มาเดินทางท่องเที่ยวกันที่บริเวณใจกลางของประเทศที่ ภูมิภาคจุบุ (Chubu) ซึ่งช่วงที่เราไปนั้นเป็นช่วงปลายของฤดูใบไม้ร่วง ทำให้เรายังได้เห็นบรรยากาศของใบไม้เปลี่ยนสีทั่วไปตามสถานที่ต่างๆที่เราไปเยือน โดยในตอนนี้จะพาไปเที่ยวจุดหมายยอดนิยมที่ จังหวัดกิฟุ (Gifu)
ภูมิภาคจุบุ (Chubu) ประกอบไปด้วย 9 จังหวัด คือ Niigata, Toyama, Ishigawa, Fukui, Yamanashi, Nagano, Gifu, Shizuoka และ Aichi หากจะให้พูดถึงชื่อสถานที่ท่องเที่ยวที่คุ้นเคยในบริเวณนี้ ก็คือ ภูเขาฟุจิ, นะโงะยะ, ทะคะยะมะ, หมู่บ้านมรดกโลกชิระคะวะโกะ นั่นเองครับ
สามารถอ่านรีวิวตอนที่แล้วได้จากที่นี่ >> ตะลุยใจกลางญี่ปุ่น ปลายฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ตอน 1 : จังหวัดมิเอะ (Mie)
เช้าวันที่ 3 ของการเดินทาง เราเดินทางจาก จังหวัดมิเอะ สู่ จังหวัดกิฟุ ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของเมืองนะโงะยะ เต็มไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ แวดล้อมรอบด้วยภูเขาและแม่น้ำ
อีกหนึ่งสถานที่ที่เป็นอีกหนึ่งในภาพจำของประเทศญี่ปุ่น ที่ใครๆต่างก็อยากที่จะมาเยือนสักครั้ง หมู่บ้านมรดกโลกชิราคะวะโก (Shirakawa-go) หมู่บ้านแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมโดยองค์กรยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ.1995 ด้วยเอกลักษณ์ของบ้านมุงหลังคาด้วยหญ้าฟางคายะบุกิสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม “กัชโชซึคุริ” (รูปทรงคล้ายการพนมมือ) ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก
หมู่บ้านแห่งนี้จะสวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูหนาว โดยเริ่มต้นตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นไป จะมีหิมะปกคลุมขาวโพลนไปทั้งหมู่บ้าน และหากเดินทางมาในช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ ในช่วงเวลากลางคืนตั้งแต่ห้าโมงเย็นเป็นต้นไป จะมีการจัดงานเทศกาลประดับไฟฤดูหนาว Shirakawa-go Light Up ที่ทั่วทั้งหมู่บ้านจะถูกประดับประดาไปด้วยไฟทั่วหมู่บ้าน อ่านรายละเอียด >> ที่นี่
ร้านค้าหน้าตาน่ารักๆ ภายในหมู่บ้าน
นักท่องเที่ยวสามารถโดยสารรถชัตเติ้ลบัสภายในหมู่บ้านเพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิว Ogi-machi Castle Ruin Observation Area
ภาพบรรยากาศมุมสูงของหมู่บ้านมรดกโลกชิราคะวะโก
หมู่บ้านมรดกโลกชิราคะวะโก (Shirakawa-go)
เวลาทำการ : ร้านค้าส่วนใหญ่จะเริ่มเปิดทำการตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไปถึงเวลาประมาณ 17.00 น.
วิธีเดินทาง : เริ่มจากสนามบินนาโงยะ หรือ สนามบินจูบุ เซ็นแทร์ (Chubu centrair international airport) ด้วยรถไฟสาย Meitetsu ราคา 870 เยน แล้วต่อ รถบัสที่ Meitetsu bus center ไปลงชิระคะวะโก ราคา 3,600 เยน หรือเดินทางจากเมืองทะคะยะมะ โดยขึ้นรถที่ Takayama Nohi Bus center Platform 4 ลงที่ชิราคาวะโกะ ค่ารถราคา 2,470 เยน
เว็บไซต์ : SHIRAKAWAGO
จากนั้นเดินทางไปสัมผัส ย่านการค้าเก่าซันมะจิ-ซุจิ (Sanmachi-Suji) ที่ เมืองทะคะยะมะ (Takayama)
ย่านการค้าเก่าแก่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาตั้งแต่ยุคสมัยเอโดะ ที่ยังรักษาความเป็นเอกลักษณ์ของบ้านเรือนเก่า โดยบรรดาร้านค้าและอาคารต่างๆ ได้รับการอนุรักษ์สภาพของบ้านโบราณไว้ให้คงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน
คิวหน้าร้านซูชิเนื้อฮิดะที่เนืองแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยว
ซูชิเนื้อฮิดะ
ใครคนที่ชอบทานเนื้อวัวน่าจะถูกใจกับ เนื้อฮิดะ อีกทั้งซาลาเปาร้อนๆ และขนมดังโงะย่างราดซอสรสชาติกลมกล่อม สำหรับใครที่ชอบงานแฮนด์เมดอย่างงานไม้เคลือบเงา งานไม้แกะสลัก งานเซรามิกและเครื่องเคลือบลายครามต้องไม่พลาดสินค้าขึ้นชื่อของเมืองนี้ และสำหรับมื้อเที่ยงวันนี้ เรามาลองเซทสุกี้ยากี้เนื้อฮิดะ
ปิดท้ายด้วยของหวานเย็นๆ เพิ่มความสดชื่น
ย่านการค้าเก่าซันมะจิ-ซุจิ (Sanmachi-Suji) ร้านค้าส่วนใหญ่จะเริ่มเปิดทำการตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไปถึงเวลาประมาณ 17.00 น.
การเดินทางมายังทะคะยะมะ
- เริ่มจากสนามบินนาโกย่าหรือสนามบินจูบุ เซ็นแทร์ (Chubu Centrair International Airport) ด้วยรถไฟสาย Meitetsu ราคา 870 เยน แล้วต่อ รถบัสที่ Meitetsu bus center ไปลง Takayama ราคา 2,980 เยน หรือจาก Shirakawa-go ขึ้นรถบัส Nohi Bus วิ่งตรงไปยัง Takayama ใช้เวลาประมาณ 50 นาที
- หากเดินทางมาจากจังหวัด Gifu โดยสารรถไฟ JR สาย LTD.Exp Hida จากนั้นมาลงที่สถานี Takayama แล้วเดินมาอีกประมาณ 800 เมตร ก็จะเข้าสู่ย่านการค้าเก่าซันมะจิ-ซุจิ (Sanmachi-Suji)
เว็บไซต์ : HIDA-THAI
และปิดท้ายวันด้วยการเข้าพักแช่หมู่บ้านน้ำพุร้อนที่ เกโระอนเซ็น (Gero Onsen) ที่หมู่บ้านอนเซนแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 3 แหล่งอนเซนที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น
สัญลักษณ์ของเมืองเกโระอนเซ็น
เมืองเกะโระ ตั้งอยู่ระหว่างเมืองนะโงะยะ และเมืองทะคะยะมะ โด่งดังในเรื่องของการเป็นแหล่งท่องเที่ยวพักผ่อนทางธรรมชาติ อีกทั้งน้ำพุร้อนของที่นี่ยังมีสรรพคุณช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น ช่วยฟื้นฟูความเหนื่อยล้าและช่วยให้สุขภาพดี นอกจากนี้ยังช่วยให้ผิวพรรณนุ่มลื่นนวลเนียน คนญี่ปุ่นจึงเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า “บิจิน โนะ ยุ” หรือมีความหมายว่า “ออนเซ็นแห่งความงาม”
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้พักค้างคืนที่อนเซน สามารถมาใช้บริการแช่บ่อน้ำร้อนสาธารณะได้อีกด้วย วิธีที่ดีที่สุดในการใช้ห้องอาบน้ำ คือการซื้อตั๋วสปา Yumeguri Tegata หาซื้อได้จากสำนักงานการท่องเที่ยว เรียวกัง ร้านขายของที่ระลึก และร้านสะดวกซื้อ ในราคา 1,300 เยน สามารถใช้บริการอนเซ็นใดก็ได้ 3 แห่งรอบๆเมือง อาทิเช่น Funsenchi Onsen, Shirasagi no Yu Onsen และ Sachinoyu Onsen นอกจากนี้ยังมีจุดสำหรับให้แช่เท้าฟรีอีกด้วย
วิธีการเดินทาง :
- จาก Nagoya: นั่งรถไฟ JR Wide View Hida Ltd. Exp.ใช้เวลา 90 นาที / 4,500 เยน (JR pass ใช้ได้)
- รถไฟ Takayama นั่ง JR Wide View Hida Ltd. Exp. ใช้เวลา 45 นาที / 2,000 เยน หรือLocal train ใช้เวลา 1 ชม. / 970 yen เยน (JR pass ใช้ได้)
- รถบัสจาก Takayama สามารถขึ้นได้จากท่ารถบัสหน้าสถานีรถไฟ รถออกทุก 1-2 ชม. ใช้เวลา 90 นาที / 1,040 เยน
- Shuttle bus วิ่งตรงจาก Nagoya ถึง Gero ใช้เวลา 2.30 ชม. / เที่ยวเดียว 2,800 เยนและไป–กลับ3,700 เยน ต้องทำการสำรองล่วงหน้า ที่ Gero Bus รอบรถมีเพียงวันละ 1 รอบ ขาไป Nagoya (14.00น.) – Gero (16.30 น.) และขากลับ Gero (10.30 น.) – Nagoya (13.00น.)
เว็บไซต์ : GIFU-GERO
ไม่ไกลจากเกโระอนเซ็น แวะเดินเล่นที่ Ideyu Morning Market ตลาดเช้าที่ชาวบ้านในแถบนั้น ที่จะนำผลผลิตจากอุตสาหกรรมในครัวเรือนมาจัดจำหน่าย อาทิ น้ำแอ้ปเปิ้ลสด ผักผลไม้ต่างๆ เครื่องไม้งานฝีมือเป็นต้น
สินค้าต่างๆภายในตลาดเช้า
ในบริเวณเดียวกันกับตลาดเช้าเป็นที่ตั้งของ หมู่บ้านโบราณเกโระ (Gassho Folk Village) มีลักษณะคล้ายกับที่หมู่บ้านชิระคะวะโก บ้านที่มีหลังคาหญ้าหนาๆ สไตล์กัชโชแบบดั้งเดิมจากภูมิภาคชิราคาวาโกะ ประมาณ 10 หลัง นอกจากเดินชมบ้านสวยๆแล้ว ยังสามารถชมการแสดง และงานศิลปะพื้นบ้านดั้งเดิม อีกทั้งมีบ่อแช่เท้าไว้คอยให้บริการด้วย
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งหมู่บ้านกัสโช (Gero Onsen Gassho-Mura)
เวลาทำการ : 08.30-17.00 น. (ช่วงวันที่ 31 ธันวาคม – 2 มกราคม ปิดเวลา 16.00 น.)
วันหยุด : เปิดทุกวัน
ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ 800 เยน, เด็ก 400 เยน
วิธีการเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Gero-ekimae หรือ Nohi Bus Center โดยสารรถบัสประจำทางสายที่วิ่งผ่าน Gassho Mura ใช้เวลาประมาณ 6 นาที ราคา 100 เยน สำหรับผู้ใหญ่และ 50 เยนสำหรับเด็ก
หรือสามารถเดินจากสถานี รถไฟ JR Gero-ekimae หรือ Nohi Bus Center ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
เว็บไซต์ : GERO-GASSHO
จากนั้นเราเดินทางไปยัง เมืองมิโนะ (Mino) เยี่ยมชมย่านการค้าโบราณ ถนนเมะโนะจิ (Menoji) พร้อมชมหัตถกรรมชื่อดังของเมืองอย่างการผลิตกระดาษสาที่สืบทอดภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ก่อให้เกิดเป็นเทศกาลประดับไฟแห่งเมืองมิโนะที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการผลิตกระดาษมิโนชิ (Minoshi) ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 1,300 ปี โดยเมื่อปี 2014 ที่ผ่านมาได้รับการจดทะเบียนให้เป็นมรดกของชาติทางวัฒนธรรมอีกด้วย
อีกหนึ่งสถาปัตยกรรมที่ทำให้ย่านนี้แตกต่างจากที่อื่น ก็คือเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของ อุดัทสุ (Udatsu) กำแพงห้องแถวไม้สร้างขึ้นกั้นระหว่างบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้ไฟไหม้ลามไปยังบ้านด้านข้าง จะสังเกตเห็นได้จากหลังคากระเบื้องรูปทรงหน้าจั่วที่สร้างครอบแนวกำแพงไม้อย่างละเอียดสวยงาม อีกนัยหนึ่งยังเป็นการแสดงถึงฐานะของเจ้าของบ้านนั้นๆ
ภายในบ้านแต่ละหลังยังคงมีผู้อยู่อาศัยที่สืบทอดกิจการต่างๆของตระกูล ไม่ว่าจะเป็นบ้านของร้านกระดาษและเครื่องเขียน ร้านขายสาเกญี่ปุ่น ร้านตัดผมและอื่นๆอีกมากมาย
อีกหนึ่งบ้านหลังสำคัญของย่านนี้ คืออดีตบ้านแห่งตระกูลอิมาอิ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของเมืองมิโนะ
ความสำคัญของบ้านหลังนี้ก็คือ การเป็นร้านค้ากระดาษเก่าแก่มีชื่อเสียงและใหญ่ที่สุดของเมืองมิโนะในยุคนั้น ภายในจัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับกระดาษของเมืองมิโนะ ข้าวของเครื่องใช้ ห้องหับต่างๆมากมาย โครงสร้างทางสถาปัตยกรรมเก่าแก่ที่ยังคงไว้ในแบบฉบับเดิม
สวนสวยๆด้านในของตัวบ้าน
อดีตบ้านแห่งตระกูลอิมาอิ (Former Imai Residence and Mino Archives)
เวลาทำการ : เวลา 10.00 – 16.30 น. (ช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน) / เวลา 09.00 – 16.00 น. (ช่วงเดือนกันยายนและตุลาคมถึงเดือนมีนาคม)
วันหยุด : ทุกวันอังคาร (เฉพาะช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์) และตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคมถึง 3 มกราคม
ค่าเข้าชม : 300 เยน
วิธีการเดินทาง : จากตัวเมืองนะโงะยะที่ Nagoya Meitetsu Bus Center โดยสารรถ Express Bus มาลงที่ Nagaragawa Railway Minoshi ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
จากตัวเมืองนะโงะยะที่ จากสถานีรถไฟ JR Nagoya > Gifu > Mino-Ota > มาลงที่ Nagaragawa Railway Minoshi ใช้เวลาประมาณ 1.40 ชั่วโมง
เว็บไซต์ : MINO-IMAI RESIDENCE
เมื่อมาถึงถิ่นกระดาษชื่อดังของเมืองมิโนะ อีกหนึ่งสถานที่ที่ไม่อยากให้พลาดเข้าไปชมคือ พิพิธภัณฑ์ศิลปะโคมไฟกระดาษมิโนะ (Mino Washi Akari Art Museum) อย่างที่ทราบกันดีว่ากระดาษมิโนะเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ทางภูมิปัญญาของคนที่นี่ “เทศกาลศิลปะโคมไฟกระดาษมิโนะ (Mino Washi Akari Art Exhibition หรือชื่อภาษาอังกฤษอีกชื่อว่า Mino Washi Lantern Festival)” เทศกาลนี้จึงถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ.1994 ถูกจัดขึ้นเป็นประจำในราวช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี
ภาพขององค์พระจักรพรรดิและพระจักรพรรดินีของประเทศญี่ปุ่น เสด็จมาทอดพระเนตรและเยี่ยมชม
โดยทางเมืองมิโนะจะมีการจัดประกวดออกแบบโคมไฟจากกระดาษมิโนะ ซึ่งในแต่ละปีนั้นจะมีผู้ส่งเข้าประกวดจากทั้งคนญี่ปุ่นเองและนานาชาติหลายพันชิ้นงาน โคมไฟที่ส่งประกวดนี้จะถูกนำมาตั้งจัดแสดงตลอดแนวถนนเมะโนะจิอย่างสวยงาม มีทั้งแบบญี่ปุ่นโบราณ โดยจะจัดขึ้นราว 2 วัน หลังแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ทั่วทั้งย่านเมืองเก่านี้จะเต็มไปด้วยโคมไฟกระดาษมิโนะที่เปิดไฟส่องแสงเป็นรูปทรงต่างๆอย่างสวยงาม
พิพิธภัณฑ์ศิลปะโคมไฟกระดาษมิโนะ (Mino Washi Akari Art Museum)
เวลาทำการ : เวลา 10.00 – 16.30 น. (ช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน)
เวลา 09.00 – 16.00 น. (ช่วงเดือนกันยายน / ตุลาคมถึงเดือนมีนาคม)
วันหยุด : ทุกวันอังคาร (เฉพาะช่วงเดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์) และตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคมถึง 3 มกราคม
ค่าเข้าชม : 200 เยน
วิธีการเดินทาง : จากตัวเมืองนะโงะยะที่ Nagoya Meitetsu Bus Center โดยสารรถ Express Bus มาลงที่ Nagaragawa Railway Minoshi ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
จากตัวเมืองนะโงะยะที่ จากสถานีรถไฟ JR Nagoya > Gifu > Mino-Ota > มาลงที่ Nagaragawa Railway Minoshi ใช้เวลาประมาณ 1.40 ชั่วโมง
เว็บไซต์ : MINO-WASHI AKARI
เยี่ยมชม Sanshu Knife Market ร้านเครื่องมีดซันชู เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องร้านเครื่องมีดชื่อดังต้นตำรับของเมืองเซกิ มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 75 ปี โดยสืบทอดการทำมีดมากว่าสามรุ่น
ที่นี่จำหน่ายทั้งมีด กรรไกร สินค้าเครื่องใช้ของมีคมต่างๆให้เลือกมากมายกว่า 3,000 ชิ้น ภายใต้แบรนด์ “เซกิ โยชิฮิเดะ” และผลิตภัณฑ์หลักๆของเมืองเซกิ นอกจากจะเลือกชมเลือกซื้อสินค้าภายในร้านแล้ว อย่าพลาดชมการแสดงโชว์ฟันดาบซามูไรของวิชาอิไกกิริจากท่านเจ้าของ Kazuhiro Yoshida แบบใกล้ๆได้อีกด้วย
หลังจากชมการแสดงจบ สำหรับใครที่อยากจะซื้อมีดกลับบ้าน อาจจะมีข้อสงสัยว่าจะสามารถนำโหลดลงในกระเป๋าเดินทางกลับบ้านได้หรือไม่ ทางร้านแจ้งว่าเราสามารถซื้อกลับได้ โดยทางร้านจะมีการออกใบรับรองให้ นอกจากนั้นทางร้านยังมีการเวิร์คชอปประดิษฐ์กรรไกรจิ๋วให้เราได้ทดลองทำด้วยตัวเอง อีกสามารถเลือกสีสันได้ตามใจชอบ สนนราคาเพียง 500 เยนเท่านั้น
Hamono-ya Sanshu (Sanshu Knife Market)
เวลาทำการ : 08.30 – 17.00 น. เปิดทำการทุกวัน
ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่าย
วิธีการเดินทาง : จากสนามบินนานาชาติจุบุโดยรถยนต์ 90 นาทีหรือจากเมืองนะโงะยะ ใช้เวลา 45 นาที
เว็บไซต์ : HAMONOYASAN
ก่อนจบทริปของวันนี้ เราเดินทางข้ามไปสู่หมู่บ้าน Asuke ในเมือง Toyota จังหวัด Aichi อีกหนึ่งไฮไลท์ของทริปนี้ที่ไม่อยากให้พลาดชมคือ เทศกาลประดับไฟฤดูใบไม้ร่วงที่หุบเขาโครังเค (Korankei) ชมความสวยงามของต้นเมเปิ้ลมากกว่า 4,000 ต้น ที่ถูกประดับประดาด้วยไฟยามค่ำคืนอย่างงดงาม ภายในพื้นที่ของอุทยานป่าไม้ของจังหวัด Aichi โดยจะมีการจัดแสดงในช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
หุบเขาโครังเค (Korankei) เป็นหุบเขาที่ตั้งติดกับภูเขาอิอิโมริ (Mount Iimori) มีความสูง 254 เมตร ตั้งอยู่ใกล้เมืองนะโงะยะ ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วงที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของภูมิภาคชุบุ ด้านบนเป็นที่ตั้งของวัดโคจะคุจิ (Kojakuji Temple) รอบๆวัดเต็มไปด้วยต้นเมเปิ้ล
โดยต้นเมเปิ้ลเหล่านี้เริ่มปลูกโดยเจ้าอาวาสของวัด Koshakuji มาตั้งแต่ในสมัยเอโดะ อีกหนึ่งจุดถ่ายภาพที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากคือบริเวณเส้นทางริมแม่น้ำโทโมเอะ (Tomoe River) ซึ่งมีสะพานไม้ไทเกะสึเคียว (Taigetsukyo Bridge) สะพานสีแดงสัญลักษณ์ของหุบโครังเค
ภาพบรรยากาศร้านค้า Street Food ต่างๆระหว่างเดินเข้าไปในตัวอุทยาน
เทศกาลประดับไฟฤดูใบไม้ร่วงที่หุบเขาโครังเค (Korankei)
เวลาทำการ : เทศกาลประดับไฟจะเริ่มเปิดไฟในช่วงเวลากลางคืนเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายนไปถึงต้นเดือนธันวาคม เปิดทุกวัน
ค่าเข้าชม : 300 เยน
วิธีการเดินทาง : โดยรถไฟสาย Meitetsu (Nagoya Railways) ลงรถไฟที่สถานี Higashi Okazaki ต่อรถประจำทาง 1 ชั่วโมง 10 นาที ลงที่ป้าย Korankei จากนั้นเดินต่ออีกประมาณ 2 นาที
เว็บไซต์ : TOURISM TOYOTA