Chiba: เที่ยวจังหวัดชิบะ ประตูสู่ญี่ปุ่น แสงแรกแห่งวันใหม่ ในฤดูใบไม้ร่วง กับ 21 สถานที่ต้องไป

จังหวัดชิบะ (Chiba) ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันโต อยู่ทางทิศตะวันออก ห่างจากใจกลางโตเกียว ไม่เกิน 40 นาทีเท่านั้น ด้วยรถไฟ มีพื้นที่ส่วนหนึ่งอยู่ในคาบสมุทรโบโซ (Boso) ที่ห้อมล้อมไปด้วยทะเลถึง 3 ทิศ ทำให้วงการประมงของชิบะเฟื่องฟูขั้นสุด และมีความสำคัญในระดับประเทศเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทั้งทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น สนามบินนานาชาตินาริตะ (NRT), วัดนาริตะซัง ชินโชจิ, ท่าเรือโจชิ และสวนสนุกระดับโลก โตเกียวดิสนีย์แลนด์ & โตเกียวดิสนีย์ซี 

ทริปนี้เราเดินทางมาร่วมกิจกรรมกับน้องๆนักศึกษาผู้โชคดี ที่ได้รับการคัดเลือกจาก นิตยสารดาโกะไทย ให้เข้าร่วมโครงการ Chiba Guide Rally ครั้งนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 7 แล้ว โดยวัตถุประสงค์เพื่อให้นักศึกษาไทย ได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับนักศึกษาญี่ปุ่นรวมถึงครอบครัวอุปถัมภ์ที่น้องๆได้มีโอกาสไปพักอาศัยด้วย อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงในการร่วมโปรโมตการท่องเที่ยวของจังหวัดชิบะ

สำหรับที่เที่ยวในครั้งนี้ มีทั้งหมด 21 สถานที่ควรไปในชิบะ ที่ครอบคลุมทั้ง ธีมปาร์ค, งานประดับไฟ, วัดและศาลเจ้า, ธรรมชาติ, อควาเรียม, ร้านอาหาร ตลอดจน ที่พัก อย่างครบถ้วน โดยเราจะจัดหมวดหมู่ตามโซนที่ตั้ง เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ซึ่งแบ่งเป็น โซนอ่าว, โซนเหนือ และโซนใต้ พร้อมให้ทุกคนจับใส่แผนเที่ยวของตัวเอง แล้วไปตามรอยกันได้เลย

โซนอ่าว (ฝั่งตะวันตกติดกับโตเกียว)

  • Tokyo DisneyLand & DisneySea (โตเกียวดิสนีย์แลนด์ & ดิสนีย์ซี)
  • Mihama-en (สวนมิฮะมะเอ็น)

โซนเหนือ (ฝั่งตะวันออกติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก)

  • Narita-san Shinsho-ji (วัดนาริตะซัง ชินโจจิ)
  • Narita-san Omotesando (นาริตะซัง โอะโมะเทะซังโด)
  • Unaju @Omotesando (ข้าวหน้าปลาไหลที่โอะโมะเทะซังโด)
  • Boso-no-Mura (พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งโบโซ โนะ มุระ)
  • Sawara (ย่านเมืองเก่าซะวะระ)
  • Toukun Shuzo (โรงงานสาเก โทคุนชูโซ)
  • Choshi Port (ท่าเรือโจชิ)
  • Inubosaki (ประภาคารอินุโบซะกิ)
  • Umi To Mori (โรงแรม อุมิ โตะ โมะริ)

โซนใต้ (อยู่ในพื้นที่คาบสมุทรโบโซ)

  • Winter Illumination 2019 – 20 @Country Farm Tokyo German Village
  • Shiraishi (ร้านเนื้อชิระอิชิ)
  • Kanouzan Jinyaji (วัดคะโนซัง จินยะจิ)
  • Mother Farm (มาเธอร์ ฟาร์ม)
  • The Fish (ร้านอาหาร&ของฝาก เดอะ ฟิช)
  • Mount Nokogiri (ยอดเขาโนะโกะงิริ)
  • Nihonji (วัดนิฮงจิ)
  • Kameiwa Cave (Nomizo Falls) (อุโมงค์คะเมะอิวะ (น้ำตกโนมิโสะ))
  • Kamogawa Sea World (คาโมะงะวะ ซี เวิลด์)
  • Matsunoya Ryokan (มะสึโนะยะ เรียวกัง)


Tokyo DisneyLand & Tokyo DisneySea
โตเกียวดิสนีย์แลนด์ & โตเกียวดิสนีย์ซี

ถึงจะมีคำว่า โตเกียว อยู่ในชื่อ แต่จริง ๆ แล้วสวนสนุกระดับโลกทั้ง 2 แห่งนี้ ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดชิบะ ทำให้เราสามารถเพิ่ม ดิสนีย์แลนด์ หรือ ดิสนีย์ซี เข้าไปในแพลนเที่ยวได้ เพราะเดินทางไปจากฝั่งชิบะก็สะดวกมากเช่นกัน ส่วนจะเข้าแลนด์หรือซี หรือ จะเข้าทั้ง 2 แห่งเลย อันนี้ต้องขึ้นอยู่ความชอบ และเวลาที่แต่ละคนมีเป็นหลัก เนื่องจากต้องใช้เวลาอย่างน้อยแห่งละ 1 วันครับ

  • พิกัด
  • เวลาทำการ: 8.00 – 22.00 (เวลาเปิดปิดอาจมีการเปลี่ยนแปลง ต้องเช็คจากเว็บไซต์)
  • ค่าเข้า: ผู้ใหญ่ 7,400 เยน / เด็กโต 6,400 เยน / เด็กเล็ก 4,800 เยน
  • การเดินทาง: ลงสถานี JR Maihama
  • เว็บไซต์


Mihama-en
สวนมิฮะมะเอ็น

สวนญี่ปุ่นขนาดใหญ่ของจังหวัดชิบะ ที่มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์แตกต่างกันออกไปใน 4 ฤดูกาล เป็นอีกจุดที่เหมาะแก่การมาผ่อนคลาย ถ่ายรูปเล่น ภายในยังมี เรือนชาแบบดั้งเดิม ให้บริการเสิร์ฟชาตามพิธีชงชาแบบต้นตำหรับอีกด้วย

  • พิกัด
  • การเดินทาง: นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี Kaihimmakuhari แล้วเดินต่อมายังสวนอีกประมาณ 10 นาที
  • เวลาทำการ: 8.00 – 17.00 น.
  • เว็บไซต์


Narita-san Shinsho-ji
วัดนาริตะซัง ชินโชจิ 

วัดนาริตะซัง ชินโจจิ เป็นวัดในพระพุทธศาสนา นิกายชินงอน (Shingon) ที่มีความเก่าแก่เป็นอย่างมาก สร้างขึ้นมาแล้วกว่า 1,000 ปี ในปัจจุบันเป็นหนึ่งในวัดที่มียอดผู้คนเข้ามาทำบุญ และสักการะขอพรต่อปี มากเป็นอันดับต้น ๆ ในญี่ปุ่นเลยทีเดียวครับ ด้วยความเป็นมาอันยาวนาน ตำนานเล่าขานเกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ ไปจนถึง ความสะดวกในการเดินทางมาเยือน เพราะอยู่ไม่ไกลจากสนามบินนาริตะ ยิ่งทำให้วัดแห่งนี้ เป็นที่รู้จักในหมู่นักเดินทางมากขึ้นเรื่อย ๆ

ส่วนสำคัญของวัดแห่งนี้มีหลายจุดที่น่าสนใจ อันดับแรก ได้แก่ “ฟุโด เมียวโอ” (Fudo Myo-O) เทวรูปที่ประดิษฐานอยู่ภายในตัว วิหารหลัก (Daihondo Hall) ซึ่งมีรูปลักษณ์สุดแปลกตา ด้วยใบหน้าที่ ดุดัน ขึงขัง มีเขี้ยวยาวออกมาจากปาก มือข้างหนึ่งนั้นถือดาบ อีกข้างถือเชือก มีความหมายเกี่ยวกับ การปราบสิ่งชั่วร้าย และดึงจิตใจมนุษย์ที่หลงผิด ให้กลับมาอยู่ในทางแห่งธรรม “ฟุโด เมียวโอ” จึงเป็นเทพเจ้าในนิกายชินงอน ที่ทำหน้าที่ปกป้องคำสอน และความดีตามหลักพระพุทธศาสนาพระองค์หนึ่งนั่นเอง (ภายในวิหารไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ)

อันดับต่อมาคือ เจดีย์สีแดง 3 ชั้น สัญลักษณ์ของวัดนาริตะซัง ที่อยู่คู่กับวัดมาอย่างช้านาน ซึ่งสิ่งที่คนนิยมมาขอพรกันมากที่สุดในวัดแห่งนี้ คือ เรื่องความโชคดี ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน และการสมหวังในความรัก

วัดนาริตะซังนั้น เป็นวัดที่มีการบูรณะอยู่เสมอ โดยรอบของการปรับปรุงจะอยู่ในช่วง 10 ปี ล่าสุดเป็นคิวของซุ้มประตูทางเข้า หรือ โซมง (ทำจากไม้เคยากิทั้งหลัง) ที่เพิ่งเสร็จสมบูรณ์ไป ภายในมีพระประจำปีเกิดประดิษฐานอยู่ เชื่อกันว่าผู้ที่ผ่านประตูโซมงเข้ามา ก็จะพบกับความโชคดีด้วยนะครับ

  • พิกัด
  • การเดินทาง: ลงสถานี Narita สาย JR หรือสาย Keisei Line แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที
  • เวลา: 05.30-16.00 น.
  • เว็บไซต์


Narita-san Omotesando
ถนนนาริตะซัง โอะโมะเทะซังโด

ถ้ามาที่นี่ ต้องไม่พลาดมาเดินที่ ถนนโอะโมะเทะซังโด และชิมข้าวหน้าปลาไหล หรือ อูนาจู (Unaju) สูตรเฉพาะของเมืองนาริตะ ถนนเส้นนี้เป็นทางสายหลักก่อนถึงวัดนาริตะซังเลยครับ ตลอดระยะทางประมาณ 800 เมตร จะเต็มไปด้วย ร้านขายของญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม และกลิ่นหอมจากเตาย่างปลาไหล ที่ทำกันให้เห็นสด ๆ หน้าร้าน ยากที่ใครจะอดใจไหว ส่วนใครที่ชอบบรรยากาศแบบย้อนยุค ก็จะยิ่งอินเข้าไปอีกกับอาคารบ้านเรือนในแถบนี้ รับรองว่า ช้อปก็เพลิน ท้องก็อิ่ม แถมถ่ายรูปก็สวยอีกด้วยครับ

  • พิกัด
  • การเดินทาง: ลงสถานี Narita สาย JR หรือสาย Keisei Line แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที


Unaju @Narita-san Omotesando
ข้าวหน้าปลาไหลที่ถนนนาริตะซัง โอะโมะเทะซังโด

ข้าวหน้าปลาไหลถือเป็นเมนูขึ้นชื่อของเมืองนาริตะ โดยจะนำ ปลาไหลน้ำจืด หรือ อูนางิ (Unagi) มาย่างให้สุกกำลังดี แล้วทาด้วยซอสรสชาติหวานเค็มสูตรเฉพาะ นำมาวางลงบนข้าวญี่ปุ่นร้อน ๆ ในกล่องจูบะโกะ เรียกชื่อเมนูว่า อูนาจู (Unaju) รับประทานคู่กับซุปที่ต้มจากเครื่องในของปลาไหล จะยิ่งเข้ากันได้ดีแบบสุด ๆ

ถนนสายนี้ มีให้เลือกชิมหลายร้านตลอด 2 ข้างทาง โดยถ้าเป็นร้านดังอย่าง คะวะโทโยะ ฮอนเท็น (Kawatoyo Honten) คิวจะค่อนข้างยาวหน่อย ถ้าใครๆม่อยากรอคิวนาน ขอเเนะนำร้าน โอโนะยะ (Onoya) ที่ตัวร้านเป็นเหมือนโรงเตี๊ยมเก่าดูย้อนยุคดี ได้บรรยากาศไปอีกแบบ ส่วนรสชาติก็อร่อยไม่แพ้กันเลย

  • พิกัด
  • การเดินทาง: ลงสถานี Narita สาย JR หรือสาย Keisei Line แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที


Boso-no-Mura Open Air Museum
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งโบโซ โนะ มุระ

คำว่า โบโซ ก็คือ ชื่อคาบสมุทรทางฝั่งตะวันออกของโตเกียว ซึ่งเป็นที่ตั้งของจังหวัดชิบะ ในอดีตเคยเป็นพื้นที่เพาะปลูกที่สำคัญของชุมชนดั้งเดิมก่อนที่ญี่ปุ่นจะเข้าสู่สมัยใหม่ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งนี้ จึงตั้งใจพาเราย้อนกลับไปสำรวจดินแดนโบโซในยุคศักดินา ผ่านการจำลองสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ทั้ง บ้านซามูไร บ้านพ่อค้า ไปจนถึง ที่พักอาศัย และฟาร์มของชาวนา

กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวนิยมทำมากที่สุด ก็คือ การแต่งคอสเพลย์เป็นอาชีพต่าง ๆ ของผู้คนในสมัยเอโดะ ไปเดินเล่น ถ่ายรูปในบรรยากาศแบบย้อนยุค และเข้าร่วมเวิร์คช็อปที่มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการทำเครื่องจักรสานจากไม่ไผ่, การตีดาบซามูไร หรือ การตกแต่งเทียนด้วยกระดาษสีสไตล์ญี่ปุ่น หรือ ชิโยะงะมิ (Chiyogami)

  • พิกัด
  • การเดินทาง: จากสถานี Narita นั่งรถบัส Chiba Kotsu Bus สาย Ryukakujidai-Shako ไปลงที่ป้าย Ryukakujidai-Ni-Chome ประมาณ 20 นาที แล้วเดินต่อไปอีก 10 นาที
  • เวลา: 9.00 – 16.30 น. 
  • วันหยุด: ปิดทุกวันจันทร์ (หากวันจันทร์เป็นวันหยุดราชการจะปิดทำการในวันถัดไป)
  • ค่าเข้า: 300 เยน
  • เว็บไซต์


Sawara
ซะวะระ

ซะวะระ เป็นย่านเมืองเก่า เคยเป็นเมืองการค้าที่เจริญรุ่งเรืองในสมัยเอโดะ โดยมีแม่น้ำโอะโนะสายเล็ก ๆ เป็นเส้นทางหลักในการสัญจร และขนส่งสินค้า จึงได้มีการสร้าง บ้านเรือน และโกดัง ตลอด 2 ฝั่งแม่น้ำอย่างหนาแน่น ในปัจจุบันสิ่งปลูกสร้างอายุเกิน 100 ปีเหล่านี้ ยังคงได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี จนมีกองภาพยนตร์ และซีรีย์ย้อนยุคชื่อดังหลายเรื่อง เลือกใช้ ซะวะระ เป็นสถานที่ถ่ายทำ

กิจกรรมที่เป็นไฮไลท์ ได้แก่ ล่องเรือชมวิวในแม่น้ำโอะโนะ (รอบละ 30 นาที), ปั่นจักรยานซึมซับบรรยากาศไปจนถึงถนนเลียบแม่น้ำโทเนะทางทิศเหนือ, ชิมไอศกรีมโชยุ และวุ้นจากมันญี่ปุ่น, เดินเล่น หามุมสวย ๆ ถ่ายรูป โดยจุดที่แนะนำเป็นพิเศษ ก็คือ สะพานเคียวเอบาชิ (Kyoei -bashi) ซึ่งเป็นสะพานเก่าที่สวยงาม และ สะพานโทโยบาชิ (Toyo-bashi) ที่ทุกครึ่งชั่วโมงจะมีน้ำตกไหลลงมาจากสะพานด้วย

  • พิกัด
  • การเดินทาง: จากสถานี Narita นั่งรถไฟสาย JR Narita ปลายทาง Chosi ลงที่สถานี Sawara ใช้เวลาประมาณ 40 นาที แล้วเดินต่อมายังจุดท่องเที่ยวหลักของเมืองประมาณ 15 นาที
  • เว็บไซต์


Toukun Shuzo
โรงงานโทคุนชูโซ

อีกหนึ่งวิถีความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมในเมืองซะระวะ ณ โรงงานโทคุนชูโซ แห่งนี้ เปิดให้เข้าชมกระบวนการผลิตด้วย

  • พิกัด
  • การเดินทาง: จากสถานี Narita นั่งรถไฟสาย JR Narita ปลายทาง Chosi ลงที่สถานี Sawara ใช้เวลาประมาณ 40 นาที แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
  • เว็บไซต์


Choshi Port
ท่าเรือโจชิ

ท่าเรือขนาดใหญ่อันดับหนึ่ง และเป็นศูนย์กลางแห่งการประมงของจังหวัดชิบะ อีกทั้งยังเป็นท่าเรือที่มีสถิติการจับปลาได้มากที่สุดในญี่ปุ่น ตลอดช่วง 8 ปีที่ผ่านนี้ ซึ่งปลาจากท่าเรือโจชินั้น จะถูกส่งต่อไปยังตลาดปลาต่าง ๆ ทั่วทั้งประเทศอีกทีหนึ่ง โดยเริ่มต้นที่กระบวนการประมูลปลาสด เพื่อต่อรองราคากันระหว่างเหล่าพ่อค้า สำหรับปลาที่เป็นไฮไลท์ของการประมูลก็คงหนีไม่พ้น “ปลาทูน่า” ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่คนญี่ปุ่นนิยมกินกันมากที่สุด แถมยังมีมูลค่าสูงมหาศาลอีกด้วยนั่นเอง 

ความพิเศษก็คือ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมการประมูลนี้ได้ด้วย โดยต้องแจ้งกับทางท่าเรือ และเข้าไปอย่างมีระเบียบ ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นไม่น้อยเลยครับ เมื่อได้เห็นปลาทูน่าไซส์ยักษ์ วางเรียงรายอยู่ข้างหน้าจำนวนมากขนาดนั้น แต่ถ้าวันไหนที่มีคนเยอะเกิน และ ทางเจ้าหน้าที่ไม่สะดวก เราสามารถขึ้นไปชมจากชั้นบนได้เลย อันนี้ไม่ต้องขออนุญาตครับผม

  • พิกัด
  • การเดินทาง: จากสถานี Chiba นั่งรถไฟสาย Sobu ไปลงสถานี Choshi ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วเดินต่อไปยังตลาดปลาอีก 20 นาที
  • เวลาทำการ: 8.00 – 11.30 น.
  • วันหยุด: วันอาทิตย์
  • เว็บไซต์


Inubosaki Lighthouse
ประภาคารอินุโบซะกิ

ประภาคารเก่าแก่ ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ ปี 2417 บนแหลมอินุโบ เคยมีความสำคัญอย่างมากในอดีต ใช้ช่วยนำทางในทะเล และ ระบุจุดอันตรายตามแนวชายฝั่งทะเล เพื่อความปลอดภัยในการเทียบท่า ด้วยระบบไฟ และเลนส์เฟรสเนล (Fresnel Lens) ขนาดใหญ่ ประภาคารแบบนี้ ถือว่าหาชมได้ยากแล้วในปัจจุบัน เนื่องจากทั่วโลกมีการใช้งานลดลง ด้วยค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่สูง และถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีการเดินเรือที่ทันสมัยมากขึ้น อีกทั้งประภาคารเท่าที่ยังใช้งานอยู่ ก็ค่อนข้างเข้าถึงได้ยาก ไม่ค่อยได้เปิดสาธารณะให้เข้าไปเยี่ยมชมได้สักเท่าไหร่

ดังนั้นจึงพิเศษมาก ๆ สำหรับ ประภาคารอินุโบซะกิ ที่เปิดให้เข้าชมได้ โดยมีทั้ง พิพิธภัณฑ์ขนาดเล็ก เพื่อบอกเล่าประวัติความเป็นมาและความสำคัญของประภาคาร การจัดแสดงเลนส์ของจริง ที่เราสามารถลองเดินผ่านเลนส์เพื่อทดสอบความสามารถในการขยายขนาด ตลอดจน จุดชมวิวมหาสมุทรแปซิฟิก จากด้านบนของประภาคาร

  • พิกัด
  • การเดินทาง: จากสถานี Chiba นั่งรถไฟสาย Sobu ไปลงสถานี Choshi ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วเปลี่ยนมาใช้รถรางไปลงที่สถานี Inubo แล้วเดินต่ออีกประมาณ 5 นาที
  • เวลา: 8.30 – 16.00 น.
  • ค่าเข้า: 200 เยน 
  • เว็บไซต์


Umi To Mori
อุมิ โตะ โมะริ

โรงแรมสุดหรู “อุมิ โตะ โมะริ” (แปลว่า ทะเล กับ ป่าไม้) โรงแรมที่ช่วงปีใหม่ จะมีทั้งคนญี่ปุ่น และนักท่องเที่ยวทั่วไปจองกันเต็มตลอด เพราะพวกเขาต้องการสัมผัสกับแสงแรกของปีก่อนใคร เมื่อพระอาทิตย์ได้โผล่พ้นเส้นแบ่งผืนฟ้าและมหาสมุทรขึ้นมา ณ ดินแดนที่อยู่สุดขอบฝั่งตะวันออกของประเทศแห่งนี้นั่นเอง

นอกจากโลเคชันอันเฉพาะตัวแล้ว อุมิ โตะ โมะริ ยังเป็นโรงแรมสไตล์เรียวกัง ที่ตกแต่งได้อย่างสวยงาม โดยที่ยังคงเสน่ห์ของความเรียบง่ายตามแบบฉบับญี่ปุ่นดั้งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกก็มีครบ ห้องพักมีขนาดกว้างขวาง มีออนเซ็นส่วนตัวให้ใช้บริการได้ที่ระเบียง อาหารก็อร่อยมาก ๆ อีกด้วย

  • พิกัด
  • การเดินทาง: จากสถานี Chiba นั่งรถไฟสาย Sobu ไปลงสถานี Choshi ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วเปลี่ยนมาใช้รถรางไปลงที่สถานี Inubo แล้วเดินต่ออีกประมาณ 7 นาที
  • เว็บไซต์


Winter Illumination 2019 – 20 @ Country Farm Tokyo German Village
งานประดับไฟฤดูหนาว ที่ คันทรี ฟาร์ม โตเกียว เยอรมัน วิลเลจ

การเที่ยวงานประดับไฟ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ขาดไม่ได้เลย สำหรับทริปฤดูหนาว โดยที่จังหวัดชิบะเอง ก็มีการจัดงานสุดยิ่งใหญ่ไม่แพ้ที่อื่นเช่นกันครับ วาฬขอแนะนำที่นี่เลย คันทรี ฟาร์ม โตเกียว เยอรมัน วิลเลจ ธีมปาร์คขนาดใหญ่ ที่ให้เราจุใจไปกับหลอดไฟ LED มากถึง 3 ล้านดวงทั่วทั้งงาน เสริมด้วย อีเวนท์พิเศษ “โคมไฟจีน” (China Lantern) และกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย โดยงานจัดขึ้นแล้วตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึง วันที่ 5 เมษายน 2020

  • พิกัด
  • การเดินทาง: จากสถานี Tokyo นั่งรถไฟ JR มาลงที่สถานี Chiba แล้วนั่งรถบัส “Kapina” ไปยังงานประดับไฟ รอบรถ 9.05, 10.40, 12.15, 13.30, 15.30 ใช้เวลาประมาณ 40 นาที หรือนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Anegasaki แล้วต่อรถบัสจากสถานีมาลงที่ป้าย Hiraokasho mae แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 10 นาที
  • เวลาทำการ: 9.30 – 20.00
  • ค่าเข้า: 500 เยน แต่หากเอารถมาจะเสียค่าเข้าเหมาต่อคัน 2,500 เยน
  • ระยะเวลาจัดงาน: 1 พ.ย. 2019 – 5 เม.ย. 2020


Shiraishi
ร้านเนื้อชิระอิชิ

จริง ๆ แล้ว เนื้อวัวของจังหวัดชิบะนั้น มีคุณภาพ และชื่อเสียงโด่งดังในประเทศญี่ปุ่น ไม่แพ้ โกเบ หรือ มัตสึซากะ เลย โดยเนื้อของที่นี่จะมีชื่อเรียกว่า “คะซุสะ วากิว” (Kazusa Wagyu) ครับผม ใครเป็นสายเนื้อต้องลองให้ได้ทีเดียว สำหรับร้านแนะนำ ก็คือ “ชิระอิชิ” ซึ่งมี คะซุสะ วากิว เสิร์ฟในสไตล์ปิ้งย่าง และมีเกรดถึงระดับ A5 รสสัมผัสคือชุ่มฉ่ำมาก กลิ่นหอมเนื้อออกมาเน้น ๆ และละลายในปากอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอนครับ

  • พิกัด
  • การเดินทาง: จากสถานี Chiba นั่งรถไฟสาย JR Uchibo ไปลงสถานี Kimitsu แล้วนั่งรถ taxi ต่อไปยังร้านอาหารอีกประมาณ 3 กิโลเมตร
  • เวลาทำการ: 17.00 – 22.00 น.


Kanouzan Jinyaji
วัดคะโนซัง จินยะจิ

ขอยกให้ วัดคะโนซัง จินยะจิ เป็นสถานที่ที่คนไทยน่าจะยังไม่ค่อยรู้จักในอันดับต้น ๆ เลยครับ วัดแห่งนี้เป็นวัดในพระพุทธศาสนา นิกายชินงอน เช่นเดียวกับ วัดนาริตะซัง ตามข้อมูล มีระบุว่าเป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคคันโต สำหรับฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่จะกลายเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงาม และโรแมนติกมาก ๆ โดยตัววัดที่เป็นสีแดงอยู่แล้ว จะกลมกลืนไปกับบรรยากาศของใบไม้ที่กำลังเปลี่ยนสีได้อย่างลงตัวนั่นเอง

  • พิกัด
  • การเดินทาง: แนะนำว่าควรเช่ารถขับจะสะดวกที่สุด


Mother Farm
มาเธอร์ ฟาร์ม

ฟาร์มแห่งนี้จะตอบทุกโจทย์การท่องเที่ยวสำหรับทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น เที่ยวชมทุ่งดอกไม้หลากสีสัน ที่แตกต่างกันออกไปทั้ง 4 ฤดู เช่น คอสมอส, ไฮเดรนเยีย, นาโนฮานะ และ ซัลเวีย เป็นต้น, ชมการแสดงโชว์ฝูงสัตว์ในฟาร์มสุดน่ารัก ไม่ว่าจะเป็น “The Sheepdog & His Friends”, โชว์ต้อนฝูงเป็ด, โชว์ลูกหมูวิ่งแข่ง และอื่น ๆ อีกมากมาย, สัมผัสและให้อาหารสัตว์นานาชนิดอย่างใกล้ชิด, เก็บผลไม้ในสวน ทั้ง สตรอว์เบอร์รี (ม.ค.-พ.ค.), บลูเบอร์รี (ก.ค.-ส.ค.), และมะเขือเทศ (ธ.ค.-พ.ค.) ตลอดจน อิ่มท้องกับของอร่อยมากมายภายในฟาร์ม รับรองว่าทุกคนจะสนุกเพลิดเพลินกันได้ทั้งวันแบบไม่มีเบื่อเลยครับ

  • พิกัด
  • การเดินทาง: จากสถานี Chiba นั่งรถไฟ JR Uchibo มาลงที่สถานี Kimitsu แล้วนั่งรถ Shttle Bus ของฟาร์มมาอีกประมาณ 30 นาที
  • เวลาทำการ: 9.00 – 17.00 น.
  • ค่าเข้า: 1,500 เยน
  • เว็บไซต์


The Fish
เดอะ ฟิช

ที่นี่เป็นร้านอาหารซีฟู้ด ที่มีให้เลือกทั้งสไตล์ญี่ปุ่น และตะวันตก โดยให้ปริมาณเยอะ ไม่แพงเมื่อเทียบกับร้านทั่วไป แถมการที่ร้านออกแบบมา ด้วยการใช้กระจกแทนฝาผนัง สามารถมองออกไปข้างนอกได้ ก็ยังทำให้เราได้ชมวิวทะเลไปเพลิน ๆ และหากพอมีเวลาเหลือก็สามารถแวะซื้อของฝากจากชิบะได้ที่นี่อีกเหมือนกัน

  • พิกัด
  • การเดินทาง: การเดินทาง: จากสถานี Chiba นั่งรถไฟ JR Uchibo มาลงที่สถานี Hama-Kanaya แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาที
  • เวลาทำการ: 9.30 – 18.00 น.
  • เว็บไซต์


Mount Nokogiri
ยอดเขาโนะโกะงิริ

ภูเขาลูกสำคัญ ที่ในสมัยเอโดะเคยเป็นที่ตั้งของเหมืองตัดหิน ทรัพยากรอันจำเป็น สำหรับสิ่งก่อสร้างทางทหาร อย่าง กำแพง และฐานปราสาทญี่ปุ่นจำนวนมาก ในปัจจุบันกลายเป็นจุดชมวิวแบบ 360 องศา และ สถานที่ดูพระอาทิตย์ตกดิน ที่สวยงามมากที่สุดในชิบะ ทั้งยังคงสามารถมองเห็นร่องรอยการทำเหมืองในอดีตได้อีกด้วย การเดินทางขึ้นมาบนยอดเขาทำได้หลายวิธีครับ ทั้งเดินเท้า และขับรถ แต่ที่แนะนำที่สุดคือ การใช้โรปเวย์ เพราะนอกจากจะสะดวกแล้ว ยังได้เห็นวิวสวย ๆ ระหว่างทางได้อย่างเต็มตาอีกด้วย

  • พิกัด
  • การเดินทาง: จากสถานี Chiba นั่งรถไฟ JR Uchibo มาลงที่สถานี Hama-Kanaya แล้วเดินต่อประมาณ 8 นาที มายังที่ขึ้น Ropeway
  • เวลาทำการของโรปเวย์: 8.00 – 17.00 น.
  • ค่าขึ้น Ropeway: 500 เยนต่อเที่ยว
  • เว็บไซต์


Nihonji
วัดนิฮงจิ

นอกจากจุดชมวิวแล้ว บนยอดเขาโนะโกะงิริ (Nokogiri) ยังเป็นที่ตั้งของ วัดนิฮงจิ วัดในพระพุทธศาสนา นิกาย โซโต เซน (Soto Zen) ซึ่งมีไฮไลท์อยู่ที่ พระพุทธรูปไดบุตสึหินแกะสลัก ที่ขึ้นชื่อว่า มีขนาดใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ในประเทศญี่ปุ่น ด้วยความสูงถึง 31.05 เมตร อีกทั้งยังเป็นไดบุตสึของ “ยะคุชิ เนียวไร” (Yakushi Nyorai) หรือ พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ตามศรัทธาแห่งฝ่ายมหายาน ผู้เป็นดั่งบรมครูแห่งการรักษาโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลายอีกด้วย ดังนั้นนอกจากนักท่องเที่ยวจะขึ้นมาชมความอันซีนขององค์ไดบุตสึแล้ว ก็ยังนิยมมาสักการะขอพรให้หายจากอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ โดยเราจะเห็นบาตรใส่ยาที่พระหัตถ์ข้างหนึ่ง เป็นเครื่องบ่งบอกถึงความเชื่อของผู้คนต่อเรื่องดังกล่าวนั่นเอง

นอกจากนี้ยังมีจุดสำคัญให้เราไปสัมผัส ทั้งศาลเจ้าอาซามะ, เจ้าแม่กวนอิม “เฮียคุชะคุคันนง” (Hyaku Shaku Kannon) ที่เป็นภาพสลักนูนต่ำขนาดใหญ่ บนหน้าผา โดยมีความสูงกว่า 30 เมตร ตลอดจน รูปปั้นพระอรหันต์จำนวนมากถึง 1,500 องค์ 

  • พิกัด
  • การเดินทาง: จากสถานี Chiba นั่งรถไฟ JR Uchibo มาลงที่สถานี Hama-Kanaya แล้วเดินต่อประมาณ 8 นาที มายังที่ขึ้น Ropeway แล้วเดินต่อไปยังบริเวณวัดอีกประมาณ 20 นาที
  • เว็บไซต์


Kameiwa Cave (Nomizo Falls)
อุโมงค์คะเมะอิวะ (น้ำตกโนมิโสะ)

อุโมงค์คะเมะอิวะ เป็นช่องทางชลประทานที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อผันน้ำมายังพื้นที่เกษตรกรรมในแถบนี้ เมื่อนานมาแล้ว ดังนั้นทางน้ำที่เห็นอยู่นี้ จึงไม่ได้เป็นน้ำตกตามธรรมชาติ ในปัจจุบัน เราอาจเรียกบริเวณนี้ได้หลายแบบ เช่น อุโมงค์คะเมะอิวะ หรือ น้ำตกโนมิโสะ โดยความพิเศษของสถานที่แห่งนี้ก็คือ หากมาให้ตรงเวลาพอดี จะได้เห็นแสงอาทิตย์ยามเช้าลอดผ่านอุโมงค์มาสะท้อนกับผิวน้ำเป็นรูปหัวใจได้อย่างน่าอัศจรรย์ 

แต่พอได้ไปอ่านเงื่อนไขมาแล้ว ก็พบว่าค่อนข้างยากมาก เพราะต้องให้ตรงกับบางเดือนเท่านั้นด้วย ถึงจะได้รูปหัวใจที่สมบูรณ์แบบ ดังนั้นถึงไม่ได้เห็นก็ไม่ต้องเสียใจไปครับ โอกาสมันน้อยมาก ๆ อยู่แล้ว โดยหากมาในช่วงเดือนพฤศจิกายน จะเห็นใบไม้เปลี่ยนสีรอบ ๆ อุโมงค์  มีช่างภาพมาตั้งกล้องกันเต็มพื้นที่ เพราะเป็นอีกจุดที่สวยงามมาก ๆ ในช่วงเวลานั้น

  • พิกัด
  • การเดินทาง: แนะนำว่าควรเช่ารถขับจะสะดวกที่สุด


Kamogawa Sea World
คาโมะงะวะ ซี เวิลด์

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำริมทะเลขนาดใหญ่ ที่รวบรวมเอาทุกสิ่ง ที่เราอยากเห็นมากที่สุดจากอควาเรียม มาไว้ให้ได้ชมกันแบบครบมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น วาฬเพชรฆาต (Orca), วาฬเบลูกา (Beluga), โลมาปากขวด, สิงโตทะเล, วอลรัส, แมวน้ำ, เต่าทะเล, นกเพนกวินหลากชนิด, นกพัฟฟิน (Puffin) และตู้แมงกะพรุนขนาดใหญ่ พร้อมทั้งการแสดงโชว์และให้ข้อมูลเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทางทะเล ที่มีตารางแน่นตลอดทั้งวัน เหมาะแก่การมาเที่ยวทั้งครอบครัว ทุกเพศทุกวัย ได้ทั้งความตื่นตาตื่นใจ และความรู้แบบเต็มเปี่ยมกลับไปอย่างแน่นอนครับ

  • พิกัด
  • การเดินทาง: จากสถานี Tokyo นั่งรถไฟสาย Wakashio Limited Express มาลงที่สถานี Ama-Kamogawa แล้วนั่งรถ Shttle Bus ของอควาเรียมมาอีกประมาณ 10 นาที
  • เวลาทำการ: 9.00 – 17.00 น.
  • ค่าเข้า: 3,000 เยน
  • เว็บไซต์


Matsunoya Ryokan
มัตสึโนะยะ เรียวกัง

ที่พักสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ที่เก่าแก่ของจริง ด้วยอายุกว่า 100 ปี มีเพียง 11 ห้องเท่านั้น ภายในตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้สมัยก่อน แต่ยังคงความสะอาด และ สะดวกสบายได้มาตรฐานของโรงแรมในญี่ปุ่นทั่วไป ทีเด็ดคือ ชุดอาหารค่ำ และ อาหารเช้าที่ทำจากวัตถุดิบท้องถิ่น รสชาติดีมาก ๆ ครับ ส่วนห้องพักก็จะเป็นสไตล์ญี่ปุ่นเช่นกัน ด้วยที่นอนฟูก ปูลงบนเสื่อทาทามิที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ตามธรรมชาติ บางห้องมีห้องอาบน้ำในตัวพร้อมเลย แต่หากได้ห้องที่ไม่มี ก็สามารถมาจองใช้ห้องอาบน้ำได้ครับ

  • พิกัด
  • การเดินทาง: ลงที่สถานี Katsuura แล้วเดินต่ออีกประมาณ 10 นาที
  • เว็บไซต์ (ภาษาญี่ปุ่น)

ChibaChiba Rally GuideDacoFeaturedKantotiewyeepoonจังหวัดชิบะจิบะชิบะดาโกะภูมิภาคคันโตสนามบินนาริตะเที่ยวจากโตเกียวเที่ยวญี่ปุ่นเที่ยวญี่ปุ่นดอทคอม