมายสุดท้ายของวันนี้คือ วัดที่มีความสำคัญที่สุดหรือวัดหลวงแห่งเมืองคะมะคุระ Tsurugaoka Hachiman-gu Shrine 鶴岡八幡宮 ให้นั่งรถไปที่สถานี Kamakura สุดสาย มองหาเสาโทริอิสีแดง และเดินตามทางไปเรื่อยๆ ก็จะพบกับทางเข้าของศาลเจ้าเองครับ
วัดแห่งนี้สร้างขึ้นโดยท่าน Minamoto Yoriyoshi เมื่อปี 1063 ต่อมาได้สร้างขึ้นใหม่ให้ใหญ่โตขึ้น และย้ายมายังสถานที่ปัจจุบัน โดยท่านโชกุนคนแรกของรัฐบาลคะมะคุระ Minamoto Yoritomo เมื่อปี 1180 เพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้าประจำตระกูลมินะโมะโตะ มีชื่อเรียกว่า Hajiman 八幡
ทุกเดือนเมษายน จะมีการจัดงานเทศกาลยิ่งใหญ่แห่งปี Kamakura-Matsuri 鎌倉祭り
วัดเปิดให้เข้าชมถึง 20.30 น. และไม่เสียค่าเข้าชม