ทริปนี้เป็นการเดินทางเก็บสถานที่ไฮไลท์ใน ภูมิภาคจูบุ (Chubu) แบบรวบรัด ใช้เวลา 5 วัน 4 คืน ตั้งต้นการเดินทางจากเมือง นาโงยะ (Nagoya) ออกไปเที่ยวเมืองเคียงข้างที่ โอคาซากิ (Okazaki) แวะชมงานประดับไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นที่เมือง คุวะนะ (Kuwana) และเดินทางไปยังจุดหมายยอดฮิตตลอดกาลอย่าง ทาคายามะ (Takayama) และชมงานประดับไฟที่หมู่บ้าน ชิราคาวะโก (Shirakawago) ด้วยทัวร์รถบัสแบบไปเช้าเย็นกลับจากนาโงยะ
ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ บินตรงสู่ สนามบินนานาชาติจูบุเซ็นแทร์ (Chubu Centrair International Airport) อ่านรีวิวสนามบินได้ >> ที่นี่ หลังจากนั้นขึ้นรถไฟ Meitetsu Mu-SKY ขบวนด่วนพิเศษ เข้าสู่ตัวเมืองที่สถานี Nagoya ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ทำการฝากกระเป๋าที่โรงแรมใกล้กับสถานี และไม่รอช้า พวกเราก็เริ่มออกเดินทางไปยังจุดหมายเเรกกันเลยที่ วัดโอสุคันนง
เช้านี้มีเปิดตลาดนัดขายของเก่าของสะสมกันด้วย
วัดโอสุคันนง (Osu Kannon Temple) เป็นที่ประดิษฐานของเจ้าแม่กวนอิม เทวรูปเก่าแก่สร้างขึ้นจากไม้ และเป็นวัดประจำตระกูลโอดะ ตั้งอยู่ในย่านโอสุ เมืองที่ผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์โบราณและวัฒนธรรมยุคใหม่ เป้นย่านการค้ายอดนิยม เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้ง ทานอาหาร และชมวัฒนธรรมได้อย่างเต็มที่
หลังจากนั้นก็เดินต่อมายังทางเชื่อมไปยังย่าน ถนนช้อปปิ้งโอสุ (Osu Shopping District) ระหว่างทางสามารถแวะขอพรที่ ศาลเจ้าฟูจิเซ็นเง็น (Fuji Sengen Shrine) ได้ โดยศาลเจ้าแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งแต่ปีค.ศ.1495 จะมีรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกและแนวเสาโทริอิสีแดง ตามธรรมเนียมของศาลเจ้าอินาริ ที่รู้จักกันดีในเกียวโต
เริ่มเข้าสู่ถนนช้อปปิ้ง ด้านหน้าเป็นตึก Komehyo ร้านขายสินค้าแบรนเนมมือสองที่ใหญ่ที่สุดในนาโงยะ มีแต่ของดีๆทั้งนั้น
เมื่อเดินไปจนสุดถนนจะได้พบกับอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของย่านนี้คือ แมวนางกวักหรือมากิเนโกะ นั่นเอง
อีกหนึ่งเป้าหมายที่ตั้งใจมากในทริปนี้ก็คือ เดินทางมาสักการะรัชกาลที่ 5 ที่ วัดนิตไทจิ (Niitaiji Temple)
วัดแห่งนี้เป็นวัดที่เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่นมาอย่างช้านาน สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ. 1904 เพื่อใช้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งประเทศไทยหรือสยามในครั้งนั้นได้มอบเป็นของขวัญให้แก่ประเทศญี่ปุ่นในปีค.ศ. 1900
ด้านนอกเป็นที่ตั้งของพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร. 5)
ด้านในเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธศากยมุณี
ที่ระฆังจะมีสลักพระปรมาภิไธย จปร (ร.5) และ ภปร (ร.9)
ต่อจากนั้นเดินทางมาชมพระราชวังที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นคือ พระราชวังฮมมารุ (Hommaru Palace) ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของปราสาทนาโงยะ
และปิดท้ายวันด้วยการชมแสงไฟที่ หอคอยโทรทัศน์นาโงยะ (Nagoya TV Tower) หอคอยส่งสัญญาณโทรทัศน์ที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น สร้างเสร็จเมื่อปี 1954 มีอายุมากกว่าโตเกียวทาวเวอร์ ตั้งอยู่ในย่านกลางเมืองที่ชื่อว่า ซาคาเอะ (Sakae)
และถ้ามาถึงนาโงยะแล้ว สิ่งที่จะพลาดไม่ได้คือ การกินเมนูเทบาซากิ หรือปีกไก่ทอด นั่นเอง โดยร้านที่มีชื่อเสียงมากๆคือ ยามะจัง (Yamachan) ที่มีสาขามากมาย หาได้ง่าย เดินไปไหนก็เจอ
เช้าวันต่อมา เราขึ้นรถไฟ JR สาย Tokaido จากสถานี Nagoya วิ่งตรงมาลงที่ สถานี Okazaki ใช้เวลา 30 นาที
โดยมีจุดหมายอยู่ที่ ปราสาทโอคาซากิ (Okazaki Castle) ที่นำมาใช้ทำเป็นลายฝาท่อของเมือง
ปราสาทโอคาซากิ (Okazaki Castle) ตั้งอยู่ในเมืองโอคาซากิ (Okazaki) จังหวัดไอจิ (Aichi) ในอดีตช่วงปลายยุคเอโดะ เป็นที่อยู่ของตระกูลฮนดะ ไดเมียวของแคว้นโอคาซากิ และมีความเกี่ยวโยงกับโชกุน Tokugawa Ieyasu อีกด้วย ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ราวต้นเดือนเมษายน ที่สวนรอบปราสาทและตลอดแนวแม่น้ำสองข้างทางจะเป็นจุดชมซากุระที่งดงามมาก
มุมสะพานแดงข้ามไปตัวปราสาทเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม
หอชมวิวชั้นบนสุด
วันต่อมาใช้บริการทัวร์รถบัสแบบ 1 Day tour หรือไปเช้าเย็นกลับ โดยมีจุดหมายคือไปชมงาน Shirakawago Light Up นั่นเอง ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่า ถ้าจะไปชมงานนี้เราจะต้องจองผ่านทัวร์รอบพิเศษที่ได้รับอนุญาตให้พาเราเข้าไปชมงานในช่วงเวลาที่เปิดไฟประดับได้เท่านั้น งานนี้เราจึงไม่รอช้า รีบทำการจองทันทีตั้งแต่วันแรกที่มีประกาศทัวร์ออกมา โดยเราเลือกทัวร์ที่พาเดินทางไปจากเมืองนาโงยะ แวะเที่ยวช่วงบ่ายที่เมืองทาคายามะ ก่อนที่จะเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านชิราคาวะโกในช่วงเย็นครับ
หลังจากรวมตัวกันที่สถานี Nagoya ขึ้นรถบัสตามคันและที่นั่งที่กำหนดไว้ ออกเดินทางวิ่งตรงสู่เมือง ทาคายามะ (Takayama) ทันที โดยแวะสถานที่แรกคือที่ พิพิธภัณฑ์เทศกาลทาคายามะ (Takayama Matsuri Museum) ที่ตั้งอยู่นอกใจกลางเมืองเก่า เพื่อแวะพักทานอาหารเที่ยงกันก่อน และหากมีเวลาเหลือก็จะมีเวลาอิสระให้เดินเข้าไปชมด้านในพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเกี้ยวแห่ในเทศกาลทะคะยะมะได้
หลังจากนั้นก็นั่งรถบัสต่อมา เดินเล่นในเขตย่านการค้าเก่า ซันมะจิ-ซุจิ (Sanmachi-Suji) ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่ยุคสมัยเอโดะ และยังรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของบ้านเรือนเก่า โดยบรรดาร้านค้าและอาคารต่างๆ ได้รับการอนุรักษ์สภาพของบ้านโบราณไว้ให้คงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ร้านค้าส่วนใหญ่จะเริ่มเปิดทำการตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไปถึงเวลาประมาณ 17.00 น.
แค่เดินเล่นหาของทานกรุบกริบตลอดทางก็ฟินแล้ว
และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา รถบัสก็พาเราออกเดินทางมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านมรดกโลก ชิราคาวะโก (Shirakawago) ทันที ซึ่งช่วงที่เราไปถือว่าเป็นช่วงพีคของสถานที่แห่งนี้ คนจะแน่นทุกพื้นที่ และ รถก็จะติดมาก ถ้าใครไปเองก็ควรเผื่อเวลาเอาไว้ให้มากหน่อย ดูรายละเอียดงาน Shirakawago Light Up >> ที่นี่
เมื่อเข้าสู่เวลาประมาณ 17.30 น. ภายในหมู่บ้านจะเริ่มเปิดไฟกันทีละหลัง จำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มลดลง เนื่องจากจะมีนักท่องเที่ยวบางกลุ่มที่ต้องออกจากหมู่บ้านก่อน 5 โมงเย็น เนื่องจากรอบรถบัสจะหมด และจะเหลือเฉพาะบางกลุ่มที่ได้รับอนุญาตให้ชมในส่วนของการจัดแสดงไฟได้ต่อ
หมายเหตุ: ทัวร์ที่เราเลือกใช้บริการในครั้งนี้ ออกเดินทางจากนาโงยะ และแวะเที่ยวที่ทาคายามะก่อน จึงทำให้เดินทางมาถึงหมู่บ้านชิราคาวะโกในช่วงเย็น ทำให้ไม่สามารถไปรับบัตรเพื่อขึ้นไปจุดชมวิวได้ทัน ดังนั้นถ้าหากใครอยากชมหมู่บ้านช่วงเวลาประดับไฟในมุมสูง แนะนำให้เลือกจองทัวร์จากทาคายามะ หรือ คานาซาวะ ที่เดินทางมาถึงหมู่บ้านในช่วงเที่ยวหรือไม่เกินบ่ายโมง เพื่อที่ทางรถทัวร์จะได้ไปต่อคิวรับบัตรพาเราขึ้นไปถ่ายรูปด้านบนได้ครับ
และเมื่อฟ้าเริ่มมืดเราก็จะได้ดื่มด่ำความสวยงามของหมู่บ้านแห่งนี้ในอีกมุมมอง
แต่ก็ต้องยอมรับว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเยอะซะจนทำให้บรรยากาศของเมืองที่เคยสงบเงียบและมีเสน่ห์ค่อยๆเลือนหายไปทีละนิด
ส่วนโปรแกรมปิดท้ายของทริปนี้ เราเดินทางมาชมงานเทศกาลประดับไฟหน้าหนาวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของญี่ปุ่น นาบานะโนะซาโตะ (Nabana no Sato) ที่จะเริ่มจัดตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงไปจนถึงฤดูใบไม้ผลิ จัดขึ้นที่ธีมพาร์คสวนดอกไม้และสวนน้ำชื่อดังที่ Nagashima Resort เมืองคุวะนะ (Kuwana) ในจังหวัดมิเอะ ดูรายละเอียดงาน >> ที่นี่
ปีนี้ครบรอบ 20 ปี เลยมีการจัดธีมพิเศษมีคุมะมง (Kumamon) เป็นพระเอกของงาน
อุโมงค์ไฟสุดอลังการที่ใครๆเห็นแล้วต้องอยากมาสักครั้ง
ภาพคู่กับอุโมงค์ไฟที่เราต้องมี
และเมื่อเดินสุดปลายอุโมงค์ก็จะได้พบกับโชว์แสงสีเสียง ดูคุมะมงเต้น น่ารักสุดๆ
ขากลับเดินผ่านอีกทาง ก็จะเป็นอุโมงค์ดอกไม้ สลับเปลี่ยนสีสันอย่างสวยงาม
ที่จุดขายของฝาก มีของที่ระลึกจากคุมะมงเยอะแยะมากมาย และนี่คือสิ่งที่เราชอบมากที่สุด ก็คือกระปุกออมสินคุมะมง ที่วางเงินไปแล้ว คุมะมงจะแอบเอามือขึ้นมาเขี่ยเหรียญของเราลงไปเก็บให้ คาวาอี้~