[Everyday is honeymoon day] แดดอ่อนๆ ในฤดูร้อนตอนนั้น ที่คันไซ

Story & Photo by Everyday is honeymoon day

ถ้าเปรียบฤดูกาล เป็นเหมือนความสัมพันธ์ของมนุษย์
ฤดูร้อน สำหรับเรา ก็คงเป็นเหมือนเพื่อนสนิท
ที่ปีๆ นึง เจอกันบ่อยมากกกก  สุข ทุกข์  เหงา เศร้า แดดก็อยู่เคียงข้างเราอยู่เสมอ
การที่ประเทศไทยของเราผูกพันกับแดดและฤดูร้อนแบบนี้
มันจึงทำให้ ฤดูหนาว หิมะ หรืออากาศเย็นๆ เปรียบเสมือนความสัมพันธ์แบบคนแอบรัก
ถ้ามีโอกาสสักครั้ง ใครๆก็อยากไปสัมผัสบรรยากาศเย็นๆ ให้หัวใจได้ชุ่มชื่นซักครั้ง
ยิ่งพอพูดถึงประเทศญี่ปุ่นแล้ว ทุกคนแทบจะเทใจไปที่
สีขาวแห่งหิมะในฤดูหนาว
สีชมพูของดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิ
หรือสีแดง สีเหลือง สีส้ม ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีแห่งฤดูใบไม้ร่วง
สีเขียวๆสดๆ ของฤดูร้อนในญี่ปุ่น จึงไม่ค่อยโด่งดังมากเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับช่วงเหล่านั้น

*********************************************************

แล้วมันก็เหมือนโชคชะตานำพา หรือ ผีผลักก็ตามที
แอดมินเอไปเล่นเกมส์กับทาง เพจ “เที่ยวญี่ปุ่นดอทคอม” 
แล้วจะด้วยดวงหรือความสามารถที่มีอยู่บ้าง (ขอคุยอวยตัวเองนิดนึง 55)
เลยได้รางวัลเป็นตั๋วเครื่องบินจากทาง ” Thai AirAsiaX “  ดอนเมือง-โอซาก้า มา 1 ใบ
ได้ไปเที่ยวภูมภาคคันไซ ในช่วงฤดูร้อน (เดินทางก่อน 30 ก.ย.60)
ซึ่งในช่วงฤดู Lite Season แบบนี้ทาง ThaiAirAsiaX  ก็จะจัดโปรโมชั่นราคาถูกในทุกๆปี
แอดมินเอ เลยสอยตั๋วเครื่องบินให้แอดมินแพร ติดตามไปเที่ยวครั้งนี้ด้วย
ในราคาแค่ 6XXX บาทเท่านั้นเอง ใครชอบไปเที่ยวราคาประหยัด
ก็คอยจับตาดูตั๋วเครื่องบินราคาถูกๆ ได้ครับที่ >>>  AirAsia

ด้วยความที่เราสองคน ก็เคยไปญี่ปุ่นอยู่หลายครั้ง
แต่สำหรับภูมิภาคคันไซ และฤดูร้อนๆ แบบนี้
ก็ดูจะเป็นอะไรที่ใช่สำหรับเราสองคนมากๆ
เลยคิดกันว่า ครั้งนี้ อยากจะลองใส่ชุดยูกาตะ เที่ยวในเมืองเก่าอย่าง เกียวโต
เลยวางแผนอยู่เกียวโตกันนานสุด และก็หอบชุดยูกาตะและพร้อบต่างๆ ไปจากเมืองไทยเลย
เพื่อความประหยัด
เมื่อใจพร้อม กายพร้อม (ตังค์อาจไม่ค่อยพร้อมบ้าง 555)
แต่ก็ได้เวลาเดินทางกันแล้วครับผม

*********************************************************

เที่ยวบิน ดอนเมือง-โอซาก้า ของ Thai AirAsiaX ออกเดินทางเวลา 14.15
ถึงสนามบินคันไซ ก็ราว 22.00
เราทำการ Check in มาจากบ้านแล้ว ก็ไปเข้าช่อง โหลดกระเป๋าเลย แถวก็จะสั้นๆ หน่อย อิอิ

และแล้วก็ได้เวลาขึ้นเครื่องครับ เราจองที่นั่งโซนเงียบ
เพราะอยากจะได้บรรยากาศสงบๆ จริงๆ  จะได้งีบเอาแรงสักหน่อย
เพราะว่ก่อนจะเดินทางมา เราทำงานกันหนักหน่วง ไม่เวลาเก็บกระเป๋าเลย
กว่าจะได้นอนก็ดึก เลยต้องเก็บแรง ไม่งั้นไม่ไหว

เราไม่ได้ทานอาหารกลางวันกันมา มีแค่ขนมรองท้องจากเลาจน์ เพราะเราสั่งอาหารล่วงหน้ามาทานบนเครื่องแล้ว แถมวันนี้เรามีเมนูในใจที่อยากจะกินมาก คือ เครปมะม่วง เมนูในตำนานของแอร์เอเชียในช่วงนี้ครับ แนะนำให้ลอง อร่อยจริงๆ

กินอิ่ม เราก็นอนหลับกันยาวเลยครับ ตื่นมาอีกทีก็ถึงสนามบินคันไซ แล้ว
ด้วยความที่ดึกมาก เราก็กลัวปัญหาเครื่องบินดีเลย์
เราก็เลยจองนอนโรงแรมใกล้สนามบิน ซึ่งเป็นโรงแรมที่ดีงามมากสำหรับเรา
ชื่อ Nikko hotel kansai airport
เดินข้ามไปทางเดียวกับ AeroPlaza ที่ที่เขานอนสนามบินกัน ก็จะไปนอนกันบริเวณนี้
แถมหน้าโรงแรมมีร้าน Lawson ด้วย ก็ฝากท้องกันยามดึกกันไปเลย
เพราะพรุ่งนี้เช้า เราจะนั่งรถไฟ Haruka ยาวไปลง เกียวโตเลย

ตื่นเช้ามาเราก็มุ่งหน้าไปเกียวโต ครับ เพราะเราจะอยู่ที่นี่ 2 วัน
สถานที่ที่แรกที่เราจะไปกัน ก็คือ “วัดทอง” (Kinkaku-ji Temple)
คือมันก็เหมือนความฝันสมัยเด็กๆ เวลาดู อิคคิวซัง
ภาพของวัดสีทองๆ ที่มีความเป็นญี่ปุ่นชัดเจน มันติดหัวเด็กวัยอย่างผม
ที่เติบโตมากับ การดูการ์ตูนอิคคิวซังที่ฉายทางช่อง 3
เห็นของจริงแล้ว ก็ฟิน เลยทีเดียว
เหมือนเห็นภาพตัวเอง ตอนเด็กๆ วิ่งเล่นอยู่แถวนี้
การ์ตูนญี่ปุ่นกับเด็กไทยนี่ มันเหมือนจับมือกันเดิน เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก
เป็นเพื่อนที่สำคัญที่สุดสิ่งหนึ่งของเราเลยก็ว่าได้
คือ ถ้าใครไปญี่ปุ่น คงไปที่นี่จนเบื่อแล้ว แต่สำหรับครั้งแรกของใครสักคน
มัน วิเศษเสมอ ครับ

สถานที่ต่อมา เราไปวัดทองแล้ว ก็ต้องไป “วัดเงิน” (Ginkaku-ji Temple)
ในช่วงฤดูร้อนแบบนี้ ถ้าอยากสัมผัส ความเขียวชอุ่มที่ชุ่มชื้นสายตา
แนะนำว่าต้องมาวัดนี้ครับ  ไหนจะทางเดินที่เงียบสงบอย่าง Philosopher’s Path
มันสวยมากๆ เลยครับ แม้จะไม่ใช่ฤดูที่พีค อย่างช่วงซากุระ หรือใบไม้เปลี่ยนสี

วันแรกเราเก็บแค่ 2 ที่พอครับ ไม่อยากเร่งรีบมาก
อากาศมันก็จะร้อนๆ หน่อยด้วย
คือมันร้อนจริงๆนะครับ ใครมาช่วงนี้ก็ต้องทำใจนิดนึง
แต่ถ้าไม่เที่ยวแน่นมาก อยู่กลางแจ้งตลอดๆ ก็โอเคอยุ่ครับ
จัดโปรแกรมให้ดี ยังไงก็มีความสุขได้ แบบไม่สนใจอากาศ
พอมันร้อน เราเลยถือโอกาสไป ช้อปปิ้ง ซึ่งในช่วงฤดูร้อนแบบนี้
ร้านค้าพากันลด แลก แจก แถม ลดแบบหนักมาก แบบไม่ซื้อนี่ก็แสดงว่าใจแข็งเกินไปละ

***********************************************************
ตัดมาที่วันต่อมา เรายังคงอยู่ที่เกียวโต
ประเดิมที่แรกด้วยการตื่นเช้าตรู่มากๆ  (เพราะกลัวคนจะเยอะ) นั่นคือ
ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ  (Fushimi Inari Shrine หรือ ศาลเจ้าจิ้งจอก)
คือรู้สึกประทับใจมาก และก็ดีใจมากที่คนยังไม่เยอะ
เราเลยได้ใช้เวลาอยู่ที่นี่อย่างเต็มอิ่ม และได้เก็บภาพรัวๆ อย่างที่เราต้องการ

ไม่เกิน 09.00 น. เราก็ถอนตัวจากที่นี่ครับ เพราะมวลมหาประชาชน ทัวร์ทั้งหลาย
จะเริ่มต้นทยอยกันเข้ามาพื้นที่จนหนาแน่นมาก
ผมจึงได้เวลาถอนตัวกลับเพื่อจะเดินทางไปอีกฟากนึงของ เกียวโต
แถบ Arashiyama  โดยเราจะไปนอนห้องพักแบบ เรียวกัง ที่นั่น
ซึ่งเป็นสิ่งที่ประทับใจ สิ่งหนึ่งของทริปนี้มาก Mulan Hostel ที่เราไปพัก แบบสไตล์เรียวกัง
นอนเสื่อทาทามิ เจ้าของน่ารักและเป็นกันเองมาก

เราใช้วิธีการเดินจากโรงแรม ไปยังสถานที่ต่างๆ ที่ดูเหมือนจะไกล แต่จริงๆ ไม่ไกลมากครับ พอเดินไปได้ชิวๆ ดังนั้นสถานที่แรก เราจึงเดินผ่าน สะพานโทเง็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge) หรือบางทีเรียกว่า สะพานข้ามจันทร์ “Moon Crossing Bridge”

จุดมุ่งหมายของเราคือการไปหาของอร่อยๆ กินกันก่อนจะเดินไปป่าไผ่
อาหารขึ้นชื่อของที่นี่ จากการให้คำแนะนำของเจ้าของ Hostel
ก็คือ เต้าหู้ ครับ แนะนำร้านอร่อยให้เราเสร็จสรรพ และผมก็จำชื่อร้านไม่ได้ เพราะมัวแต่กิน
มัวแต่อร่อย แต่ฟิน สุดท้ายรู้ตัวอีกทีว่าลืมชื่อ เอาเป็นว่า เอาหน้าตาอาหารมาฝากแล้วกันครับ

กินอิ่มแล้ว ก็มุ่งหน้าสู่ ป่าไผ่ Arashiyama Bamboo Groove

คาดหวังไว้เยอะนะครับ แต่ก็ไม่ถึงขนาดอย่างที่หวัง 55
เราก็เลยใช้เวลาไม่นานมาก เพราะว่าอยากไปนั่งรถไฟสายโรแมนติคมากกว่า
Sagano Romantic Train และแน่นอนว่า “โคตรประทับใจ ชอบมาก”
คือการนั่งรถไฟที่เขาอนุรักษ์เอาไว้ ซึ่งมีความวินเทจหน่อยๆ
แล้วมันมีขบวนที่เป็น open air แบบชิลล์มาก
เป็นช่วงเวลาดีๆ จริงๆ ครับ นี่ตั้งใจว่า ถ้ามาเกียวโตอีก ขอมานั่งอีก แต่มาฤดูอื่นๆ
เพราะวิวมันสวยแตกต่างกันไปทุกฤดู

หลังจากฟินจากรถไฟแล้ว เวลาของวันนี้ก็ยังเหลือ 55
เราเลยเข้าเมืองเก่าเกียวโตอีกครั้ง เพื่อไป ย่าน Gion
แล้วก็เปลี่ยนชุดยูกาตะกันอีกชุด ใส่ให้คุ้ม

เดินเล่นย่านเมืองเก่ากันเพลิน ก็ไปช้อปปิ้งต่อเบาๆ แล้วก็เข้าที่พัก
เก็บแรง พรุ่งนี้เราจะไป โอซาก้า

************************************************

ตื่นเช้านั่งรถไฟมาโอซาก้า เราพักย่าน Abeno
เราเลยไปหากาแฟกินบน ตึก ABENO HARUKAS 
ตึกที่สูงที่สุดของ โอซาก้า

ปราสาทโอซาก้า มันกว้างมาก
เดินกันเมื่อยเลยเหมือนกันครับ
แล้วพออากาศมันร้อน มันก็เลยทำให้หมดแรงเบาๆ
แต่ไม่เป็นไรครับ น้ำแข็งไสจะเยียวยา
ก่อนจะละลายไปทั้งตัว
เราก็เลยตั้งใจว่าไปย่านชินไซบาชิ และนัมบะ ดีกว่า
เผื่อเที่ยวไปด้วย ช้อปปิ้ง หาอะไรอร่อยๆ ทานไปด้วย

แล้วต้องไปตามหาป้ายกูลิโกะ ที่ใครมาโอซาก้า
แล้วไม่ได้ถ่ายกับป้าย ก็เหมือนมาไม่ถึงเลยใช่ป่ะ
คราวนี้เลยขอเก็บ Landmark ให้ครบแล้วกัน 5555
ถ่ายทั้งกลางวัน กลางคืนเลย

หลังจากนั้นวันนี้เราก็เตร็ดเตร่ กันแถวนี้ เกือบทั้งวัน เพราะช้อปปิ้งนั่นแหล่ะ 55
ฤดุร้อน กับของเซลล์ที่ญี่ปุ่น มันสุดยอดมาก
ใครขาช้อป แนะนำให้มาฤดุร้อนเลยครับ ไม่ผิดหวังแน่ๆ
ปิดทริปวันนี้ด้วย คาเฟ่ มินเนี่ยน 
ใจจริงชอบมินเนี่ยนมากครับ หน้าตาอาหารเห็นแล้วตื่นเต้นมากๆครับ
แต่จากใจเลย รสชาติ ไม่ผ่านอ่ะ

***************************************************************

วันสุดท้ายของทริปนี้ คือ ไม่มีแผนมากเลยอ่ะ
แต่บังเอิญที่ตื่นเช้ามาก และก็ไม่รู้อะไรดลจิตดลใจ
ให้เอาแผนที่เคยตัดอย่าง นารา กลับมาสู่เส้นทางในวันนี้
น่าจะเป็นเพราะ ความน่ารักของน้องกวาง แท้ๆ

ครึ่งวันแรกเรา ลั้ลลากับน้องกวางครับ
ครึ่งวันบ่าย เรานั่งรถไฟยาวๆ ไป โกเบ
อยากไปเดินทำตัวสบายๆ ก่อนจะกลับไปทำงานหนักๆ ที่เมืองไทย
แล้วก็หาอะไรทานอร่อยๆ  แต่พอไปโกเบแล้ว
ก็ไม่ค่อยอยากกลับบ้านเลย
เหมือนเวลายังมีน้อยเกินไป อยากอยู่ค้นหาอะไรใหม่ๆ ให้มากกว่านี้
ผมสัญญาแน่ๆ ว่าต้องกลับมาเยือนภูมิภาคนี้อีกแน่ๆ ในอนาคต

การเดินทางครั้งนี้ ขอขอบคุณ เพจ เที่ยวญี่ปุ่นดอทคอม นะครับ
ที่ให้โอกาสผมได้มาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ คันไซในฤดูร้อน
ขอบคุณสายการบิน ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ที่ดูแลกันดีตลอดเส้นทาง
แล้วเจอกันใหม่ทริป ถัดๆ ไปครับ

อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ >> ที่นี่

KansaiKobeKyotonaraOsakaThai AirAsai Xtiewyeepoonคันไซซัมเมอร์นาราฤดูร้อนเกียวโตเที่ยวคันไซเที่ยวญี่ปุ่นโกเบโอซาก้าไทยแอร์เอเชียเอ๊กซ์