Aichi: เที่ยวเจาะลึกเมืองโตโยต้า จ.ไอจิ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี – Ghibli Park & Sanage Onsen

ทริปนี้ออกเดินทางไปเมืองโตโยต้า จังหวัดไอจิ ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี เจาะลึกสถานที่เที่ยวดังๆที่เชื่อว่าหลายๆคนน่าจะรู้จักกันดี ไม่ว่าจะเป็น ธีมพาร์คสตูดิโอจิบลิ Ghibli Park ที่ตั้งอยู่ในเมืองที่อยู่ติดกับเมืองโตโยต้า, หุบเขาใบไม้เปลี่ยนสีที่โครังเค (Korankei), ซากุระสี่ฤดูที่โอบาระ (Obara) และขอแนะนำ ซานาเกะออนเซ็น (Sanage Onsen) เมืองน้ำพุร้อนในหุบเขาที่มีโรงแรมสุดพิเศษ

รีวิวตอน 2 >> Aichi: เที่ยวเจาะลึกเมืองโตโยต้า จ.ไอจิ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี – Korankei & Asuke

รีวิวตอน 3 >> Aichi: เที่ยวเจาะลึกเมืองโตโยต้า จ.ไอจิ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสี – Obara

สำหรับรีวิวตอนแรกนี้ สาวกจิบลิจะต้องฟินมากๆ เพราะเราจะพาไป Ghibli Park ธีมพาร์คที่แสดงให้เห็นถึงโลกของผลงานสตูดิโอจิบลิ ที่เก็บครบทุกรายละเอียด ทำออกมาราวกับได้หลุดเข้าไปอยู่ในโลกของแต่ละเรื่องจริงๆ วันนี้ได้เข้าไปทั้งหมด 3 โซน คือ Hill of Youth, Ghibli’s Grand Warehouse และ Dondoko Forest ซึ่งเป็นที่ที่ส่วนตัวชอบมากที่สุด เพราะได้เจอกับโทโทโร่ และไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เข้ามาเดินในบ้านของซัตสึกิจังและเมย์จัง ที่เก็บได้ครบทุกดีเทลในอนิเมชั่นขนาดนี้ 

การเดินทาง: จากสถานี Meitetsu Central Japan International Airport ขึ้นรถไฟไปสถานี Nagoya จากนั้นนั่งรถไฟใต้ดินสาย Higashiyama ลงที่สถานี Fujigaoka และเปลี่ยนไปนั่งรถไฟ Linimo มาลงที่สถานี Ai-Chikyuhaku-Kinen-Koen ก็ถึงตัวพาร์คเลย

Ghibli Park ตั้งอยู่ใน Aichi Commemorative Park (MORIKORO Park) ในเมืองข้างๆ เมืองโตโยต้า เปิดให้เข้าชมครั้งแรกเมื่อ 1 พ.ย. 2022 ธีมพาร์คสตูดิโอจิบลิ ที่จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่โลกแห่งอนิเมชั่นเรื่องต่างๆ ของ Studio Ghibli ภายในธีมปาร์คจะแบ่งออกเป็น 5 โซน (ณ เดือนมกราคม 2024) ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์เรื่องต่างๆ ที่แน่นอนว่าจะได้นั่งรถบัสแมว ถ่ายรูปกับผีไร้หน้า ส่องห้องทำงานของยูบาบา รวมถึงเจอกับโทโทโร่ตัวใหญ่ได้

Dondoko Forest ป่าดงโดโกะสมัยโชวะ ที่มีแรงบันดาลใจมาจากฉากเต้นรำ dondoko ของ ซัตสึกิและเมย์ กับ โทโทโร่ ในเรื่อง My Neighbor Totoro ด้านบนจะมีโทโทโร่ยืนรอต้อนรับอยู่ มีเครื่องรางของ Ghibli Park จำหน่ายที่นี่ด้วยนะ และไฮไลต์สำคัญคือบ้านของซัตสึกิและเมย์ ที่เก็บได้ครบทุกดีเทล แม้แต่ในตู้ เก๊ะ ชั้นวาง ก็มีของใช้ซ่อนไว้อยู่จริงด้วย

Hill of Youth โซนนี้จะเป็นการผสมผสานสถานที่สำคัญในภาพยนตร์หลายเรื่อง อาทิ “ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์” และ ร้านของคุณลุง Nishi Shiro ที่ขายสารพัดสิ่งจากเรื่อง Whisper of the Heart “วันนั้น…วันไหน หัวใจจะเป็นสีชมพู” และด้านหน้าเป็นสำนักงานของบารอน ซึ่งเป็นตุ๊กตาแมว เป็นต้น

Ghibli’s Grand Warehouse  ปรับปรุงสวนน้ำขนาดยักษ์เพื่อให้กลายเป็นสวนสนุกในโลกแฟนตาซี ที่มีคอนเซปต์หลักมาจากเมืองในอนิเมะเรื่อง Spirited Away ภายในมีโรงภาพยนตร์ ที่จะฉายอนิเมชั่นสั้นๆที่ฉายใน Ghibli Museum, Mitaka ด้วย วันนี้ได้ดูเรื่อง Meitoko Neko Bus ความยาว 14 นาที

วันนี้ใช้เวลาเดินประมาณ 4 ชั่วโมงแต่ก็ยังรู้สึกไม่พอ เพราะสวนกว้างมาก มีทั้งโซนที่เข้าได้ฟรี และโซนที่ต้องจองล่วงหน้า ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมต้องจำกัดคน เพราะถ้าคนเยอะมากกว่านี้ ก็คงแออัดเกินไป แย่งกันชม แย่งกันดู จนไม่มีเวลาได้ชื่นชมแต่ละโซนอย่างเต็มที่ เพราะขนาดจำกัดแล้ว คนก็ยังเยอะพอสมควรในแต่ละจุดชม ทำให้ต้องมีเข้าคิวถ่ายรูปบ้าง แต่โดยรวมจัดการได้ดีมากๆเลย ประทับใจสุดๆ

  • ค่าเข้าชม: สามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ของ Ghibli Park
  • เวลาทำการ: วันธรรมดา 10.00-17.00 น. เสาร์/อาทิตย์/วันหยุด 9.00-17.00 น. หยุดทุกวันอังคาร (ในกรณีที่วันอังคารเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์จะหยุดในวันถัดไปแทน)
  • การเดินทาง: จากสถานี Meitetsu Central Japan International Airport ขึ้นรถไฟไปสถานี Nagoya จากนั้นนั่งรถไฟใต้ดินสาย Higashiyama ลงที่สถานี Fujigaoka และเปลี่ยนไปนั่งรถไฟ Linimo มาลงที่สถานี Ai-Chikyuhaku-Kinen-Koen ก็ถึงตัวพาร์คเลย
    ** นอกจากนี้สามารถนั่งรสบัสโดยตรงจากสนามบินชูบุเซ็นแทรร์ถึงได้ โดยมีวันละ 1 เที่ยว ออกเวลา 10.00 น. (ใช้เวลาประมาณ 80 นาที) ราคา 2,000 เยน
  • เว็บไซต์
  • ซื้อตั๋วได้ที่นี่
  • พิกัด

จาก Ghibli Park ที่สถานี Ai-Chikyuhaku-Kinen-Koen ทางออก 4 ฝั่งป้ายรถบัส เราสามารถขึ้นรถ Shuttle Bus รับส่งไปยังซานาเกะออนเซ็นได้ ดูรายละเอียดที่นี่ (ภาษาญี่ปุ่น)

Sanage Onsen Hotel Kinsenkaku

ซานาเกะออนเซ็น (Sanage Onsen) เป็นออนเซ็นที่ตั้งอยู่ในเมืองโตโยต้า น้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นมาจากใต้ดินลึก 1,200 เมตร เรียกว่าเป็น “น้ำพุร้อนทางการแพทย์” ถูกค้นพบขึ้นในปีค.ศ.1554 และยังเป็นหนึ่งในออนเซ็นไม่กี่แห่งในประเทศญี่ปุ่นที่สามารถดื่มได้อีกด้วย ส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพของออนเซ็นสามารถซึมผ่านผิวหนังได้โดยการแช่น้ำ ผ่านเข้าปอดโดยการหายใจ และผ่านเข้าร่างกายโดยการดื่ม ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพในการเยียวยารักษาเพิ่มมากขึ้น

ในบริเวณซานาเกะออนเซ็น มีโรงแรมให้บริการเพียงหนึ่งเดียวคือ Hotel Kinsenkaku ที่มีห้องพักเพียง 14 ห้อง รวมถึงลูกค้าสามารถเข้าใช้บริการออนเซ็นกลางแจ้งแบบส่วนตัวได้ฟรี 1 ครั้งต่อการเข้าพัก และมีอาคารแยกสำหรับใช้บริการบ่อน้ำพุร้อนระหว่างวันสำหรับนักท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับด้วย

  • ค่าห้องพัก: สำหรับห้องพักคู่ รวมอาหาร 2 มื้อ ห้อง Casual เริ่มต้น 29,260 เยนต่อคน, กรณีพักเดี่ยว รวมอาหาร 2 มื้อ ห้อง Deluxe เริ่มต้น 44,000 เยนต่อคน, ห้อง Luxury เริ่มต้น 49,500 เยนต่อคน
  • การเดินทาง จากสถานี Josui ขึ้นรถแท๊กซี่ 20 นาที หรือถ้าใครมาเที่ยว Ghibli Park มีรถชัตเทิลบัสรับส่งฟรี จากสถานี Ai-Chikyuhaku-Kinen-Koen
  • เว็บไซต์
  • เว็บไซต์โรงแรม
  • พิกัด

สำหรับห้องพักมีให้เลือกหลายสไตล์ อาทิ Suite, Luxury, Deluxe, Standard, Casual ครั้งนี้เราเลือกพักห้อง Deluxe ญี่ปุ่นดั้งเดิมผสานความเป็นโมเดิร์น แบ่งสัดส่วนห้องนั่งเล่นที่เป็นเสื่อทาทามิ ห้องนอนเป็นเตียง และห้องน้ำไว้อย่างลงตัว ภายในห้องกว้างขวางและเพิ่งได้รับการรีโนเวทใหม่ แค่ห้องนี้ก็พักสบายมากๆแล้ว

มีบ่อแช่ออนเซ็นขนาดใหญ่ที่สามารถเข้าใช้บริการได้โดยไม่ต้องจอง ออนเซ็นแบบไปเช้าเย็นกลับ และบ่อออนเซ็นส่วนตัวอีก 3 ห้อง ซึ่งสามารถจองห้องและเลือกเวลาที่ต้องการใช้ได้จากจอโทรทัศน์ในห้องพัก

อาหารของที่นี่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นตามฤดูกาล รวมถึงใช้น้ำออนเซ็นเป็นส่วนผสมในการปรุง มีคุณค่าสารอาหารครบถ้วน ทานแล้วสุขภาพดี มีหน้าตาสวยงาม ที่เป็นความตั้งใจอยากให้เราถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก และที่สำคัญรสชาติอร่อย ทานง่าย ถูกปากแน่นอน ถ้าใครเข้าพักที่นี่ จะได้ทานทั้งมื้อเย็นแบบไคเซกิ และมื้อเช้าแบบอาหารเซ็ต

รอบๆอาคารมีเส้นทางเดินเล่นไปยังทะเลสาบซุสุกะทะคิ รวมถึงพาวเวอร์สปอตอย่างศาลเจ้าฟุโดะเมียวโอะ และน้ำตกซุสุกะทะคิ

AichiAutumnChubuFeaturedGhibli ParkKinsenkakuSanage onsenStudio GhiblitiewyeepoonToyotaจิบลิซานาเกะออนเซ็นฤดูใบไม้ร่วงสตูดิโอจิบลิเที่ยวญี่ปุ่นเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองเที่ยวญี่ปุ่นดอทคอมโตโยต้าโทโทโร่ใบไม้เปลี่ยนสีไอจิ