Autumn in Japan แนะนำ สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสี เหนือจรดใต้ ทั่วญี่ปุ่น

ตั้งแต่ช่วงกลางเดือนตุลาคม จนถึงต้นเดือนธันวาคม จะเป็นช่วงของฤดูที่มีสีสันมากที่สุดของปี มีอากาศเย็นสบายกำลังดี ฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้สลับสีสันแดง ส้ม เหลือง สวยงาม ก่อนที่จะผลัดใบร่วงรงลงสู่พื้นเข้าสู่ฤดูหนาว เป็นช่วงที่เหมาะจะไปเที่ยวญี่ปุ่น ได้ทั้งประเทศ โดยใบไม้เปลี่ยนสีจะเริ่มจากเหนือสู่ใต้ จะไล่ตั้งแต่ทางฮอกไกโด ไปจนถึงเกาะคิวชู ในบทความนี้จะขอแนะนำจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีทั่วญี่ปุ่น ที่รับรองว่าไปแล้วจะต้องไม่ผิดหวังแน่นอน

ศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine)

ศาลเจ้าของเทพเจ้าแห่งน้ำ ที่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดเกียวโต (Kyoto) คงเอกลักษณ์ของเสาโคมไฟที่ตั้งเรียงรายขนานไปกับขั้นบันไดหินสู่ตัวศาลเจ้า โดยฤดูใบไม้ร่วง เป็นฤดูที่คนนิยมมาเที่ยวชมกันอย่างมาก เนื่องจากอยู่ด้านบนเขาพื้นที่แห่งนี้ก็มักจะพบเห็นใบไม้เปลี่ยนสีก่อน ทั่วทั้งบริเวณเต็มไปด้วยสีสันของของใบไม้เปลี่ยนสี และอีกหนึ่งช่วงคือช่วงฤดูหนาว พื้นที่แห่งนี้จะปกคลุมไปด้วยหิมะ อีกทั้งยังมีการจัดแสดงไฟ Light Up ให้ได้ตื่นตากันในเวลากลางคืนอีกด้วย (อ่านรีวิวเพิ่ม >> ที่นี่)

  • การเดินทาง : โดยรถไฟ Keihan สาย Eizan จากสถานี Demachiyanagi นั่งมาลงที่สถานี Kibuneguchi จากนั้นโดยสารรถบัสมาลงที่ป้ายรถบัส Kibune guchi-Mae โดยสารรถบัสหมายเลข 33 ไปยังป้าย Kibune แล้วเดินต่อไปยังศาลเจ้าอีกประมาณ 5 นาที
  • เวลาทำการ : 6.00 – 20.00 น.
  • ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่าย

ทางเดินต้นโมมิจิ (Momiji Kairo)

ทางเดินต้นโมมิจิ หรือมีชื่อเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Maple Corridor ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งทางตอนเหนือของทะเลสาบคาวากุจิโกะ  (Kawaguchiko) จังหวัดยะมะนะชิ (Yamanashi) เลียบแม่น้ำสายเก่า Nashikawa เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยสุดโรแมนติกแห่งหนึ่งในแถบภูเขาฟูจิ โดยช่วงที่งดงามที่สุดจะเป็นปลายฤดูใบไม้ร่วงที่มีใบไม้ร่วงหล่นลงมากองตามทางแม่น้ำปกคลุมจนกลายเป็นสีส้มแดงไปทั่วทั้งบริเวณ และในช่วงกลางคืนจะมีการประดับไฟให้ได้ชมกันอีกด้วย (อ่านรีวิวเพิ่ม >> ที่นี่)

  • การเดินทาง : จากสถานี Kawaguchiko นั่ง Retro Bus หมายเลข 19 มาลงที่พิพิธภัณฑ์ Kubota Itchiku Kimono Museum และเดินต่อมาได้
  • เวลาทำการ : 9.00-19.00 น. ประดับไฟ Light up จนถึงเวลา 22.00 น.
  • ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าใช้จ่าย

กระเช้าชินโฮทะกะ (Shin-Hotaka Ropeway)

ตั้งอยู่ที่เมืองทะคะยะมะ (Takayama) จังหวัดกิฟุ (Gifu) กระเช้าเคเบิลคาร์สองชั้น ที่จะพาขึ้นไปชมวิวของเทือกเขาแอลป์ทางตอนเหนือ (Northern Alps) ที่ระดับความสูง 2,156 เมตรจากน้ำทะเล บริเวณด้านบนยอดเขาจะเป็นที่ตั้งของอุทยานธรรมชาติเซ็นโกะคุเอ็นจิ (Sengokuenchi Nature Park) ระหว่างสถานีทั้งสอง จะเป็นเส้นทางเดินเขาที่สวยงาม ได้ดื่มด่ำดอกไม้นานาพันธุ์ โดยเฉพาะดอกไม้ที่ขึ้นบนเทือกเขาแอลป์ และความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งจะขยายเวลาการให้บริการ เพื่อที่นักท่องเที่ยวจะได้รอเวลาชมพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษ (อ่านรีวิวเพิ่ม >> ที่นี่)

  • การเดินทาง : จากสถานี Takayama นั่ง Nohi bus ลงที่ป้าย Shinhotaka Ropeway ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 40 นาที
  • เวลาทำการ : 8.00-16.45 น. ประดับไฟ Light up จนถึงเวลา 22.00 น.
  • ค่าโดยสาร : กระเช้าไปกลับ 2,900 เยน

หมู่บ้านวัฒนธรรมฮิดะ (Hida no sato)

ตั้งอยู่ที่เมืองทะคะยะมะ (Takayama) จังหวัดกิฟุ (Gifu) รวบรวมบ้านโบราณทรงกัชโชทสุคุริ ทรงเดียวกับหมู่บ้านชิราคาวะโก เอาไว้กว่า 30 หลัง บนพื้นที่กว่า 99,000 ตร.ม. ให้ได้บรรยากาศย้อนยุคไปในสมัยก่อน โดยอาคารแต่ละหลังจัดแสดงวิถีชีวิตความเป็นอยู่แบบดั้งเดิม รวมถึงผลงานฝีมือที่น่าสนใจ แสดงให้เห็นถึงความคิดสร้างสรรค์ของชาวบ้านในยุคโบราณ และตอนกลางคืนที่จะมีการเปิดไฟประดับอย่างสวยงามอีกด้วย (อ่านรีวิวเพิ่ม >> ที่นี่)

  • การเดินทาง : จากสถานี Takayama ขึ้นรถ Sarubobo bus ใช้เวลา 10 นาที
  • เวลาทำการ : 8.30 – 17.00 น.
  • ค่าเข้าชม : 700 เยน

คามิโคจิ (Kamikochi)

ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติจูบุซังกะคุ (Chubu Sangaku National Park) จังหวัดนะกะโนะ (Nagano) ท่ามกลางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ เต็มไปด้วยดอกไม้พืชพันธุ์ สัตว์ป่านานาพรรณและนกหายาก ที่ได้รับการคุ้มครองเป็นอย่างดีนับร้อยปี โดยได้ถูกกำหนดให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติ

นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าไปชื่นชมความงามทางธรรมชาตินี้ได้ ตั้งแต่  17 เมษายน ถึง 15 พฤศจิกายน โดยไม่สามารถนำรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปได้ เพื่อรักษาระบบนิเวศน์และสภาพแวดล้อมให้บริสุทธิ์ นักท่องเที่ยวต่างต้องการชมภาพของเทือกเขาอันตระการตา ของทิวเขาโฮทากะ และ ยอดเขายาเคะดาเกะ ที่สะท้อนกับน้ำที่ใสบริสุทธิ์ตรงบริเวณ สะพานคัปปะ (Kappabashi) ที่เป็นจุดศูนย์กลาง และเปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของคามิโคจิ (อ่านรีวิวเพิ่ม >> ที่นี่)

  • การเดินทาง : จากสถานี Shin-shimashima ขึ้นรถบัส ใช้เวลา 1 ชั่วโมง

ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle)

สมบัติประจำชาติ อายุ 400 ปี ที่เมืองมัตสุโมโตะ (Matsumoto) จังหวัดนะกะโนะ (Nagano) เป็นปราสาทที่สร้างบนพื้นราบ (ปราสาทญี่ปุ่นมี 3 ประเภทคือ บนภูเขา บนเนินเขา และพื้นราบ) จึงต้องสร้างคูน้ำล้อมรอบไว้ 3 ชั้น ปัจจุบันรอบนอกชั้นที่ 2 และ 3 เหลือเพียงบางส่วน สมัยก่อนคลองชั้นในจะลึกถึง 3 เมตร และเป็นน้ำดำสกปรก เพื่อให้ข้าศึกเดาไม่ออกว่าลึกเท่าไหร่ ปราสาทแห่งนี้เป็น 1 ใน 12 ปราสาทดั้งเดิม และสามารถเห็นปราสาทสะท้อนน้ำและเทือกเขาแอลป์ได้พร้อมกัน ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ในแถบนี้ใบไม้เปลี่ยนสีสันเข้าช่วงพีคแล้ว โดยเฉพาะสวนรอบปราสาทมัตสุโมโตะ ที่เป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยม (อ่านรีวิวเพิ่ม >> ที่นี่)

  • การเดินทาง : จากสถานี Matsumoto เดินประมาณ 15 นาที
  • เวลาทำการ : 8.00 – 17.00 น.
  • ค่าเข้าชม : 610 เยน

สวนซังเคเอ็น (Sankeien)

สวนสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม ตั้งอยู่ที่เมืองโยโกฮะมะ (Yokohama) จังหวัดคะนะงะวะ (Kanagawa) ครอบคลุมพื้นที่กว่า 175,000 ตารางเมตร และมีความงดงามต่างกันไปในทุกฤดู ภายในสวนยังคงอนุรักษ์บ้านญี่ปุ่นแบบโบราณเอาไว้ ที่นำมาจากหลายแห่งนำมารวมกันไว้ในสวนแห่งนี้ ซึ่งได้รับการคุ้มครองให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมโดยรัฐบาล หนึ่งในนั้นคือเจดีย์ไม้สามชั้นที่ตั้งอยู่บนเขาด้านในสุดของสวน โดยเดิมทีอาณาบริเวณสวนทั้งหมดนี้เป็นบ้านของ Tomitaro “Sankei” Hara (มีชีวิตระหว่างปีค.ศ.1869-1939) พ่อค้าไหมที่ร่ำรวยมากในยุดคนั้น และได้เปิดสู่สาธรณะในปีค.ศ.1906 (อ่านรีวิวเพิ่ม >> ที่นี่)

  • การเดินทาง : จากสถานี Tokyo ขึ้นรถไฟ JR Tokaido ลงที่สถานี Yokohama ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ออกทางออกฝั่งตะวันออก ขึ้นรถบัสที่ป้ายหมายเลข 2  ขึ้นรถบัสหมายเลข 8 หรือ148 ลงที่ป้าย Honmoku Sankeien mae และเดินต่ออีก 5 นาที
  • เวลาทำการ : 9.00 – 17.00 น. (เข้าได้ถึง 16.30 น.)
  • ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 700 เยน เด็ก 200 เยน

นิวโตอนเซ็น (Nyuto Onsen)

แหล่งน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงโด่งดังของเมืองทะซะวะโกะ (Tazawako) จังหวัดอะกิตะ (Akita) อนเซนแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในหุบเขาดังนั้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง คงไม่ต้องบอกกันเลยว่าการแช่อนเซนกลางแจ้งท่ามกลางบรรยากาศทิวทัศน์ของใบไม้สีเหลือง ส้ม และแดงไล่เฉดสีกันไปทั่วทั้งทิวเขานั้นจะฟินขนาดไหน (อ่านรีวิวเพิ่ม >> ที่นี่)

  • การเดินทาง : จากสถานีรถไฟ JR Tazawako โดยสารรถประจำทาง Regular Bus – Ugo-Kotsu ที่เดินทางไป Nyutou Onsen จากนั้นลงที่ป้ายรถประจำทาง Arupa Komakusa ผู้เข้าพักต้องโทรนัดรถโรงแรมล่วงหน้าเพื่อให้มารับตามเวลา

ภูเขาทาคาโอะ (Mount Takao)

ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองของโตเกียว (Tokyo) สามารถเดินทางมาจากชินจูกุได้อย่างสะดวกสบายโดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ที่นี่มีการตัดเส้นทางไว้สำหรับปีนเขา เพื่อให้นักปีนเขามือใหม่และมืออาชีพสามารถเพลิดเพลินกับการปีนเขาได้ พลางชมวิวสีสันสดใส ของใบไม้เปลี่ยนสีตลอดเส้นทาง (อ่านรีวิวเพิ่ม >> ที่นี่)

  • การเดินทาง : จากสถานี Tokyo ขึ้นรถไฟสาย JR Chuo Special Rapid Service ลงที่สถานี Takao ใช้เวลา 1 ชั่วโมง (สามารถใช้ JR TOKYO Wide Pass ได้) จากนั้นต่อรถไฟสาย Keio Electric Railway Takao ลงที่สถานี Takaosanguchi ใช้เวลา 3 นาที และเดินไปยังจุดขึ้นกระเช้า 5 นาที
  • เวลาทำการ : กระเช้า 8.00-17.45 น.
  • ค่าโดยสาร : กระเช้าไป-กลับ 930 เยน

วัดเอ็นกะคุจิ (Engakuji)

วัดนิกายเซ็นที่มีความสำคัญเป็นลำดับที่สอง ในบรรดาวัดนิกายเซ็นที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 5 แห่งของเมืองคะมะคุระ (Kamakura) อดีตเมืองหลวงของญี่ปุ่น ถูกสร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.1282 โดย Hojo Tokimune ตั้งอยู่บนเนินเขา โดยจะมี ประตูซันมง (Sanmon) ตั้งอยู่บริเวณทางเข้า ที่สร้างขึ้นในภายหลังเมื่อปีค.ศ.1783 (อ่านรีวิวเพิ่ม >> ที่นี่)

  • การเดินทาง : จากสถานี Kamakura ขึ้นรถไฟลงสถานี Kita-Kamakura
  • เวลาทำการ : 8.00-16.30 น.
  • ค่าเข้าชม : 300 เยน

ศาลเจ้าชินงูคุมะโนะ (Shingu Kumano)

ตั้งอยู่ในจังหวัดฟุคุชิมะ (Fukushima) สร้างขึ้นครั้งแรกราวปีค.ศ.1055 ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติประจำชาติ โดดเด่นด้วยวิหารกลางที่ยกระดับขึ้นสูงและยึดโครงสร้างไว้ด้วยเสาไม้ขนาดใหญ่ถึง 44 ต้น ด้านหน้าทางเข้าจะพบกับต้นแปะก๊วย หรือที่เรียกกันว่า กิงโกะ ขนาดยักษ์ตั้งตระหว่านอยู่ มีอายุกว่า 800 ปี จึงทำให้นักท่องเที่ยวต่างเดินทางมายังศาลเจ้าเพื่อชมความยิ่งใหญ่นี้ (อ่านรีวิวเพิ่ม >> ที่นี่)

  • การเดินทาง : จากสถานี Aizu-Wakamatsu โดยสารรถไฟสาย Ban-etsu West มาลงที่สถานี Kitakata ใช้เวลา 15 นาที จากนั้นโดยสารแท้กซี่อีกประมาณ 10 นาที (ค่ารถ 2,000 เยน)
  • เวลาทำการ : 8.00-17.00 น.
  • ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 300 เยน / นักเรียนมัธยมปลาย 200 เยน / นักเรียนมัธยมต้น-เด็กเล็ก เข้าฟรี

ชูเซนจิ ออนเซ็น (Shuzenji Onsen) 

หมู่บ้านออนเซ็นเล็กๆบนภูเขา ในจังหวัดชิซุโอกะ (Shizuoka) ถูกจัดอันดับเป็นแหล่งออนเซ็นที่ดีที่สุด 1 ใน 100 ของญี่ปุ่น ส่วนชื่อ ชูเซนจิ นั้นมาจากชื่อของ วัดชูเซนจิ (Shuzenji) ซึ่งเป็นวัดพุทธฯนิกายเซน ที่มีความเก่าแก่มาก โดยตัวอาคารต่างๆในปัจจุบันมีอายุกว่า 100 ปีแล้ว (อ่านรีวิวเพิ่ม >> ที่นี่)

  • การเดินทาง : จากสถานี Kawazu ขึ้นรถบัส Tokai มาลงที่ป้าย Shuzenji Onsen
  • ค่าเข้าชม: ไม่มี

สวนสาธารณะโอคาซะกิอีสท์พาร์ค (Okazaki East Park)

สวนฮิกาชิและสวนสัตว์ขนาดย่อม (Higashi Park and Mini Zoo) ที่เมืองโอคาซะกิ (Okazaki) จังหวัดไอจิ (Aichi) เป็นสถานที่ที่ผู้คนในเมืองนิยมมาเดินเล่นและพักผ่อน บรรยากาศภายในสวยงามและร่มรื่นไปด้วยพรรณไม้ และมีสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของสวนแห่งนี้ คือรูปปั้นไดโนเสาร์ขนาดเท่าไซส์จริงตั้งอยู่หลายชนิด เหมาะกับการมาเดินทอดน่องสูดอากาศสดชื่นพร้อมชมบรรยากาศสวยๆของใบไม้เปลี่ยนสี ห้ามพลาดมาสัมผัสกับสวนสัตว์ขนาดย่อมแบบฟรีๆ (อ่านรีวิวเพิ่ม >> ที่นี่)

  • การเดินทาง : จากสถานี Otogawa เดินประมาณ 20 นาที
  • เวลาทำการ : สวนสัตว์ 9.00 – 15.30 น. / บริเวณสวนสาธารณะ เปิดถึง 16.30 น.
  • ค่าเข้าชม : ไม่มี

เมืองทาคาจิโฮ (Takachiho)

เมืองท่องเที่ยวแห่งจังหวัดมิยะซะกิ (Miyazaki) ไฮไลท์เด็ดกิจกรรมยอดฮิตของที่นี่คือการพายเรือชมบรรยากาศสวยๆใน หุบเขาทาคาจิโฮ (Takachiho Gorge) ที่มีแม่น้ำโกคัสเซะ (Gokasse) ไหลผ่านกลางหุบเขาขนาบอยู่สองข้างทาง สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่ทำให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่ได้รังสรรค์ขึ้นมาได้อย่างงดงาม (อ่านรีวิวเพิ่ม >> ที่นี่)

  • การเดินทาง : จากสถานี Miyazaki โดยสารรถบัสลงป้าย Takachiho Bus Center แล้วต่อแท็กซี่อีก 6 นาที
  • เวลาทำการ : 8.30 – 17.00 น.
  • ค่าใช้จ่าย : ค่าเช่าเรือพาย ราคา 2,000 เยน ต่อ 30 นาที (เช่ารอบสุดท้าย 16.30 น.)

เมืองบิฟุกะ (Bifuka)

ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะฮอกไกโด (Hokkaido) ได้ยินมาว่าที่ Torokko Kingdom Bifuka รางรถไฟเก่าที่เคยถูกใช้จริงในอดีต ถูกเปลี่ยนมาเป็น เส้นทางสำหรับรถรางโยก คันจิ๋ว สายสั้น ๆ ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์ การนั่งและขับ รถรางแบบติดตั้งเครื่องยนต์ แล่นผ่านอุโมงป่า ชิราคาบะ (Shirakaba) ที่ช่วยเติมความรู้สึกสดชื่นได้เป็นอย่างดี จุดเด่นคือ ทั้งตัวสถานี ไฟสัญญาณเตือน ตลอดจนไม้กั้นนั้น ล้วนเป็นของเก่าที่ใช้มาตลอด ตั้งแต่สมัยที่ยังมีรถไฟวิ่งอยู่จริงๆ นั่นเอง (อ่านรีวิวเพิ่ม >> ที่นี่)

  • การเดินทาง : จากสถานี Bifuka ขึ้นรถ Meishi Bus ลงที่ป้าย Niupu Machiaijo
  • เวลาทำการ : 9.00-16.00 น.
  • ค่าเข้าชม: 1,500 เยน
akitaAutumnAutumn foliageFukushimaJapanKamakuraKamikochiKawaguchikomatsumotoMount TakaoNyuto onsentakayamatohokuญี่ปุ่นฤดูใบไม้ร่วงเที่ยวญี่ปุ่นเที่ยวญี่ปุ่นดอทคอมใบไม้เปลี่ยนสีใบไม้แดง