ตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมเป็นต้นไป ภูมิภาคโทโฮคุจะเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเต็มที่ ที่ได้ชื่อว่าเป็น Snow Country เนื่องจากเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่มีหิมะตกหนักมากที่สุดของญี่ปุ่น จึงทำให้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีทิวทัศน์สวยงามเมื่อหิมะปกคลุม เทศกาลหิมะที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ รวมถึงกิจกรรมหนาวๆที่ร่วมสนุกได้ในเฉพาะฤดูนี้เท่านั้น
ครั้งนี้เราได้คัดเลือกจุดที่เชื่อว่าเป็นทั้งมุมถ่ายรูปสวยๆเรียกไลค์ และสร้างความประทับใจให้กับทุกคนได้มาให้ชมกัน และยังกิจกรรมน่าสนใจที่ต้องไปโดนกันให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เที่ยวญี่ปุ่นมือใหม่หรือมือเก๋าที่คุ้นเคยกับหลากหลายพื้นที่ที่อยากมาซ้ำ จะหนาวนี้หรือหนาวไหน วางแผนไปโทโฮคุเมื่อไหร่ ได้ดูลิสต์นี้แล้ววางแผนมาเที่ยวโทโฮคุในช่วงหน้าหนาวกันเถอะ
1. สะพานซึรุโนะไม | จังหวัดอะโอโมริ
สะพานซึรุโนะไม (Tsuru no Maihashi Bridge) สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1994 ตั้งอยู่ที่เมืองซึรุตะ (Tsuruta) จังหวัดอาโอโมริ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น มีความยาว 300 เมตร ทอดตัวข้ามทะเลสาบซึงะรุฟุจิมิ (Tsugaru Fujimi Lake) ที่สะท้อนภาพของภูเขาอิวากิ (Mount Iwaki) และยังล้อมรอบไปด้วยต้นไม้และอากาศอันบริสุทธิ์ ไม่ใช่เป็นเพียงจุดชมวิวเท่านั้น ที่นี่ยังเป็นพาวเวอร์สปอตที่ให้พรเรื่องโชคลาภ การแต่งงาน และอายุยืนยาวอีกด้วย
ตัวสะพานทำจากไม้สนญี่ปุ่นอายุกว่า 150 ปี มากกว่า 700 ต้น ถ้าลองมองจากไกลๆจะเห็นว่ารูปทรงของสะพานมีลักษณะโค้งเหมือนนกกระเรียนกำลังกระพือปีก ราวกับกำลังบินผ่านทะสาบ
นกกระเรียนเป็นสัตว์มงคลของประเทศญี่ปุ่นและเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองซึรุตะ (คำว่า ซึรุ, Tsuru, 鶴 ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่านกกระเรียน) จะเห็นสัญลักษณ์รูปนกกระเรียนตามที่ต่างๆ รอบเมือง ไม่ว่าจะเป็นในสถานีรถไฟ รูปปั้น เสาไฟ และฝาท่อระบายน้ำบนพื้นอีกด้วย
ในฤดูหนาวถึงแม้สะพานจะปิดไม่ให้เดินข้าม แต่ยังสามารถชมทิวทัศน์อันสวยงามจากจุดที่ห่างออกไปอีกเล็กน้อยได้ ภาพของเงาของสะพานและภูเขาที่มีหิมะสีขาวปกคลุมสะท้อนบนผิวน้ำในทะเลสาบมีความสวยงามเป็นอย่างมาก และหาชมได้แค่ในฤดูนี้เท่านั้น เรียกได้ว่าต้องมาเช็กอินถ่ายรูปที่นี่สักครั้ง รับรองว่าใครเห็นก็ต้องร้องว้าว
ค่าเข้าชม: ไม่มี
เวลาทำการ: เปิดตลอดเวลา (หากมีลมพัดแรงอาจจำกัดการข้าม)
การเดินทาง: จากสถานี Mutsu Tsuruta นั่งแท็กซี่ ใช้เวลา 10 นาที (ราคาประมาณ 2,000 เยน)
เว็บไซต์
2. รถไฟสายซันริคุ และ พิพิธภัณฑ์อำพัน | จังหวัดอิวาเตะ
นั่งรถไฟโคทัตสึไปทำเครื่องประดับอำพันของตัวเองกันเถอะ! ที่ญี่ปุ่นมีอุปกรณ์ให้ความอบอุ่นในหน้าหนาวคือ “โต๊ะโคทัตสึ” ที่จังหวัดอิวาเตะยังมี “รถไฟโคทัตสึ” ให้บริการที่สามารถโดยสารในโต๊ะโคทัตสึให้อุ่นแบบฟินๆกันอีกด้วย
ภายในรถไฟจะเปลี่ยนที่นั่งเป็นโต๊ะโคทัตสึ ให้ความอบอุ่นขณะนั่งชมวิวเมืองอิวาเตะผ่านหน้าต่างรถไฟซันริทสึ พร้อมกับรับประทานอาหารทะเลสดๆ รถไฟจะมีการหยุดขบวนที่จุดชมวิวกลางสะพาน ให้ได้สัมผัสทิวทัศน์มหาสมุทรแปซิฟิคกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เป็นการโดยสารรถไฟในหน้าหนาวของโทโฮคุที่จะได้สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้อย่างเต็มที่
อีกหนึ่งไฮไลท์ของรถไฟขบวนนี้คือ จะมี Namomi หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Namahage ซึ่งเป็นผู้รับใช้เทพ ปรากฏตัวออกมาในรถไฟ เพื่อขับไล่คนเกียจคร้าน ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องร้องว้าวออกมาด้วยความตกตะลึงกับความยิ่งใหญ่นี้
การโดยสารรถไฟท่องเที่ยวนั้นเป็นเป้าหมายหลัก แต่ ณ สถานีออกตัวของรถไฟทางทิศเหนือเป็นที่ตั้งของเมืองคุจิ (Kuji) ซึ่งเป็นแหล่งผลิตอำพัน และเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์อำพันหนึ่งเดียวในประเทศญี่ปุ่นที่สามารถไปสัมผัส “ไทม์แคปซูลอำพันโบราณ” และทำเครื่องประดับอำพันจากหินล้ำค่าโบราณที่เป็นของเราคนเดียวเก็บไว้เป็นที่ระลึกประจำทริปนี้กันได้ด้วย
การเดินทางไปยังพิพิธภัณฑ์อำพัน: จากสถานี Kuji นั่งแท็กซี่ประมาณ 10 นาที
ช่วงเวลาวิ่งของรถไฟโคทัตสึ: กลางเดือนธันวาคม – ปลายเดือนมีนาคม
เว็บไซต์การรถไฟซันริคุ | เว็บไซต์พิพิธภัณฑ์อำพัน
3. เทศกาลนามะฮาเกะเซโดะ | จังหวัดอาคิตะ
เทศกาลนามาฮาเกะเซโดะ (Namahage Sedo Festival) เป็น 1 ใน 5 เทศกาลหิมะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภูมิภาคโทโฮคุ ได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมพื้นบ้านล้ำค่า และเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของยูเนสโก ผสมผสานพิธีทางศาสนาชินโต “เทศกาลแห่งไฟ” ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 900 ปี (จัดขึ้นในวันที่ 3 มกราคม) กับเทศกาลพื้นบ้าน “นามาฮาเกะ” เข้าด้วยกัน
นามาฮาเกะเป็นร่างอวตารของเทพสวมหน้ากากและชุดฟางที่ลงมาเตือนมนุษย์ไม่ให้เกียจคร้าน และช่วยปัดเป่าความโชคร้ายและสิ่งไม่ดี ในงานเทศกาลจะมีการแต่งกายสวมร่างเป็นนามาฮาเกะ สืบสานและอนุรักษ์ประเพณีดั้งเดิม มีการเต้นรำและตีกลองไทโกะ การลงจากยอดเขา ไปจนถึงการแจกโมจิ เพื่อขอพรให้มีสุขภาพดี เก็บเกี่ยวผลผลิตดี และจับปลาได้ดี
จุดที่น่าสนใจในงานคือการได้เห็นผู้คนสวมหน้ากากนามาฮาเกะหลายรูปแบบหลากสีสัน และไฮไลท์ช่วงสุดท้ายของเทศกาลที่ไม่ควรพลาดชมคือ การชมลีลาการตีกลองไทโกะของนามาฮาเกะ ซึ่งนามาฮาเกะจะสะบัดผมขยับร่างกายอย่างทรงพลัง
จัดว่าเป็นเทศกาลที่ดึงดูดความสนใจจากทั้งชาวญี่ปุ่นและชาวต่างชาติที่ควรมาสัมผัสความประทับใจด้วยตัวเองสักครั้ง เทศกาลนี้จะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 2 ของเดือนกุมภาพันธ์ ต่อเนื่อง 3 วันไปจนถึงวันอาทิตย์ หากคุณชื่นชอบทิวทัศน์ของฤดูหนาว แนะนำให้มาอบอุ่นร่างกายด้วยนาเบะย่างหินร้อนของเมืองโอกะ
การเดินทาง: นั่งแท็กซี่จากสถานี Oga ใช้เวลา 20 นาที ราคา 5,100 เยน หรือ รถชัตเติลนามาฮาเกะที่ต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งวัน (แชร์แท็กซี่) หรือ รถบัสโดยสารเฉพาะช่วงเทศกาล ใช้เวลา 30 นาที ราคา 1,000 เยน
เว็บไซต์
4. สุมิคาวะสโนว์พาร์ค | จังหวัดมิยางิ
สุมิคาวะสโนว์พาร์ค (Sumikawa Snow Park) เป็นสกีรีสอร์ตที่สูงที่สุดของจังหวัดมิยางิ ตั้งอยู่บนความสูง 1,100 เมตรบริเวณยอดเขากัตตะของทิวเขาซะโอ มีลานสกีที่เหมาะกับผู้เล่นสกีทุกระดับตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงระดับสูง และยังมีศิลปะจากธรรมชาติซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่หาได้ยากของโลก นั่นก็คือน้ำแข็งปกคลุมยอดต้นไม้ที่คนญี่ปุ่นเรียกกันว่า จุเฮียว
เทือกเขาซะโอที่ทอดยาวข้ามจังหวัดมิยางิและจังหวัดยามากาตะนั้นมีสภาพภูมิอากาศและผืนป่าที่มีความพิเศษ จึงก่อกำเนิดปรากฎการณ์ “จุเฮียว” หรือ “Snow Monster” ปีศาจหิมะจากน้ำแข็งนี้สูงตระหง่านเกือบ 5 เมตร ตั้งเรียงรายจากยอดเขาถึงพื้นภูเขา ที่เกิดจากหิมะและน้ำแข็งทับถมต้นไม้ ซึ่งมีรูปร่างที่แตกต่างกันไป เป็นความงดงามและทรงพลังของธรรมชาติ
ทัวร์ชมจุเฮียวโดยรถไต่หิมะติดเครื่องทำความร้อนที่เรียกว่า “Wild Monster” ก็เป็นที่นิยมอย่างมาก ทิวทัศน์จุเฮียวที่ตั้งเรียงรายและทุ่งหิมะขาวทอดยาวที่ได้เห็นหลังลงจากรถ เป็นภาพแห่งความประทับใจทันทีเพียงแวบแรกที่ได้เห็น
การเดินทาง: จากสถานี Sendai มีจำหน่ายแพ็คเกจตั๋วพร้อมรถรับส่ง
เวลาทำการ: 9.00–16.00 น. (ธ.ค.-เม.ย.)
ค่าเข้าชม: 1-day pass สำหรับผู้ใหญ่ 3,500 เยน
เวลาเดินรถไต่หิมะ: ออกเวลา 11.00 และ 13.30 (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.)
ค่าโดยสารรถไต่หิมะ: ผู้ใหญ่ 5,000-10,000 เยน เด็ก 4,000-6,000 เยน (ราคาแตกต่างตามวันและคลาส)
เว็บไซต์
5. กินซังออนเซ็น | จังหวัดยามากาตะ
กินซังออนเซ็น (Ginzan Onsen) หนึ่งในแลนด์มาร์กของโทโฮคุที่หลายๆคนคุ้นตา ตั้งอยู่ในเมืองโอบานาซาวะ จ.ยามากาตะเป็นหมู่บ้านน้ำพุร้อนเล็กๆกลางหุบเขา ราว 400 ปีก่อนเป็น 1 ใน 3 เหมืองแร่ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ภายหลังจากที่ปิดเหมืองไปในยุคไทโช (ค.ศ.1912-16) จึงทำการก่อสร้างแหล่งน้ำพุร้อนคุณภาพดีให้เป็นหมู่บ้านออนเซ็น
อาคารไม้โบราณ 3 ชั้นและ 4 ชั้นที่เป็นเรียวกังตั้งเรียงรายอย่างสวยงามราวกับย้อนยุคไปในวันวาน ตั้งอยู่สองข้างแม่น้ำกินซังซึ่งเป็นแม่น้ำที่พาดผ่านกลางหมู่บ้าน มีสะพานที่เชื่อมเรียวกังสองฝั่ง และด้วยถนนที่เล็กและแคบจึงถูกจัดให้เป็นเขตเดินเท้าเท่านั้น
เดินชมเมืองผ่านอาคารไม้โบราณที่เป็นทั้งเรียวกัง ร้านค้า คาเฟ่น่านั่ง ก็ได้บรรยากาศรื่นรมย์ ด้านในสุดของหมู่บ้านมีน้ำตกชิโรงะเนะที่มีความสูง 22 เมตร ไม่ว่าจะยืนตรงมุมไหนก็เป็นจุดถ่ายรูปที่สวยงาม ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมบรรยากาศของสถานที่แห่งนี้นับแสนคน อีกทั้งหมู่บ้านแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ถ่ายทำหนังเรื่องโอชินอีกด้วย แฟนหนังตัวจริงต้องมาตามรอยกันให้ได้
ในหน้าหนาวตอนกลางวันจะได้เห็นเมืองออนเซ็นที่มีหิมะทับถม เมื่อดวงตะวันลับฟ้าแสงจากโคมไฟและหน้าต่างเรียวกังก็จะถูกจุดให้ส่องสว่างเป็นบรรยากาศเงียบสงบและโรแมนติก จะได้เห็นภาพอันสวยงามสว่างไสวของโคมไฟในเมืองออนเซ็นที่ปกคลุมด้วยหิมะ เป็นทิวทัศน์ 2 แบบที่สามารถเห็นได้แค่ช่วงเวลานี้เท่านั้น
การเดินทาง: จากสถานี Oishida โดยสารรถบัสด้านหน้าสถานี ลงสุดสายที่ Ginzan Onsen ใช้เวลา 40 นาที
เว็บไซต์
6. กิจกรรมตกปลาใต้น้ำแข็ง | จังหวัดฟุคุชิมะ
สวมบทเป็นนักตกปลาญี่ปุ่นเปิดประสบการณ์ ตกปลาวาคาซากิใต้น้ำแข็ง (Wakasagi Fishing) ที่ทะเลสาบฮิบาระ (Hibara Lake) ที่ตั้งอยู่บนที่ราบสูงบนระดับความสูง 800 เมตร โอบล้อมด้วยเทือกเขาบันได (Bandai Mount) ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับตกปลาวาคาซากิในภูมิภาคโทโฮคุ
ทะเลสาบแห่งนี้มีความลึก 30 เมตร เส้นรอบวง 30 กิโลเมตร ในฤดูหนาวเหนือผิวทะเลสาบที่กลายเป็นน้ำแข็งจะมีเต็นท์ของนักตกปลาวาคาซากิหลากสีสันตั้งเรียงราย แม้จะเป็นผู้ที่ไม่มีประสบการณ์และไม่มีอุปกรณ์ใดๆ ก็สามารถเดินทางได้ด้วยสโนว์โมบิลที่ไปรับส่งจากโดมเต็นท์จนถึงผิวทะเลสาบที่เยือกแข็ง
สนุกสนานกับการตกปลาวาคาซากิท่ามกลางความอบอุ่นได้เลยทันทีที่ไปถึง จะตกได้หรือไม่ได้นั้นขึ้นอยู่กับอารมณ์ของปลาวาคาซากิด้วย บทจะจับได้ขึ้นมาก็ได้เป็นสิบตัว แต่คนที่นั่งทั้งชั่วโมงจับได้แค่ตัวเดียวก็มี เหมือนเล่นเกมเสี่ยงดวง จะแข่งกับเพื่อนก็สนุกไปอีกแบบ และการได้กินเทมปุระปลาวาคาซากิทอดกรอบที่ตกมาได้ด้วยตัวเองก็อร่อยสุดๆ ไปเลย
*กิจกรรมตกปลาวาคาซากิจากหลุมน้ำแข็งสามารถไปได้ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมกราคม – ต้นเดือนมีนาคม
การเดินทาง : จากสถานี JR Inawashiro นั่งรถบัสไป Urabandai ประมาณ 30 นาที
เวลาทำการ : มีแบบ คอร์สครึ่งวัน และคอร์สเต็มวัน
ค่าใช้จ่าย : มีราคาสำหรับเด็ก และราคาสำหรับผู้ใหญ่ *ราคาแตกต่างกันแล้วแต่บริษัท โปรดตรวจสอบทางเว็บไซต์
เว็บไซต์
7. กาล่ายูซาวะสโนว์รีสอร์ต | จังหวัดนีงะตะ
GALA YUZAWA Snow Resort ตั้งอยู่ในจังหวัดนีงาตะ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีหิมะตกปริมาณมากของญี่ปุ่น เป็นสกีรีสอร์ทแห่งเดียวในประเทศญี่ปุ่นที่เชื่อมต่อกับสถานีชินคันเซ็นเดินทางไปง่ายจากโตเกียวใช้เวลารวดเร็วสุดเพียง 1 ชั่วโมง 14 นาที สามารถเดินทางเช้า-เย็นกลับได้
มีลานสกีให้บริการถึง 16 แห่ง แบ่งออกเป็น 3 โซน สำหรับผู้เล่นระดับโปรไปจนถึงนักสกีมือใหม่ และกิจกรรมหิมะมากมายในกาล่า สำหรับคนเล่นสกีไม่เป็น เช่น นั่งสโนว์โมบิลชมวิว, ถาดเลื่อนหิมะ, ทัวร์เดินชมวิวด้วยรองเท้าเดินหิมะโบราณคันจิกิ และจุดถ่ายรูปที่หอคอย Bell of Love
ภายในรีสอร์ทมีโรงแรมให้บริการ สามารถสวมชุดกิโมโนได้ฟรี และมีบ่อน้ำพุร้อนให้แช่ดับความหนาวอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวไทย เช่น ป้ายบอกทางต่างๆเป็นภาษาไทย กิจกรรมเรียนสกีและสโนบอร์ดด้วยภาษาไทย โดยมีครูคนญี่ปุ่นและมีล่ามไทยคอยแปล GALA Yuzawa มีพนักงานคนไทยที่เป็นพนักงานประจำ รวมถึงอุปกรณ์ที่มีบริการให้เช่าอย่างครบครัน
ไม่ว่าใครที่เคยมาแล้วต่างก็อยากมาซ้ำอีกรอบด้วยบรรยากาศที่สวยงามกับหิมะสีขาวเนื้อละเอียดน่าเล่น รวมถึงบริการอันน่าประทับใจ จะมาเป็นครอบครัวหรือคู่รักก็รับรองว่าได้ความสนุกสุดฟินกลับไปพร้อมกับรูปสวยๆแน่นอน
เวลาทำการ: ช่วงฤดูหนาว 8:00 – 17:00 น.
การเดินทาง: จากสถานี Tokyo โดยสารรถไฟ Jo’etsu Shinkansen ลงที่สถานี GALA Yuzawa ใช้เวลาสั้นที่สุดเพียง 1 ชั่วโมง 14 นาที
เว็บไซต์
8. ฝาท่อโปเกมอน | จังหวัดมิยางิ
แฟนโปเกมอนตัวจริงต้องห้ามพลาดกับการตามรอยหา ฝาท่อโปเกมอน (Pokemon Manhole) ของโปรเจค Poké Lids เป็นแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศญี่ปุ่นโดยใช้คาแรคเตอร์จากเรื่องโปเกมอนเป็นจุดดึงดูด
เชื่อว่าหลายคนคงเคยเห็นรูปฝาท่อโปเกมอนสุดน่ารักผ่านเฟซบุ๊คกันอยู่แล้ว ซึ่งฝาท่อโปเกมอนนี้ ปรากฏตัวครั้งเเรกเมื่อเดือนธันวาคม ค.ศ. 2018 ที่เมืองอิบุสุกิ (Ibusuki) จังหวัดคาโกชิมะ และปัจจุบันติดตั้งฝาท่อไปแล้วทั้งหมด 221 ชิ้นใน 22 จังหวัดทั่วประเทศญี่ปุ่น โดยแต่ละฝามีลวดลายและดีไซน์ไม่ซ้ำกันอันถ่ายทอดเสน่ห์เฉพาะตัวของเมืองนั้นๆ
ภายในในจังหวัดมิยางินั้น ได้ติดตั้งฝาท่อโปเกมอนลาย Lapras โปเกมอนสุดโปรดของหลายๆ คนไว้ตามจุดต่างๆ รวมทั้งสิ้น 35 จุด เดินเพลินๆก็อาจจะเจอได้ หรือใครอยากตามล่าถ่ายฝาอวดความเป็นโปเกมอนเทรนเนอร์ให้โลกรู้ ต้องตามถ่ายให้ครบทุกจุด!
นับว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมสานฝันของเหล่าแฟนๆโปเกมอนและเด็กๆทั้งหลายที่สามารถเพลิดเพลินไปกับการเดินตามหาเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายในช่วงฤดูหนาว