Saga: ขับรถเที่ยวซากะ 4 วัน 3 คืน ตอน 3 : Kashima – Tara – Ureshino

Story & Photo by Flying Whale l วาฬมีปีก

ซากะ, 4 วัน 3 คืน (ตอนที่ 3: คาชิมะ, ทาระ, อุเระชิโนะ)

ติดตามอ่านตอนที่ผ่านมาได้ที่นี่ >>  ตอน 1 : Karatsu / ตอน 2 : Yobuko – Arita – Takeo

ในตอนนี้ วาฬจะพาทุกคนขับรถเที่ยวแถบชนบทของจังหวัดซากะกันบ้างนะครับ โดยเริ่มต้นจาก เมืองคาชิมะ (Kashima) กับสถานที่ท่องเที่ยวระดับแลนด์มาร์กของจังหวัดซากะ และ เมืองทาระ (Tara) กับ อาหารพื้นเมืองที่อร่อยขั้นเทพ และหากินที่ไหนไม่ได้อีกแล้วในญี่ปุ่น ทั้ง 2 เมืองนี้ เป็นเมืองที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลอะริอะเกะ (Ariake-Kai) อันเป็นเสมือนอู่ข้าวอู่น้ำของภูมิภาคคิวชูเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ ทั้งคู่ยังอยู่ไม่ไกลจากกันมากนัก ใช้เวลาเดินทางระหว่างกันเพียงประมาณ 40 นาทีเท่านั้นเองครับผม

จากนั้นในช่วงบ่ายถึงเย็น เราจะยิงยาวกลับมาปิดท้ายกันที่ เมืองอุเระชิโนะ (Ureshino) เมืองแห่งบ่อน้ำพุร้อนที่โด่งดังแห่งหนึ่งในญี่ปุน เพราะได้รับการจัดอันดับว่าเป็น 1 ใน 3 ออนเซ็นที่ดีที่สุดสำหรับสุขภาพของผิวพรรณ และยังเป็นเมืองแห่งชาเขียวระดับคุณภาพของจังหวัดซากะอีกด้วย โดยเมืองอุเระชิโนะ ใช้เวลาเดินทางจากเมืองทาระ ประมาณ 1 ชั่วโมง ครับ

ในช่วงค่ำ สำหรับใครที่ยังมีแรงเหลือ วาฬแถมให้อีกหนึ่งที่ นั่นก็คือ ซากะ ไนท์ ออฟ ไลท์ (Saga Night of Light) ที่เปิดให้ชมอีเวนต์ โชว์ แสง สี เสียง บอกเล่าเรื่องราวของจังหวัดซากะ บนอาคารที่ว่าการจังหวัดซากะ ในตัวเมืองซากะ (ในชั้นเดียวกันมีร้านอาหารเปิดให้บริการด้วย) หากใครที่สนใจ จะต้องขับรถต่อจากเมืองอุเระชิโนะไปอีก ประมาณ 50 นาที  ซึ่งเหมาะมากๆ กับคนที่จองที่พักไว้ในตัวเมืองซากะครับ

สำหรับที่เที่ยวในวันที่ 3 มี 6 ที่หลัก ตามนี้เลยฮะ

1. ศาลเจ้ายูโทคุ อินาริ (Yutoku inari Jinja) – เมืองคาชิมะ
2. ศาลเจ้าโออุโอะ (Oouo Jinja) – เมืองทาระ
3. ข้าวหน้าเนื้อปูที่ เรียวกัง โฮโยโซ (Kanimabushi @ Hoyoso Hotel) – เมืองทาระ
4. ศูนย์ฝึกอบรมอุตสาหกรรมชา คินซะรังคัง (Kinsarankan) – เมืองอุเระชิโนะ
5. บ่อน้ำพุร้อนซีโบลด์ โนะ ยุ (Siebold no yu) – เมืองอุเระชิโนะ
6. ซากะ ไนท์ ออฟ ไลท์ (Saga Night of Light) – เมืองซากะ

ป.ล. เนื่องจากวันที่ 3 ต้องใช้เวลาในการเดินทางเปลี่ยนเมืองอยู่พอสมควรเลย ดังนั้น ใครที่จะเที่ยวตามวาฬ ต้องเผื่อเวลาสำหรับขับรถไปยังแต่ละสถานที่ ดีๆด้วยนะครับผม

1.ศาลเจ้ายูโทคุ อินาริ (Yutoku inari Jinja) พิกัด

ศาลเจ้าสุดอลังการ ติดอันดับ 1 ใน 3 ศาลเจ้าที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น “ยูโทคุอินาริ” สร้างขึ้นเพื่อบูชา “อินาริ” เทพเจ้าแห่งการกสิกรรม คนญี่ปุ่นเชื่อกันว่า พระองค์มีอำนาจดลบันดาลให้ พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ ตลอดจน การค้าขายเจริญรุ่งเรือง ไฮไลท์อยู่ที่ ธีมสีแดงล้วนของศาลเจ้า โดยเฉพาะที่ ศาลเจ้าหลัก ซึ่งตั้งอยู่บนแท่นไม้สีแดงยกพื้นสูง (คล้ายกับที่วัดคิโยมิสึเดระ หรือ วัดน้ำใส แห่งเกียวโต) และ ประตูโทริอิสีแดงจำนวนมาก ที่เรียงรายอยู่ตลอดทางเดินขึ้นเขา (คล้ายกับที่ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ แห่งเกียวโต) ไม่หมดเพียงเท่านี้ ในตัวศาลเจ้า ยังมีจุดที่น่าสนใจอีกเยอะเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น จุดชมวิวจากบริเวณอาคารส่วนใน ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันงดงามของตัวเมืองคาชิมะ และทะเลอะริอะเกะได้พร้อมกัน และ ศาลเมียวบุ (Myobu) หรือ ศาลสุนัขจิ้งจอก ผู้เป็นบริวารของเทพเจ้าอินาริ ซึ่งจะคอยจดจำคำอธิษฐานของผู้คน และนำไปย้ำเตือนกับเทพเจ้าอีกครั้ง ศาลเจ้าเมียวบุ ยังถือเป็นสถานที่ ซึ่งศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่ที่สุดในศาลเจ้ายูโทคุ อินาริ อีกด้วยนะครับ

ความสวยงามของศาลเจ้าแห่งนี้ การันตีจาก การได้รับเลือกให้เป็นโลเคชั่นนถ่ายภาพยนตร์ชื่อดังหลายเรื่อง จนเป็นที่คุ้นตาของผู้คนทั่วไปโดยเฉพาะชาวไทย สำหรับวาฬแล้ว ยูโทคุ อินาริ คือสถานที่ต้องห้ามพลาดที่สุดสำหรับทริปนี้ เรียกได้ว่า ถ้ามาเที่ยวซากะแล้วไม่ได้ไปยูโทคุ อินาริ ก็เหมือนมาไม่ถึงซากะเลยทีเดียว ดังนั้น ปักหมุดไว้เลย ต้องมาให้ได้นะคร้าบบ

มุมถ่ายรูปยอดฮิต บนสะพานข้ามไปยัง ประตูทางเข้าหลักของศาลเจ้าครับ

ภายใน ยังมีศาลเจ้าเล็กๆ ให้สักการะและขอพร อีกมากมายเลยครับ

รูปปั้นสุนัขจิ้งจอกคาบพืชพันธุ์ สัตว์บริวารแห่งเทพเจ้าอินาริ

ประตูทางเข้าหลักจากมุมสูงครับ

เหล่ามิโกะ (Miko) หรือ หญิงสาวที่ทำงานอยู่ในศาลเจ้าของศาสนาชินโต ที่มีมาตั้งแต่โบราณ

ศาลเมียวบุ (Myobu) ศาลที่เก่าแก่ที่สุดใน ยูโทคุ อินาริ

ถนนช้อปปิ้งหน้าประตูยูโทคุ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ จะกลายเป็นจุดชมซากุระที่สวยงามมากๆเลยฮะ

ทางม้าลาย หน้าทางเข้าประตูศาลเจ้าครับ ตรงนี้จะใกล้ๆกับ จุดลงรถบัส สำหรับคนที่ไม่ได้เช่ารถฮะ

2. ศาลเจ้าโออุโอะ (Oouo Jinja) พิกัด

ไฮไลท์ของศาลเจ้าเล็กๆแห่งนี้ อยู่ที่ เสาโทริอิสีแดง ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นบริเวณชายฝั่งทะเลอะริอะเกะ ห่างจากตัวศาลเจ้าประมาณ 200 เมตร เชื่อกันว่า เป็นที่สถิตของเทพเจ้าปลาแห่งท้องทะเลอะริอะเกะ ที่ได้ช่วยเหลือชาวประมงไว้ จากการประสบภัยทางทะเล ในปัจจุบัน คนพื้นเมือง จึงเชื่อกันว่า เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งนิยมมาขอพรเรื่องความรัก จากตำนานที่เทพเจ้าเคยรักษาชีวิตมนุษย์ไว้ในครั้งนั้น อันเป็นการแสดงออกถึงความรักที่ยิ่งใหญ่รูปแบบหนึ่ง อีกด้วยนะครับ

แนะนำว่า ช่วงเวลาที่สวยที่สุด คือ ตอนที่น้ำขึ้นนะครับ เพราะที่นี่มีระยะต่างของระดับน้ำในช่วงน้ำขึ้นน้ำและน้ำลงมากที่สุดถึง 6 เมตรเลยทีเดียว ถ้ามาถูกเวลาเราจะได้เห็นเสาทุกต้นลอยอยู่กลางน้ำอย่างสมบูรณ์แบบ รับรองฟินสุดๆ (น่าเสียดายที่วาฬไปช่วงน้ำลง แต่ก็สวยไปอีกแบบครับผม)

ในช่วงเวลาที่นํ้าลง มันก็จะประมาณนี้

เสากลางนํ้า ที่จริงๆแล้ว ในช่วงนํ้าขึ้น จะอยู่กลางนํ้าและสวยงามกว่านี้ครับ

3. ข้าวหน้าเนื้อปูที่ เรียวกัง โฮโยโซ (Kanimabushi @ Hoyoso Hotel) พิกัด

ปูทาเคะซะกิ (Takezaki Kani) เป็นอาหารทะเลขึ้นชื่อของเมืองทาระ โดยเฉพาะเมื่อนำมาทำเป็นเมนูยอดฮิตอย่าง ข้าวหน้าเนื้อปู (Kanimabushi) สูตรต้นตำหรับประจำท้องถิ่นด้วยแล้ว เรียกได้ว่า ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงเลยครับ ครั้งนี้ วาฬเลยจะชวนทุกคนไปชิมเมนูที่ว่ากันที่ เรียวกัง โฮโยโซ (Hoyoso) ซึ่งโด่งดังจากความสำเร็จในการรังสรรค์ข้าวหน้าเนื้อปูนี้ ให้มีความพิเศษมากขึ้นไปอีก รับรองได้ว่ารสชาติอร่อยเด็ดจนต้องอยากกลับไปกินซ้ำอีกหลายๆครั้งอย่างแน่นอนครับผ

ความพิเศษอยู่ที่ เซตข้าวหน้าเนื้อปู ที่ต้องสั่งกันทุกโต๊ะ และมีวิธีการรับประทานเพื่อให้ได้รสชาติที่แตกต่างกันถึง 4 แบบ (การกินแบบมีขั้นตอนที่พิถีพิถัน คนญี่ปุ่นเรียกว่า Omotenashi) โดยเริ่มต้นจากน้ำราดทั้ง 3 ชนิด ประกอบไปด้วย 1. Miso Kani หรือ ซอสมันปู (วาฬชอบอันนี้ที่สุด), 2. Secret Sauce ซอสสีแดงสูตรเฉพาะของทางร้าน (รสชาติหวานๆ มันๆ อร่อยดีครับ), 3. Ponzu Sauce ที่ทำจากซอสถั่วเหลืองผสมกับน้ำส้ม (รสชาติเปรี้ยวนำ) เวลากินจริงๆ ให้ตักข้าวแยกใส่ชามที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ (มีทั้งหมด 3 ใบครับ) และเริ่มชิมทีละซอส ตามลำดับเลยฮะ

เวลาทำการ: 11:30 – 16:00 น.

ที่สำคัญ เพื่อให้ได้รับรสชาติที่ไม่ผิดเพี้ยน ระหว่างเปลี่ยนชิมน้ำราดแต่ละแบบ ให้ล้างปากด้วย ไข่ตุ่นใส่เนื้อปู ที่อยู่ในเซตสักคำสองคำด้วยนะครับ หลังจากเสร็จเรื่องซอสทั้ง 3 แล้ว ก็เข้าสู่วิธีรับประทานแบบสุดท้าย โดยให้เติมน้ำซุปร้อนๆลงไปในข้าวที่เหลืออยู่ พร้อมกับโรย งา, สาหร่าย และ อะระเระ (Araremochi: ของขบเคี้ยวที่ทำจากข้าวเหนียวผสมโชยุ) คลุกเคล้าให้เข้ากัน เป็นอันจบขั้นตอนของจานหลัก ด้วยความอร่อยแบบคล่องคอนั่นเอง จากนั้นก็มาปิดท้ายจริงๆ ด้วยของหวานในเซตอย่างพุดดิ้งเนื้อนุ่มกับชีสเค้กรสชาตกลมกล่อม ที่รับประกันความฟินอีกเช่นกันครับผม

https://www.facebook.com/flyingwhalemag/videos/1889513834392992/

นอกจากร้านอาหารแล้ว เรียวกังของที่นี่ก็ยังน่ามาพักมากๆอีกด้วย ไฮไลท์อยู่ที่ บ่อแช่ออนเซ็นบนดาดฟ้า ซึ่งมีวิวด้านหน้าเป็นทะเลอะริอะเกะ ที่แสนสวยงาม โดยเฉพาะในช่วงก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ไปจนถึง ยามค่ำคืน ที่สามารถมองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าได้อย่างชัดเจนอีกด้วยครับ

ออนเซ็นบนดาดฟ้า กับ วิวทะเลอะริอะเกะ

ด้านนอกของ เรียวกัง โฮโยโซ (Hoyoso Hotel) จอดรถได้ด้านหน้าเลยคร้าบบบ

4. บ่อน้ำพุร้อนซีโบลด์ โนะ ยุ (Siebold no yu) พิกัด

บ่อออนเซ็นชื่อดังและเก่าแก่ประจำเมืองอุเระชิโนะ น้ำในบ่อแห่งนี้มาจาก อุเระชิโนะออนเซ็น ที่ได้รับการจัดอันดับว่า เป็น 1 ใน 3 ออนเซ็นเพื่อผิวสวย ที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น ตัวอาคารหลัก ยังมีดีที่สถาปัตยกรรมอันโดดเด่น และเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่สำคัญประจำจังหวัดซากะอีกด้วยครับ

ภายใน นอกจากจะมีออนเซ็นแบบแช่ทั้งตัวแล้ว ยังมี อ่างแช่เท้า ในบรรยากาศผ่อนคลายสุดๆ เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาจำกัด แต่อยากนั่งพักชิลล์ๆ และ ได้สัมผัสกับออนเซ็นที่เด่นเรื่องผิวพรรรณแห่งนี้สักครั้ง รับรองว่าตอบโจทย์ได้อย่างแน่นอนครับผม ยิ่งไปกว่านั้น เฉพาะบริเวณอ่างแช่เท้านี้ ถือเป็นสถานที่สาธารณะ จึงเปิดให้ใช้บริการได้ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง

เวลาทำการ: 6.00 – 22.00 น.

มาสคอตสุดน่ารักของอุเระชิโนะออนเซ็น

อ่างแช่เท้าซีโบลด์ เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ไปเลย

5. ศูนย์ฝึกอบรมอุตสาหกรรมชา คินซะรังคัง (Kinsarankan) พิกัด

นอกจากจะเป็นแหล่งเรียนรู้ เรื่องกระบวนการผลิตชาแล้ว ไฮไลท์ของศูนย์ฝึกอบรมแห่งนี้ ยังอยู่ที่ การเปิดให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับประสบการณ์ “ย้อมผ้าด้วยสีจากใบชา” โดยมีเจ้าหน้าที่คอยสอนวิธีการในทุกขั้นตอน เริ่มต้นตั้งแต่การต้มใบชาเก่า จากนั้นนำตะเกียบและหนังยางมามัดกับผ้าก่อนที่จะนำไปย้อมเป็นลวดลายต่างๆ จนได้มาเป็นผ้าย้อมสีจากใบชา ที่เป็นลายของเราเองผืนเดียวในโลก ติดไม้ติดมือกลับมาเป็นของที่ระลึกสุดพิเศษครับ

เวลาทำการ: 8.30 -17.00

ห้อง workshop ให้ลองย้อมผ้าจากสีใบชา

ภายในศูนย์ฝึกอบรมฯ

6. ซากะ ไนท์ ออฟ ไลท์ (Saga Night of Light) พิกัด

อีเวนต์ โชว์แสง สี เสียง ยามค่ำคืน ด้วยการฉายภาพเคลื่อนไหวไปยังแผ่นกระจกใสบนอาคารที่ว่าการจังหวัดซากะ โดยมีเนื้อหาที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ของจังหวัดซากะ ไม่ว่าจะเป็น งานเทศกาลประจำปี ไปจนถึง วิวทิวทัศน์ที่สวยงามของจังหวัด ในชั้นเดียวกันยังมีร้านอาหารเปิดให้บริการอีกด้วย เมนูเด็ดคือ ข้าวหน้าเนื้อซากะ ที่อร่อยควรค่าแก่การลองมากๆครับผม

วิวตัวเมืองซากะยามเย็น จากชั้นบนของอาคารที่ว่าการจังหวัดซากะ

หิวๆ พอดีต้องนี่เลยครับ ข้าวหน้าเนื้อซากะ จากร้าน ชิโนะ (Shino) บนอาคารที่ว่าการฯ

Flying WhaleKyushuSagaคิวชูซะงะซากะวาฬมีปีกเที่ยวคิวชูเที่ยวญี่ปุ่นเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง